บททั้งหมดของ ชายาแพทย์พลิกชะตา: บทที่ 371 - บทที่ 380

780

บทที่ 371

บางครั้งก็เห็นคราบเลือดแห้งกรังตามข้างถนน ในตรอกยังมีเสียงผู้หญิงกรีดร้องขอความเมตตา“เมืองลั่วอันเคยเป็นเมืองที่รุ่งเรืองที่สุดในบรรดาเมืองต่าง ๆ ของแคว้นต้าฉี แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นนรกบนดิน”“เห็นได้ชัดว่าภายในเวลาไม่กี่วัน เกาซิ่นได้ปล่อยให้ลูกน้องของเขาก่อเรื่องชั่วร้ายภายในเมืองมากมายเพียงใดซูจิ่งสิงมองด้วยสายตาเย็นชา กู้หว่านเยว่ยิ่งโกรธจนแทบกัดฟันกรอด อยากจะสั่งสอนคนชั่วพวกนั้นเดี๋ยวนี้เลยเวลานี้ จู่ๆ ก็มีกลุ่มคนควบม้าพุ่งตรงมาจากข้างหน้า“หลีกไป พวกเจ้าทั้งหมดหลีกไปให้พ้น!”ซูจิ่งสิงรีบดึงกู้หว่านเยว่หลบไปด้านข้าง จากนั้นทั้งสองคนก็เงยหน้าขึ้นมองเห็นเพียงทหารกลุ่มหนึ่งถือแส้ยาวอยู่ในมือ เฆี่ยนตีผู้คนตามท้องถนน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรูปโฉมของกู้หว่านเยว่ดึงดูดคนพวกนั้นหรือไม่ ชายที่เป็นผู้นำรีบขี่ม้าเข้ามา แล้วยิ้มอย่างยั่วยวนให้กับกู้หว่านเยว่“แม่นางน้อยช่างงดงามเหลือเกิน ไปเล่นสนุกกับพวกพี่ ๆ ในตรอกกันเถอะ”“ไสหัวไป!”น้ำเสียงลามกนั่นทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกขยะแขยง คนพวกนี้คงเป็นพวกที่ก่อเรื่องชั่วร้ายในเมืองลั่วอันสินะ?“เจ้ากล้าด่าข้า?” สีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไป “
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 372

“ใช่แล้ว พวกท่านรีบหนีไปเร็ว!”กู้หว่านเยว่จำภารกิจหลักของตัวเองได้ว่าคืออะไร จึงไม่อยากเสียเวลาที่นี่มากนัก ลากซูจิ่งสิงแล้วหายตัวไปทันทีที่ทั้งสองจากไป กลุ่มทหารลาดตระเวนก็รีบรุดมาถึง“แย่แล้ว ใต้เท้าหลิว ขุนพลเกาเสียชีวิตแล้ว!”หลิวซู่ที่สวมชุดขุนนางสีเขียว หันสายตาออกจากทิศทางที่กู้หว่านเยว่หลบหนี จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น “คงเป็นการล้างแค้นส่วนตัว นำศพกลับไปรายงานใต้เท้าเกาก่อนเถอะ”พูดจบ หลิวซู่ก็ขึ้นม้าก่อน โดยไม่มีทีท่าว่าจะไปจับกู้หว่านเยว่เลยทางด้านกู้หว่านเยว่มองไปที่แผ่นหลังของหลิวซู่อย่างครุ่นคิด คนผู้นี้ค่อนข้างแปลก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพวกเขาหลบหนีไปทางไหน แต่กลับไม่มาจับกุมพวกเขาเมื่อเห็นว่าทุกคนไปหมดแล้ว กู้หว่านเยว่ก็หยิบแผนที่เมืองลั่วอันออกมาจากมิติ“เราไปที่คุกกันก่อน”คุกอยู่ข้าง ๆ ที่ว่าการอำเภอ เดินต่อไปสามร้อยเมตรก็จะมีบ่อน้ำแห้ง ซึ่งเป็นทางลับที่หนานหยางอ๋องสั่งให้คนขุดไว้โดยเฉพาะ สามารถทะลุออกไปนอกเมืองได้โดยตรงสองสามีภรรยาเดินทางไปยังคุก กู้หว่านเยว่หยิบผงยาออกมา ทำให้ทหารยามหมดสติจากนั้นก็ไปยังสถานที่คุมขังของคนในตระกูลเมื่อทุกคนเห็นกู้หว่านเย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 373

