บททั้งหมดของ หวนรักหนีลิขิต: บทที่ 301 - บทที่ 310

348

บทที่ 301

ฉันชะงักไป หัวใจเต้นแรงขึ้นทันที ราวกับว่าเวลาหยุดนิ่งลงในชั่วขณะนั้นฉันก้มลงหยิบนกกระเรียนกระดาษขึ้นมาอย่างระมัดระวัง มันนอนนิ่งอยู่ในฝ่ามือของฉัน ราวกับกำลังบอกเล่าเรื่องราวที่ยังเล่าไม่จบเรื่องราวของนกกระเรียนกระดาษตัวนี้ มีเพียงฉันและเขาเท่านั้นที่เข้าใจ การที่นกกระเรียนกระดาษตัวนี้ปรากฏขึ้นที่นี่อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หมายความว่าเขาเคยมา หรือไม่ก็เฝ้ามองการกระทำของฉันจากมุมหนึ่งอย่างเงียบ ๆฉันเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ ผู้คนเดินขวักไขว่อย่างพลุกพล่าน แต่ละคนต่างวุ่นอยู่กับเรื่องของตัวเอง ไม่มีใครสังเกตเห็นนกกระเรียนกระดาษในมือของฉันเลยสักคนอย่างไรก็ตาม ฉันกลับรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมาอย่างแรงกล้า ความรู้สึกนั้นสมจริงจนฉันไม่สามารถมองข้ามไปได้เลย“ทำไมเธอถึงเก็บนกกระเรียนกระดาษขึ้นมาล่ะ? หรือว่าเธอชอบของเล็ก ๆ แบบนี้งั้นเหรอ?”หลี่ฮ่าวเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาทั่วไป เขาไม่ได้มีความคิดซับซ้อนอะไร และยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีทางรับรู้ถึงความหมายที่นกกระเรียนกระดาษตัวนี้แฝงไว้ได้เลยดังนั้นเมื่อเขามองนกกระเรียนกระดาษในมือฉัน เขาจึงดูสับสนไม่น้อยฉันสูดหายใจลึก พยายามสงบความตื่นเต้นใน
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 302

บางทีนี่อาจไม่เรียกว่าความลับก็ได้ เพียงแค่เป็นวิธีที่เราสองคนใช้แสดงความรู้สึกต่อกันในแบบที่แตกต่างออกไปเท่านั้นเองท้ายที่สุดแล้ว อดีตเหล่านั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะรับรู้ได้ สำหรับฉัน อาจเป็นดั่งน้ำตาลที่เคลือบด้วยยาพิษกินแล้วหวานลิ้น แต่ก็อันตรายถึงชีวิต“ดูท่าทางวันนี้เธอเหม่อลอยจังเลย เหมือนมีเรื่องอะไรในใจ บางเรื่องเก็บไว้ในใจก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา ลองเล่าให้พวกเราฟังดูสิ”ในต่างแดน ฉันรับรู้ถึงความใส่ใจของทั้งสองคนเป็นพิเศษ ฉันจึงยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่ฉันยากที่จะปกปิดความรู้สึกผิดหวังในใจของตัวเอง ทว่าฉันก็คิดว่า บางเรื่องอาจลองพยายามดูก็ได้“ถ้าพวกเธอไม่มีธุระอะไร ช่วยไปห้องสมุดเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้รึเปล่า?”ฉันลุกขึ้นยืน แล้วเก็บหนังสือใส่กระเป๋า เปรยขึ้นเบา ๆหลี่ฮ่าวกับจางเสี่ยวสบตากันครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าเพื่อแสดงความยินดีที่จะไปเป็นเพื่อนฉันในห้องสมุด ฉันเดินผ่านชั้นหนังสือเพียงลำพัง ค้นหาข้อมูลที่อาจเกี่ยวข้องกับนกกระเรียนกระดาษในมือของฉันฉันรู้ว่านี่ฟังดูเหลวไหลไปหน่อย แต่สัญชาตญาณบอกฉันว่า การปรากฏตัวของนกกระเรียนกระดาษตัวนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“เธอกำ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 303

