Share

บทที่ 97

Author: หอมดังเดิม
last update Last Updated: 2024-08-27 17:21:08
"เช่นนั้นให้ข้าช่วยท่านไหม?" นางถามอย่างลองเชิง

พึ่งตื่นนอนในตอนเช้า นางยังไม่ได้แต่งหน้า แม้จะไม่งดงามเท่ากับเมื่อวาน แต่ผิวของนางก็ยังคงขาวเนียนอย่างไร้ที่ติ ใบหน้าเล็กๆ ของนางดูซื่อๆ แต่งกลับมีเสน่ห์เย้ายวน ไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเองน่าหลงไหลถึงเพียงใด

ลู่เหิงจือก้มลงมองนางแวบหนึ่งแล้วส่งเข็มขัดทองคำในมือให้

ไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่ ใบหน้าของนางแดงขึ้นทันที นางมองเข็มขัดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือออกไปพันรอบเอวของเขา

นางเตี้ยกว่าเขาหนึ่งช่วงหัว ตอนนี้หัวของนางที่ยังไม่ได้ทำการแปรงใดๆ กำลังขยุกขยิกอยู่ใต้คางแหลมๆ ของเขา สัมผัสนั้นทำให้เขารู้สึกคันยุบยิบอยู่ในใจ

เห็นได้ชัดว่านางไม่เคยปรณนิบัติใคร นางใช้เวลาอยู่พักใหญ่แต่ก็รัดได้เพียงหลวมๆ เท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรก็รัดไม่แน่นสักที

ขนาดเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังทำได้ไม่ดี ซูชิงลั่วรู้สึกร้อนใจ จากนั้นก็รู้สึกถึงมือข้างหนึ่งที่กดข้อมือของนางไว้

น้ำเสียงอันอ่อนโยนดังมาจากเหนือศีรษะ "ได้แล้ว ที่เหลือเดี๋ยวข้าทำเอง"

ซูชิงลั่วรีบปล่อยมือและถอยออกไป

จื๋อหยวนรู้กาลเทศะดี จึงออกไปข้างนอกตั้งนานแล้ว

หลังจากที่ลู่เหิงจือแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ซูชิ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 98

    ซูชิงลั่วหน้าแดงขึ้นมาทันทีไม่รู้ว่าลู่เหิงจือทำไมถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้ ถึงขนาดแกล้งแสดงบทคนรักกันต่อหน้าฉู่หมัวมัวแต่นางจะเรียกออกไปได้อย่างไรกัน?อีกอย่าง เขาเป็นอะไรไป? ก็แค่สรรพนามที่ใช้เรียกขานเท่านั้น จำเป็นต้องใส่ใจขนาดนี้เลยหรือ? เรียกพี่สามไม่พอ ยังจะให้เรียกว่าท่านพี่อีก จะอะไรกันนักหนา?นางเหล่มองลู่เหิงจือ เห็นเขายืนอย่างสงบนิ่ง ดูเหมือนว่าเขาไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ แถมสายตาที่มองนางยังแฝงไปด้วยความคาดหวังเล็กน้อยด้วยในเมื่อเป็นเล่นละครว่าเป็นคู่รัก ทำไมถึงมีนางคนเดียวที่กังวลล่ะ?ซูชิงลั่วรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลยเมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็รวบรวมสติ ชี้ไปที่ปิ่นอันหนึ่งแล้วพูดว่า "ปักอันนี้เถอะ"โดยไม่สนใจปิ่นทองฝังมุกที่อยู่ในมือของลู่เหิงจืออันนั้นอีกในกระจก ลู่เหิงจือที่ยืนอยู่ข้างหลังนางเผลอยิ้มออกมานางแสดงอาการงอนอย่างชัดเจน แสร้งทำใบหน้าเป็นเย็นชา แต่มันไม่เห็นจะดูเย็นชาเลย กลับดูน่ารักมากกว่าซูชิงลั่วหลุบตาลง จงใจที่จะไม่มองลู่เหิงจือในกระจกหลังจากรออยู่สักพัก เมื่อไม่เห็นฉู่หมัวมัวหยิบปิ่นที่นางชี้มาสักที นางจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและก็ต้องตกใจไม่ร

