บททั้งหมดของ เบบี๋ที่รัก: บทที่ 1 - บทที่ 10

23

บทที่ 1 อยากมีลูกมาก

“แต่งงานมาก็ตั้งปีกว่าแล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าจะท้องอีกเหรอ...หืม” ฉันถูกถามประโยคนี้อีกครั้งจนได้ และคนที่ถามฉันก็ไม่ใช่ใครอื่น หม่อมแม่ของฉันนั่นเองฉันชื่อเหมือนฝัน ปีนี้อายุสามสิบเอ็ด แต่งงานกับสามีสุดหล่อที่ชื่อว่าเปรมเมื่อปีก่อน เราคบกันมาห้าปี ก่อนจะตัดสินใจแต่งงานใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน และเมื่อแต่งงานฉันก็หวังว่าจะเป็นภรรยาและแม่ที่ดีด้วย หน้าที่ภรรยานั้นฉันทำได้ดี ยกเว้นหน้าที่แม่ ที่ฉันยังไม่มีโอกาส “ยังเลยจ้ะแม่”“ผัวไม่มีน้ำยาหรือยังไง” ประโยคนี้ทำเอาคนข้างๆ ที่กำลังขับรถอยู่สะดุ้งเบาๆ เพราะฉันเปิดสปีกเกอร์โฟนให้เปรมได้ยินด้วย ว่าฉันคุยอะไรกับแม่“ก็มีอยู่นะ แม่อยากกินน้ำยาอะไร กะทิ หรือป่า เอาน้ำเงี้ยวไหม”“ไปตลกไกลๆ ลูกคนนี้นี่” ฉันถูกเอ็ดที่เล่นตลกไม่ดูเวลา ส่วนคนข้างๆ ก็เอาแต่หัวเราะชอบใจ เดี๋ยว...กลับบ้านก่อนเถอะ จะเอาให้น่วมเลยคอยดู “หนูก็แค่ไม่อยากให้แม่เครียด” ถูกต้อง…เพราะยิ่งแม่เครียดเรื่องนี้ก็ยิ่งกดดันให้ฉันรีบๆ ท้อง “แม่อยากอุ้มหลาน กลัวจะตายก่อนได้เห็นหน้า” “ไม่หรอก แม่ต้องอยู่กับหนูอีกนาน เผลอๆ นู่น ร้อยกว่าปี”“แก่ไป ขี้เกียจอยู่” คำพูดของแม่ทำเอาฉันส่ายหน้าใ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 2 ลองทำตามทฤษฎี

“ปั๋วแกแข็งแรงดี ส่วนแกก็แข็งแรงดี แล้วทำไมแกถึงยังไม่ท้อง” คิ้วสวยๆ ของปรางทิพย์เพื่อนซี้ของฉันขมวดเข้าหากันจนยุ่ง เมื่อฟังที่ฉันเล่าจบ เพราะนางเองก็ลุ้นกับฉันในทุกๆ เดือนว่าฉันจะท้องหรือไม่ท้อง “นั่นน่ะสิ” คิ้วของฉันมันพลอยขมวดตามคนข้างๆ ไปด้วย “หรือว่าปั๋วแกแอบไปไข่ทิ้งไว้กับแฟนเก่า ก็เลยไม่อยากมีลูกกับแก โอ๊ย…เจ็บ” ฉันตีต้นแขนคนพูดไปสุดแรงจนเจ้าตัวหน้านิ่ว พร้อมขยับหนีให้ห่างจากฝ่ามือพิฆาตของฉัน “ปากหรือยะนั่น เดี๋ยวเถอะ” ขณะพูดก็เงื้อมือขึ้นสูง รอตีซ้ำอีกทีสองที “ฉันก็แค่สันนิษฐานเฉยๆ” น้ำเสียงนางดูอ่อนลง ฉันทั้งขำ ทั้งเคือง ที่อยู่ๆ ก็หาว่าเปรมไปไข่ทิ้งไว้ที่อื่น “สันนิษฐานอย่างอื่นเซ่ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย”“เออๆ ถอนคำพูดก็ได้ ขอโทษ”“ให้อภัย” ฉันให้อภัยความปากไวของเพื่อนคนนี้เสมอ เพราะรู้ว่าปรางทิพย์ไม่มีอะไร คิดแบบไหนก็พูดออกมาแบบนั้น บางครั้งก็ตรงยังกับไม้บรรทัด “แล้วแกเอาไงต่ออ่ะ”“เอาไง ก็ซั่มต่อไปแบบนี้นี่แหละ มันต้องท้องสักวันสิ” นี่คืออุดมการณ์อันแน่วแน่ของฉัน มันต้องมีสักวันที่ฉันเฮดังๆ เพราะท้องสิ “นี่แสดงว่าแกมีอะไรกับเปรมทุกวันเลยเหรอ” คนถามตาโต ส่วนฉันก็แอบเ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 3 สามีสุดร้อนแรง