อาจเป็นเพราะชาติก่อนฉันผ่านเรื่องราวมากมาย ฉันจึงจดจำบาดแผลที่เจ็บปวดเหล่านั้นได้อย่างแม่นยำ แต่กลับลืมความทรงจำที่แสนหวานชื่นไปเสียหมดพวกเขาทั้งสองจ้องมองฉันเขม็ง ราวกับตัวชะมดในไร่แตงโม ที่อยากจะกินแตงโมลูกโตสักลูก“เมื่อก่อนฉันพับนกกระเรียนกระดาษไม่เป็น จนกระทั่งต่อมาฉันได้เรียนรู้วิธีพับนกกระเรียนกระดาษ ตอนนั้นพี่สาวข้างบ้านที่สอนฉันพับบอกว่านกกระเรียนกระดาษเป็นสิ่งที่ใช้สื่อถึงความคิดถึง”วัยเยาว์ไม่รู้จักความรักคืออะไร จึงไม่เข้าใจว่าความคิดถึงนั้นจะมีพิษร้ายเพียงใดความคิดถึงแต่เดิมก็เป็นยาพิษที่ไร้ทางแก้ และความคิดถึงที่ฝังลึกถึงกระดูกยิ่งยากที่จะถอนออก“ในสมัยที่ฉันยังเป็นนักเรียน ฉันเคยชอบคนที่โดดเด่นมากคนหนึ่ง เขาโดดเด่นในทุกด้าน ฉันรู้สึกละอายใจในตัวเอง แต่ฉันก็ชอบความรู้สึกของการได้อยู่เคียงข้างดวงอาทิตย์ ถึงขนาดที่ฉันอยากจะไล่ตามแสงสว่างของเขา”ตอนนั้นฉันพบว่าเขาชอบอ่านหนังสือต่างประเทศมาก เพราะเขาต้องการฝึกฝนความสามารถพิเศษของเขา จึงเลือกที่จะอ่านหนังสือเหล่านั้นจนกระทั่งต่อมาฉันพบว่าเขาเลือกอ่านหนังสือในภาษาต้นฉบับเล่มหนึ่ง และดูเหมือนเขาจะหวงแหนหนังสือเล่มนี้ม
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 304

จางเสี่ยวและหลี่ฮ่าวสบตากัน พวกเขาดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของฉัน แต่กลับไม่รู้ว่าจะปลอบโยนอย่างไรดีแสงไฟในร้านเหล้าค่อย ๆ หรี่ลง เหลือเพียงแสงจันทร์และไฟถนนจากนอกหน้าต่างที่ส่องเข้ามา ให้ความสว่างแก่มุมเล็ก ๆ ที่พวกเราอยู่เสียงดนตรีก็ค่อย ๆ เบาลง ราวกับว่าทั้งโลกกำลังเงียบงันเพื่อเรื่องราวของพวกเราฉันยกแก้วขึ้นจิบเบา ๆ ของเหลวที่ขมปร่าคลออยู่บนปลายลิ้น ราวกับความขมขื่นในหัวใจของฉัน“ฉันเคยคิดว่าขอแค่ฉันทุ่มเทมากพอ เขาก็จะรับรู้ถึงความในใจของฉัน แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าในใจของเขามีคนอื่นอยู่แล้ว” ฉันยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะจางเสี่ยวและหลี่ฮ่าวต่างนิ่งเงียบ พวกเขารู้ว่าตอนนี้คำพูดใด ๆ ก็ล้วนเกินความจำเป็นฉันสูดหายใจลึก ๆ แล้วพูดต่อว่า “หลังจากนั้น ฉันถึงค่อย ๆ เข้าใจว่าความรักไม่ได้เกิดจากการทุ่มเทฝ่ายเดียวเพื่อให้ได้มา มันต้องการความรู้สึกร่วมกันทั้งสองฝ่าย ต้องการความเข้าใจและการให้อภัยซึ่งกันและกัน แต่ฉันกลับจมอยู่ในโลกของตัวเอง ทุ่มเททุกอย่างโดยไม่สนใจความรู้สึกของเขาเลย”พูดมาถึงตรงนี้ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองปล่อยวางได้แล้วแม้ในใจจะยังมีความเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 305

