แชร์

บทที่ 31

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 10:55:32
ความหวังสุดท้ายถูกทำลายอย่างไร้ความปรานี หัวใจของกู้ซิวหมิงร่วงหล่นสู่ก้นบึ้งในพริบตา ร่างกายสั่นเทิ้มเล็กน้อย

ต่อหน้าที่ตั้งป้ายวิญญาณของบรรพชน ภายใต้สายตาจ้องมองของทุกคน เขาต้องรับโทษตามกฎของตระกูล นอกจากความหวาดกลัวต่อกฎของตระกูลที่เกิดจากสัญชาตญาณแล้ว และมีความอัปยศอดสูอย่างรุนแรงด้วย หลายสิบปีมานี้ เขาเป็นลูกหลานคนแรกในสกุลกู้ที่ได้รับการลงโทษหนักหนาถึงเพียงนี้ วันหน้าเขายังเชิดหน้าอยู่ในสกุลกู้ได้อย่างไร?

จากซื่อจื่อที่สูงศักดิ์กลายมาเป็นลูกหลานไม่เอาไหนที่กระทำความผิด ประหนึ่งร่วงจากเมฆลงสู่ปลักโคลน เกียรติยศถูกคนเหยียบย่ำอย่างโหดเหี้ยม ความอัปยศอย่างรุนแรงทำให้เขาเกิดความไม่ยินยอมและความเคียดแค้นอย่างมาก กู้จิ่งซีช่างเป็นบิดาที่ดีของเขาจริง ๆ ไม่แยแสความเป็นความตายของเขาเลย

ผ่านไปสักพัก กู้ซิวหมิงถูกบ่าวรับใช้ถอดเสื้อตัวนอก สวมเพียงเสื้อตัวในสีขาวบนตัว เสื้อผ้าท่อนล่างไม่ได้ถอด จากนั้นก็ถูกบ่าวรับใช้จับนอนคว่ำบนม้านั่งยาวที่ทำด้วยไม้

ผู้ลงทัณฑ์ร่างกำยำที่ดูทรงพลังโบยแส้ใส่แผ่นหลังของกู้ซิวหมิงอย่างไร้ความปรานี จนเกิดเสียงดัง “เพียะ” จากนั้นก็เป็นเสียงร้อง “อ๊าก” โอดครวญข
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 32

    ส่วนกู้เซวียนอี๋ผู้เป็นบุตรสาวจากภรรยาเอกของบ้านใหญ่และกู้เซวียนหลิงผู้เป็นบุตรสาวจากอนุภรรยาของบ้านรองก็หน้าซีดเผือด เดินจากไปโดยที่มีสาวใช้ช่วยประคอง ช่างน่ากลัวจริง ๆ!ท่านอาสามเข้มงวดกับบุตรชายเพียงหนึ่งเดียวขนาดนี้ หากมีสักวันพวกนางกระทำผิดขึ้นมา โดนแส้โบยหนึ่งทีก็รู้สึกกลัวแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยี่สิบห้าที หากฟาดลงไปยี่สิบห้าที เกรงว่าแม่นางที่มีร่างกายบอบบางอย่างพวกนางอาจจะขึ้นสวรรค์ไปพบบรรพบุรุษได้เลย หลังจากที่ทุกคนจากไปแล้ว ภายในหอบรรพชนเหลือเพียงกู้จิ่งซีกับเมิ่งจิ่นเหยาเวลานี้ กู้จิ่งซีเพิ่งนึกถึงภรรยาตัวน้อยที่ยืนอยู่ข้างกายตน เมื่อเห็นนางหน้าซีดเผือด จ้องมองม้านั่งยาวที่ทำจากไม้เปื้อนเลือดตัวนั้นอย่างตกตะลึงจนตาค้าง เขาก็นึกถึงหลานสาวสองคนที่จากไปโดยต้องให้คนช่วยประคอง แม่นางน้อยผู้นี้อายุมากกว่าพวกนางแค่ปีเดียวเท่านั้น ย่อมตกใจกลัวอย่างแน่นอนกู้จิ่งซียื่นมือไปบดบังสายตาของนางไว้ เมื่อเห็นนางค่อย ๆ หันศีรษะมามองตนจึงถามนางว่า “กลัวหรือ?” เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าอย่างซื่อตรง นางคิดว่าการโดนโบยยี่สิบห้าทีแตกต่างจากการโดนโบยยี่สิบห้าทีของสกุลกู้ราวฟ้ากับเหว นางคิดว่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 33

