บททั้งหมดของ แต่งกับขุนนาง: บทที่ 151 - บทที่ 160

178

บทที่ 151

ร่างของนางเสียวซ่านชาไปทั้งร่าง รู้สึกราวกับตนเป็นไข่ไก่ที่ถูกปอกเปลือกออก เผยให้เห็นผิวขาวเนียนนุ่ม แม้แต่สติก็ถูกกลืนกินไปพร้อมกันจนสิ้นไม่รู้เพราะเห็นใจที่เป็นครั้งแรกของนางหรืออย่างไร ท่วงท่าของเขาอ่อนโยนเป็นพิเศษ ต่างจากตอนที่จูบนางเมื่อครู่ราวกับเป็นคนละคน คล้ายกับมีความอาลัยอาวรณ์ไม่รู้จบเสื้อผ้าร่วงลงที่พื้น ความหนาวเย็นปะทะเข้าที่ผิวหนังลู่เหิงจือดึงผ้าห่มมาห่อร่างของทั้งสองคนไว้ จากนั้นก็แก้มัดมือทั้งสองข้างของนางมือของเขาค่อยๆ เลื่อนลงไปเบื้องล่าง ซูชิงลั่วเอ่ยถามเสียงเบา : "จะ...เจ็บมากหรือไม่"นางจำได้ว่าท่านยายเตรียมยาไว้ให้นางโดยเฉพาะเขาตอบเบาๆ : "อาจจะเจ็บบ้าง ไม่ต้องกลัว"คล้ายกับกำลังเกลี้ยกล่อมนางคล้องคอเขาไว้โดยไม่รู้ตัว มองเขาด้วยดวงตาที่เปียกชุ่ม : "พี่สาม"เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะจูบลงไปที่ซอกคอของนาง "เรียกท่านพี่"“……”นางกัดริมฝีปาก มือเผลอคว้าแผ่นหลังของเขาไว้โดยไม่รู้ตัว น้ำตาพลันไหลออกมาเป็นสายเขารีบหยุดทันทีที่รู้สึกได้ : "เจ็บหรือ"นางพยักหน้าด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจแต่ก็รู้อยู่ว่า เกิดเป็นหญิง อย่างไรก็ต้องเจอเรื่องเช่นนี้เข้าสักวั
Read More

บทที่ 152

ช่วงกลางวัน ซูชิงลั่วนอนหลับตลอดทั้งบ่าย คราวนี้แม้จะซุกอยู่ในอ้อมกอดลู่เหิงจืออย่างไรก็นอนไม่หลับ จึงพลิกตัวหันไปมองเขาเทียนดับไปแล้ว ค่ำคืนนี้ไม่มีพระจันทร์ ยามดึกกลางเขามืดสนิท แม้แต่ใบหน้าของเขาก็เห็นไม่ชัด รู้สึกได้ถึงเพียงแค่ลมหายใจของเขารดอยู่ตรงหน้านางค่ำคืนบนภูเขาเงียบสงบกว่าปกติซูชิงลั่วรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวราวกับโลกทั้งใบมีเพียงแค่พวกเขาสองคนความรู้สึกเช่นนี้ทำให้นางเปิดใจอย่างง่ายดาย นางซุกไซ้ไปที่ซอกคอของลู่เหิงจือพลางเอ่ยถาม : "ท่านรู้สึกเสียดายใช่หรือไม่"น้ำเสียงของลู่เหิงจือบ่งบอกถึงความง่วงอย่างชัดเจน : "อืม""คือ...คราวก่อนที่กระท่อมไม้ไผ่ ท่านไม่ได้แตะต้องข้า ที่จริงแล้วท่านรู้สึกเสียดายใช่หรือไม่ ท่านถึงได้จงใจให้ข้าค้างคืนที่นี่" น้ำเสียงของนางฟังดูปลาบปลื้มดีใจเป็นอย่างยิ่งลู่เหิงจือไม่ได้พูดอะไรหญิงสาวในอ้อมกอดดูเหมือนจะยิ่งได้ใจกว่าเดิม : "ท่านอยากจะสัมผัสข้าตั้งแต่ยามนั้นแล้วใช่หรือไม่ ภายนอกท่านแสร้งทำเป็นเฉยชาและรู้จักหักห้าม ทั้งผลักไสข้าทั้งยืนอยู่นอกหน้าต่างจงใจไม่มองข้า แสร้งทำเป็นบุรุษผู้มีศีลธรรม ที่จริงแล้วท่านแทบจะทนไม่ไหวแล้วใช่หรือ
Read More