แต่โชคชะตามักชอบเล่นตลกกับคนเสมอ ตอนที่ฉันคิดว่าตัวเองได้ตัดขาดกับเขาแล้ว เขากลับเข้ามาในโลกของฉันอย่างเงียบ ๆ และเริ่มโจมตีฉันด้วยวิธีที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อนคืนนั้นพวกเราดื่มกันไม่น้อยที่บาร์เล็ก ๆ แม้ว่าจะเป็นไวน์ผลไม้ แต่ก็มีแอลกอฮอล์อยู่พอสมควรพวกเราต่างก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว และสามารถรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองได้ ดังนั้นพวกเราจึงดื่มเพิ่มอีกสองสามแก้วเพื่อทดสอบความกล้ากันจนกระทั่งดื่มจนรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย ฉันจึงต้องยอมเลิกดื่ม แต่การกลับไปคนเดียวมันอันตรายมาก พวกเราทั้งสามคนจึงต้องกลับไปด้วยกัน“พวกเธอสองคนรอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อน แล้วค่อยไปจ่ายเงินพร้อมกัน”ฉันรู้สึกว่าท้องเริ่มอืดเล็กน้อย แถมยังมึนหัวจนมองอะไรไม่ค่อยชัด ถึงขั้นเดินไม่ค่อยมั่นคง ต้องพิงผนังไปตลอดทางจนถึงห้องน้ำเหล้าของประเทศเมเปิลแลนด์ทั้งหวานทั้งอร่อย แต่ก็มีดีกรีที่สูงมาก เหมือนกับกับดักที่หอมหวานฉันพิงอ่างล้างมือ มองตัวเองในกระจก ใบหน้าเผยให้เห็นอาการมึนเมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความเข้มแข็งในใจได้ขณะที่ฉันกำลังจะเดินออกไป เงาร่างคุ้นเคยก็ผ่านหน้าประตูไปอย่างรวดเร็ว ฉันชะงัก
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 306

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยมือจากฉัน สายตาของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน ทั้งความอาลัย ความจำยอม และยังมีแววแห่งความมุ่งมั่นบางอย่างที่ฉันไม่อาจเข้าใจ“นายรู้ไหม? คุณย่าคือญาติคนเดียวของฉัน แต่นายกลับเลือกปกป้องฆาตกร”ฉันมักจะนึกถึงฉากแห่งความเจ็บปวดในตอนนั้นอยู่เสมอเฉินเยวี่ยฆ่าคุณย่าของฉัน แต่เธอกลับยังลอยนวลหนีไปได้ ขณะที่ฉันต้องทนทุกข์ทรมาน ถูกความเจ็บปวดกัดกินซ้ำแล้วซ้ำเล่า“นายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงรักนายไม่ได้? เพราะทุกครั้งที่ฉันเห็นนาย ฉันจะนึกถึงคุณย่า ฉันเจ็บปวดมาก ได้โปรดอย่ามาปรากฏตัวในโลกของฉันอีกเลย ขอร้องล่ะ อย่าทำให้ฉันต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้อีกเลย”ฉันหลับตาลง พยายามลบความทรงจำอันแสนเจ็บปวดเหล่านั้นออกจากหัว แต่ทุกครั้งที่พยายาม มันกลับยิ่งฝังลึกลงไปในใจมากขึ้นทุกครั้งที่นึกถึงคุณย่า หัวใจของฉันเหมือนถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ เจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออกและชายคนที่ฉันเคยรัก ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวเหมือนกับการโรยเกลือบนแผลของฉัน ทำให้ฉันไม่สามารถหายจากความเจ็บปวดได้ฉันไม่รู้ว่าเขาหาเจอฉันได้อย่างไร และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังมาปรากฏตัวในชีวิตของฉันอีกแต่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 307