หลังจากปรากฏตัว กู้หว่านเยว่ก็ไม่รอช้า ขว้างมีดสั้นออกไป ปาดคอลูกสมุนที่ไม่ได้มีความสำคัญทั้งหมดเกาซิ่นค่อนข้างเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี ก็หันหลังวิ่งหนีไปทันทีซูจิ่งสิงผลักเขากลับไป“จะ พวกเจ้าเป็นใคร?ใครก็ได้ ช่วยด้วย มีนักฆ่า!” เมื่อเห็นว่าหนีไม่ได้แล้ว เกาซิ่นจึงเริ่มตะโกนกู้หว่านเยว่ค่อย ๆ นั่งลง จากนั้นเอาขาไขว่ห้าง “ข้าแนะนำว่าอย่าตะโกนเลย ทหารยามที่อยู่ข้างนอกถูกข้าวางยาหมดแล้ว”“อะไรนะ?”สีหน้าของเกาซิ่นเปลี่ยนไป แล้วเปลี่ยนเป็นประจบประแจงขึ้นมา“ผู้กล้าทั้งสองท่าน มีอะไรก็พูดกันดี ๆ ข้าล่วงเกินท่านตรงไหนกัน โปรดอภัยให้ข้าด้วย ที่จวนข้ามีทรัพย์สมบัติมากมาย หากท่านทั้งสองชอบ ก็เชิญหยิบไปได้ตามสบาย”สมแล้วที่เป็นขุนนางคนโปรดของฮ่องเต้ ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์นี่รวดเร็วจริง ๆ เพียงพริบตาเดียวก็คิดจะติดสินบนพวกเขาเพื่อเอาชีวิตรอดแล้ว“เงินของเจ้า ข้าจะเอา แต่เจ้าต้องตอบคำถามข้าสักสองสามคำถามก่อน”กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลงกับเขา ถามขึ้นมาทันทีว่าเหตุใดฮ่องเต้สุนัขนั่นถึงลงมือกับหนานหยางอ๋องย่างกะทันหัน“เอ่อ เรื่องนี้...ข้าน้อยก็ไม่ทราบ”
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 374

หลิวซู่รีบหันกลับไป แต่กลับพบสายตาหลบเลี่ยงของเกาซิ่น ความหวังสุดท้ายของเขาก็พังทลายลง“เจ้าอย่าไปเชื่อนาง พวกเราเลี้ยงดูนางเป็นอย่างดีมาตลอด เชิญหมอหลวงในวังมารักษานางด้วย”ตอนนั้น น้องสาวของหลิวซู่ป่วยเป็นโรคร้ายแรง ต้องให้หมอหลวงรักษา เขาจึงยอมเป็นสุนัขรับใช้ของเกาซิ่น คอยทำเรื่องต่าง ๆ ให้“ข้าขอถามท่าน อาการไอของน้องสาวข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”คนตายไปหลายปีแล้ว เกาซิ่นลืมไปตั้งนานแล้วว่าอีกฝ่ายป่วยเป็นโรคอะไร จึงตอบอย่างคลุมเครือไปว่าดีขึ้นมากแล้ว“ท่านพูดจาเหลวไหล น้องสาวของข้าไม่เคยมีอาการไอ นางป่วยเป็นโรคหัวใจ!”“เอ่อ ข้าจำผิดไปหน่อย ช่วงนี้ข้าค่อนข้างยุ่ง พอกลับถึงเมืองหลวงแล้วค่อยไปดูอีกที” คำพูดของเกาซิ่นไม่มีน้ำหนักพอ หลิวซู่จึงระงับอารมณ์ไม่อยู่ ชักดาบที่อยู่ในมือออกมาแล้วแทงเข้าที่อกของเกาซิ่นทันทีเกาซิ่นมองเขาด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะล้มลงกับพื้น หลิวซู่ก็ดูเหมือนจะหมดสิ้นความหวัง เขากางแขนทั้งสองข้างออก“ข้ารู้ว่าพวกท่านเป็นคนฆ่าเกาทง พวกท่านเอาชีวิตข้าไปด้วยเลยก็ได้ ถึงอย่างไรข้าอยู่ไปก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว”สิบปีที่เป็นทาสเป็นสุนัขรับใช้ ทำเรื่องที่ขัดต่อม
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 375