บทที่ 153

ลู่เหิงจือเลิกคิ้ว : "แต่หากข้าไม่ได้แตะต้องเจ้า ข้าจะต้องเสียดาย""ข้าจะทนไม่ไหว แล้วข้าก็ไม่อยากแสร้งทำตัวเป็นบุรุษมีศีลธรรมแล้ว"“……?”เหตุใดประโยคนี้ถึงได้คุ้นหูเพียงนี้เขาก้มลมจูบที่ติ่งหูของนางเบาๆ แล้วกระซิบข้างหู : "ฉะนั้นเจ้าอย่าส่งเสียง"ซูชิงลั่วหลับตาลงเล็กน้อย นึกถึงหน้าร้อนที่จินหลิง อากาศร้อนชื้นและอบอ้าว ทั้งร่างเหนียวเหนอะหนะ และชุ่มไปด้วยเหงื่อแต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีเวลาแล้ว แม้เขาจะไม่พอใจ แต่ก็ต้องหักห้ามใจเพียงเท่านั้น พลันปล่อยนางออกอย่างรวดเร็ว แล้วลุกไปแต่งตัวซูชิงลั่วเม้มริมฝีปาก ยื่นมือออกไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมอย่างเงียบๆตอนที่ลู่เหิงจือออกไป ซ่งเหวินได้นำอาหารเช้าที่วัดเตรียมไว้มาให้แล้ว เพียงแต่เย็นชืดหมดแล้วเขาเองก็คิดไม่ถึงว่า ใต้เท้าของเขาจะตื่นสายไปครึ่งชั่วยามเสียได้ หรือนี่ก็คือ "ค่ำคืนในฤดูใบไม้ผลิแสนสั้น ลืมตาตื่นยามตะวันโด่ง" ดังตำนานว่าไว้เขาไม่อยากจะคิดเรื่อยเปื่อย รีบอุ่นข้าวเช้าให้ร้อนอีกครั้งตอนที่ซูชิงลั่วแต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยแล้วออกมา ก็พบภาพที่คุ้นตาลู่เหิงจือสวมชุดสีฟ้าอ่อน ทับด้วยเสื้อคลุมสีขาวดุจแสงจันทร์ ยืนอยู่ท่ามก
Read More

บทที่ 154

หลังจากนั้นก็เป็นเสียงพูดเย้านางของนางเฉียนและนางเหอดังขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเสียงหัวเราะของจี้หยินจูอีกด้วยวันนี้เหตุใดถึงได้อยู่พร้อมหน้ากันเพียงนี้ซูชิงลั่วยืนกระอักกระอ่วนอยู่ในสวนอยู่ครู่หนึ่ง ตั้งใจจะกลับไปก่อน รอให้คนเหล่านี้กลับไปแล้ว นางค่อยมาคาราวะหญิงชราใหม่อีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าพอหันกลับไปก็ได้ยินเสียงเยว่เออร์ที่เพิ่งเดินออกมาตะโกนเรียกนาง : "เอ้ะ นายหญิงสามมาแล้ว นายหญิงเฒ่ากำลังสั่งให้ข้าไปเชิญท่านมาอยู่เลย"นางจึงทำได้เพียงแค่จำใจเดินเข้าไปนางเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม : "เขินอายเรื่องใด เหิงจือเอ็นดูเจ้าเป็นเรื่องดี พอหลายปีผ่านไป หากเขาไม่เอ็นดูเจ้าแล้ว กลัวแค่ว่าเจ้าจะไม่มีที่ให้ร้องไห้ด้วยซ้ำไป"หญิงชราเอ่ย : "ห้ามพูดเหลวไหล"นางเฉียนรีบทำท่าตบปาก : "ดูปากของข้าสิ"เพียงแต่นางเป็นเช่นนี้มาตลอด ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมใด หญิงชราจึงไม่ได้ตำหนินางมากรู้ว่าซูชิงลั่วหน้าบาง หญิงชราจึงสั่งให้ทุกคนออกไป แล้วพูดคุยกับนางตามลำพังก่อนจะออกไป จี้หยินจูจงใจหันมามองนางปราดหนึ่ง แล้วส่งสายตากรุ้มกริ่มให้ซูชิงลั่วพลันหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ถูกหญิงชราจูงมือไป"พวกเจ้
Read More

