Share

บทที่ 10

Author: ชอบกินหมั่นโถว
ซ่งสือเวยขึ้นเครื่องบินโดยไม่หันกลับมา ไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อจะเป็นอย่างไร

ขณะที่เครื่องบินขึ้น เธอก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ทว่าในวิลล่าริมอ่าวทะเลสาบที่ไห่เฉิง กลับมีบรรยากาศกดดันจนน่ากลัว

ผ่านไปสามชั่วโมงแล้ว ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อพาเซี่ยงหานมาที่วิลล่าริมอ่าวทะเลสาบ แต่ผ่านไปนานก็ยังไม่เห็นเงาของซ่งสือเวย

ในวิลล่ามีเพียงสัมภาระของพวกเขาทั้งสามคน แต่กลับไม่เห็นร่องรอยสัมภาระของซ่งสือเวยเลย

ลู่อวิ๋นเซินตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง ราวกับเรื่องที่ยากจะคาดเดาบางอย่างกำลังเกิดขึ้น

ฉีซื่อซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา มีสีหน้าไม่น่ามองอย่างน่าประหลาดเช่นกัน

เซี่ยงหานที่รู้เรื่องอยู่แก่ใจ กลับไม่คิดจะพูดอะไร

เมื่อเห็นทั้งสองคนยังคงเงียบ เธอก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน

“พี่เวยเวยอาจจะยังเก็บของไม่เสร็จ ทำไมพวกเราไม่ให้คนจัดของก่อนล่ะ ไม่ใช่บอกว่าเย็นนี้จะกินข้าวด้วยกันเหรอ พี่เวยเวยไม่มีทางลืมแน่นอน”

แม้ลู่อวิ๋นเซินจะพยักหน้าเห็นด้วย แต่ในใจกลับไม่สบายใจ

เขาไม่ได้ขยับตัวอยู่นาน ทว่าในใจกลับเร่งเร้าให้เขาออกไปข้างนอก

ฉีซื่อมองบนโทรศัพท์ซึ่งเป็นสีแดงเหมือนกับลู่อ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 11

    ฉีซื่อนึกย้อนทุกอย่างขึ้นมาได้ทุกความผิดปกติของซ่งสือเวยในช่วงนี้ ตอนนี้ได้ผุดขึ้นมาในใจในคราวเดียวลู่อวิ๋นเซินก็เงียบไปเช่นกันบางทีตั้งแต่หนึ่งเดือนกว่าก่อนหน้านี้ ซ่งสือเวยอาจจะวางแผนจากไปไว้แล้วหรือว่าเซี่ยงหานมีอิทธิพลต่อซ่งสือเวยมากขนาดนั้นเลย?เพิ่งนึกถึงเซี่ยงหาน ก็มีสายจากเซี่ยงหานโทรเข้ามา“อาซื่อ อวิ๋นเซิน ฉันรอพวกนายอยู่ที่ร้านอาหารแล้วนะ ตกลงกันว่าจะกินข้าวเลี้ยงฉลองกันนี่ พวกนายอยู่ไหนล่ะ?”ฉีซื่อถือโทรศัพท์ แต่ผ่านไปนานกลับไม่ได้ตอบกลับผ่านไปครู่ใหญ่ เขาจึงเพิ่งพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “เซี่ยงหาน อย่าเพิ่งเลี้ยงฉลองกันเลย ไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถอะ”ซ่งสือเวยไม่อยู่ที่นี่แล้ว การรวมตัวกินข้าวด้วยกันจะไปมีความหมายอะไร?ลู่อวิ๋นเซินเงียบตั้งแต่ต้นจนจบ เขามองไปทางโทรศัพท์ที่แตกเป็นชิ้น ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่ทันใดนั้นก็มีนายหน้าหนุ่มหน้าตาคุ้นเคยเดินนำชายสวมเสื้อคลุมสีเทาคนหนึ่งมา“คุณผู้ชาย คุณดูบ้านหลังนี้สิครับ...”นายหน้าหนุ่มเค้นสมองแนะนำข้อดีของบ้านให้ชายสวมเสื้อคลุมสีเทาเมื่อเห็นลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อ นายหน้าหนุ่มก็ยังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย“คุณลู่ คุณฉี ท

