All Chapters of ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก: Chapter 31 - Chapter 40

40 Chapters

บทที่ 31

ความหวังสุดท้ายถูกทำลายอย่างไร้ความปรานี หัวใจของกู้ซิวหมิงร่วงหล่นสู่ก้นบึ้งในพริบตา ร่างกายสั่นเทิ้มเล็กน้อย ต่อหน้าที่ตั้งป้ายวิญญาณของบรรพชน ภายใต้สายตาจ้องมองของทุกคน เขาต้องรับโทษตามกฎของตระกูล นอกจากความหวาดกลัวต่อกฎของตระกูลที่เกิดจากสัญชาตญาณแล้ว และมีความอัปยศอดสูอย่างรุนแรงด้วย หลายสิบปีมานี้ เขาเป็นลูกหลานคนแรกในสกุลกู้ที่ได้รับการลงโทษหนักหนาถึงเพียงนี้ วันหน้าเขายังเชิดหน้าอยู่ในสกุลกู้ได้อย่างไร?จากซื่อจื่อที่สูงศักดิ์กลายมาเป็นลูกหลานไม่เอาไหนที่กระทำความผิด ประหนึ่งร่วงจากเมฆลงสู่ปลักโคลน เกียรติยศถูกคนเหยียบย่ำอย่างโหดเหี้ยม ความอัปยศอย่างรุนแรงทำให้เขาเกิดความไม่ยินยอมและความเคียดแค้นอย่างมาก กู้จิ่งซีช่างเป็นบิดาที่ดีของเขาจริง ๆ ไม่แยแสความเป็นความตายของเขาเลย ผ่านไปสักพัก กู้ซิวหมิงถูกบ่าวรับใช้ถอดเสื้อตัวนอก สวมเพียงเสื้อตัวในสีขาวบนตัว เสื้อผ้าท่อนล่างไม่ได้ถอด จากนั้นก็ถูกบ่าวรับใช้จับนอนคว่ำบนม้านั่งยาวที่ทำด้วยไม้ ผู้ลงทัณฑ์ร่างกำยำที่ดูทรงพลังโบยแส้ใส่แผ่นหลังของกู้ซิวหมิงอย่างไร้ความปรานี จนเกิดเสียงดัง “เพียะ” จากนั้นก็เป็นเสียงร้อง “อ๊าก” โอดครวญข
Read more

บทที่ 32

ส่วนกู้เซวียนอี๋ผู้เป็นบุตรสาวจากภรรยาเอกของบ้านใหญ่และกู้เซวียนหลิงผู้เป็นบุตรสาวจากอนุภรรยาของบ้านรองก็หน้าซีดเผือด เดินจากไปโดยที่มีสาวใช้ช่วยประคอง ช่างน่ากลัวจริง ๆ!ท่านอาสามเข้มงวดกับบุตรชายเพียงหนึ่งเดียวขนาดนี้ หากมีสักวันพวกนางกระทำผิดขึ้นมา โดนแส้โบยหนึ่งทีก็รู้สึกกลัวแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยี่สิบห้าที หากฟาดลงไปยี่สิบห้าที เกรงว่าแม่นางที่มีร่างกายบอบบางอย่างพวกนางอาจจะขึ้นสวรรค์ไปพบบรรพบุรุษได้เลย หลังจากที่ทุกคนจากไปแล้ว ภายในหอบรรพชนเหลือเพียงกู้จิ่งซีกับเมิ่งจิ่นเหยาเวลานี้ กู้จิ่งซีเพิ่งนึกถึงภรรยาตัวน้อยที่ยืนอยู่ข้างกายตน เมื่อเห็นนางหน้าซีดเผือด จ้องมองม้านั่งยาวที่ทำจากไม้เปื้อนเลือดตัวนั้นอย่างตกตะลึงจนตาค้าง เขาก็นึกถึงหลานสาวสองคนที่จากไปโดยต้องให้คนช่วยประคอง แม่นางน้อยผู้นี้อายุมากกว่าพวกนางแค่ปีเดียวเท่านั้น ย่อมตกใจกลัวอย่างแน่นอนกู้จิ่งซียื่นมือไปบดบังสายตาของนางไว้ เมื่อเห็นนางค่อย ๆ หันศีรษะมามองตนจึงถามนางว่า “กลัวหรือ?” เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าอย่างซื่อตรง นางคิดว่าการโดนโบยยี่สิบห้าทีแตกต่างจากการโดนโบยยี่สิบห้าทีของสกุลกู้ราวฟ้ากับเหว นางคิดว่า
Read more

