บททั้งหมดของ แต่งกับขุนนาง: บทที่ 91 - บทที่ 100

178

บทที่ 91

ลู่เหิงจือเตรียมสินสอดถึงหนึ่งร้อยแปดสิบแปดหีบเลยหรือเวลาสั้นเพียงนี้ทำได้อย่างไรกัน สินเดิมของนางก็รวมได้หนึ่งร้อยยี่สิบหีบจื๋อหยวนเห็นนางทำสีหน้าประหลาดใจ จึงรีบเอ่ยว่า “จะมีอะไรให้แปลกใจหรือ นายท่านคงคิดจะแต่งงานกับแม่นางมานานแล้ว ตั้งแต่สามเดือนก่อนก็เตรียมสินสอดเกือบครบแล้ว” ซูชิงลั่วเม้มริมฝีปากเขิยอาย คงเป็นได้แค่เช่นนี้ ไม่นานนัก สาวใช้ข้างกายเจียงหมัวมัวก็มาเคาะประตูและส่งอาหารมาให้ ไม่อาจให้คนนอกเห็นใบหน้าเจ้าสาว ฉู่หมัวมัวจึงเดินไปเปิดประตูด้วยตนเอง รับกล่องอาหารเข้ามาแล้วปิดประตู นางจัดวางอาหาร “ข้างนอกมีแขกจำนวนมาก นายท่านคงเข้ามายามดึกเลย ยังเช้าอยู่ แม่นางกินรองท้องก่อน” ซูชิงลั่วพยักหน้า หยิบตะเกียบขึ้นมาเอ่ยถามต่อว่า “แล้วพวกเจ้าล่ะ” ฉู่หมัวมัวอุทาน “ไอ้หยา” ออกมา “ไม่แปลกใจเลยที่ลือกันว่าแม่นางจิตใจดี เวลานี้ยังนึกถึงพวกข้าอีก ไม่เคยได้ยินว่าคุณหนูตระกูลใดออกเรือนแล้ว หมัวมัวและสาวใช้ข้างกายจะได้กินข้าวในวันนั้น เพราะคงยุ่งจนไม่มีเวลาได้ดื่มน้ำด้วยซ้ำ ท่านกินของท่านไปเถอะ วันนี้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอื่น” ซูชิงลั่วจึงปิดปากชั่วคราว ก้มศีรษะกินข้าวอา
Read More

บทที่ 92

คู่เทียนแดงส่องแสงระยิบระยับอย่างเงียบสงบ และภายใต้แสงสลัว ใบหน้าคมกริบของลู่เหิงจือดูอ่อนโยนเป็นพิเศษ ความอ่อนโยนนี้ทำให้ซูชิงลั่วผ่อนคลายความตึงเครียดลง นางมองลู่เหิงจือด้วยท่าทางสงสัย และอดเอ่ยคำถามในใจไม่ได้“นี่ไม่ใช่วิธีดื่มสุรามงคลที่เขียนไว้ในบทบรรยายหรอกหรือ”ไม่รู้เหตุใด นางรู้สึกว่าการดื่มสุรามงคลอย่างถูกต้องตามประเพณีควรเป็นแบบที่หมัวมัวสอน คือคู่บ่าวสาวชนถ้วยดื่มพร้อมกันเท่านั้น วิธีของลู่เหิงจือ ราวกับปรากฏในบทบรรยายที่นางแอบอ่านเรื่องของหญิงงามในหอนางโลมลักลอบแต่งงานกับบัณฑิต เป็นวิธีการที่โรแมนติกมาก และสุดท้ายหญิงงามผู้นั้นก็ป้อนสุราในปากให้กับบัณฑิต พอคิดถึงตรงนี้ นางก็รู้สึกตัวขึ้นมาทันทีขณะอยู่ต่อหน้าลู่เหิงจือ นางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยได้อย่างไร“อ่อ เจ้าเคยอ่านบทบรรยายด้วยหรือ” เสียงของลู่เหิงจือฟังดูมีความหมายลึกซึ้ง ซูชิงลั่วรีบตอบตะกุกตะกักว่า “ก็... ก็ไม่หรอก ข้าได้ยินเหล่าสาวใช้พูดกันน่ะ ได้ยินมา...”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเรียบ “เช่นนั้น เจ้าเชื่อสาวใช้ ไม่เชื่อข้าอย่างนั้นหรือ” สายตาของเขานิ่งสงบ“แน่นอนว่าไม่ใช่สิ” ซูชิงลั่วไม่ค่อยเข้าใจเรื่อ
Read More