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 12

    เซี่ยงหานโทรออกด้วยความกังวลไปไม่รู้กี่สาย แต่ฉีซื่อกลับไม่รับสายเลยวิลล่าริมอ่าวทะเลสาบก็เย็นสบายเหมือนกันอยู่ที่ไหนก็ดูเหมือนจะไม่ได้มีความแตกต่างจนกระทั่งตกดึก อุณหภูมิลดลงเรื่อย ๆ และในที่สุดทั้งสองคนก็นั่งต่อไม่ไหว จึงทำได้เพียงกลับไปที่วิลล่าริมอ่าวทะเลสาบทันทีที่ประตูเปิดออก สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาก็คือเซี่ยงหานซึ่งนั่งงีบอยู่บนโซฟาวิลล่าริมอ่าวทะเลสาบมีแสงสีเหลืองนวล มองดูสลัวแต่ก็อบอุ่นทว่าลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อกลับไม่มีอารมณ์สนใจเรื่องพวกนี้“ทำไมเธอยังไม่นอนอีก?”ในน้ำเสียงของฉีซื่อมีความงัวเงีย ทั้งยังมีความหงุดหงิดอยู่เล็กน้อยเขาไม่มีอารมณ์จะมาดูแลคนป่วยสักคนอีกแล้วจริง ๆลู่อวิ๋นเซินเดินตรงไปที่ห้องของตัวเอง ทั้งยังทิ้งคำพูดเย็นชาไว้หนึ่งประโยค“ถึงเวลาก็ควรไปนอน หลังจากนี้ไม่ต้องรอพวกเราอีก”เซี่ยงหานขดตัวอยู่ในโซฟานุ่ม บนใบหน้าเต็มไปด้วยความมึนงงเขียนอยู่เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่ออ่อนโยนต่อเธอมากขนาดนั้น หรือเป็นเพราะซ่งสือเวยจากไป พวกเขาก็เลยเย็นชาแบบนี้?เซี่ยงหานก้าวเดินไปมาที่ห้องของลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อ

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 13

    เห็นฉีซื่อเดินมา ลู่อวิ๋นเซินก็รีบดับบุหรี่“มาแล้วเหรอ? ฉันช่วยนายซื้อตั๋วเครื่องบินไปเมืองหลวงที่เร็วที่สุดแล้ว พวกเราไปหาเธอกันเถอะ คนยิ่งเยอะก็ยิ่งมีหวัง”ฉีซื่อไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้มากนัก จึงรีบพยักหน้าตกลงทั้งสองคนขึ้นรถ ฉีซื่อไม่สนใจว่าความเร็วจะเกินกำหนด และขับรถสปอร์ตคันหนึ่งราวกับกำลังแข่งรถหลังจากความเร็วราวกับสายฟ้าแลบ ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อก็มาถึงสนามบิน พวกเขาไม่ได้นำข้าวของติดตัวมาด้วยเลย ในใจเหลือเพียงความคิดเดียว นั่นคือรีบไปหาซ่งสือเวยที่เมืองหลวง!พวกเขาเกรงว่าหากช้าลงอีกนิดเดียว อาจเกิดเรื่องที่ทำให้พวกเขารับไม่ได้ขึ้นมาขณะที่เครื่องบินขึ้น ท้องฟ้าก็เพิ่งสว่างในใจลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อวิตกกังวลจนไม่อาจสงบได้ขณะเดียวกัน ซ่งสือเวยซึ่งอยู่เมืองหลวงก็นอนไม่หลับทั้งคืนเธอตื่นขึ้นมาแต่งหน้าเปลี่ยนชุดตั้งแต่เช้าวันนี้เป็นวันที่เธอกับกู้ฉือหลานจะไปจดทะเบียนสมรสทว่าจนถึงตอนนี้ จำนวนครั้งที่เธอกับกู้ฉือหลานได้พบกัน ก็สามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียวแม้แต่ซ่งสือเวยก็คิดไม่ถึงว่าคู่หมั้นของเธอจะเป็นกู้ฉือหลาน!ชื่อนี้มักจะปรากฏขึ้นจากปากของเหล่าผู้อาวุโสตระกูลซ่