บทที่ 33

โถงโซ่วอันกลิ่นไม้จันทน์ลอยขึ้นบนกระถางธูปที่ทำจากหยก ก่อตัวเป็นควันสีขาวลอยวนอยู่ด้านบนกระถางธูป ราวกับมังกรขาวที่วนเวียนอยู่ในอากาศ กลิ่นหอมของไม้จันทน์อบอวลอยู่ภายในห้อง ทำให้ผู้ที่ได้กลิ่นรู้สึกผ่อนคลายเบิกบาน ฮูหยินผู้เฒ่ากู้นั่งพิงตั่งนุ่ม ๆ คิ้วขมวดขึ้นมาเล็กน้อย ขยับลูกประคำไม้จันทน์แดงในมือ หลับตาท่องบทสวด เวลานี้เอง เฝิงหมอมอ[1]ที่อยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ากู้รีบเดินเข้ามาอยู่ข้างกายนาง แล้วกระซิบข้างหูนางว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านโหวมาแล้วเจ้าค่ะ” ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินคำกล่าว มือที่ขยับลูกประคำก็ชะงักไป นางค่อย ๆ ลืมตาแล้วมองออกไป เห็นบุตรชายเดินมาหานางอย่างไม่ทุกข์ร้อน กู้จิ่งซีเดินมาอยู่หน้าฮูหยินผู้เฒ่ากู้ แล้วประสานมือคารวะนาง “คารวะท่านแม่” “เย่าหลิง นั่งลงสนทนากันก่อนสิ” ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มองที่นั่งด้านล่าง บ่งบอกให้เขานั่งลง เย่าหลิงเป็นชื่อรองของกู้จิ่งซี เป็นนามรองที่ฉางซิงโหวผู้เฒ่าที่ล่วงลับไปแล้วตั้งให้แก่เขา ได้ยินว่าวันที่เขาเพิ่งเกิดนั้น ฉางซิงโหวผู้เฒ่าตั้งนามจริงและนามรองให้เขาไว้เรียบร้อยแล้วเขาเกิดในยามเช้าตรู่ ดวงตะวันลอยขึ้น สายลมอ่อน ๆ เย็นระร
Read more

บทที่ 34

ผ่านไปครู่หนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ถามอีกว่า “เวลานี้ซิวหมิงเป็นอย่างไร? หมอว่าอย่างไรบ้าง?” กู้จิ่งซีเอ่ยอย่างสบาย ๆ ว่า “แค่เจ็บจนหมดสติไปเท่านั้น รักษาแผลให้หายก็ไม่เป็นไรแล้วขอรับ ท่านแม่โปรดวางใจ” “เช่นนั้นก็ดี ๆ” ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กล่าวพลางถอนหายใจเบา ๆ ดวงหน้าเผยให้เห็นความผิดหวังที่ยากจะปกปิดไว้ “เจ้าเด็กซิวหมิงผู้นั้น เมื่อก่อนเป็นเด็กดีรู้ความมากมาโดยตลอด ข้าคิดเสมอว่าเขาเป็นเด็กที่รู้ความมากที่สุดในหมู่เด็กรุ่นหลานทั้งหลาย เหตุใดจึงก่อเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้ออกมาได้” เดิมทีตอนที่นางอยากรับเด็กสักคนมาเป็นบุตรบุญธรรมให้กับบุตรชาย บ้านใหญ่มีบุตรชายสองคน กระตือรือร้นมากอยากจะให้เย่าหลิงรับบุตรชายหนึ่งในนั้นมาเป็นบุตรบุญธรรม เจ้าใหญ่เป็นคนที่ถูกภรรยาจูงจมูก คนอย่างนางจางวางแผนการอันใด นางรู้ดีแก่ใจ ดังนั้นจึงไม่เห็นด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องกังวลในภายหลัง บ้านรองมีบุตรชายเพียงคนเดียว ไม่อาจรับมาเป็นบุตรบุญธรรม นางจึงเลือกเด็กสักคนจากในตระกูลสาขา รูปโฉมของซิวหมิงคล้ายคลึงกับบุตรชายอยู่สองสามส่วน ในหมู่เด็กกลุ่มนั้น นางเห็นแวบแรกก็ถูกใจจึงเลือกซิวหมิง เช่นนี้วันหน้าบุตรชายก็จะมีบุ
Read more