บทที่ 155

นางใจเย็นขึ้นทุกครั้งเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ทั้งยังเริ่มที่จะออดอ้อนแล้วลู่เหิงจือขยับเข้าไป แนบติดอยู่กับหน้าผากของนางซูชิงลั่วลนลานไปชั่วขณะลู่เหิงจือพูดด้วยเสียงแหบเครือ : "เช่นนั้นเจ้าก็มองให้ชัด"นางผลักเขาออก : "ท่านกินข้าวให้ดีๆ เถอะ"ลู่เหิงจือหัวเราะเบาๆ โชคดีที่กินข้าวมื้อนี้กับนางจนเสร็จเรียบร้อยดีได้หลังจากกินข้าว แน่นอนว่าต้องบอกให้นางอยู่กับเขาต่อซูชิงลั่วช่วยเขาฝนหมึกอย่างรู้งาน แล้วก็อดมองเขาอีกไม่ได้ ภายในหัวค่อยๆ ร้อยเรียงเครื่องหน้าของเขาอย่างพิถีพิถัน พยายามจะวาดให้เหมือนทุกครั้งที่ลู่เหิงจือเหลือบไปมอง จะเห็นนางจ้องเขาอยู่ตลอดแววตาของเขาพลันมืดดำลงมาเล็กน้อย วางพู่กันลง เอื้อมแขนไปดึงนางมานั่งบนตักซูชิงลั่วไม่ทันระวังตัว เผลอร้องเสียงหลงออกมา ด้วยกลัวว่าจะล้มจึงใช้ฝ่ามือค้ำโต๊ะเอาไว้ พลันนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีในการสังเกตเขา จึงรีบเงยหน้าขึ้นมามองเขาอยู่ใกล้กันจนมองเห็นกระทั่งแพขนตาที่หนาและยาวของเขา แต่ละเส้นคมชัด หางตาของเขาเรียวยาวเล็กน้อย เป็นดวงตาที่ใสสะอาดมากทั้งยังสามารถเห็นนางในดวงตาของเขาได้ลู่เหิงจือสบตานาง ระหว่างที่กำลังจ
Read More

บทที่ 156

ซูชิงลั่วกลับเข้าห้องแล้วจุดเทียนไข จากนั้นก็หยิบภาพวาดแผ่นเดิมออกมาจากกระบอก และใช้ความทรงจำอันสดใหม่ค่อยๆ เติมส่วนคิ้ว ตา หู จมูกของเขาลงไป......ระหว่างวาดไปครึ่งทางก็เผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัวลู่เหิงจือขณะจากไปไม่แม้แต่จะเหลียวมองนาง สำหรับเขาแล้ว แทบจะเรียกได้ว่าไร้เยื่อใยเลยด้วยซ้ำ ไอ้ผู้ชายสารเลว! รังแกนางเสร็จก็เดินหนีไปเลยเมื่อรู้ตัวว่าเกือบจะวาดเพี้ยนไปแล้วก็รีบตั้งสมาธิใหม่ จุดกระบนปลายจมูกของเขา แล้วก็เขียนริมฝีปากของเขาลงไปหลังจากวาดเสร็จก็ตรวจดูอย่างละเอียด พยักหน้าด้วยความพอใจอย่างมากคอเมื่อยมาก เมื่อถามจื๋อหยวนที่นั่งหาวอยู่ข้างๆ ไม่หยุด ก็ทราบว่ายามจื่อแล้ว ลู่เหิงจือยังไม่กลับมาตอนดึกขนาดนี้...ดึกขนาดนี้ ลู่เหิงจือยังไม่กลับมา...ซูชิงลั่วรู้สึกห่อเหี่ยวใจและไม่มีแรงจะทำอะไรต่อนางอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จแล้วก็รอคอยอย่างดื้อรั้น บอกให้จื๋อหยวนไปนอนก่อน แล้วนั่งเย็บเสื้อคลุมตัวนั้นที่ยังขาดแขนอีกครึ่งตัวใต้แสงเทียนเมื่อเย็บชุดตามแบบที่ต้องการเสร็จแล้ว ก็เหลือเพียงปักลายชุดสีขาวนวลปักด้วยด้ายทองอร่ามนั้นงดงามที่สุด เมื่อสวมใส่บนร่างกายของลู่เหิงจือ ทำให้เขา
Read More