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 14

    ฉีซื่อยืนสับสนอยู่ที่เดิม การแสดงออกบนใบหน้าเปลี่ยนไปหลายครั้งสุดท้ายบนใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มฝืนที่ดูไม่น่ามองยิ่งกว่าร้องไห้ออกมาเขาขยับริมฝีปากหลายครั้ง จึงเพิ่งเปล่งเสียงพูดออกมาได้“เวยเวย เธอไปหานักแสดงมาจากที่ไหน? แสดงไม่ได้เรื่องเลยสักนิด อย่าหลอกพวกเราเลย”แม้จะมีแหวนกับทะเบียนสมรสชัดเจนอยู่ตรงหน้า เขาก็ยังไม่เชื่อซ่งสือเวยไม่คิดว่าจะได้เจอพวกเขาเร็วขนาดนี้เพียงแต่เธอไม่คิดจะมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาต่อตั้งนานแล้ว“เขาไม่ใช่นักแสดงที่ฉันหามาหรอก ทำให้พวกนายต้องผิดหวังแล้ว อย่างที่พวกนายเห็น ฉันแต่งงานแล้ว”เธอพูดอย่างไม่ยี่หระ ทั้งยังเปิดทะเบียนสมรสในมือ สะบัดไปมาตรงหน้าลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อกู้ฉือหลานก็โอบเอวของซ่งสือเวยอย่างใจเย็น และพยักหน้าให้พวกเขาอย่างสุภาพ“สวัสดีครับ ผมขอแนะนำตัวเองสักหน่อย ผมเป็นสามีของเวยเวย ชื่อว่ากู้ฉือหลาน”ดวงตาของเขาเป็นสีอ่อน ซึ่งเป็นสีอำพันอันงดงามแววตาที่มองลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่ออย่างสบาย ๆ แบบนี้ เหมือนเป็นการมองจากมุมที่สูงกว่าชนิดที่ไม่เห็นอยู่ในสายตารูม่านตาของลู่อวิ๋นเซินหดแคบลง ขณะที่โทสะไม่ทราบที่มาสายหนึ่งปะทุขึ้นในใจ

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 15

    ซ่งสือเวยปฏิเสธอย่างไม่ลังเล “ไม่ดี เมืองหลวงมีคุณพ่อคุณแม่และครอบครัวของฉันอยู่ ที่ไห่เฉิง...ฉันเบื่อแล้ว”ลู่อวิ๋นเซินยิ้มอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นใบหน้าก็เย็นชาลงอย่างรวดเร็ว“เวยเวย ฉันจะทำให้เธอเสียใจทีหลัง แล้วกลับมาหาพวกเรา!”“ไม่ต้องหรอก ฉันจะไม่ให้โอกาสนี้กับพวกนาย”กู้ฉือหลานขยับนิ้วมือ บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นก็ปิดปากลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อ แถมยังมัดมือมัดเท้าของพวกเขา และโยนเข้าไปในเฮลิคอปเตอร์จู่ ๆ ก็ถูกภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ เห็นฉากที่ตนเองโหดเหี้ยมแบบนี้ กู้ฉือหลานยังมีความรู้สึกประหม่าอยู่ในใจเล็กน้อย“เวยเวย เธอจะกลัวที่ฉันเป็นแบบนี้หรือเปล่า?”เขาสามารถยืนหยัดอยู่ในตระกูลกู้ได้ สิ่งที่อาศัยย่อมไม่ใช่วิธีที่นุ่มนวลเพียงแต่เขาไม่อยากแสดงด้านนี้ของตัวเองต่อหน้าซ่งสือเวยซ่งสือเวยมองใบหน้าของกู้ฉือหลาน ในขณะนั้น จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่า ระยะห่างระหว่างพวกเขาแคบลงมาเยอะมากในชั่วพริบตาเธอยิ้มพลางส่ายหน้า“จะเป็นไปได้ยังไง? จัดการแบบนี้ก็ดีแล้ว”ลดเรื่องกลุ่มใจไปสองเรื่อง แน่นอนว่าไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว ซ่งสือเวยคิดไม่ถึงว่าลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อจะตามมาในกา

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 16

    ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อเคยตกลงกัน ไม่ว่าตอนนั้นซ่งสือเวยจะเลือกใคร อีกคนหนึ่งจะต้องระงับความคิดที่ไม่ควรมีทั้งหมดไว้ในใจ และนับแต่นี้จะเป็นแค่เพื่อนธรรมดาเท่านั้นแต่พวกเขาทั้งสองคิดไม่ถึงว่าซ่งสือเวยจะไม่เลือกใครเลยเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ?ทำไมบีบบังคับแค่ครั้งเดียวจุดจบถึงเป็นแบบนี้?ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อมองอีกฝ่าย ในใจก็เกิดความขุ่นเคืองขึ้นเล็กน้อยทำไมตอนนั้นถึงคิดไอเดียแย่ ๆ แบบนี้ออกมา?แม้ว่าตอนนั้นจะเร็วขึ้นอีกนิด หรือว่าช้าลงอีกหน่อย บางทีการที่พวกเขาทั้งสามรักษามิตรภาพก่อนหน้านี้ไว้ ก็อาจจะดีกว่าตอนนี้ซึ่งพบหน้ากันได้ยากมากเป็นพิเศษเฮลิคอปเตอร์ลงจอดบนดาดฟ้าของวิลล่าริมอ่าวทะเลสาบทั้งสองถูกบอดี้การ์ดจับโยนลงมาอย่างหมดสภาพ ผ่านไปไม่นาน เฮลิคอปเตอร์ก็บินขึ้นไปอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงดังก้องจากบนดาดฟ้า เซี่ยงหานก็รีบขึ้นมาตรวจสอบดูเห็นลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อถูกมัดมือมัดเท้า ดวงตาของเซี่ยงหานก็แดงก่ำ“พวกนายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”เธอถามอย่างเป็นห่วง แถมยังช่วยแก้มัดให้ทั้งสองอย่างร้อนรนอีกลู่อวิ๋นเซินนวดข้อมือที่เขียวช้ำของตัวเองเบา ๆ ด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่ได้มองเซี่ย