บทที่ 35

ฮูหยินผู้เฒ่ากู้เชื่อเรื่องพระและเชื่อเรื่องพรหมลิขิต ยิ่งรู้สึกว่านี่เป็นพรหมลิขิตที่สวรรค์กำหนดไว้ นึกถึงบุตรชายวัยเกือบสามสิบได้ตบแต่งภรรยาในที่สุด นางก็ไม่สนใจที่จะโกรธหลานชายแล้ว ก่อนจะเอ่ยอย่างทอดถอนใจว่า “เจ้ากับอาเหยามีพรหมลิขิตต่อกัน อายุยี่สิบเก้ากับอายุสิบหก แม้จะต่างวัยกันถึงสิบสามปีก็ไม่อาจขวางกั้นพรหมลิขิตได้”กู้จิ่งซีอ้าปากเล็กน้อย สุดท้ายยังคงกลืนคำพูดกลับไป เขาไม่รู้ว่าเป็นพรหมลิขิตหรือไม่ แต่เขารู้ว่าเขากับแม่นางน้อยผู้นั้นเป็นฝ่ายเสียหายทั้งคู่ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เผลอยิ้มอย่างจนปัญญา “การแต่งงานนี้มักง่ายไปหน่อย เห็นได้ว่าการหมั้นหมายเร็วเกินไปไม่ใช่เรื่องดีอะไรนัก เกิดเหตุไม่คาดฝันได้ง่าย” ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ฟังแล้วก็ยิ้มค้าง ก่อนจะตอบกลับว่า “บิดาของเจ้ายังไม่ทันเลือกว่าจะให้หลานคนใดแต่งงานกับอาเหยาก็ล้มป่วยจากไปกะทันหัน เขาให้ความสำคัญกับการแต่งงานนี้มากถึงเพียงนี้ ซิวหมิงเป็นซื่อจื่อ ฐานะของเขาสูงสุดในหมู่เด็กรุ่นหลานในจวน ทุกคนจึงยอมรับโดยปริยายให้เขาแต่งงานกับอาเหยา แม้แต่ข้าก็คิดเช่นนี้ แต่ถ้าเขาคัดค้านสักหน่อย ข้าจะบอกกับสกุลเมิ่งให้ชัดเจนเพื่อเปลี่ยนตัวค
Read more

บทที่ 36

กู้จิ่งซีกล่าวว่า “ส่งนางกลับไปที่บ้าน ภายหลังค่อยเลือกฤกษ์งามยามดี รับนางมาเป็นอนุภรรยา” เมื่อได้ยินคำกล่าว ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็เห็นดีด้วย จึงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วถามอีกครั้งว่า “เป็นความคิดของเจ้า หรือว่าเป็นความคิดของซิวหมิงเล่า?” กู้จิ่งซีแย้มยิ้ม “เป็นความคิดของลูกสะใภ้ท่าน ลูกก็เห็นว่าดีเช่นกัน” “เป็นความคิดของอาเหยาหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าก็ผ่อนคลายลงบ้าง น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นมาก “ช่างเป็นเด็กที่ใจกว้างเสียจริง ไม่ได้สร้างความลำบากเพิ่มขึ้น หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น คาดว่าต้องหาเหตุผลมาขัดขวางไม่ให้แม่นางหลี่เข้ามาในตระกูลแล้ว”ผ่านไปสักพัก ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็เอ่ยอีกว่า “ในเมื่อตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นก็หาสตรีดี ๆ สักคนมาเป็นภรรยาเอกให้ซิวหมิงใหม่อีกครั้ง และต้องเป็นสตรีจากตระกูลสูงศักดิ์ที่เก่งกาจ สามารถควบคุมซิวหมิงและแม่นางหลี่ผู้นั้นได้ ไว้ภรรยาเอกเข้าตระกูลแล้ว ค่อยเลือกวันรับแม่นางหลี่เข้าจวน”กู้จิ่งซีทำหน้าชะงักไป ก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านแม่ ท่านไม่ต้องลำบากหาสตรีนางใดให้เขาแล้วขอรับ”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ปรายตามองเขา “เจ้าอยากหาสตรีให้เขาเองหรือ
Read more