บทที่ 93

“อืม”ซูชิงลั่วจ้องมองเขาด้วยดวงตางดงาม “หมายความว่าฝ่าบาทไม่ทรงพิโรธที่เจ้าทำร้ายองค์หญิงอวี้หยางใช่หรือไม่” นางก็เพิ่งมาทราบจากซ่งเหวิน วันนั้นลู่เหิงจือเพื่อตามหานาง ทำให้องค์หญิงอวี้หยางมีรอยขีดข่วนบริเวณใบหน้า เรื่องนี้แน่นอนว่าไม่ได้แพร่กระจายไปทั่ว องค์หญิงอวี้หยางหลังจากนั้นก็อยู่แต่ในตำหนัก ไม่เคยออกไปที่ใด ลู่เหิงจือตอบเสียงเรียบ “เรื่องนี้ไม่ได้ถึงพระกรรณของฝ่าบาท ข้าไปหาอ๋องตวนเพื่อไกล่เกลี่ยน่ะ” อ๋องตวนไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอยู่แล้ว เขามีบุคลิกเจ้าสำราญมาโดยตลอด คิดว่าหลานสาวเพียงแค่อยากจะสมสู่กับลู่เหิงจือ ถึงยินดีช่วยเหลือ ใครจะไปคาดคิดว่าอวี้หยางจะหักหลัง ร่วมมือกับคนอื่นลักพาตัวว่าที่ฮูหยินของลู่เหิงจือไป เรื่องนี้หากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ คงดูไม่ดีทั้งสองฝ่าย คนภายนอกแม้เห็นว่าอวี้หยางได้รับความโปรดปราน เพราะฮองเฮาองค์ก่อนสวรรคต ฝ่าบาทพูดให้ดูดีคือโปรดปราน ทว่าพูดไม่ดีก็คือไม่อยากยุ่งเกี่ยว ในวังหลังนางก็ไม่มีอำนาจใด ๆ กลายเป็นคนชายขอบไปเสียแล้วอ๋องตวนครุ่นคิดดูแล้ว ปิดเรื่องนี้ไว้ดีที่สุด เพราะการใช้ยารักกับอัครมหาเสนาบดีคงไม่ใช่เรื่องดีแน่อวี้หยางแม้จะเกลียด
Read More

บทที่ 94

พลุสว่างไสวในยามค่ำคืนอันเงียบสงัด ส่องแสงไปยังใบหน้าอันงดงามของลู่เหิงจือ ซูชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะถามว่า “นี่...จุดให้ข้าโดยเฉพาะหรือ” ลู่เหิงจือพยักหน้า ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและในใจก็ผุดความหวานซึ้งขึ้นมา ยังไม่ทันได้พูดอะไร พลุก็ระเบิดขึ้นบนท้องฟ้าดอกแล้วดอกเล่าสีชมพู สีเหลือง สีแดง สีขาว... มองไม่สายตา แต่เพราะกลัวว่าจะหนาว ลู่เหิงจือจึงสั่งให้คนเตรียมเสื้อคลุมมาให้และคลุมให้นางด้วยตัวเอง เมื่อรู้สึกถึงการกระทำของเขา ซูชิงลั่วก็สติหลุดไปชั่วขณะ แม้สายตาจะยังคงมองไปที่พลุ แต่หางตาก็เหลือบมองใบหน้าของลู่เหิงจือ เขาสีหน้าเรียบเฉย ดูไม่ออกว่าชอบพลุเป็นพิเศษ- เขาไม่ชอบ แต่ก็ยังจัดตรียมไว้ให้นาง ลู่เหิงจือเหมือนจะรู้สึกได้ถึงสายตาของนางที่มองมา จึงก้มศีรษะลงทันทีซูชิงลั่วแทบจะหันสายตากลับในทันที นางเงยหน้าขึ้นมองพลุอย่างไม่กระพริบตา และไม่กล้าเบนความสนใจไปที่อื่นอีกต่อไปร่างกายที่รู้สึกหนาวสั่นก็อบอุ่นขึ้นเพราะผ้าคลุมผืนนี้ ทำให้นางสามารถยืนอยู่บนแท่นสูงชมการแสดงพลุอันงดงามได้อย่างสบายใจ หลังจากจบลง นางยังรู้สึกไม่จุใจลู่เหิงจือมองใบหน้าของนาง “ชอบหรือไม่”
Read More