ฉันขอบคุณทั้งสองคนที่เป็นห่วง แล้วตัดสินใจไปชงชาร้อนสักแก้ว เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น และปลอบโยนหัวใจตัวเองด้วยฉันเดินเข้าไปในครัว เปิดกาต้มน้ำ แล้วนั่งลงที่โต๊ะอาหาร เริ่มครุ่นคิดถึงความฝันเมื่อคืนนั่นไม่เหมือนความฝันเลย ราวกับเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แต่ฉันก็ไม่อยากคิดมากไปกว่านี้แล้วแต่เมื่อกี้ตอนที่ฉันแยกกับพวกเขาสองคน ฉันสังเกตเห็นได้ชัดว่าในสายตาของพวกเขามีความลังเลและท่าทีหลบเลี่ยงอยู่เล็กน้อยหรือว่าพวกเขาสองคนมีความลับบางอย่างปิดบังฉันอยู่?แต่พอฉันคิดถึงคนที่ฉันรัก ซึ่งสามารถพบเจอได้แค่ในความฝันเท่านั้น ฉันก็รู้สึกถึงความเศร้าจับใจแต่ความรักก็เป็นสิ่งที่เลื่อนลอยอยู่แล้ว ยิ่งพยายามจะไขว่คว้า ก็ยิ่งหลุดลอยไปเวลาเพียงแค่พริบตาเดียว ก็ล่วงเลยมาถึงยามค่ำคืนแล้วฉันเพิ่งเก็บข้าวของเสร็จเตรียมตัวที่พัก ก็เห็นแสงสว่างปรากฏขึ้นไม่ไกลทันใดนั้น ฉันก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินอยู่ด้วยกัน“นักศึกษากู้ นายนี่เก่งจริง ๆ เลยนะ!”เด็กสาวที่มัดผมหางม้าสวมชุดกระโปรงสีขาว มองไปที่ชายหนุ่มข้างกายด้วยสายตาอ่อนโยนและชายคนนั้น กลับกลายเป็นกู้จือโม่!สิ่งที่ฉันคิดว่าเป็นเพียงควา
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 308

ฉันควรอวยพรให้เขา อวยพรให้เขาได้พบกับความสุขที่แท้จริงของตัวเขาเองฉันกลับมาที่ห้องพักเล็ก ๆ ของตัวเอง เปิดหน้าต่างออก ปล่อยให้สายลมยามค่ำคืนพัดพาอากาศสดชื่นเข้ามาในห้องฉันมองดูทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สว่างไสวภายนอกหน้าต่าง หัวใจค่อย ๆ สงบลงทีละน้อยใช่แล้ว ทุกคนมีทางเลือกของตัวเอง ฉันไม่ควรใช้ความเห็นแก่ตัวของตัวเองไปผูกมัดอิสรภาพของผู้อื่นฉันไปเรียนตามปกติ พยายามทำให้ตัวเองดูเหมือนเดิมที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ฉันรู้ดีว่า ภายในจิตใจของฉันได้เปลี่ยนไปแล้วในหัวของฉันมีแต่ภาพของทั้งสองคนที่อยู่ด้วยกันปรากฏขึ้นซ้ำ ๆ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลกที่แอบมองชีวิตของคนอื่น และยิ่งไปกว่านั้น ฉันเหมือนเป็นบุคคลที่สามที่ไม่ได้รับความรักแม้แต่น้อยแต่ทั้งหมดนี้มันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ? ฉันได้ก้าวออกจากวงจรนี้ไปแล้วถอนหายใจยาว ฉันความรู้สึกหนักอึ้งในใจ ราวกับตัวเองถูกตัดสินโทษประหาร หรือไม่ก็ร่วงหล่นลงไปในห้วงลึกของหุบเหวลึกฉันเดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ และในตอนนั้นเอง อาจารย์ก็พาสองใบหน้าที่คุ้นเคยเข้ามาด้วยคือกู้จือโม่กับเด็กสาวคนนั้นที่ฉันเห็นเมื่อคืน ทั้งสองย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 309