บทที่ 157

“ยังตกลงอะไรกันไม่ได้เลย ต้องหาวิธีกันต่อไป องครักษ์ลับบอกว่าคุณหนูใหญ่เมิ่งไม่ต้องการทำร้ายใคร แต่ว่าพระชายาองค์รัชทายาทต้องเป็นคนของตระกูลเมิ่ง จะให้องค์ชายและฮองเฮาเปลี่ยนพระทัยเป็นไปไม่ได้”ซูชิงลั่วครุ่นคิดครู่หนึ่งและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปมาหาสู่นางบ่อยๆ แล้วถามความคิดที่แท้จริงของนางดูว่าจะมีโอกาสอะไรบ้างหรือไม่”“ก็ได้” ลู่เหิงจือโอบนางจากด้านหลัง เสียงของเขามีรอยยิ้มแฝงอยู่เล็กน้อย “ไม่แปลกใจเลยที่เขาว่ากันว่าการเลือกคู่ครองควรเลือกคนที่ฉลาดและมีความสามารถ”ซูชิงลั่วใบหน้าแดงก่ำ ไม่ได้ตอบอะไรวันรุ่งขึ้น ลู่เหิงจือยังคงยุ่งอยู่ ซูชิงลั่วจึงชวนเมิ่งชิงไต้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกทั้งสองคนไปเดินเล่นที่ร้านขายเครื่องประดับและร้านขายด้ายด้วยกัน พอถึงยามเที่ยง ก็ไปกินอาหารที่กุยหยวน ซึ่งเป็นสวนที่ตั้งอยู่ชานเมือง และเปิดให้เฉพาะขุนนางและชนชั้นสูงเท่านั้นในเขตชานเมืองมีทะเลสาบเทียมแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในสมัยของจักรพรรดิองค์ก่อนกุยหยวนมีทั้งหมดสามชั้น สร้างอยู่ริมทะเลสาบ เมื่อเปิดหน้าต่างออกไปก็จะเห็นทะเลสาบ และทิวทัศน์สวยงามมากนั่งอยู่ในห้องแยกชั้นสอง ซูชิงลั่วอดกระซิบถา
Read More

บทที่ 158

เซี่ยถิงอวี่ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว โยนนางโลมในอ้อมแขนลงไปกองกับพื้น ก้าวไปอีกห้องแล้วกระโดดตามลงไปซูชิงลั่วใจเต้นเร็วมาก รีบกระซิบให้จื๋อหยวนว่า “เจ้ารีบไปเรียกคนของเราให้ขี่ม้ากลับไปบอกพี่สามโดยเร็วที่สุด!”นางร้องไห้ด้วยความร้อนรน รีบวิ่งลงบันไดไปยังริมทะเลสาบ ทะเลสาบเทียมขนาดใหญ่แห่งนี้กำลังจะเข้าฤดูหนาว น้ำในทะเลสาบเย็นยะเยือก หากพี่เมิ่งเกิดอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไรดีหลายคนได้ยินเสียงดังก็แตกตื่น ตวนอ๋องก็รีบเดินเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรนและพูดว่า “ข้าบอกแล้วว่าหน้าต่างของกุยหยวนสร้างต่ำไปหน่อยเพื่อให้คนชมทะเลสาบ สักวันก็ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ ดูสิ!”พูดพลางก็กระทืบเท้าไปด้วยผู้คนมามุงดูกันมากขึ้น แต่โชคดีที่ตวนอ๋องรู้ว่าเมิ่งชิงไต้มีสถานะไม่ธรรมดา จึงสั่งให้คนปิดกั้นบริเวณนั้น ยกเว้นซูชิงลั่ว คนอื่นๆ จึงมองดูได้แต่ไกลโชคดีที่ไม่นาน เซี่ยถิงอวี่ก็อุ้มคนขึ้นมาจากน้ำทั้งสองเนื้อตัวเปียกปอน เซี่ยถิงอวี่กดหน้าอกของเมิ่งชิงไต้ไม่หยุด ไม่นานเมิ่งชิงไต้ก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาเซี่ยถิงอวี่ก็รีบโอบนางเข้ามากอดทันที"เจ้าโง่หรือเปล่าเนี่ย" เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อยเมิ่งชิงไต้เพียงยิ้มบ
Read More