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 17

    น้ำตาของเซี่ยงหานไหลไม่หยุด มือทั้งสองก็ตกลงอย่างไร้เรี่ยวแรง มองลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่ออย่างไม่เข้าใจเธอไม่เข้าใจว่าทำไมทัศนคติของพวกเขาทั้งสองที่มีต่อเธอถึงเปลี่ยนได้รวดเร็วแบบนี้?แต่ก่อน ขอแค่เธอร้องไห้ พวกเขาก็มักจะกังวลมากกว่าใครอยู่เสมอแต่ตอนนี้ พวกเขาเหลือไว้เพียงความเพิกเฉยราวกับว่าต่อให้เธอร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้งแล้ว พวกเขาต่างก็ไม่มีความสะเทือนใจเลยแม้แต่น้อยเซี่ยงหานไม่กล้าบอกการที่ยั่วยุและจงใจใส่ร้ายซ่งสือเวยที่ตัวเองทำลงไปเหล่านั้นออกมาเธอปิดปากแน่น พยายามขอร้องฉีซื่อด้วยความสิ้นหวัง“อาซื่อ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย นายเชื่อฉันได้ไหม? พี่เวยเวยช่วยเหลือฉันตั้งมากมาย ฉันยังไม่ทันได้ขอบคุณเธอเลย แล้วจะทำไม่ดีต่อเธอได้ยังไง?”“หากคนที่อยู่ในใจของพวกนายคือเธอ งั้น…งั้นฉันย้ายออกไปก็ได้…”ขณะที่พูด เซี่ยงหานก็ยังพยายามบีบน้ำตาอย่างสุดชีวิต“พี่เวยเวยไม่มีความสุขเป็นเพราะฉันเข้ามาอยู่ใช่ไหม? ก่อนหน้านี้จู่ ๆ เธอก็ไม่ชอบฉันแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นแบบนี้ด้วยหรือเปล่า...”เซี่ยงหานยังยุยงพวกเขาไม่หยุดฉีซื่อเป็นคนคุยง่ายมาโดยตลอด เธอทำได้เพียงหวังว่าเขาจะใจอ่อนต่อเธอเห

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 18

    วันรุ่งขึ้น ผลการตรวจสอบออกมาแล้วหลังจากเซี่ยงหานเข้าบริษัทที่ซ่งสือเวยอยู่ ก็จับตามองซ่งสือเวยทันทีซ่งสือเวยแต่งกายดูมีสง่าราศี การพูดจาก็สุภาพอย่างมาก แค่แวบเดียวเซี่ยงหานก็มองออกแล้วว่าเธอเป็นเด็กที่มาจากครอบครัวร่ำรวยเซี่ยงหานแค่แสร้งทำตัวน่าสงสารอยู่ต่อหน้าซ่งสือเวย และร้องไห้ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจเสียหน่อย แถมยังจ้างคนปลอมเป็นพ่อแม่โทรศัพท์มาหาหลายครั้ง ซ่งสือเวยก็ดูแลเธออย่างใจดีแล้วจนกระทั่งเซี่ยงหานติดตามซ่งสือเวย และตอนที่เห็นลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อ จึงรู้ว่าภูมิหลังครอบครัวของซ่งสือเวยดีแค่ไหนคนอย่างลู่อวิ๋นเซิน เซี่ยงหานเคยเจอแต่ในนิตยสารการเงินเท่านั้นส่วนฉีซื่อ ยิ่งเป็นนักแข่งรถที่มีชื่อเสียงของไห่เฉิง โปสเตอร์ของเขาก็ได้รับความนิยมไปทั่วไห่เฉิงอยู่ช่วงหนึ่งเซี่ยงหานอิจฉาจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว คนที่เธอทุ่มเททั้งชีวิตก็ยังเอื้อมไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าจะอยู่รอบตัวซ่งสือเวยกันหมดความรู้สึกไม่ยุติธรรมในใจอย่างรุนแรงเข้าครอบงำเธอในทันทีเซี่ยงหานพยายามทุกวิถีทางเพื่อระบายกับซ่งสือเวย เกาะติดเธอ หยิบยืมความสัมพันธ์อันดีของเธอกับลู่อวิ๋นเซินและฉีซื่อเพียงแต่เซี่ย