การที่คนสองคนมาที่ชั้นเรียนของฉันไม่ได้ทำให้ชีวิตของฉันเกิดความเปลี่ยนแปลงมากนัก ฉันยังคงรักษาท่าทีของตัวเองไว้เหมือนเดิมตั้งแต่วันนั้นที่ตกลงกันว่าจะเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน เราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย และหลังจากนั้นฉันก็ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการเรียนอย่างเต็มที่อาจารย์ให้โอกาสที่ดีให้ฉัน โดยฉันจะได้เข้าร่วมงานนิทรรศการเดินสายครั้งต่อไป“การมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นี่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการออกไปเปิดโลกทัศน์ ฉันได้หาโอกาสให้เธอแล้ว แล้วฉันก็ส่งผลงานของเธอไปด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะผ่านการคัดเลือกหรือเปล่า”สถานะของพวกเรา นับว่าค่อนข้างลำบาก หากอยากจะยืนหยัดได้จริง ๆ ก็จำเป็นต้องมีผลงานที่โดดเด่นให้คนยอมรับตอนนี้ฉันยังอยู่ในช่วงฝึกฝนเท่านั้น จึงให้ความสำคัญกับโอกาสแบบนี้มาก ถึงแม้จะไม่ได้รับคัดเลือก แต่การได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดี“ขอบคุณสำหรับโอกาสอันมีค่านี้นะคะ ฉันจะตั้งใจคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ดีที่สุด และในอนาคตฉันจะเดินบนเส้นทางสายการออกแบบในแบบที่เป็นตัวของตัวเองให้ได้ค่ะ”การที่ฉันได้รับโอกาสนี้มาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นฉันรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก ซึ่งสิ่งนี
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 310

โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่างประเทศ และหลาย ๆ เรื่องก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะสามารถควบคุมได้การที่เขากล้าลอกผลงานอย่างโจ่งแจ้ง และใช้วิธีการแบบนี้ หมายความว่าเขารู้ถึงความสามารถของฉันมานานแล้ว อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับนักเรียนตัวเล็ก ๆ อย่างฉันเลยสิ่งนี้ทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างมาก และขณะเดียวกันก็รู้สึกหวาดกลัวด้วยการลอกเลียนแบบอย่างโจ่งแจ้งนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าเบื้องหลังของเธอไม่ธรรมดาเลยสีหน้าของทั้งสองคนดูไม่สู้ดีนัก ราวกับว่าพวกเขารู้สึกเห็นใจต่อสิ่งที่ฉันต้องเผชิญ“การลอกเลียนแบบอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ก็แปลว่าเขาไม่ได้เห็นหัวเธอเลยไม่ใช่เหรอ? เรื่องนี้ฉันว่าควรจะบอกอาจารย์หลินสักหน่อยนะ”หลี่ฮ่าวดูเหมือนจะมั่นใจมาก แต่ฉันรู้ดีว่าถ้าหากเรื่องนี้ถูกยกระดับไปถึงระดับอาจารย์ มันคงจะไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว“ฉันคิดว่าเราควรรอดูสถานการณ์ก่อน ว่าผู้จัดงานจะพูดว่าอย่างไร เพราะท้ายที่สุดแล้วเราก็เป็นคนนอก และอาจารย์เองก็อาจจะช่วยเราไม่ได้”สำหรับสถานการณ์แบบนี้ ฉันมักจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มก่อเรื่องก่อน แต่ก็ไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนคนน
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
2930313233
...
35
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status