บทที่ 37

เรือนเวยหรุยเซวียนวันนี้เกิดเรื่องมากมาย ยามเช้ากลับบ้าน เมื่อกลับถึงจวนโหวก็ไปเยี่ยมบุตรชายที่ได้มาโดยไม่ต้องจ่ายเงินผู้นั้นอีกครั้ง และยังไปที่ศาลบรรพชนดูการลงทัณฑ์ เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย จึงนอนหลับตาพักผ่อนอยู่บนตั่งกุ้ยเฟย [1] เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวถึงค่อยลืมตาขึ้นมาชุนหลิ่วเปิดม่านไข่มุกเข้ามา ก่อนจะยอบตัวคารวะเมิ่งจิ่นเหยา แล้วยื่นเทียบเชิญในมือให้ด้วยความเคารพ “ฮูหยิน นี่เป็นเทียบเชิญที่ส่งมาได้ไม่นานเจ้าค่ะ” เมิ่งจิ่นเหยารับเทียบเชิญมาดู เป็นจดหมายเชิญจากเพื่อนสนิทของนาง ซ่งซินหนิงซึ่งเป็นบุตรสาวของหัวหน้าสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน นัดหมายนางให้ไปพบกันที่ร้านฉาหรานในวันมะรืน คิดดูแล้วคงเป็นห่วงนาง อยากรู้ว่าตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง นางปิดจดหมายเชิญ แล้วออกคำสั่งอย่างลวก ๆ ว่า “เจ้าไปที่สกุลซ่ง ฝากคำพูดให้แม่นางซ่งแทนข้าว่าข้าจะไปตามนัด”ชุนหลิ่วได้ยินนางสั่งให้ตนไปจัดการเรื่องราวก็ดีใจ ดูเหมือนว่าวันนี้จะเอาใจฮูหยินต่อหน้าได้แล้ว ก่อนจะบอกฮูหยินเรื่องซื่อจื่อถูกจับกลับมาเพื่อให้เข้าตาของฮูหยิน ก่อนจะรีบถามว่า “ฮูหยินเจ้าคะ สกุลซ่งใดหรือเจ้าคะ?”“บ้าน
Read more

บทที่ 38

หนิงตงก้มหน้าเอ่ยเสียงเบาว่า “ฮูหยิน ข้าน้อยใจแคบไปแล้วเจ้าค่ะ” เมิ่งจิ่นเหยาเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “เจ้าอิจฉาก็เป็นเรื่องปกติ แต่พวกเจ้าไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับพวกนางหรอก อยู่กับพวกนางอย่างกลมเกลียวกันก็พอ คิดเสียว่ามีคนมาช่วยแบ่งเบาภาระของพวกเจ้า” หนิงตงพยักหน้า “ฮูหยิน ข้าน้อยเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” ผ่านไปสักพัก นางก็เกิดความกังวลขึ้นมาในจิตใจ “ฮูหยิน ซื่อจื่อกลับมาแล้ว ต่อไปเกรงว่าจะสร้างความลำบากให้ท่าน” เมิ่งจิ่นเหยาไม่เห็นกู้ซิวหมิงอยู่ในสายตาเลย นางยกมุมปากขึ้นมาช้า ๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนเป็นผ่อนคลายพลางยิ้มหวานว่า “มีบุตรคนไหนสร้างความลำบากใจให้มารดาบ้าง? คนที่สร้างความลำบากให้มารดาคือบุตรอกตัญญูนะ บุตรอกตัญญูของสกุลกู้ย่อมต้องโดนลงโทษตามกฎของตระกูล” หนิงตงเห็นรอยยิ้มที่แฝงความหมายลึกซึ้งนั้นก็เข้าใจกระจ่างแจ้งในพริบตา ความกลัดกลุ้มในก้นบึ้งของจิตใจสลายหายไปจนหมด ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบิกบานใจว่า “ข้าน้อยเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย ท่านเป็นมารดาของเขา เขาเจอท่านต้องทำความเคารพเหมือนเด็กรุ่นหลังแต่โดยดี มีเพียงท่านที่ควบคุมเขาได้” “ใช่แล้ว ก็แค่บุตรชายที่โตมาเสียเปล่าเท
Read more