บทที่ 95

เขาเชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อย ชี้ไปที่เก้าอี้หวายที่ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของห้อง "ข้าจะนอนตรงนั้น"ซูชิงลั่วพยักหน้าอย่างรวดเร็ว "ได้"เมื่อกำหนดที่นอนเรียบร้อยแล้ว ซูชิงลั่วก็กลับต้องเผชิญกับปัญหาใหม่...นางต้องถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเขาหรือไม่?"..."เมื่อสบตากับลู่เหิงจือ นางก็เห็นได้ชัดจากแววตาของเขาว่าเขาเองก็มีปัญหาแบบเดียวกันนางรู้สึกอับอายอย่างยิ่ง แต่ลู่เหิงจือกลับมีสีหน้าสงบนิ่งและกล่าวว่า "ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า"ซูชิงลั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นเขาหันหลังไป นางก็ดึงผ้าห่มขึ้นเตรียมจะล้มตัวลงนอน แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะมีบางอย่างซ่อนอยู่ใต้เตียง นางดึงผ้าห่มแรงเกินไป หนังสือเล่มหนึ่งจึงหล่นลงมาจากเตียงและเปิดกางออกบนพื้นหนังสือเล่มนี้มีขนาดใหญ่กว่าหนังสือทั่วไปถึงสองเท่า การเย็บเล่มประณีต ถ้าเรียกว่าหนังสือภาพอาจจะเหมาะสมกว่าแสงจากเทียนแดงที่ไม่ค่อยสว่างนัก ทำให้เห็นภาพชายหญิงคู่หนึ่งนอนเปลือยกายบนเตียงในท่าทางที่น่าอาย...ซูชิงลั่วไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน นางจึงกรีดร้องออกมาตามสัญชาตญาณ "อ๊า!"พอกรีดร้องเสร็จ นางก็ตระหนักได้ทันทีว่าแย่แล้ว อาจจะดึงดูดให้ลู่เหิงจือ
Read More

บทที่ 96

อาจเป็นเพราะด้วยความเพลีย ซูชิงลั่วจึงนอนหลับสนิทตลอดทั้งคืน เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าเวลานี้แสงอาทิตย์ส่องสว่างเจิดจ้า นางจึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เปิดม่านเตียงและถามออกไปว่าตอนนี้เป็นเวลายามไหนแล้วเมื่อมองเห็นลู่เหิงจือที่สวมเพียงเสื้อตัวในสีขาว รูปร่างสูงเพรียว นางก็หน้าแดงโดยไม่รู้ตัว รีบดึงม่านเตียงปิดลงอีกครั้ง มือของนางยังคงจับม่านเตียงไว้แน่นเสียงเรียบๆ ของลู่เหิงจือดังขึ้นมา "ตอนนี้เก้าโมงแล้ว"ซูชิงลั่วเปิดม่านเตียงออกอย่างรวดเร็ว "อะไรนะ?"สายขนาดนี้แล้วหรือ นางรีบสวมรองเท้าและลงจากเตียงอย่างรวดเร็วหลังจากงานแต่งงาน ลู่จือกับนางเฉียนก็กลับบ้านตระกูลลู่ไปแล้ว นางไม่มีแม่สามีที่ต้องไปคารวะ มีเพียงต้องพบกับเจียงหมัวมัวที่เป็นแม่นมของลู่เหิงจือเท่านั้นเช้าที่สองหลังวันแต่งงานก็นอนหลับจนถึงเก้าโมง อย่างไรก็ไม่เหมาะสมเอาเสียเลยนางรีบสั่งไปยังด้านนอกประตู "จื๋อหยวน เอาเสื้อผ้าเข้ามาหน่อย"แต่กลับถูกลู่เหิงจือขัดขวาง "ช้าก่อน..."จื๋อหยวนขานรับจากด้านนอก แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียง "อ๊า" ดังขึ้น ซึ่งดังยิ่งกว่าเมื่อคืนที่ผ่านมานางเกือบจะผลักประตูเข้าไปแล้ว แต่กลับถูกซ่งเหวิ
Read More