“ที่รักของเค้าน่ารักที่สุดเลย” ฉันยิ้มกว้าง ก่อนจะกอดและหอมแก้มสามีสุดที่รักไปทั้งซ้ายทั้งขวา ก่อนจะปิดท้ายด้วยจูบ“แต่ผมขอเริ่มคืนพรุ่งนี้นะ” พอถอนจูบออก เปรมก็รีบเอ่ย พร้อมด้วยแววตากรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ “เอ้!...เดี๋ยวสิที่รัก อย่าเพิ่ง…” เสียงคัดค้านใดๆ ของฉันมันขาดหายไป ซึ่งฉันมั่นใจว่าจะถูกแทนที่ด้วยเสียงครางในอีกไม่ช้าเปรมอุ้มฉันขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ ด้วยความที่เขาสูงร้อยแปดสิบเซนติเมตร ส่วนฉันนั้นแค่ร้อยหกสิบนิดๆ เปรมจึงดูตัวสูงใหญ่ ส่วนฉันก็ตัวเล็กไปเลยเมื่อยืนคู่กับสามี ไปไหนมาไหนด้วยกันก็มักจะมีคนชอบมอง ส่วนเปรมพอคนมองมากๆ ก็ชอบทะลึ่งด้วยการแกล้งคว้าฉันไปจูบบ้างล่ะ จับก้นฉันบ้างล่ะ“คืนนี้เปลี่ยนบรรยากาศดูไหม”“เปลี่ยนบรรยากาศ ยังไง” ฉันรู้ความหมายที่เปรมสื่อ แค่แกล้งถามทำเป็นไม่รู้บ้างเท่านั้นเอง ถ้ารู้ทันไปเสียทุกอย่าง มันก็ไม่ตื่นเต้นใช่ไหม...แฮ่ “ก็เตียงนอน โซฟา ห้องน้ำ โต๊ะกินข้าว เราใช้มันจนคุ้มแล้ว จะเหลือก็แค่…”“แค่อะไร”“สระว่ายน้ำ”“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวมีคนเห็น” พอรู้ว่าเปรมจะชวนฉันไปที่ไหน ฉันถึงกับตาโต เพราะสระว่ายน้ำมันอยู่นอกบ้าน ใครจะไปกล้า “ใครจะมาเห็น นี่มันบ้า
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 4 เขาทำให้ฉันคลั่ง

“เค้าทนไม่ไหวแล้วนะ” ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เพราะอารมณ์มันพลุ่งพล่านไปหมดแล้วในตอนนี้ ซึ่งเปรมเองก็คงรู้สึกไม่ต่างไปจากฉันสักเท่าไหร่เขาจัดการถอดกางเกงออก ตามด้วยอันเดอร์แวร์ จากนั้นก็ยืนขึ้นจนเต็มความสูง ซึ่งจุดที่เราอยู่ระดับน้ำไม่ได้ลึกมาก พอเปรมยืนสะโพกของเขาก็อยู่ในระดับเดียวกับขอบสระ ฉันเห็นท่อนเนื้อของสามีที่ตอนนี้ผงาดท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลกอย่างเต็มๆ ตาฉันจำได้แม่นว่าในวินาทีครั้งแรกที่เห็นมัน ฉันถึงกับอ้าปากค้าง ทั้งกล้าทั้งกลัวว่าร่างกายของฉันจะรับเจ้าท่อนเนื้อขนาดใหญ่นี้ได้ไหม ร่างกายฉันจะฉีกขาดหรือชำรุดอะไรหรือเปล่า แต่เปรมก็ค่อยๆ รุกล้ำเข้าสู่ตัวฉันอย่างอ่อนโยน สิ่งที่ขาดจึงเป็นเพียงเยื่อบางๆ ของพรหมจรรย์ ส่วนอย่างอื่นยังอยู่ครบ“ใหญ่ขึ้นหรือเปล่านะ” ฉันยิ้มกริ่ม ทั้งๆ ที่ขนาดของเขาก็เท่าเดิม ก่อนที่ฉันจะยื่นมือไปสัมผัส หยอกเย้ามันด้วยจังหวะมือขึ้นและลง นั่นทำให้ผู้ชายตัวโตๆ อย่างเปรมถึงกับสั่นเทาแล้วเป่าลมออกปากหนักๆ“ผมทนไม่ไหวแล้ว อืมม์…” เปรมกัดฟันบอก ก่อนที่เขาจะจับขาทั้งสองข้างของฉันให้แยกห่างออกจากกันมากขึ้น จากนั้นก็แทรกตัวเองเข้าหาฉันแบบครั้งเดียวลึกสุด ทำเอาฉันย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 5 รำลึกความหลัง