    โถงโซ่วอันกลิ่นไม้จันทน์ลอยขึ้นบนกระถางธูปที่ทำจากหยก ก่อตัวเป็นควันสีขาวลอยวนอยู่ด้านบนกระถางธูป ราวกับมังกรขาวที่วนเวียนอยู่ในอากาศ กลิ่นหอมของไม้จันทน์อบอวลอยู่ภายในห้อง ทำให้ผู้ที่ได้กลิ่นรู้สึกผ่อนคลายเบิกบาน ฮูหยินผู้เฒ่ากู้นั่งพิงตั่งนุ่ม ๆ คิ้วขมวดขึ้นมาเล็กน้อย ขยับลูกประคำไม้จันทน์แดงในมือ หลับตาท่องบทสวด เวลานี้เอง เฝิงหมอมอ[1]ที่อยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ากู้รีบเดินเข้ามาอยู่ข้างกายนาง แล้วกระซิบข้างหูนางว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านโหวมาแล้วเจ้าค่ะ” ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินคำกล่าว มือที่ขยับลูกประคำก็ชะงักไป นางค่อย ๆ ลืมตาแล้วมองออกไป เห็นบุตรชายเดินมาหานางอย่างไม่ทุกข์ร้อน กู้จิ่งซีเดินมาอยู่หน้าฮูหยินผู้เฒ่ากู้ แล้วประสานมือคารวะนาง “คารวะท่านแม่” “เย่าหลิง นั่งลงสนทนากันก่อนสิ” ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มองที่นั่งด้านล่าง บ่งบอกให้เขานั่งลง เย่าหลิงเป็นชื่อรองของกู้จิ่งซี เป็นนามรองที่ฉางซิงโหวผู้เฒ่าที่ล่วงลับไปแล้วตั้งให้แก่เขา ได้ยินว่าวันที่เขาเพิ่งเกิดนั้น ฉางซิงโหวผู้เฒ่าตั้งนามจริงและนามรองให้เขาไว้เรียบร้อยแล้วเขาเกิดในยามเช้าตรู่ ดวงตะวันลอยขึ้น สายลมอ่อน ๆ เย็นระร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 34

    ผ่านไปครู่หนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ถามอีกว่า “เวลานี้ซิวหมิงเป็นอย่างไร? หมอว่าอย่างไรบ้าง?” กู้จิ่งซีเอ่ยอย่างสบาย ๆ ว่า “แค่เจ็บจนหมดสติไปเท่านั้น รักษาแผลให้หายก็ไม่เป็นไรแล้วขอรับ ท่านแม่โปรดวางใจ” “เช่นนั้นก็ดี ๆ” ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กล่าวพลางถอนหายใจเบา ๆ ดวงหน้าเผยให้เห็นความผิดหวังที่ยากจะปกปิดไว้ “เจ้าเด็กซิวหมิงผู้นั้น เมื่อก่อนเป็นเด็กดีรู้ความมากมาโดยตลอด ข้าคิดเสมอว่าเขาเป็นเด็กที่รู้ความมากที่สุดในหมู่เด็กรุ่นหลานทั้งหลาย เหตุใดจึงก่อเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้ออกมาได้” เดิมทีตอนที่นางอยากรับเด็กสักคนมาเป็นบุตรบุญธรรมให้กับบุตรชาย บ้านใหญ่มีบุตรชายสองคน กระตือรือร้นมากอยากจะให้เย่าหลิงรับบุตรชายหนึ่งในนั้นมาเป็นบุตรบุญธรรม เจ้าใหญ่เป็นคนที่ถูกภรรยาจูงจมูก คนอย่างนางจางวางแผนการอันใด นางรู้ดีแก่ใจ ดังนั้นจึงไม่เห็นด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องกังวลในภายหลัง บ้านรองมีบุตรชายเพียงคนเดียว ไม่อาจรับมาเป็นบุตรบุญธรรม นางจึงเลือกเด็กสักคนจากในตระกูลสาขา รูปโฉมของซิวหมิงคล้ายคลึงกับบุตรชายอยู่สองสามส่วน ในหมู่เด็กกลุ่มนั้น นางเห็นแวบแรกก็ถูกใจจึงเลือกซิวหมิง เช่นนี้วันหน้าบุตรชายก็จะมีบุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 35