Latest chapter

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 29

    ลู่อวิ๋นเซินเห็นงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ของซ่งสือเวยจากรายงานข่าวทุกประเภทเขาจ้องรูปของกู้ฉือหลานในโทรศัพท์ไม่ละสายตา ความโกรธในใจพลันเดือดพล่านเป็นฝีมือของกู้ฉือหลานใช่ไหม?ต้องเป็นเขาแน่ๆ!หลังลู่อวิ๋นเซินคิดถึงจุดนี้ ก็ไม่สนใจการขัดขวางของแม่ฉีกับแม่ลู่ รีบพุ่งออกจากโรงพยาบาลไปตระกูลกู้วันนี้ถือว่าเป็นวันแรกของการแต่งงานกู้ฉือหลานแทบจะไม่ค่อยได้กอดซ่งสือเวยบนเตียงอย่างอ่อนโยนเลยแสงแดดอ่อน ๆ และอากาศบริสุทธิ์ด้านนอกหน้าต่าง ราวกับไม่น่าดึงดูดสักนิดเวลานี้เอง จู่ ๆ ก็มีเสียงกดกริ่งที่หน้าประตูอย่างรีบเร่งทำลายความเงียบสงบกู้ฉือหลานขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าใครมารบกวนพวกเขาในเวลานี้กันแน่เขาใส่ชุดนอนอย่างลวก ๆ และไปเปิดประตูประตูเพิ่งเปิดออก หมัดของลู่อวิ๋นเซินก็พุ่งผ่านสายลมเข้ามากู้ฉือหลานเอียงตัวหลบอย่างคล่องแคล่ว แถมกำหมัดของเขาไว้แน่น“นายเป็นบ้าอะไร!”ลู่อวิ๋นเซินมีรอยคล้ำใต้ตา ตรงคางยังมีตอเคราสีดำเข้มอีกนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เขาไม่ดูแลตัวเองขนาดนี้น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาสามารถควบแน่นจนกลายเป็นน้ำแข็งได้“กู้ฉือหลาน นายแย่งเวยเวยไปยังไม่พออีกเหรอ ทำไ

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 28

    ภาพฉายคำอวยพรจบลง ต่อมาก็เป็นการถ่ายถอดสดงานแต่งงานที่แท้จริงของซ่งสือเวยกับกู้ฉือหลานในขณะนี้ พวกเขาอยู่ที่ตั้งเดิมของจวนท่านอ๋องในเมืองหลวง และจัดงานแต่งงานแบบจีนเสาแกะสลักและหลังคาทาสีของจวนอ๋องล้วนแขวนผ้าไหมสีแดง เสียงซั่วน่าบรรเลงขึ้น และความสุขของการเฉลิมฉลองก็แพร่กระจายไปยังหัวใจของทุก ๆ คนภายใต้การจ้องมองของทุกคน กู้ฉือหลานสวมชุดแต่งงานแบบโบราณ ขี่ม้ารูปร่างสูงใหญ่ ส่วนด้านหลังก็ตามมาด้วยเกี้ยวเจ้าสาวหลังหนึ่งมาพร้อมกับเสียงตีกลองตีฆ้อง ขบวนแห่รับเจ้าสาวที่อยู่ด้านหลังก็โปรยเหรียญทองคำที่ถูกตีขึ้นจากทองคำบริสุทธิ์ รวมทั้งขนมหวานและลูกอมงานแต่งด้วยคนจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งเข้าไปแย่งเหรียญทองคำกับขนมหวานและลูกอม ซ้ำยังกล่าวคำอวยพรอย่างต่อเนื่องในเวลาเดียวกัน พวกแขกในคฤหาสน์ก็ได้รับเงินตำลึงจีนที่ตีขึ้นจากทองคำบริสุทธิ์ และขนมหวานกับลูกอมต่าง ๆ แล้วความหรูหราของงานแต่งในครั้งนี้ เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนตกตะลึงจนอ้าปากค้างแล้วลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อเห็นกับตาตัวเอง ว่าคนที่อยู่บนหน้าจอหยุดลงตรงปากประตูจวนอ๋องกู้ฉือหลานลงจากม้าด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว และอุ้มซ่งสือเวยออกจาก