“จุ๊บอยากมาลาพี่เปรม” เธอเดินอ้อมโต๊ะทำงานแล้วมาหยุดอยู่ข้างๆ ผมที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ บ่งบอกตำแหน่งที่ค่อนข้างใหญ่โตตามหน้าที่ “อ้อ...ครับ”“เราไปหาที่เงียบๆ คุยกัน ลากันดีไหมคะ” นอกจากจะพูดเชื้อเชิญแล้ว จุ๊บยังวางมือลงบนต้นแขนผม พร้อมกับลูบมันเบาๆ “ขอโทษนะครับ พอดีพี่ไม่ค่อยสะดวก” ผมยิ้มให้เธอแล้วปฏิเสธไป นั่นทำให้เธอสลดลงไปนิดหน่อย แต่ก็ยังคงตื๊อ“ทำไมล่ะคะ หรือว่าพี่เปรมไม่ชอบจุ๊บเหมือนที่จุ๊บชอบพี่” นั่นไง ประโยคที่ผมคิดไว้ในใจก็ดังออกมาจากปากเธอจนได้ สาวน้อยนักศึกษาแอบชอบรุ่นพี่ที่ฝึกงาน หึ… “จุ๊บ! รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา”“รู้สิคะ ทำไมจะไม่รู้ จุ๊บยังรู้ด้วยว่าพี่เปรมเองก็ชอบจุ๊บ แต่ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ เพราะพี่เปรมมีเมียอยู่แล้ว นั่นยิ่งทำให้จุ๊บรักพี่เปรมขึ้นไปอีก จุ๊บยอมเป็นเมียเก็บของพี่ก็ได้นะ” สาวน้อยอธิบายเหตุผลแทนผมยาวเหยียด ซึ่งมันไม่ได้มีเค้าความจริงสักนิด และผมก็คงต้องพูดตัดบทให้เธอเลิกคิดฟุ้งซ่าน “ไร้สาระ เลิกคิดเรื่องพวกนี้เถอะ เอาเวลาไปตั้งใจเรียนดีกว่า อีกปีเดียวก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ”“แต่จุ๊บรักพี่เปรมนะคะ จุ๊บยอมเป็นของพี่โดยไม่ร้องขออะไรเลย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 6 ชดเชยให้