    ฮูหยินผู้เฒ่ากู้เชื่อเรื่องพระและเชื่อเรื่องพรหมลิขิต ยิ่งรู้สึกว่านี่เป็นพรหมลิขิตที่สวรรค์กำหนดไว้ นึกถึงบุตรชายวัยเกือบสามสิบได้ตบแต่งภรรยาในที่สุด นางก็ไม่สนใจที่จะโกรธหลานชายแล้ว ก่อนจะเอ่ยอย่างทอดถอนใจว่า “เจ้ากับอาเหยามีพรหมลิขิตต่อกัน อายุยี่สิบเก้ากับอายุสิบหก แม้จะต่างวัยกันถึงสิบสามปีก็ไม่อาจขวางกั้นพรหมลิขิตได้”กู้จิ่งซีอ้าปากเล็กน้อย สุดท้ายยังคงกลืนคำพูดกลับไป เขาไม่รู้ว่าเป็นพรหมลิขิตหรือไม่ แต่เขารู้ว่าเขากับแม่นางน้อยผู้นั้นเป็นฝ่ายเสียหายทั้งคู่ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เผลอยิ้มอย่างจนปัญญา “การแต่งงานนี้มักง่ายไปหน่อย เห็นได้ว่าการหมั้นหมายเร็วเกินไปไม่ใช่เรื่องดีอะไรนัก เกิดเหตุไม่คาดฝันได้ง่าย” ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ฟังแล้วก็ยิ้มค้าง ก่อนจะตอบกลับว่า “บิดาของเจ้ายังไม่ทันเลือกว่าจะให้หลานคนใดแต่งงานกับอาเหยาก็ล้มป่วยจากไปกะทันหัน เขาให้ความสำคัญกับการแต่งงานนี้มากถึงเพียงนี้ ซิวหมิงเป็นซื่อจื่อ ฐานะของเขาสูงสุดในหมู่เด็กรุ่นหลานในจวน ทุกคนจึงยอมรับโดยปริยายให้เขาแต่งงานกับอาเหยา แม้แต่ข้าก็คิดเช่นนี้ แต่ถ้าเขาคัดค้านสักหน่อย ข้าจะบอกกับสกุลเมิ่งให้ชัดเจนเพื่อเปลี่ยนตัวค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 36

    กู้จิ่งซีกล่าวว่า “ส่งนางกลับไปที่บ้าน ภายหลังค่อยเลือกฤกษ์งามยามดี รับนางมาเป็นอนุภรรยา” เมื่อได้ยินคำกล่าว ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็เห็นดีด้วย จึงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วถามอีกครั้งว่า “เป็นความคิดของเจ้า หรือว่าเป็นความคิดของซิวหมิงเล่า?” กู้จิ่งซีแย้มยิ้ม “เป็นความคิดของลูกสะใภ้ท่าน ลูกก็เห็นว่าดีเช่นกัน” “เป็นความคิดของอาเหยาหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าก็ผ่อนคลายลงบ้าง น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นมาก “ช่างเป็นเด็กที่ใจกว้างเสียจริง ไม่ได้สร้างความลำบากเพิ่มขึ้น หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น คาดว่าต้องหาเหตุผลมาขัดขวางไม่ให้แม่นางหลี่เข้ามาในตระกูลแล้ว”ผ่านไปสักพัก ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็เอ่ยอีกว่า “ในเมื่อตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นก็หาสตรีดี ๆ สักคนมาเป็นภรรยาเอกให้ซิวหมิงใหม่อีกครั้ง และต้องเป็นสตรีจากตระกูลสูงศักดิ์ที่เก่งกาจ สามารถควบคุมซิวหมิงและแม่นางหลี่ผู้นั้นได้ ไว้ภรรยาเอกเข้าตระกูลแล้ว ค่อยเลือกวันรับแม่นางหลี่เข้าจวน”กู้จิ่งซีทำหน้าชะงักไป ก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านแม่ ท่านไม่ต้องลำบากหาสตรีนางใดให้เขาแล้วขอรับ”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ปรายตามองเขา “เจ้าอยากหาสตรีให้เขาเองหรือ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 37

    เรือนเวยหรุยเซวียนวันนี้เกิดเรื่องมากมาย ยามเช้ากลับบ้าน เมื่อกลับถึงจวนโหวก็ไปเยี่ยมบุตรชายที่ได้มาโดยไม่ต้องจ่ายเงินผู้นั้นอีกครั้ง และยังไปที่ศาลบรรพชนดูการลงทัณฑ์ เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย จึงนอนหลับตาพักผ่อนอยู่บนตั่งกุ้ยเฟย [1] เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวถึงค่อยลืมตาขึ้นมาชุนหลิ่วเปิดม่านไข่มุกเข้ามา ก่อนจะยอบตัวคารวะเมิ่งจิ่นเหยา แล้วยื่นเทียบเชิญในมือให้ด้วยความเคารพ “ฮูหยิน นี่เป็นเทียบเชิญที่ส่งมาได้ไม่นานเจ้าค่ะ” เมิ่งจิ่นเหยารับเทียบเชิญมาดู เป็นจดหมายเชิญจากเพื่อนสนิทของนาง ซ่งซินหนิงซึ่งเป็นบุตรสาวของหัวหน้าสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน นัดหมายนางให้ไปพบกันที่ร้านฉาหรานในวันมะรืน คิดดูแล้วคงเป็นห่วงนาง อยากรู้ว่าตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง นางปิดจดหมายเชิญ แล้วออกคำสั่งอย่างลวก ๆ ว่า “เจ้าไปที่สกุลซ่ง ฝากคำพูดให้แม่นางซ่งแทนข้าว่าข้าจะไปตามนัด”ชุนหลิ่วได้ยินนางสั่งให้ตนไปจัดการเรื่องราวก็ดีใจ ดูเหมือนว่าวันนี้จะเอาใจฮูหยินต่อหน้าได้แล้ว ก่อนจะบอกฮูหยินเรื่องซื่อจื่อถูกจับกลับมาเพื่อให้เข้าตาของฮูหยิน ก่อนจะรีบถามว่า “ฮูหยินเจ้าคะ สกุลซ่งใดหรือเจ้าคะ?”“บ้าน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 38