หวังปี้กล่าวด้วยความกังวล “แต่สภาพร่างกายของท่านอ๋องผู้เฒ่า ไม่สะดวกที่จะเคลื่อนย้ายมิใช่หรือ?”“ไม่เป็นไร ข้าจะเตรียมรถม้าคันหนึ่ง แล้วปูฟูกไว้ข้างในจากนั้นก็เตรียมแคร่ แล้วยกท่านอ๋องผู้เฒ่าขึ้นไปก็จะไม่กระทบกระเทือนบาดแผลของท่านแล้ว”ระหว่างทางมา กู้หว่านเยว่ได้คิดถึงเรื่องนี้แล้ว กองกำลังไล่ล่าจะต้องตามมาถึงในไม่ช้า แผนการในตอนนี้ คือพวกเขาต้องรีบกลับไปที่เจดีย์หนิงกู่“ได้”ตอนนี้ หวังปี้รู้สึกนับถือกู้หว่านเยว่เป็นอย่างมาก“เจ้ามีอะไรก็สั่งข้ามาได้เลย”กู้หว่านเยว่เหลือบมองเวลา ตอนนี้เป็นเวลาสองยาม หรือก็คือประมาณสี่ทุ่มก่อนฟ้าสาง พวกเขาต้องออกห่างจากลั่วอันให้ได้“นี่คือแผนที่จากลั่วอันไปยังเจดีย์หนิงกู่ จุดต่อไปคือเมืองเย่เฉิง ขุนพลหวัง ท่านพาพวกเขาออกเดินทางไปก่อน แล้วทำเครื่องหมายไว้ระหว่างทาง เราจะพบกันที่เมืองเย่เฉิง”หวังปี้รีบรับแผนที่ กู้หว่านเยว่ก็ยื่นกำไลระบุตำแหน่งให้เขา“ท่านสวมกำไลนี้ไว้ที่ข้อมือ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ก็ห้ามถอดออกเด็ดขาด จำไว้ให้ดี!”หวังปี้รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าเพ่งมอง รีบสวมมันไว้บนข้อมืออย่างว่าง่ายกู้หว่านเยว่หยิบห่อผ้าออ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 376

ต้าซานรู้สึกเหมือนได้รับเผือกร้อน “ข้ารับไว้ไม่ได้!”“ท่านอ๋องผู้เฒ่า ปีนั้นชาวบ้านของเราถูกโจรลักพาตัวไป ขุนนางท้องถิ่นก็ไม่สนใจ ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน คนในครอบครัวของเราคงตายไปนานแล้ว ท่านคือผู้มีพระคุณของเรา พวกเรารับเงินนี้ไว้ไม่ได้!”หนานหยางอ๋องส่ายหน้า แล้วเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “รับไว้เถอะ เอาไปสร้างสถานศึกษาในหมู่บ้าน แล้วส่งเด็ก ๆ ไปเรียนหนังสือ”ต้าซานตกตะลึง น้ำตาคลอเบ้าทันทีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เด็ก ๆ มาเยี่ยมท่านอ๋องผู้เฒ่าด้วยกัน และพูดถึงความปรารถนาที่จะได้เรียนหนังสือเหมือนเด็ก ๆ ในเมืองโดยไม่ได้ตั้งใจไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องผู้เฒ่าจะจำใส่ใจ ต้าซานจึงไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไป เขารับเงินนั้นไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ท่านอ๋อง พวกเราจะรอท่านกลับมา เราจะเป็นประชาชนของท่านตลอดไป”“ดี ดี!” หนานหยางอ๋องขอบตาแดงเล็กน้อย“ท่านอ๋อง นี่คืออาหารที่พวกเรานำมา ท่านทานระหว่างทางนะ” ชาวบ้านต่างนำซาลาเปา มันเทศ และผักกาดขาวมาใส่ในรถม้าจนเต็มรถม้าออกเดินทางในยามค่ำคืน เคลื่อนตัวไปบนถนนอย่างช้า ๆ ชาวบ้านที่มาส่งต่างคุกเข่าลงกับพื้นกู้หว่านเยว่ถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น “หนานหยางอ๋
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 377