บทที่ 97

"เช่นนั้นให้ข้าช่วยท่านไหม?" นางถามอย่างลองเชิงพึ่งตื่นนอนในตอนเช้า นางยังไม่ได้แต่งหน้า แม้จะไม่งดงามเท่ากับเมื่อวาน แต่ผิวของนางก็ยังคงขาวเนียนอย่างไร้ที่ติ ใบหน้าเล็กๆ ของนางดูซื่อๆ แต่งกลับมีเสน่ห์เย้ายวน ไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเองน่าหลงไหลถึงเพียงใดลู่เหิงจือก้มลงมองนางแวบหนึ่งแล้วส่งเข็มขัดทองคำในมือให้ไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่ ใบหน้าของนางแดงขึ้นทันที นางมองเข็มขัดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือออกไปพันรอบเอวของเขานางเตี้ยกว่าเขาหนึ่งช่วงหัว ตอนนี้หัวของนางที่ยังไม่ได้ทำการแปรงใดๆ กำลังขยุกขยิกอยู่ใต้คางแหลมๆ ของเขา สัมผัสนั้นทำให้เขารู้สึกคันยุบยิบอยู่ในใจเห็นได้ชัดว่านางไม่เคยปรณนิบัติใคร นางใช้เวลาอยู่พักใหญ่แต่ก็รัดได้เพียงหลวมๆ เท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรก็รัดไม่แน่นสักทีขนาดเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังทำได้ไม่ดี ซูชิงลั่วรู้สึกร้อนใจ จากนั้นก็รู้สึกถึงมือข้างหนึ่งที่กดข้อมือของนางไว้น้ำเสียงอันอ่อนโยนดังมาจากเหนือศีรษะ "ได้แล้ว ที่เหลือเดี๋ยวข้าทำเอง"ซูชิงลั่วรีบปล่อยมือและถอยออกไปจื๋อหยวนรู้กาลเทศะดี จึงออกไปข้างนอกตั้งนานแล้วหลังจากที่ลู่เหิงจือแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ซูชิ
Read More

บทที่ 98

ซูชิงลั่วหน้าแดงขึ้นมาทันทีไม่รู้ว่าลู่เหิงจือทำไมถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้ ถึงขนาดแกล้งแสดงบทคนรักกันต่อหน้าฉู่หมัวมัวแต่นางจะเรียกออกไปได้อย่างไรกัน?อีกอย่าง เขาเป็นอะไรไป? ก็แค่สรรพนามที่ใช้เรียกขานเท่านั้น จำเป็นต้องใส่ใจขนาดนี้เลยหรือ? เรียกพี่สามไม่พอ ยังจะให้เรียกว่าท่านพี่อีก จะอะไรกันนักหนา?นางเหล่มองลู่เหิงจือ เห็นเขายืนอย่างสงบนิ่ง ดูเหมือนว่าเขาไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ แถมสายตาที่มองนางยังแฝงไปด้วยความคาดหวังเล็กน้อยด้วยในเมื่อเป็นเล่นละครว่าเป็นคู่รัก ทำไมถึงมีนางคนเดียวที่กังวลล่ะ?ซูชิงลั่วรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลยเมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็รวบรวมสติ ชี้ไปที่ปิ่นอันหนึ่งแล้วพูดว่า "ปักอันนี้เถอะ"โดยไม่สนใจปิ่นทองฝังมุกที่อยู่ในมือของลู่เหิงจืออันนั้นอีกในกระจก ลู่เหิงจือที่ยืนอยู่ข้างหลังนางเผลอยิ้มออกมานางแสดงอาการงอนอย่างชัดเจน แสร้งทำใบหน้าเป็นเย็นชา แต่มันไม่เห็นจะดูเย็นชาเลย กลับดูน่ารักมากกว่าซูชิงลั่วหลุบตาลง จงใจที่จะไม่มองลู่เหิงจือในกระจกหลังจากรออยู่สักพัก เมื่อไม่เห็นฉู่หมัวมัวหยิบปิ่นที่นางชี้มาสักที นางจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและก็ต้องตกใจไม่ร
Read More