    หนิงตงก้มหน้าเอ่ยเสียงเบาว่า “ฮูหยิน ข้าน้อยใจแคบไปแล้วเจ้าค่ะ” เมิ่งจิ่นเหยาเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “เจ้าอิจฉาก็เป็นเรื่องปกติ แต่พวกเจ้าไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับพวกนางหรอก อยู่กับพวกนางอย่างกลมเกลียวกันก็พอ คิดเสียว่ามีคนมาช่วยแบ่งเบาภาระของพวกเจ้า” หนิงตงพยักหน้า “ฮูหยิน ข้าน้อยเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” ผ่านไปสักพัก นางก็เกิดความกังวลขึ้นมาในจิตใจ “ฮูหยิน ซื่อจื่อกลับมาแล้ว ต่อไปเกรงว่าจะสร้างความลำบากให้ท่าน” เมิ่งจิ่นเหยาไม่เห็นกู้ซิวหมิงอยู่ในสายตาเลย นางยกมุมปากขึ้นมาช้า ๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนเป็นผ่อนคลายพลางยิ้มหวานว่า “มีบุตรคนไหนสร้างความลำบากใจให้มารดาบ้าง? คนที่สร้างความลำบากให้มารดาคือบุตรอกตัญญูนะ บุตรอกตัญญูของสกุลกู้ย่อมต้องโดนลงโทษตามกฎของตระกูล” หนิงตงเห็นรอยยิ้มที่แฝงความหมายลึกซึ้งนั้นก็เข้าใจกระจ่างแจ้งในพริบตา ความกลัดกลุ้มในก้นบึ้งของจิตใจสลายหายไปจนหมด ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบิกบานใจว่า “ข้าน้อยเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย ท่านเป็นมารดาของเขา เขาเจอท่านต้องทำความเคารพเหมือนเด็กรุ่นหลังแต่โดยดี มีเพียงท่านที่ควบคุมเขาได้” “ใช่แล้ว ก็แค่บุตรชายที่โตมาเสียเปล่าเท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 39

    “ท่านพี่ พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ท่านอยากมองอะไร เหตุใดจำเป็นต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วยเล่า?” เมิ่งจิ่นเหยาคิดไม่ถึงว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น หลังจากที่ตื่นตระหนกสักพักก็ใจเย็นลง จ้องมองบุรุษหนุ่มอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม นอนเตียงเดียวกันแล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นหญิงพรหมจรรย์อะไรอีกอีกอย่าง กู้จิ่งซีใช้การไม่ได้ แค่มองก็คงไม่สึกหรออะไร อย่างมากก็ถอดกันหมดทุกคนแล้วจ้องมองกันและกัน นางยังไม่เคยเห็นบุรุษเปลือยเปล่ามาก่อน กู้จิ่งซีหล่อเหลาถึงเพียงนี้ บางทีเรือนร่างอาจจะดูดีมากเช่นกัน ก็ถือว่าเป็นการบำรุงสายตา มองของสดใหม่ หากกู้จิ่งซีบังเอิญใช้การได้ขึ้นมาอีกครั้ง เช่นนั้นก็ตรงใจนางพอดี นางไม่ถูกชะตากับบุตรชายนิสัยไม่ดีที่ได้มาโดยไม่เสียเงิน วันหน้าบุตรอกตัญญูผู้นั้นไม่มีทางกตัญญูมารดาอย่างนางแน่นอน หากมีบุตรของตัวเองได้ก็เป็นเรื่องดีกู้จิ่งซีไม่รู้ว่าแม่นางน้อยขบคิดมากมายถึงเพียงนี้ในชั่วพริบตา ถึงขนาดที่อยากมีบุตรให้เขาแล้ว เมื่อดวงตาส่องประกายสดใสคู่นั้นจ้องมองมาที่ตน แววตาก็แฝงไปด้วยการหยอกล้อ ราวกับรู้แจ้งเห็นจริงทุกอย่างแล้ว เขาเกิดความรู้สึกเหมือนน้ำท่วมปากขึ้นมา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 176  