กู้หว่านเยว่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เหตุใดเจ้าของโรงเตี๊ยมถึงมีท่าทีแบบนี้ในการทำธุรกิจ?“นี่คือโรงเตี๊ยมไม่ใช่หรือ พวกเรามาพัก”“อ้อ” ชายคนนั้นมองไปที่รถม้าหลายคันซึ่งอยู่ด้านหลังพวกเขา ดวงตาก็เบิกกว้างทันที และน้ำเสียงก็กระตือรือร้นขึ้นมา“ข้าไม่ได้ตั้งตัว เชิญทุกท่านเข้ามาข้างในเถอะ”พูดจบก็เปิดประตูให้พวกเขาเข้าไป“ที่นี่เป็นร้านของเราสองสามีภรรยา ปกติแล้วก็ต้อนรับแขกที่เดินทางผ่านไปมา ช่วงนี้ ทางตอนเหนือมีภัยพิบัติจากหิมะตก มีพวกโจรลักลอบข้ามมาเยอะ จึงปิดประตูไว้ตลอด”ชายคนนั้นลูบมือ แล้วเรียกภรรยาและลูกสาวของเขาออกมาเพื่อต้อนรับกู้หว่านเยว่และคนอื่น ๆ “มีห้องว่างอยู่หลายห้องที่บริเวณเรือนหลัง ด้านซ้ายมีคนเข้าพักอยู่แล้ว ด้านขวายังว่างอยู่ พวกท่านเลือกได้ตามสบายเลย”“ขอบคุณ” กู้หว่านเยว่ถามราคาค่าห้องพักต่อคืน รู้สึกว่าราคาก็พอรับได้ประกอบกับไม่สามารถหาโรงเตี๊ยมอื่น ๆ ได้ในบริเวณใกล้เคียง จึงให้ซูจื่อชิงจูงม้าเข้าไปในลานบ้าน“ให้ข้าทำ ข้าทำเอง” ลูกสาวเจ้าของโรงเตี๊ยมก้าวเข้ามา แล้วจ้องมองซูจื่อชิงตาไม่กะพริบ“ก็ได้” กู้หว่านเยว่พูดกับซูจื่อชิง “เช่นนั้นเจ้าก็ช่วยชิงหว่าน
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 378

“ก็ได้” ป้าเสิ่นเหลือบมองห่อผ้าที่โป่งออกมาด้านหลังของกู้หว่านเยว่ เลียริมฝีปาก สายตาของนางเต็มไปด้วยความโลภแต่เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็กลับมาทำหน้าตาซื่อ ๆ อีกครั้งกู้หว่านเยว่เห็นว่าฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว จึงหยิบเสบียงแห้งออกมาบางส่วน และนำเนื้อตากแห้งออกมาจากมิติ เรียกให้ทุกคนมารับประทานอาหารด้วยกัน“จื่อชิงล่ะ?” ทุกคนมาแล้ว แต่ไม่เห็นซูจื่อชิงเมี่ยชิงหว่านเอ่ยเสียงเบา “เมื่อกี้ยังเห็นเขาคุยกับลูกสาวเจ้าของโรงเตี๊ยมอยู่ในลานบ้านเลย”“เรากินกันก่อนเถอะ”น้ำเสียงของซูจิ่งสิงเย็นชาเล็กน้อยหลังจากทุกคนทานข้าวเสร็จ ก็เห็นว่าถึงเวลาเข้านอนแล้ว แต่ซูจื่อชิงยังไม่กลับมากู้หว่านเยว่รู้สึกกังวลเล็กน้อย ถึงอย่างไรซูจื่อชิงก็ไม่มีวรยุทธ์“ข้าจะออกไปดู เจ้ารอข้าอยู่ในห้อง” ซูจิ่งสิงก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเจ้าเด็กนี่ ชอบสร้างปัญหาให้เขาจริง ๆ “ท่านรีบไปรีบกลับนะ” กู้หว่านเยว่หยิบหน้าไม้ออกมาจากมิติ แล้วมัดไว้ที่แขนของตัวเอง และโรยผงพิษไว้ที่ตัวเล็กน้อยปรากฏว่า ซูจิ่งสิงเพิ่งจะออกไปได้ไม่ทันไร กู้หว่านเยว่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่หน้าประตูจากนั้น ป้าเสิ่นที่เจ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 379