    Last Updated : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 99

    ซูชิงลั่วหยุดมือที่กำลังดิ้นขัดขืนลงทั้งๆ ที่นางโกรธมากอยู่ แต่ทำไมแค่เขาพูดประโยคเดียว นางกลับไม่รู้สึกโกรธอีกแล้ว แถมยังยอมให้เขาจูงกลับมาที่ห้องอีกด้วย?ทันทีที่ประตูปิดลง อารมณ์หงุดหงิดเล็กๆ ของซูชิงลั่วที่ถูกกดไว้ก็กลับมาอีกครั้งนางอดไม่ได้ที่จะมองลู่เหิงจือและถามว่า "วันนี้ท่านทำอะไรกันแน่?"ลู่เหิงจือตอบด้วยเสียงเรียบๆ ว่า "คู่สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานก็มักจะรักกันหวานชื่นเช่นนี้แหละ"ซูชิงลั่วถามด้วยความสงสัยว่า "จริงหรือ?"ลู่เหิงจือพยักหน้าอย่างมั่นใจ "ใช่แล้ว""ท่านรู้ได้อย่างไร?""แน่นอนว่าเพื่อนร่วมงานของข้าบอกไว้อย่างไร ทำไม นี่เจ้าไม่รู้หรือ?"ซูชิงลั่วถูกถามกลับจนไปไม่เป็นแม้ว่านางจะอยู่ในเมืองหลวงมานานแล้ว แต่นอกจากพี่น้องสามคนของบ้านตระกูลลู่ ก็ไม่มีใครที่สนิทสนมพอจะถามได้อีก และยิ่งไปกว่านั้น เมิ่งชิงไต้ที่เพิ่งจะสนิทกันก็ยังไม่แต่งงานด้วยลู่เหิงจือนั่งลงที่ข้างโต๊ะ รินน้ำชาแล้วยื่นไปตรงหน้านาง ถามด้วยเสียงเรียบๆ ว่า "ดูเหมือนเจ้าจะโกรธนะ ทำไมล่ะ?"นอกจากความรู้สึกว่ารับมือไม่ไหวและอับอายแล้ว ซูชิงลั่วยังรู้สึกว่าลู่เหิงจือกำลังแกล้งนาง เหมือนกับว่ากำล

    Last Updated : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 100

    บะหมี่ไก่ฉีกนี้อร่อยมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะถูกสั่งสอนมาด้วยกฎระเบียบที่เข้มงวดตั้งแต่เด็ก ซูชิงลั่วคงอดไม่ได้ที่จะยกชามขึ้นมาซดน้ำซุปให้หมดเกลี้ยงนางอดไม่ได้ที่จะชมว่า "นี่เป็นฝีมือของซ่งเหวินใช่ไหม? ข้าเคยกินที่วัดเซิ่งอัน ใช้ได้เลย"ลู่เหิงจือเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเลื่อนชามบะหมี่ที่ยังไม่ได้แตะของตัวเองชามนั้นมาตรงหน้านางซูชิงลั่วมองเขา "ท่านไม่กินหรือ?""ข้าไม่หิว""ไม่ ไม่เป็นไร"แม้ปากจะบอกว่าไม่ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองอีกหลายหนลู่เหิงจือพูดด้วยเสียงเรียบๆ ว่า "เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว ไม่ต้องเกรงใจหรอก"ทำไมเขาถึงดูเหมือนอ่านใจนางได้เลยนะซูชิงลั่วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มองต้นหอมสีเขียวเล็กๆ ที่ลอยอยู่ในชาม และสูดดมกลิ่นหอมของเนื้อไก่ สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วเริ่มกินชามที่สองลู่เหิงจือพูดถูกแล้ว ในเมื่อเป็นสามีภรรยากันแล้วก็ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรมาก ไม่เช่นนั้นต้องพบเจอกันทุกวัน ต่อไปจะลำบากเปล่าๆที่จริงแล้วนางไม่ได้เป็นคนกินเยอะ และที่นางกินชามที่สองไม่ใช่เพราะหิว แต่เป็นเพราะรสชาติของบะหมี่นี้ทำให้นางนึกถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ก

    Last Updated : 2024-08-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 101

    และในขณะนั้นเอง ซูชิงลั่วนึกขึ้นมาได้ว่า หากจะพูดกันตามความหมายอย่างเคร่งคัดแล้ว เมื่อคืนไม่ใช่คืนแรกที่นางและลู่เหิงจือได้ผ่านค่ำคืนไปด้วยกัน คืนแรกควรจะเป็นที่เรือนพักในชานเมืองครานั้นถึงจะถูกนางไม่มีความทรงจำเลยสักนิดว่าคืนนั้นผ่านไปเช่นไร เพราะเหนื่อยล้าจนผลอยหลับไปเองสิ่งเดียวที่รู้คือ นางเชื่อใจลู่เหิงจือคิดถึงตรงนี้ นางก็รวบรวมความกล้าเอ่ยออกมา : "ไม่เช่นนั้น ท่านนอนบนเตียงด้วยกันเถอะ"ลู่เหิงจือหันไปมองนางด้วยสายตาลึกล้ำคล้ายว่ากำลังไตร่ตรองสิ่งใดอยู่ซูชิงลั่วบิดผ้าเช็ดหน้าในมือ ก่อนจะรีบเสริมขึ้นมาอีกประโยค "หากพี่สามไม่รังเกียจ"ถึงอย่างไรเขาก็ไม่สนใจสตรี แม้แต่สาวรับใช้ก็ไม่มี อาจไม่คุ้นเคยกับการนอนร่วมเตียงกับสตรีก็เป็นได้ในขณะที่นางกำลังคิดว่าลู่เหิงจือคงต้องใช้เวลาไตร่ตรองอีกนานก็ได้ยินเขาตอบขึ้นมานิ่งๆ : "ก็ดี อย่างไรเสียก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว"ซูชิงลั่วตะลังงันไปชั่วขณะเขาตอบตกลงเร็วเกินไป จนนางเองก็รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล แต่ก็บอกไม่ถูกว่าเพราะเหตุใดหลังจากนั้นก็เห็นลู่เหิงจือหยิบผ้าห่มที่พับวางไว้บนเก้าอี้หวายใส่ลงไปในตะกร้าอย่างคล่องแคล่ว ก