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 27

    หากปล่อยไปทั้งแบบนี้ อย่างนั้นความรักที่พวกเขายืนหยัดมานานหลายปีขนาดนี้ ตกลงแล้วนับเป็นอะไร?ความสัมพันธ์ที่ยาวนานยี่สิบกว่าปีนี้ ตกลงมันคืออะไร?หรือว่าความรู้สึกที่ผ่านมานานหลายปี ยังเทียบไม่ได้กับคนที่เพิ่งรู้จักกันมายี่สิบกว่าวัน?เปลวเพลิงแห่งความมุ่งมั่นลุกโชนในดวงตาของลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อพวกเขาพูดกับอีกฝ่ายเป็นเสียงเดียวกันว่า “พวกเราร่วมมือกันเถอะ ต่อไปค่อยพึ่งพาความสามารถของแต่ละคน!”แทบจะไม่ต้องสื่อสาร พวกเขาก็วางแผนในสิ่งที่ตัวเองต้องทำเรียบร้อยแล้วฉีซื่อไปขอรูปถ่ายที่เหลืออยู่บางส่วนในบ้านจากแม่ฉีกับแม่ลู่ ซึ่งบันทึกเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดยี่สิบกว่าปีของพวกเขาแต่น่าเสียดาย รูปรวมที่เหลืออยู่ภายในบ้านมีไม่มาก และส่วนใหญ่ก็ถูกซ่งสือเวยเผาไปหมดแล้วรูปที่สามารถหาในบ้านได้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นรูปเดี่ยวตั้งแต่ทั้งสองยังเป็นเด็กแม้จะเป็นแบบนี้ พวกเขาก็ถือว่าพึงพอใจแล้วอย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลยส่วนลู่อวิ๋นเซินส่งคนเข้าไปในตระกูลกู้ หรือไม่ก็ซื้อตัวคนของตระกูลกู้งานแต่งจะจัดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า แต่พวกเขายังมีสิ่งที่ต้องเตรียมอีกมากซ่งสือเวยที่อยู่อีกฝั่งก็ตึ

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 26

    ดวงตาของฉีซื่อแดงก่ำทั้งสองข้าง สองมือกำหมัดแน่น พุ่งเข้าไปต่อยกู้ฉือหลานอย่างมุ่งมั่น“ทำไมถึงเป็นเขา? ฉันไม่ยอมรับหรอก เวยเวย ตราบใดที่เธอไม่อยากแต่ง ฉันก็จะพาเธอหนีงานแต่ง! พวกเราไปต่างประเทศก็ได้ หรือว่าจะกลับไห่เฉิงก็ดี ขอแค่เธอชอบ ล้วนได้ทั้งนั้น!”แต่ทว่ากู้ฉือหลานสามารถหลบหมัดของฉีซื่อได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เอียงหน้าไปเล็กน้อย และปล่อยให้หมัดของฉีซื่อเฉียดใบหน้าของเขาไปบาดแผลไม่ได้รุนแรงอะไร แต่กลับยังคงเหลือรอยแดงเอาไว้“ซี้ด...”กู้ฉือหลานกุมแก้มที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หายใจเข้าเบา ๆ และเจ็บจนใบหน้าบูดเบี้ยวแม้จะเป็นแบบนี้ แต่ความหล่อของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงซ่งสือเวยเห็นเขาได้รับบาดเจ็บก็สงสารจับใจ พยายามดึงมือของเขาเพราะอยากดูบาดแผล“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่เจ็บหรอก”กู้ฉือหลานแสร้งยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจเมื่อซ่งสือเวยเห็น กลับยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่เห็นเขาไม่ยอมปล่อยมือ ซ่งสือเวยก็เกิดความไม่พอใจต่อฉีซื่อ และถามด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า“ฉีซื่อ! ทำไมนายถึงต้องลงมือกับเขาด้วย! นายกลายเป็นคนที่หุนหันพลันแล่นและโมโหง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”คำตำหนิเช

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 25

    ซ่งสือเวยกับกู้ฉือหลานจับมือกัน และมองลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่ออย่างระวังตัวเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับสายตาแบบนี้ ในใจของฉีซื่อก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด“เวยเวย พวกเราเป็นเพื่อนรักสมัยเด็กกันนะ ทำไมเธอถึงมองฉันแบบนี้ล่ะ”ซ่งสือเวยขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่อยากคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกอย่าง ตอนแรกคนที่เลือกจะละทิ้งความสัมพันธ์หลายปีของพวกเขา ก็คือพวกเขาสองคนไม่ใช่เหรอ?เธอมองพวกเขาอย่างเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยปากอย่างสงบนิ่งว่า“ไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้กับฉัน ฉันยังต้องกลับบ้านอีก มีอะไรอยากจะพูดก็รีบพูดมาเถอะ”เมื่อได้ยิน ฉีซื่อยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่กลับถูกลู่อวิ๋นเซินขัดจังหวะเสียก่อนลู่อวิ๋นเซินยืนอยู่ตรงหน้าซ่งสือเวย ดวงตาที่เย็นยะเยือกคู่นั้นมีคำว่าดื้อรั้นเขียนไว้อยู่“เวยเวย ก่อนหน้านี้พวกเราทำไม่ถูก พวกเราไม่ได้ชอบเซี่ยงหานเลย แค่อยากจะใช้เธอเพื่อทำให้เธอหึง แล้วรู้ใจตัวเองว่าชอบใครมากกว่ากัน แต่คิดไม่ถึงว่า…”เขาเล่าถึงจุดจบของเซี่ยงหาน และเหตุผลที่ก่อนหน้านี้ทำกับซ่งสือเวยแบบนั้นตอนที่ได้ยินว่าเซี่ยงหานคิดจะมาขอให้เธอช่วย ซ่งสือเวยยังรู้สึกต่อต้านอยู่ในใจเล็กน้อยเธอไม