“บ่อย ๆ อะไรกัน?” ซูจื่อชิงหน้าแดงก่ำ จากนั้นพูดแก้ตัวเสียงเบา “แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว”“ครั้งเดียวยังไม่พออีกหรือ? ข้าบอกแล้วว่าครอบครัวนี้มันแปลก ๆ ให้เจ้าระวังตัวหน่อย แต่พอเจ้าเห็นเขาร้องไห้สะอึกสะอื้น เจ้าก็ใจอ่อนแล้ว น่าขยะแขยงจริง ๆ ”ซูจื่อชิงเบิกตากว้าง “อะไร ใจอ่อนอะไรกัน ข้าไม่ได้ใจอ่อนสักหน่อย”เขาไม่คิดเลยว่าเสี่ยวเตี่ยจะใช้ความเห็นใจของเขา นี่มันไม่ใช่ใจอ่อนสักหน่อย?“มีคนมาแล้ว หุบปาก!” กู้หว่านเยว่ถลึงตาใส่ซูจื่อชิง แล้วรีบห้ามเขาเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอกประตูเจ้าของร้านเสิ่นเดินเข้ามา“ให้ตายสิ คราวนี้เราได้ผลประโยชน์เยอะเลยนะ พวกเขาสองครอบครัวรวยมากทั้งคู่”นอกจากกู้หว่านเยว่และคนอื่น ๆ แล้ว ยังมีอีกครอบครัวหนึ่งอยู่ที่มุมห้อง พวกเขากำลังกอดกันตัวสั่นเทาป้าเสิ่นดวงตาเป็นประกาย แล้วนับเงินอยู่ข้าง ๆ ส่วนเจ้าของร้านเสิ่นก็จ้องพวกเขาด้วยสายตาเย็นชาและน่าขนลุก“คนเยอะขนาดนี้ พอจะทำซาลาเปาเนื้อได้เยอะเลย”ซาลาเปาเนื้อ?ครอบครัวที่อยู่ตรงมุมห้องก็เริ่มอาเจียนออกมาอย่างรุนแรง กู้หว่านเยว่ได้สติกลับคืนมา สีหน้าของนางก็แสดงความน่าขยะแขยงออกมาเช่นกันครอบครัวนี้
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 380

แต่กู้หว่านเยว่ไม่ได้คิดที่จะเข้าไปช่วยในทันที ซูจื่อชิงหุนหันพลันแล่นและเชื่อคนง่าย นางตั้งใจจะปล่อยให้เขาได้รับบทเรียนบ้างทางด้านซูจื่อชิง เขาแทบจะบ้าคลั่งแล้ว ตะโกนด่าทอด้วยความโมโห“พวกเจ้าอย่าเข้ามานะ อย่าให้ข้ากินยา เจ้ามันคนสารเลว ข้าเห็นเจ้าแล้วก็อยากจะอาเจียน”เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ถึงได้หลุดปากพูดคำหยาบออกมา เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่หน้าด้านขนาดนี้มาก่อน ให้เขาแต่งงานกับเสี่ยวเตี่ยสู้ให้เขาตายไปเลยยังจะดีเสียกว่า“เจ้าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้เจ้าต้องเข้าหอกับข้าซะดี ๆ แล้วปีหน้าเราก็จะมีลูกอ้วนท้วนด้วยกัน และสืบทอดกิจการของพ่อข้าไปด้วยกัน”สายตาของเสี่ยวเตี่ยดูบ้าคลั่งเล็กน้อย นางหยิบหญ้าหมูติดสัดขึ้นมา จากนั้นยัดเข้าไปในปากของซูจื่อชิงซูจื่อชิงถูกมัดเอาไว้ ขยับตัวไม่ได้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ จากนั้นตะโกนด่าทอเสียงดังเมี่ยชิงหว่านก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย ทันใดนั้น กู้หว่านเยว่ก็สะบัดตัวเองให้หลุดจากเชือก แล้วพุ่งเข้าไปเตะเสี่ยวเตี่ยจนกระเด็นออกไป“โอ๊ย!” เสี่ยวเตี่ยล้มลงกับพื้นอย่างน่าเวทนา“ลูกสาว!” ป้าเสิ่นและเจ้าของร้านเสิ่นส่งสายตาดุร้าย แล้วต่างคนต่างคว้าไม้ขึ้
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
3637383940
...
78
DMCA.com Protection Status