    Last Updated : 2024-09-12
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 102

    หลังจากแต่งงานยามนี้ ทันทีที่ซูชิงลั่วได้ยินสี่พยางค์นี้ก็รู้สึกชาไปทั้งตัวนางเกือบลืมไปแล้วว่าบนเตียงนี่มีผ้าห่มเพียงผืนเดียวแผนแกล้งหลับล้มเหลว นางจึงจำต้องหันมาหาลู่เหิงจือ แล้วถามเบาๆ : "เช่นนั้น...หรือ"ในใจกลับสงสัยนางจำได้ลางๆ ว่าท่านแม่ของนางชอบเตะผ้าห่ม หน้าหนาวท่านพ่อกับท่านแม่ห่มผ้าห่มสองผืนแต่เวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว นางจำได้ไม่ค่อยชัดเจนนักเป็นเพราะนางสวมเพียงแต่เสื้อซับในตัวเดียว ตอนที่หมุนตัวเผยให้ลำคอเพียงเล็กน้อย ราวกับกระต่ายน้อยโผล่หัวออกมาจากรูก็ไม่ปาน แก้มยังแต้มด้วยสีแดงระเรื่อ ชวนให้คนเอ็นดูยิ่งนักลู่เหิงจือยืนยัน : "ใช่"สีหน้าของเขาเรียบเฉยแต่ซูชิงลั่วมักรู้สึกว่าสีหน้าที่เรียบเฉยของเขาแฝงไว้ด้วยความไม่เต็มใจอยู่จางๆราวกับกำลังหมายความว่าหากมีทางเลือก เขาก็ไม่อยากห่มผ้าห่มผืนเดียวกับผู้อื่นเช่นกันนางมองดูผ้านวมสีแดงที่พันอยู่บนตัวของตน แล้วดึงออกมาครึ่งหนึ่งให้กับลู่เหิงจือเขาไม่ได้พูดอะไรอีก หันไปถอดเสื้อคลุมออกแขนของเขาน่าจะยังไม่หายดี เพราะระหว่างที่ถอดเสื้อท่าทางของแขนซ้ายยังดูเกร็งอยู่บ้างความรู้สึกผิดพลันผุดขึ้นในใจของซูชิงลั่ว

    Last Updated : 2024-09-12
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 103

    ซูชิงลั่วหลับสนิทตลอดทั้งคืน กลางดึกมีช่วงหนึ่งที่รู้สึกหนาวอยู่บ้าง แต่ก็กลับมาอุ่นอย่างรวดเร็ว ราวกับอยู่ติดกับโถน้ำร้อนให้ความอุ่นก็ไม่ปานแต่โถน้ำร้อนนี่ดูเหมือนจะใหญ่ไปหน่อยบางส่วนก็ดูเหมือนจะมีตำหนิเล็กน้อยด้วยนางเอื้อมมือออกไปคลำ ทันใดนั้นเองก็ลูบโดนสิ่งยาวๆ...เส้นผม ?ซูชิงลั่วรีบลืมตาทันทีท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้วใบหน้าที่ทั้งสะอาดสะอ้านและเครื่องหน้าชัดเจนของลู่เหิงจืออยู่ตรงหน้าดูเหมือนเขาจะยังไม่ตื่น ดวงตาคู่นั้นปิดอยู่ เส้นริ้วบางๆ เส้นหนึ่งติดทับอยู่บนเปลือกตา ด้านล่างเป็นแพขนตาที่ดกดำราวกับขนอีกาแขนของนางโอบเอวของเขาอยู่ ร่างทั้งร่างแทบจะซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขา ขาก็พันเกี่ยวอยู่บนตัวของเขานี่มันเรื่องอะไรกัน ซูชิงลั่วดึงแขนและขาออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจท่าทางกระโตกกระตากเกินไป ทำให้ลู่เหิงจือค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วมองไปที่นางซูชิงลั่วผละถอยหลัง ก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกของตนตามสัญชาตญาณนางกำลังบังอะไรอยู่นางเองก็ไม่รู้เช่นกัน ลู่เหิงจือไม่ได้กอดนางด้วยซ้ำคงเป็นเพราะท่าทางเช่นนี้ของนางแสดงออกถึงการป้องกันตัวเองชัดเจนเกินไป ลู่เหิงจือหยุดนิ่งไปเล็กน้อย