“อยากกินข้าว แต่ก็อยากกินที่รักด้วย ทำไงดี” ผมออดอ้อน แต่คนตรงหน้ากลับแยกเขี้ยวขาวๆ ใส่ผม มันไม่ได้น่ากลัวสักนิด ออกจะน่ารักน่าลากไปปล้ำเสียด้วยซ้ำ“อดทนค่ะ เราต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ ท่องไว้ค่ะ เพื่อลูก...เพื่อลูก”“คอยดูเถอะ ถึงสิ้นเดือนเมื่อไหร่ ผมจะขอคิดดอกให้เข็ด”“แหม…เค้าคงให้ที่รักคิดดอกฝ่ายเดียวหรอกนะคะ เพราะเค้าก็จะคิดดอกเหมือนกัน” เธอยิ้มหวานให้ผม แรกๆ ที่คบกันเหมือนฝันไม่ใช่ผู้หญิงทะลึ่ง ออกจะห้าวใส่ผมเสียด้วยซ้ำ แต่พอรู้จักกันนานขึ้นผมก็รักในตัวตนของเธอ ความทะลึ่งเล็กๆ น้อยๆ ผมมองว่าคือเสน่ห์ของผู้หญิง มันทำให้ผมตื่นเต้นกับชีวิตคู่“อ่า…อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ จัง”“ทำไมต้องทำเสียง…อ่า แบบนั้นด้วยเนี่ย” เธอล้อเลียนเสียงครางของผมซะเหมือน “ก็มันตื่นเต้น”“ที่รักนี่ก็ตลก ขึ้นไปอาบน้ำค่ะ เดี๋ยวเค้าอุ่นกับข้าวรอ” “ครับผม ชื่นใจจัง” ผมหอมแก้มเธอหนักๆ อยากจะจูบด้วยซ้ำ แต่กลัวจะเลยเถิด จากนั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า พอกลับลงมากับข้าวก็วางพร้อมอยู่บนโต๊ะ เราจึงดินเนอร์เล็กๆ ด้วยกัน ฉันกับเปรม พยายามอยู่ห่างๆ กัน เพื่อเลี่ยงแรงดึงดูดที่อาจทำเวลาหนึ่งเดือนที่ต้องห่างกันของ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 7 ฮอร์โมนแปรปรวน (1)

“ได้ข่าวว่าแกจะไปฮันนีมูนรอบที่สิบที่ปารีสเหรอยะ” คำพูดของเพื่อนสนิท ที่วันนี้ฉันชวนออกมากินข้าวดังขึ้น ฉันยิ้มรับพร้อมกับยักคิ้วให้สองสามครั้ง เพราะนี่คือการฮันนีมูนครั้งที่สิบของฉันจริงๆ แต่จะว่าไปทุกวันของฉันกับสามีก็หวานชื่นเหมือนฮันนีมูนกันอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วซึ่งก็คงไม่แตกต่างไปจากชีวิตคู่ของปรางทิพย์ ที่แต่งงานแล้วแต่ก็ยังสวีทหวานไม่แพ้คู่รักข้าวใหม่ปลามัน ถึงจะมีสามีมีลูกแล้วแต่ ปรางทิพย์ก็ไม่ลืมที่จะให้เวลาตัวเองได้ออกมาเจอฉัน ได้ออกไปช้อปปิ้งหรือทำกิจกรรมที่อยากทำเหมือนตอนเป็นโสด จะว่าไปเพื่อนฉันก็ได้สามีดีที่เข้าใจ ซึ่งหาได้ยากมากในยุคนี้ โดยสามีของปรางทิพย์จะอาสาดูลูกให้ในวันหยุด “อื้อ…ไปรำลึกความหลังด้วย”“โอ๊ย! ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆ มีไปรำลงรำลึกความหลัง”“นิดนึง”“ขอให้แกได้น้องปารีสติดท้องกลับมาสมใจ” พรจากปรางทิพย์ ฉันรีบพนมมือรับอย่างไม่ลังเล “สาธุ...เพี้ยง!”“ยกมื
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 8 ฮอร์โมนแปรปรวน (2)

“ครับ” เสียงที่ขานรับดังแว่วมาจากสระว่ายน้ำ ฉันวางกับข้าวที่ซื้อมาบนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปหาเจ้าของเสียง พอถึงก็เห็นเขากำลังว่ายน้ำอย่างสนุก ฉันยืนกอดอกมองสามีที่ดำผุดดำว่ายด้วยท่วงท่าคล่องแคล่ว สวยงามราวกับนักกีฬาว่ายน้ำมืออาชีพ กระทั่งเห็นเปรมค่อยๆ พาตัวเองขึ้นจากน้ำแล้วเดินตรงมาหาฉัน และนั่นก็ทำเอาฉันกำเดาแทบจะพุ่ง แม้ว่าจะเคยเห็น เคยสัมผัสร่างกายของเขามาแล้วทุกส่วน แต่พอได้มอง ฉันก็อดคิดอะไรหื่นๆ ไม่ได้เลย “มองอะไร”“มองซิกแพคคนแถวนี้”“ที่รักคิดอะไรอยู่ บอกมานะ” เปรมใช้นิ้วจิ้มหน้าผากฉันเบาๆ “เราบินไปปารีสพรุ่งนี้เลยได้ไหมอ่ะ เค้าไม่ไหวแล้ว” คำพูดของฉันทำเอาสามีหัวเราะก๊ากออกมา ก็ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ นี่นา อยากจะลาก อยากจะปล้ำเขาตอนนี้เลย “ไม่ได้ครับ รออีกหนึ่งอาทิตย์ ไม่งั้นสามอาทิตย์ที่ผ่านมา มันจะเท่ากับศูนย์เลยนะ”“ไม่ต้องเอาคำพูดเค้ามาพูดเลย”
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 9 ฮอร์โมนแปรปรวน (3)