    ท่านพ่อรักเมิ่งจิ่นเหยามากเพียงนั้น ก็ไม่แน่เมิ่งจิ่นเหยาอาจคอยพูดข้างหมอน ท่านพ่อถึงได้ช่วยพาเมิ่งเฉิงจางเข้าสำนักศึกษาหลิงซานด้วย สำนักศึกษาหลิงซาน แม้แต่เขาที่เป็นบุตรชายยังไม่สามารถเข้าเรียนได้เลยด้วยซ้ำ แต่ท่านพ่อกลับพาคนอื่นเข้าไป หนำซ้ำยังช่วยพาเข้าไปถึงสองคน ในใจเขารู้สึกไม่ยินยอม กวาดสายตาประเมินเมิ่งเฉิงจางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไปหนึ่งที ส่งเสียงฮึ่มออกมาเบาๆ “จริงอย่างที่ว่าหนึ่งคนบรรลุเซียน หมูหมากาไก่ก็พลอยได้ขึ้นสวรรค์ด้วย พอพี่สาวไต่เต้าขึ้นมาจนได้ดี คนเป็นน้องชายก็พลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย” ถ้อยคำนี้แม้มิได้ชี้ชัด ทว่าความหมายกลับชัดเจนในตัว ว่ากำลังถากถางเมิ่งเฉิงจางที่อาศัยความสัมพันธ์ของพี่สาว เพื่อให้พี่เขยช่วยพาตนเองเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงจางสีหน้ามืดครึ้มลงในทันใด สีหน้าของกู้ซิวเหวินก็ดูย่ำแย่เช่นกัน พี่สามไม่เข้าใจเรื่องราวอะไร ทว่าเขาเข้าใจกระจ่าง น้องชายของน้าสะใภ้สามท่านนี้แม้อายุยังน้อย แต่ก็เป็นคนที่เก่งกาจมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง พี่สามไม่ทำความเข้าใจให้ดี แต่อาศัยจินตนาการเพ้อเจ้อของตนเองเข้าใจผิดไปว่าอีกฝ่ายต้องใช้เส้นสาย เขาดึงหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 175  

    แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ช่างอ่อนโยน เหมาะสำหรับเดินเล่นยิ่งนัก กู้ซิวเหวินต้อนรับผู้มาเยือนอย่างกระตือรือร้นและเป็นมิตร พาเมิ่งเฉิงจางเข้ามาเยี่ยมชมภายในจวน ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนได้ครู่หนึ่ง ระหว่างทางก็ถูกใครบางคนเรียกให้เข้าไปหา ก่อนจะขอปลีกตัวออกไปสักพัก ก็ได้บอกให้เมิ่งเฉิงจางเดินชมสภาพแวดล้อมไปก่อนพลาง ๆ เมิ่งเฉิงจางเห็นทัศนียภาพงดงามโดดเด่น ครู่เดียวก็หลงใหลไปกับความงดงามของทัศนียภาพ คิดไม่ถึงว่าเดินไปเดินมาสุดท้ายจะหลงทาง มีเส้นทางอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าควรเดินเส้นทางใดเพื่อกลับไปจุดเดิม ครั้นกู้ซิวเหวินกลับมาไม่เห็นคน ก็รู้ทันทีว่าเขาน่าจะหลงทางแล้ว จึงรีบออกตามหาทันที ระหว่างทางบังเอิญเจอกู้ซิวหมิงและหลี่อี๋เหนียงเดินเข้ามา สองคนกำลังเดินเล่นอย่างสบายใจ คุยกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง ในแววตาเจือความพิสมัยลุ่มลึกหวานชื่น บุรุษเก่งกาจมีความสามารถสตรีโฉมงามเพริศพริ้ง มองปราดเดียวก็เห็นถึงความเหมาะสมอย่างยิ่ง เขาเดินเข้าไปทักท่าน “พี่สาม หลี่อี๋เหนียง” หลายวันที่ผ่านมาหลี่อี๋เหนียงได้เรียนรู้ระเบียบประเพณีแล้ว เข้าใจชัดเจนว่าเมื่อใดที่ตนพบเจ้านายไม่ว่าเป็นท่านใดในจวนล