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 24

    กู้ฉือหลานตั้งใจส่งสัญญาณให้ลูกน้องคลายความระมัดระวังต่อลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อไม่ใช่เพราะเขาคลายความระวังตัว แต่เป็นเพราะตั้งใจให้ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อใช้โอกาสนี้เข้ามา ถึงจะสามารถทำให้เขาเตรียมตัวรับมือและระมัดระวังไว้ล่วงหน้าได้หลังลูกน้องรับคำสั่ง ก็รีบลงไปดำเนินการเวลานี้ กู้ฉือหลานยังจงใจนำข้อมูลที่ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อจะมาเมืองหลวง บอกให้พ่อซ่งและแม่ซ่งได้ทราบ“อะไรนะ? พวกเขาทำกับเวยเวยแบบนั้น แล้วยังจะอยากมาเข้าร่วมงานแต่งงานอีกเหรอ?”เมื่อแม่ซ่งได้ยินข้อมูลนี้ ก็โมโหจนทนไม่ไหวหากเป็นเมื่อก่อน เธอยังชมลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อไม่ขาดปากถึงขนาดปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนลูกเขยจริงๆ ด้วยซ้ำแต่พวกเขาไม่ควรแม้แต่จะเอาชีวิตของเวยเวยมาล้อเล่น!ตอนที่เซี่ยงหานทำร้ายเวยเวย เวยเวยจะทรมานมากแค่ไหนกัน?ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างกายกันมาตั้งแต่เล็กจนโต กลับเลือกทำสีหน้าบึ้งตึงและส่งดอกไม้ให้ผู้หญิงอีกคนแม้พวกเขาจะจงใจใช้วิธีนี้เพื่อให้เวยเวยคิดให้ชัดเจนว่าตกลงในใจรักใครกันแน่ แม่ซ่งก็ไม่อนุญาต เวลานี้ แม่ซ่งแค่รู้สึกโชคดี โชคดีที่คุณปู่ซ่งเลือกการแต่งงานที่ดีแบบนี้ให้เ

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 23

    ซ่งสือเวยลองชุดแต่งงานอยู่ จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นติดกันหลายครั้งเธอกำลังยุ่งกับการจัดปลายกระโปรง จึงไม่มีเวลาไปดูดังนั้นเธอจึงก้มหน้า รีบเอ่ยปากว่า “อาฉือ ช่วยฉันดูข้อความหน่อย”กู้ฉือหลานที่อยู่ด้านข้างสวมชุดสูทสีดำ ซึ่งขับให้รูปร่างดูสูงโปร่งยิ่งขึ้น“ได้”เขาพิงกำแพงครึ่งตัว หยิบโทรศัพท์ของซ่งสือเวยมา กดชื่อย่อและวันเกิดของเธอลงไปเพื่อปลดล็อกโทรศัพท์ตอนที่เห็นข้อความของซ่งสือเวย กู้ฉือหลานก็นิ่งเงียบไปทันที หลังจากนั้นก็อ่านออกมา“เวยเวย อวิ๋นเซินกับอาซื่อบอกว่าอยากเข้าร่วมงานแต่งของลูก ลูกลองดูว่า...ตกลงอยากจะให้พวกเขาไปไหม?”ดวงตาของเขามืดมนลง น้ำเสียงก็แฝงไปด้วยความหึงหวงเล็กน้อย “เวยเวย เธอว่าไง? อยากจะให้พวกเขามาร่วมงานแต่งงานของฉันไหม?”กู้ฉือหลานเดินเข้ามาหลายก้าว ยืนอยู่ด้านหลังซ่งสือเวย โบกมือไล่พนักงานสาวที่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และช่วยเธอจัดปลายกระโปรงด้วยตัวเองร่างสูงใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง แทบจะโอบรอบเธอเอาไว้ในอ้อมแขนนิ้วมือที่เรียวยาวและแบ่งข้อชัดเจนเคลื่อนไปตามชายกระโปรง แต่กลับเกิดความรู้สึกที่คลุมเครือขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล“อาฉือ... หรือว่า...หรือว่าอย่