บทที่ 39

“ท่านพี่ พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ท่านอยากมองอะไร เหตุใดจำเป็นต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วยเล่า?” เมิ่งจิ่นเหยาคิดไม่ถึงว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น หลังจากที่ตื่นตระหนกสักพักก็ใจเย็นลง จ้องมองบุรุษหนุ่มอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม นอนเตียงเดียวกันแล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นหญิงพรหมจรรย์อะไรอีกอีกอย่าง กู้จิ่งซีใช้การไม่ได้ แค่มองก็คงไม่สึกหรออะไร อย่างมากก็ถอดกันหมดทุกคนแล้วจ้องมองกันและกัน นางยังไม่เคยเห็นบุรุษเปลือยเปล่ามาก่อน กู้จิ่งซีหล่อเหลาถึงเพียงนี้ บางทีเรือนร่างอาจจะดูดีมากเช่นกัน ก็ถือว่าเป็นการบำรุงสายตา มองของสดใหม่ หากกู้จิ่งซีบังเอิญใช้การได้ขึ้นมาอีกครั้ง เช่นนั้นก็ตรงใจนางพอดี นางไม่ถูกชะตากับบุตรชายนิสัยไม่ดีที่ได้มาโดยไม่เสียเงิน วันหน้าบุตรอกตัญญูผู้นั้นไม่มีทางกตัญญูมารดาอย่างนางแน่นอน หากมีบุตรของตัวเองได้ก็เป็นเรื่องดีกู้จิ่งซีไม่รู้ว่าแม่นางน้อยขบคิดมากมายถึงเพียงนี้ในชั่วพริบตา ถึงขนาดที่อยากมีบุตรให้เขาแล้ว เมื่อดวงตาส่องประกายสดใสคู่นั้นจ้องมองมาที่ตน แววตาก็แฝงไปด้วยการหยอกล้อ ราวกับรู้แจ้งเห็นจริงทุกอย่างแล้ว เขาเกิดความรู้สึกเหมือนน้ำท่วมปากขึ้นมา
Read more

บทที่ 40

เมื่อคำกล่าวนี้ออกมา เมิ่งจิ่นเหยาก็รู้สึกเหมือนกับว่าความผิดบาปถาโถมใส่นางอย่างล้นหลาม เห็นกู้จิ่งซีถามอย่างจริงจังถึงเพียงนี้ นางก็ละอายใจไม่หยุด รู้อยู่แก่ใจดีว่าเขามีโรคที่มิอาจบอกใครได้ แต่นางยังเย้าแหย่เขา นี่เท่ากับเป็นการดูหมิ่นไม่ใช่หรือ? การร่วมอภิรมย์ กู้จิ่งซีที่เป็นเช่นนี้จะร่วมอภิรมย์ได้อย่างไร?นางส่ายหน้าติดต่อกัน เอ่ยจากใจจริงว่า “ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่ต้องการ ท่านพี่ ท่านอย่าคิดเหลวไหลเลย ข้าไม่สนใจเรื่องพรรค์นั้นเช่นกัน พวกเราเป็นอย่างตอนนี้ก็ดีมากแล้วเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีมองนางอย่างลุ่มลึกแวบหนึ่ง แล้วส่งเสียง “อืม” เบา ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ฮูหยิน นอนเถิด” เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า สายตาอดทอดมองไปยังดวงหน้าหล่อเหลาดวงนั้นไม่ได้ นางถึงขนาดรู้สึกเสียใจ ว่ากันว่าบุตรสาวหน้าตาคล้ายคลึงบิดา บุรุษที่ดูดีเพียงนี้ไม่อาจให้กำเนิดบุตรสาวได้ช่างน่าเสียดายจริง ๆ ไยสวรรค์ถึงปล่อยให้บุรุษที่หล่อเหลาเพียงนี้เป็นโรคที่มิอาจบอกใครได้? .....เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเมิ่งจิ่นเหยาตื่นขึ้นมา คนร่วมเตียงข้างกายได้ตื่นมานานแล้ว นางยังตื่นไม่เต็มตา ค่อย ๆ ลุกขึ้นมานั่ง เลิกผ้าห่มออ
Read more
PREV
1234
DMCA.com Protection Status