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 174  

    คล้ายว่าการนอนหงายจะทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย นางจึงพลิกตัวนอนตะแคงข้าง ขดตัว และยังคงร้องไห้ไม่หยุด นี่คงจะกำลังฝันร้ายอยู่สินะ กู้จิ่งซีมองแม่นางน้อยกำลังร้องไห้ และเสียงสะอื้นไห้ยิ่งดังขึ้นทุกเสี้ยวขณะ เขาที่ไม่เคยมีประสบการณ์ปลอบโยนเด็กน้อยมาก่อนค่อนข้างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรก่อนดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จนสาวใช้ที่อยู่เฝ้ายามดึกข้างนอกได้ยินเข้า อาจจะคิดไปไกลถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเลื่อนมือไปลูบแผ่นหลังของแม่นางน้อยอย่างประดักประเดิด และปลอบโยนด้วยเสียงอบอุ่นว่า “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่เป็นอะไรแล้ว อย่าร้องไห้เลย” ไม่รู้ใช่เพราะได้ยินเสียงนี้หรือไม่ เมิ่งจิ่นเหยาเขยิบเข้ามาข้างกายเขาตามสัญชาตญาณ อิงแอบเขาไว้และยังคงร้องไห้ต่อไป กู้จิ่งซีจำต้องยอมรับชะตากรรมไป ได้แต่ภาวนาให้นางรีบหยุดสะอื้น ไม่เช่นนั้นหากคนอื่นได้ยินเข้าจะดูไม่งาม กลางดึกผู้คนเงียบสงัดหากมีเสียงสะอื้นไห้ของนางแว่วดังออกมาจากห้องนอน ต่อให้จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็หนีไม่พ้นต้องถูกเข้าใจผิดแน่ “ฮูหยินอย่าร้องไห้เลย ไม่ต้องร้องแล้ว มันก็แค่ฝันร้าย” กู้จิ่งซีปลอบโยนด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 173  

    คืนนั้น เมิ่งจิ่นเหยาฝัน ในฝันเฉิงอวี่กำลังร้องไห้โยเยไม่ยอมดื่มยา ตู้อี๋เหนียงแม้ใช้เสียงนุ่มนวลปลอบโยนอยู่นานครู่ใหญ่แล้วแต่ก็ยังไม่เป็นผล เห็นเจ้าตัวเล็กร้องไห้จนหน้าแดง แม้กระทั่งลมหายใจก็เริ่มไม่เป็นจังหวะ ตู้อี๋เหนียงกลัวว่าเจ้าเด็กน้อยร้องไห้จนขาดใจ ก็ไม่กล้าบังคับให้เจ้าเด็กน้อยดื่มยาอีก ได้แต่ปลอบโยนด้วยเสียงนุ่มนวล “เฉิงอวี่เด็กดี เฉิงอวี่ไม่อยากกิน เช่นนั้นก็ไม่ต้องกินแล้วนะ” เอ่ยพลางก็หันไปส่งสายตาให้สาวใช้ข้างกาย สาวใช้ผงกศีรษะ รีบออกไปตามหาคนช่วยกู้สถานการณ์ ทว่าสาวใช้แค่คิดจะออกไป เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก็เข้ามาพอดี ตู้อี๋เหนียงเห็นนาง ราวกับเห็นดวงดาวช่วยชีวิต เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา “คุณหนูใหญ่ท่านมาแล้ว เฉิงอวี่ไม่ยอมดื่มยาอีกแล้ว ท่านช่วยมาปลอบโยนเขาหน่อยเถิด เขาเชื่อฟังท่านที่สุดแล้ว” “พี่…แค่ก…พี่หญิงใหญ่” เฉิงอวี่เห็นนาง ทันใดนั้นก็หยุดร้อง และยื่นมือออกมาขอให้นางกอด เมิ่งจิ่นเหยาตัวน้อยก้าวขาสั้น ๆ วิ่งเข้าไปหา ให้สาวใช้อุ้มขึ้นเตียงแล้ว นางก็ยื่นมือออกไปกอดน้องชายที่ป่วยอยู่ พลางเอ่ยวาจาปลอบโยนด้วยเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อย “เฉิงอวี่เด็กดี ดื่มยานี่อีกแค่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 172  