“ไปนั่งรอที่โต๊ะก่อน เดี๋ยวผมเอาไปให้”“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยรับพร้อมกับเขย่งปลายเท้าขึ้นมาหอมแก้มผม จากนั้นก็เดินไปนั่งรอที่เก้าอี้โต๊ะกินข้าว ผมจัดการนำเค้กกับสลัดผลไม้ออกมาใส่จานแล้วถือไปวางให้เธอ พร้อมกับนั่งเป็นเพื่อน“กินไหมคะ”“ไม่ครับ”“กินเค้กตอนนี้มีความสุขจังเลย ที่รักยิ้มอะไร” เธอเอ่ยถามผม นั่นเพราะผมนั่งยิ้มมองเธอกินเค้กคำ สลัดผลไม้คำ สีหน้าดูเอร็ดอร่อยจนผมชักจะหิวตาม “ยิ้มที่เห็นที่รักมีความสุข รู้ไหมตะกี้ผมตกใจแทบแย่ที่หาที่รักไม่เจอ” “ขอโทษจ้ะ พอดีเค้าไม่อยากปลุก”“วันหลังถ้าจะลงมาหาอะไรกินอีก ที่รักต้องปลุกผมให้ลงมาเป็นเพื่อนด้วยรู้ไหม เกิดสะดุดตกบันไดขึ้นมาทำไง” “ค่ะๆ เค้าโชคดีจังที่ได้รักและแต่งงานกับที่รัก” อยู่ๆ เธอก็เปลี่ยนโหมดมาเป็นซึ้ง “มาอ้อนอะไรตอนนี้...หืม” ผมยื่นมือไปวางบนศีรษะได
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 10 ปฏิบัติการรีดสเปิร์ม (1)

ฉันดี๊ด๊ามากกับการบินไปปารีสครั้งนี้ รู้สึกมีความสุขจนหน้าบานเป็นจานดาวเทียม เวลาหลายชั่วโมงบนเครื่องบินไม่ได้ทำให้ฉันหงุดหงิดสักนิด นั่นเพราะฉันเฝ้ารอการไปถึงปารีสอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนจะหันมามองคนข้างๆ ตาลุกวาว ฉันยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เขาพร้อมกับกัดริมฝีปากล่างไปด้วย คงด้วยความมันเขี้ยว เปรมจึงยื่นมือมาบีบจมูกฉันแรงๆ “ยั่วกันเหรอ...หืม” เสียงทุ้มเอ่ยถามฉัน “อื้อ…บิ้วไง”“ไม่ต้องก็ได้มั้งครับ ห่างมาตั้งเดือนนิ” คำพูดของเขาทำให้ฉันยิ้มเขินเล็กๆ “ก็จริง” ฉันเอ่ยรับแบบไม่มีการอ้อมค้อม เปรมส่ายหน้าให้ฉัน ก่อนจะนั่งอ่านหนังสือที่พกติดตัวมาด้วย ส่วนฉันก็นั่งดูหนัง ฟังเพลง กินและนอนตามระเบียบ แม้นี่จะอยู่บนเครื่องบิน แต่สิ่งอำนวยความสะดวกก็แสนจะครบครันเมื่อลงเครื่องที่สนามบินชาร์ลส์ เดอ โกล ซึ่งปารีสตอนนี้อากาศกำลังดีไม่หนาวมาก พอรับกระเป๋าเสร็จ เปรมก็พาฉันไปยังโรงแรมที่พัก ซึ่งครั้งนี้พักที่ใหม่ ห้องสวยมาก วิวก็สวยไม่แพ้กัน
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
123
DMCA.com Protection Status