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 22

    เซี่ยงหานคุกเข่าอยู่นอกวิลล่าอย่างดื้อรั้นอยู่หนึ่งวันหนึ่งคืน สุดท้ายก็ยืนหยัดไม่ไหว เป็นลมไปแล้วหลังจากฟื้นมา ข้างกายก็ไร้เงาร่างของลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อปรากฏตัวออกมาเธอยังคงอยู่ในห้องเช่าของเธอนอกห้องมีเสียงพูดคุยของพ่อเซี่ยงกับแม่เซี่ยงดังขึ้นมา“วันนี้กลับบ้านกัน จะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว เซี่ยงหานคงไม่ยอมฟังอย่างว่าง่าย เธอมีขานะ จะต้องวิ่งหนีอีกแน่ ๆ พวกเราฉวยโอกาสตอนเธอยังสลบอยู่กลับไปด้วยกันเถอะ!”แม่เซี่ยงพูดอย่างรีบร้อนพ่อเซี่ยงก็พยักหน้าเล็กน้อย พูดว่า “ได้”หลังจากนั้น ประตูถูกผลักออก เซี่ยงหานก็ดิ้นรนวิ่งออกไป ด้วยความเร็วที่สุดแม้แต่รองเท้ายังไม่ทันได้ใส่ แต่เธอไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ไปด้วยเซี่ยงหานไม่รู้ว่าควรจะไปขอร้องใครแล้ว ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อต่างก็เย็นชาขนาดนั้นในขณะที่ตื่นตะหนก จู่ ๆ เซี่ยงหานก็นึกถึงซ่งสือเวยขึ้นมา“ใช่แล้ว! เธอจิตใจดีและใจอ่อนง่ายขนาดนั้น จะต้องยกโทษให้ฉันแน่นอน!”ดังนั้นเซี่ยงหานจึงนั่งรถไฟความเร็วสูงไปเมืองหลวง และมุ่งหน้าไปหาซ่งสือเวยลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อรู้ข่าวนี้เข้า ก็รีบให้คนที่อยู่เมืองหลวงสกัดกั้นเซี่ยงหาน ไม่ให้เธอมี

  • ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ   บทที่ 21

    เสียงแหบที่ไร้ปรานีของเทศกิจทิ่มแทงหัวใจของเซี่ยงหานจนเจ็บปวดอย่างแรงเธอกระทืบเท้าไปทีหนึ่ง และตอบกลับด้วยความโมโห “พอได้แล้ว ฉันไปก็พอแล้วใช่ไหม!”เซี่ยงหานเพิ่งโทรศัพท์เรียกรถขนของมาย้ายสัมภาระของเธอไปเธอไร้ที่ไป คนขับก็เริ่มใจร้อนอยู่บ้าง ถามอยู่หลายครั้งว่าเธอต้องการจะไปที่ไหนกันแน่ผ่านไปนานมากแล้ว เธอจึงฝืนเรียกชื่อชุมชนที่เมื่อก่อนเคยอาศัยอยู่ออกไป “ไปชุมชนหลานเซียงแล้วกัน”เธอทำได้เพียงติดต่อเจ้าของคนก่อนเพื่อพูดคุยเรื่องต่อสัญญาเท่านั้นยังดีที่เพิ่งผ่านได้ไม่กี่วัน เจ้าของบ้านจึงยังไม่ทันได้ขายออกไปเซี่ยงหานเพิ่งกลับมายังชุมชนหลานเซียง สิ่งที่สะดุดตาก็คือคนแก่และเด็กครอบครัวหนึ่งที่เฝ้าอยู่หน้าประตูของชุมชนแม้คนตระกูลเซี่ยงจะสวมเสื้อผ้าล้าสมัย แต่กลับยังถือว่าสะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบอยู่เพียงแต่ในใจของเซี่ยงหานเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ทัศนคติที่มีต่อพวกเขาย่อมไม่ดีเธอยังคิดจะบอกให้คนขับเลี้ยวกลับไป แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คนขับรถมาถึงที่หมาย ก็ลงจากรถและช่วยขนสัมภาระแล้ว“เซี่ยงหาน! คืนเงินมา!”เซี่ยงหานยังไม่ทันได้ลงจากรถ พ่อเซี่ยงกับแม่เซี่ยงก็ล้อมอยู่ใก

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status