    เมิ่งจิ่นเหยาหน้าถอดสี คิดถึงท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อสักครู่ของตนเองขึ้นมา ช่างน่าอับอายขายหน้าเสียจริง นางลดมือลงอย่างกระอักกระอ่วน เอ่ยด้วยใบหน้าเหยเก “แล้วอย่างไร คนเราก็ต้องมีช่วงเวลาที่ความคิดเพี้ยนผิดไปบ้าง ฟังถ้อยคำตักเตือนของท่านพี่แล้ว ข้าเองก็คงไม่ทำอะไรเช่นนั้นอีกแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลาง ก็ผินใบหน้าไปทางอื่น ขอบตาแดงรื้น รีบกะพริบตารัว ๆ หวังจะไล่น้ำตาให้ไหลย้อนกลับไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า “แม้เฉิงอวี่จะวัยเพียงสองขวบ แต่เขาก็รักทะนุถนอมข้ามาก ๆ ตอนเด็กที่ข้าเคยสะดุดก้อนหิน จนตนเองหกล้มเขายังเจ็บปวดหัวใจอย่างกับอะไรดี เด็กน้อยคนนั้นด่าทอสาปแช่งเจ้าหินก้อนนั้นอยู่นานเชียว ด่าว่ามันนิสัยไม่ดี หากเขาเห็นข้าได้รับบาดเจ็บ เขาต้องเจ็บหัวใจแน่” กู้จิ่งซีฟังอยู่อย่างเงียบเชียบ แม้เขาจะอาศัยในครอบครัวที่พอจะเรียกได้ว่ารักใคร่ปรองดองกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีน้องชายแบบนี้มาก่อน เขากับพี่ชายมิได้มีความผูกพันกันแน่นแฟ้นอะไร พี่ชายทั้งสองคนแม้อาวุโสกว่า แต่ก็ยำเกรงเขา ให้ความเคารพเขามาก ความสนิทสนมใกล้ชิดจึงมีไม่เพียงพอ เขาเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “เช่นนั้นฮูหยินโปรดจำใส่ใจ อย่าให

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 171  

    ผ่านไปนานครู่ใหญ่ เมิ่งจิ่นเหยาช้อนสายตาขึ้น มองกู้จิ่งซีตาไม่กะพริบ สายตาคู่นั้นเป็นประกายจนน่าตกใจ คล้ายกับมองเห็นหญ้าฟางช่วยชีวิตในยามเข้าตาจน ก็ถามด้วยความตื่นเต้น “สำหรับเรื่องการหาเรื่องให้ผู้อื่นอารมณ์เสีย ท่านพี่มีความคิดเห็นว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” กู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยกลับมาฮึกเหิมมีพลังได้รวดเร็วเพียงนั้น ก็แอบถอนหายใจโล่งอกออกมากับตนเอง มีเรี่ยวแรงกลับมาสู้ต่อนั่นก็ดีแล้ว ท่าทางหมดอาลัยตายอยากเมื่อครู่ ทำให้กลัวว่านางจะคิดสั้นมากเสียจริง ดรุณีน้อยวัยเพียงสิบกว่าขวบ ชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น หากต้องจบลงไปแบบนั้นแล้วก็น่าเสียดายเหลือเกิน เขาครุ่นคิดบางอย่าง “ฮูหยินต้องรับความผิดโดยไม่เป็นธรรมเช่นนั้นแล้ว ถึงคราวต้องคืนความผิดนี้กลับสู่คนร้ายตัวจริง” เมิ่งจิ่นเหยามุ่นหัวคิ้วขึ้น พริบตาเดียวก็ห่อเหี่ยวลงมา “เรื่องผ่านไปตั้งสิบเอ็ดปีแล้ว เบาะแสจากเมื่อปีก่อนนั้นคงจะถูกลบเลือนจางหายไปตามเวลาแล้ว อาศัยเพียงลมปากไม่มีหลักฐาน คิดจะจับตัวคนทำผิดกลับมาคงไม่ง่ายแล้วเจ้าค่ะ” กู้จิ่งซีถาม “เรื่องนี้นอกจากเจ้าแล้ว ยังมีผู้ใดรู้อีกบ้าง?” เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “ท่านปู่รู้

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 170

    นางตอบคำถามที่กู้จิ่งซีถามมาก่อนหน้านี้ “ถูกกระทำเจ้าคะ”เมื่อกล่าวจบ น้ำเสียงของนางก็สะอื้นเล็กน้อย พลางกล่าวต่อว่า “ตอนนั้นไม่มีคนบังคับข้า เป็นเพียงความผิดพลาดที่ให้เกิดขึ้นเท่านั้น ข้าถึงได้รู้ว่าตนเองตกหลุมพรางโดยไม่ได้เตรียมตัวป้องกันเลยแม้แต่น้อย อยากจะแก้ไขแต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว”กู้จิ่งซีตอบกลับ “ผู้ที่ไม่รู้ย่อมไม่มีความผิด นั่นมิใช่ความผิดของเจ้า เป็นความผิดของผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด”“มิใช่งั้นหรือเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยากระซิบแผ่วเบา แววตาว่างเปล่า ท่าทางเหม่อลอยเล็กน้อย เมื่อนึกถึงร่างเย็นยะเยียบเล็ก ๆ ที่นอนอยู่ภายในโลงศพ ในใจของนางก็บีบรัดจนเจ็บขึ้นมา เดิมทีเฉิงอวี่ไม่จำเป็นต้องตาย“ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว”กู้จิ่งซีให้คำตอบยืนยัน เมื่อเห็นนางจมอยู่ในความโศกเศร้า โทษตนเองและรู้สึกผิด เกลียดชังอย่างถึงที่สุด ก็สามารถคาดเดาได้ว่าคนผู้นั้นจะต้องสำคัญกับนางมากเป็นแน่ จึงถามนางต่อ “มิสู้ฮูหยินลองบอกกับข้าก่อนสักหน่อยได้หรือไม่ ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองบุรุษที่อยู่อยู่ตรงหน้า คิดในใจว่าผู้ที่ชอบธรรมและน่าเกรงขามเช่นเสนาบดีกู้คงไม่แพร่เรื่องนี้อ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 169