บทที่ 159

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูชิงลั่วก็เตรียมตัวจะลุกขึ้น แต่ลู่เหิงจือยกมือห้ามไว้ “ไม่ต้อง ต่อไปนี้เรื่องของที่นี่เจ้าไม่ต้องหลบอีกแล้ว”ซูชิงลั่วอดโค้งริมฝีปากยิ้มไม่ได้“ไม่ต้องหลบทุกเรื่องเลยหรือ” นางถามพลางกัดส้มหนึ่งกลีบ “แล้วหากหลังจากนี้ท่านอยากรับอนุชายาล่ะ”ลู่เหิงจือขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดนางถึงเปลี่ยนเรื่องไปพูดถึงเรื่องรับอนุชายาได้ แต่เขาก็ยิ้มออกมา แล้วลุกขึ้นอย่างช้าๆ เดินไปหลังฉากกั้น ก่อนจะเอื้อมมือไปบีบปลายคางของนาง “เรื่องที่ข้าจะรับอนุชายาไม่มีแม้แต่เงา เจ้าเริ่มหึงหวงแล้วรึ”เขาก้มศีรษะจูบริมฝีปากของนางทันที แล้วกระซิบว่า “ข้ายังไม่ได้บอกเจ้าหรือ ข้าจะไม่รับอนุชายา”ซูชิงลั่วใบหน้าแดงก่ำรีบผลักเขาออกไป “ท่านยังมีคนต้องพบ…”แต่เขาก็จับคางของนางไว้ไม่ให้ขยับ “ฉางชิงเป็นผู้ฝึกยุทธ เจ้าอย่าส่งเสียงล่ะ”“……”นางจึงได้แต่นิ่งเงียบ ไม่ขัดขืนและยอมให้เขาข่มเหงบนเก้าอี้หวายครู่หนึ่ง จูบจนริมฝีปากของนางชา เขาถึงลุกขึ้นยืน มองมาที่นางด้วยรอยยิ้ม แล้วเรียกคนข้างนอกเข้ามาเมื่อฉางชิงเดินเข้ามา เขาแอบเหลือบมองไปที่ฉากกั้นก่อน แล้วรายงานเรื่องการทุจริตของผู้ตรวจการมณฑลเ
Read More

บทที่ 160

เข้าเดือนพฤศจิกายนแล้ว ลมก็เริ่มหนาวเย็นขึ้นมาเรื่อยๆแต่ซูชิงลั่วกลับวิ่งกลับห้องด้วยใบหน้าแดงก่ำ เพราะความเขินอายจนต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดบังใบหน้าจื๋อหยวนถามนางว่า “ฮูหยินเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ”ซูชิงลั่วชี้ไปที่ประตูราวกับเป็นขโมยแล้วตอบว่า “เจ้าคอยอยู่ข้างนอก อย่าให้ใครเข้ามา”จื๋อหยวนค่อนข้างงุนงง แต่ก็เดินไปอย่างเชื่อฟังซูชิงลั่วบิดผ้าเช็ดหน้าอยู่ในมือ กัดริมฝีปากล่างจนเจ็บแต่คิดไปคิดมา ก็ยังเปิดหีบ ค้นหาในกองเสื้อผ้าจนเจอสมุดสองเล่ม ปิดตากัดฟัน แล้วเปิดเล่มที่สองที่ท่านยายมอบให้พักใหญ่ถึงกล้าเปิดตาเอ๊ะ? ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คาดคิดไว้ คนทั้งสองสวมเสื้อผ้าอยู่ยิ่งดูก็ยิ่งเห็นว่าของที่ออกมาจากวังนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ คนคนนี้วาดได้สมจริงมากเลยนะ ทั้งรูปหน้าที่คมชัดและชัดเจน ไม่รู้ว่าเอาหมึกมาผสมอย่างไรและใช้พู่กันอย่างไรถึงได้วาดได้เช่นนี้ซูชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะศึกษาอย่างตั้งใจ ใช้มือวาดไปมาในอากาศ จนกระทั่งลู่เหิงจือถือกล่องอาหารเข้ามา นางก็ยังไม่รู้ตัวลู่เหิงจือถอดเสื้อคลุมโยนไปที่ฉากกั้นแล้วหันมาหานาง พร้อมกับเรียกให้นางไปกินข้าวซูชิงลั่วยกมือขึ้นพลางพูดว่า “รอก่อน
Read More
ก่อนหน้า
1
...
131415161718
DMCA.com Protection Status