บทที่ 99

ซูชิงลั่วหยุดมือที่กำลังดิ้นขัดขืนลงทั้งๆ ที่นางโกรธมากอยู่ แต่ทำไมแค่เขาพูดประโยคเดียว นางกลับไม่รู้สึกโกรธอีกแล้ว แถมยังยอมให้เขาจูงกลับมาที่ห้องอีกด้วย?ทันทีที่ประตูปิดลง อารมณ์หงุดหงิดเล็กๆ ของซูชิงลั่วที่ถูกกดไว้ก็กลับมาอีกครั้งนางอดไม่ได้ที่จะมองลู่เหิงจือและถามว่า "วันนี้ท่านทำอะไรกันแน่?"ลู่เหิงจือตอบด้วยเสียงเรียบๆ ว่า "คู่สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานก็มักจะรักกันหวานชื่นเช่นนี้แหละ"ซูชิงลั่วถามด้วยความสงสัยว่า "จริงหรือ?"ลู่เหิงจือพยักหน้าอย่างมั่นใจ "ใช่แล้ว""ท่านรู้ได้อย่างไร?""แน่นอนว่าเพื่อนร่วมงานของข้าบอกไว้อย่างไร ทำไม นี่เจ้าไม่รู้หรือ?"ซูชิงลั่วถูกถามกลับจนไปไม่เป็นแม้ว่านางจะอยู่ในเมืองหลวงมานานแล้ว แต่นอกจากพี่น้องสามคนของบ้านตระกูลลู่ ก็ไม่มีใครที่สนิทสนมพอจะถามได้อีก และยิ่งไปกว่านั้น เมิ่งชิงไต้ที่เพิ่งจะสนิทกันก็ยังไม่แต่งงานด้วยลู่เหิงจือนั่งลงที่ข้างโต๊ะ รินน้ำชาแล้วยื่นไปตรงหน้านาง ถามด้วยเสียงเรียบๆ ว่า "ดูเหมือนเจ้าจะโกรธนะ ทำไมล่ะ?"นอกจากความรู้สึกว่ารับมือไม่ไหวและอับอายแล้ว ซูชิงลั่วยังรู้สึกว่าลู่เหิงจือกำลังแกล้งนาง เหมือนกับว่ากำล
Read More

บทที่ 100

บะหมี่ไก่ฉีกนี้อร่อยมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะถูกสั่งสอนมาด้วยกฎระเบียบที่เข้มงวดตั้งแต่เด็ก ซูชิงลั่วคงอดไม่ได้ที่จะยกชามขึ้นมาซดน้ำซุปให้หมดเกลี้ยงนางอดไม่ได้ที่จะชมว่า "นี่เป็นฝีมือของซ่งเหวินใช่ไหม? ข้าเคยกินที่วัดเซิ่งอัน ใช้ได้เลย"ลู่เหิงจือเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเลื่อนชามบะหมี่ที่ยังไม่ได้แตะของตัวเองชามนั้นมาตรงหน้านางซูชิงลั่วมองเขา "ท่านไม่กินหรือ?""ข้าไม่หิว""ไม่ ไม่เป็นไร"แม้ปากจะบอกว่าไม่ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองอีกหลายหนลู่เหิงจือพูดด้วยเสียงเรียบๆ ว่า "เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว ไม่ต้องเกรงใจหรอก"ทำไมเขาถึงดูเหมือนอ่านใจนางได้เลยนะซูชิงลั่วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มองต้นหอมสีเขียวเล็กๆ ที่ลอยอยู่ในชาม และสูดดมกลิ่นหอมของเนื้อไก่ สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วเริ่มกินชามที่สองลู่เหิงจือพูดถูกแล้ว ในเมื่อเป็นสามีภรรยากันแล้วก็ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรมาก ไม่เช่นนั้นต้องพบเจอกันทุกวัน ต่อไปจะลำบากเปล่าๆที่จริงแล้วนางไม่ได้เป็นคนกินเยอะ และที่นางกินชามที่สองไม่ใช่เพราะหิว แต่เป็นเพราะรสชาติของบะหมี่นี้ทำให้นางนึกถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ก
Read More
ก่อนหน้า
1
...
89101112
...
18
DMCA.com Protection Status