    แม่นางน้อยนั่งอย่างงงงัน ก็ไม่รู้ว่าภายในใจกำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าอารมณ์ค่อนข้างมั่นคงกู้จิ่งซีถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน ตอนนี้สามารถบอกได้แล้วหรือไม่?”บอกอันใดเจ้าคะ?เมิ่งจิ่นเหยาเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจเหตุผลกู้จิ่งซีตอบกลับไปว่า “บอกว่าวันนี้เจ้าไปที่ไหนและทำอันใดมาบ้าง?”เมิ่งจิ่นเหยาก้มศีรษะลง เงียบงันไปชั่วครู่แล้วตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “กลับไปบ้านมารดามาเจ้าค่ะ”มีคับข้องใจปกคลุมอยู่ในน้ำเสียง รวมถึงความเกลียดชังที่ยากจะดูออกสีหน้าของกู้จิ่งซีชะงักไปชั่วครู่ ดูเหมือนแม่นางน้อยจะไม่เคยรู้สึกน้อยใจเพราะเรื่องของบ้านมารดามาก่อน เพราะว่าไม่ใส่ใจ ดังนั้นจิตใจจึงสงบนิ่งดังสายน้ำ จากนั้นจึงถามต่อว่า “เหตุใดอยู่ ๆ ถึงได้กลับไปบ้านมารดาเล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบตามความจริง “พ่อบ้านบอกว่าท่านย่าล้มป่วย จึงกลับไปดูสักหน่อยเจ้าคะ คิดไม่ถึงว่าจะทำเพื่อเรื่องอื่น น้องรองผ่านการประเมินของสำนักศึกษาหลิงซาน และใกล้จะได้ไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษาหลิงซาน เมิ่งเฉิงซิงกลับไม่ผ่านการประเมิน พวกท่านย่าของข้ารู้ว่าท่านกับหัวหน้าสำนักศึกษาหลิงซานเป็นสหายต่างวัยกัน จึงให้ข้ามาพูดกับท่าน ให้ไปห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 168

    ยามที่บุรุษดูแลใครสักคนท่าทางอ่อนโยน พิถีพิถัน การเคลื่อนไหวชำนิชำนาญ ราวกับเคยทำมาแล้วหลายครั้งหลายคราเมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะมองเห็นเงาร่างของท่านปู่ผ่านกู้จิ่งซีได้อย่างเลือนราง ท่านปู่ตามใจเพียงแค่นางเท่านั้น ไม่เพียงแต่ตัดแต่งเล็บให้นาง ยังมัดผมเป็นเปียเล็ก ๆ สองข้างให้นาง และเล่านิทานให้นางฟังด้วยกู้จิ่งซีในเวลานี้ดูคล้ายกับท่านปู่อยู่บ้าง แต่กลับไม่ใช่ท่านปู่ เขาอ่อนโยน ส่วนท่านปู่คือความรักและเมตตาเมิ่งจิ่นเหยาอยากรู้ “ก่อนหน้านี้ท่านพี่เคยดูแลเด็กอยู่บ่อยครั้งหรือเจ้าคะ?”เด็กที่นางพูด หมายถึงกู้ซิวหมิงการเคลื่อนไหวของกู้จิ่งซีหยุดชะงักไปชั่วครู่ มองดูนางพลางยิ้มแล้วกล่าวว่า “เปล่าหรอก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าดูแลเด็ก โชคดีที่เด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ก่อกวนเท่าใดนัก มิเช่นนั้นข้าคงดูแลไม่ไหว” เมื่อเมิ่งจิ่นเหยาได้ฟัง ก็ก้มหน้าลงไม่มองเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ พลางกล่าวเสียงแผ่วเบา “ท่านพี่เป็นท่านโหว จะมาดูแลผู้อื่นได้อย่างไรกัน? ให้สาวใช้มาทำให้ก็พอแล้วเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซียิ้มมุมปาก กล่าวตามเหตุตามผล “หากว่าเจ้าอยากให้สาวใช้มาดูแล จะอยู่ภายในห้องเพียงลำพังได้อย่างไร

DMCA.com Protection Status