    Last Updated : 2024-09-12
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 104

    ระหว่างแต่งตัว ซูชิงลั่วมีท่าทางเหม่อลอย เอาแต่คิดว่าเหตุใดตนจึงได้พูดว่า "หลังจากแต่งงาน" ออกไปคิดไปคิดมารู้สึกว่าคงเพราะแต่งงานวันแรก ลู่เหิงจือก็พูดไปหลายครั้ง ทำให้นางจำได้แม่นไม่ลืมเลือนเพิ่งจะเข้าวันที่สองของการใช้ชีวิตคู่ นางและลู่เหิงจือดูเหมือนจะสนิทสนมกันเกินไปบ้างแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ นางเองก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรเสียหายระหว่างที่ล้างหน้าล้างตา ไม่รู้ว่าลู่เหิงจือออกไปด้วยเหตุใดฝนกด้านนอกหน้าต่างหยุดแล้ว แต่ยังคงให้ความรู้สึกหนาวเย็นอยู่บ้างซูชิงลั่วกลับไม่รู้สึกหนาว ดูเหมือนความอบอุ่นที่คนผู้นั้นมอบให้ยังคงอยู่จนถึงตอนนี้เวลานี้ฉู่หมัวมัวเข้ามาทำผมให้นางนางเป็นคนที่หน้าตาดูใจดีมีเมตตาอยู่เสมอ วันนี้กลับดูเข้มงวดจริงจังเล็กน้อยหลังจากที่ทำผมให้นางเสร็จแล้ว ฉู่หมัวมัวก็สั่งให้จื๋อหยวนออกไป แล้วถามนางเสียงเบา : "คุณหนูร่างกายเป็นเช่นไร ต้องการใช้ยาหรือไม่"ซูชิงลั่วตอบด้วยความเก้อเขิน : "ไม่ต้องหรอก ข้าสบายดี"เกือบลืมไปเลย ดูเหมือนท่านยายเตรียมยาไว้ให้นางด้วยการร่วมหอลงเรือนกันน่ากลัวเช่นนี้เลยหรือ ถึงได้ต้องเตรียมยาไว้ด้วยนางเองก็ไม่รู้ว่าจะคิดเตลิดออกน

    Last Updated : 2024-09-12
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 105

    เมื่อทางด้านของนางจัดการเรียบร้อยอย่างรวดเร็วแล้วก็ไปดูลู่เหิงจือเทียบกันแล้ว เขามีของไม่น้อยที่ต้องนำไปด้วย แค่หนังสือก็สิบกว่าลังแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นซ่งเหวินขยันขันแข็ง ระหว่างเก็บของก็พึมพำไปด้วยอย่างอารมณ์ดี : "พอแต่งงานแล้วก็ไม่เหมือนเดิม ใต้เท้าจะย้ายไปอยู่จวนลู่ยาวๆ แล้วจริงด้วย"ที่นี่อยู่ใกล้กับวัง ไปราชสำนักสะดวก ก่อนหน้านี้ลู่เหิงจืออาศัยอยู่ที่นี่เสียส่วนใหญ่ภายในใจของซูชิงลั่วรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เพราะต้องกาารให้นางได้อยู่ใกล้กับท่านยาย เขาก็ไม่ต้องลำบากตัวเองเช่นนี้นางมองดูลู่เหิงจือที่กำลังจัดหนังสือ ก่อนจะเดินเข้าไปถาม : "มีสิ่งใดให้ข้าช่วยหรือไม่"ลู่เหิงจือมองนางปราดหนึ่ง หยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากชั้นวางหนังสือลงมาแล้วยื่นให้นาง ก่อนจะพูดด้วยท่าทางจริงจังเบาๆ : "นำนี่ไปซ่อนไว้ที่เจ้า"หนังสืออะไรเหตุใดถึงต้องซ่อนซูชิงลั่วก้มลงดู เห็นตัวหนังสือบนหน้าปกก็พลันหน้าแดงแจ๋ขึ้นมาทันที“……”เช่นนั้นนี่คือหนังสือที่มีคนให้มาหรอกหรือแต่เหตุใดถึงได้วางไว้บนชั้นหนังสืออย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้...เวลานี้จะถามให้ละเอียดก็ไม่สะดวกซูชิงลั่วถือหน

    Last Updated : 2024-09-13

Latest chapter

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status