แต่กู้หว่านเยว่ไม่ได้คิดที่จะเข้าไปช่วยในทันที ซูจื่อชิงหุนหันพลันแล่นและเชื่อคนง่าย นางตั้งใจจะปล่อยให้เขาได้รับบทเรียนบ้างทางด้านซูจื่อชิง เขาแทบจะบ้าคลั่งแล้ว ตะโกนด่าทอด้วยความโมโห“พวกเจ้าอย่าเข้ามานะ อย่าให้ข้ากินยา เจ้ามันคนสารเลว ข้าเห็นเจ้าแล้วก็อยากจะอาเจียน”เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ถึงได้หลุดปากพูดคำหยาบออกมา เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่หน้าด้านขนาดนี้มาก่อน ให้เขาแต่งงานกับเสี่ยวเตี่ยสู้ให้เขาตายไปเลยยังจะดีเสียกว่า“เจ้าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้เจ้าต้องเข้าหอกับข้าซะดี ๆ แล้วปีหน้าเราก็จะมีลูกอ้วนท้วนด้วยกัน และสืบทอดกิจการของพ่อข้าไปด้วยกัน”สายตาของเสี่ยวเตี่ยดูบ้าคลั่งเล็กน้อย นางหยิบหญ้าหมูติดสัดขึ้นมา จากนั้นยัดเข้าไปในปากของซูจื่อชิงซูจื่อชิงถูกมัดเอาไว้ ขยับตัวไม่ได้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ จากนั้นตะโกนด่าทอเสียงดังเมี่ยชิงหว่านก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย ทันใดนั้น กู้หว่านเยว่ก็สะบัดตัวเองให้หลุดจากเชือก แล้วพุ่งเข้าไปเตะเสี่ยวเตี่ยจนกระเด็นออกไป“โอ๊ย!” เสี่ยวเตี่ยล้มลงกับพื้นอย่างน่าเวทนา“ลูกสาว!” ป้าเสิ่นและเจ้าของร้านเสิ่นส่งสายตาดุร้าย แล้วต่างคนต่างคว้าไม้ขึ้
การที่พวกเขาใช้วิธีนี้ ไม่เพียงแต่จะแก้ไขความอดยากได้ ซ้ำยังเก็บเงินได้อีกไม่น้อยด้วยหลังจากที่สองสามีภรรยาได้ลิ้มลองความหอมหวานจากผลประโยชน์ พวกเขาก็ไม่เคยได้สัมผัสกับความอดยากอีกเลย ทั้งยังเปิดธุรกิจสีดำมานานเป็นสิบปีคนผ่านทางที่เคยสัญจรเข้ามาต่างถูกฆ่าตายนับไม่ถ้วนกู้หว่านเยว่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ซูจิ่งสิงกล่าวว่า”ไว้เป็นหน้าที่ของข้า จะได้ไม่ต้องมีภาพติดตาด้วย”กู้หว่านเยว่พยักหน้า จากนั้นก็เก็บรวบรวมทรัพย์สินมีค่านางตั้งใจว่าหลังจากนี้หากเจอคนจนระหว่างทาง ค่อยแจกจ่ายของมีค่าเหล่านี้ ถือว่าเป็นการระบายความขุ่นเคืองในใจด้วยหลังจากค้นหาหนึ่งรอบ ทั้งสองคนก็รวบรวมหลักฐานทั้งหมด ก่อนจะกลับไปยังลานกว้างด้านหลังอีกครั้ง“ฮูหยิน ปล่อยพวกเราไปเถอะ ขอแค่ท่านเมตตาลดหย่อนผ่อนผัน เงินก็ไม่ใช่ปัญหา”เจ้าของร้านเสิ่นยังไม่รู้ว่ากู้หว่านเยว่ไปทำไม ยังพยายามเจรจาต่อรองกับนางอย่างไม่ลดมานะ“ขอปฏิเสธ สามีของข้าได้สั่งให้คนไปรายงานต่อเจ้าหน้าที่แล้ว เจ้ารอบรับทลงโทษตามกฎหมายได้เลย”“ฮูหยิน อย่าทำเช่นนี้ จับข้าไว้แล้วท่านจะได้ประโยชน์อะไร ....” เจ้าของร้านเสิ่นหน้าซีดเผือด ก่อนจะกล่าวอย่า
จี้ฮั่นโม่ยกมือปาดเหงื่อ ซูจื่อชิงไม่ใช่คนโง่ รีบพยักหน้าตอบรับ“ใต้เท้าโปรดวางใจ ข้าจะปิดปากเงียบไม่บอกใคร เรื่องที่เจอพวกเราที่นี่วันนี้หวังว่าใต้เท้าจะเก็บไว้เป็นความลับนะเช่นกัน”“คุณชายน้อย อย่าฆ่าข้าเลย ข้ายอมรับใช้ท่าน”ในขณะที่ทั้งสองกำลังพร่ำพรรณนานั้น เสี่ยวเตี่ยน้อยรีบสบโอกาสขอร้องซูจื่อชิงด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ข้าชอบคุณชายจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าสัญญาว่าหลังจากวันนี้ไป ข้าจะปรนนิบัติท่านอยู่บนเตียงอย่างเต็มที่”ซูจื่อชิงแทบหงายหลัง“ไสหัวออกไป! ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาปรนนิบัติข้า น่ารังเกียจ สตรีแพศยาจิตใจโหดเหี้ยมเช่นเจ้า อยู่ห่างได้ยิ่งดี!”“คุณชาย ข้ารักท่านจริง ๆ นะเจ้าคะ”เสี่ยวเตี่ยอยากจะพูดบางอย่าง แต่จู่ ๆ ก็มีบุคคลปริศนาสามคนปรากฏขึ้นเบื้องหน้าซูจิ่งสิงพาผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนสองคนเดินเข้ามา “พวกเราเก็บของ แล้วรีบออกไปจากที่นี่ ที่เหลือข้าจัดการเอง”เมื่อมีการมาถึงของผู้ตรวจการ ย่อมมีการถามถึงชื่อเสียงเรียงนามเพื่อไม่ให้ยุ่งยากโดยไม่จำเป็น พวกเขาต้องออกไปจากที่นี้ก่อนกู้หว่านเยว่เข้าใจความหมายของซูจิ่งสิง จึงให้คนเหล่านั้นเก็บข้าวของ พาหนานหยางอ๋องกระโดดขึ้
ในขณะที่รถม้าค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้า ทันใดนั้นเสียงตะโกนด้วยความร้อนใจก็ดังมาจากด้านหลัง“น้องหญิง น้องหญิงเจ้าอดทนไว้นะ!”“เกิดอะไรขึ้น?”กู้หว่านเยว่ออกมาจากห้วงมิติ เมื่อครู่นางแอบงีบหลับอยู่ในห้วงมิติ และอาบน้ำจากในนั้น“ดูเหมือนภรรยาของใต้เท้าจี้จะเกิดเรื่องเสียแล้ว”ทันทีที่ซูจิ่งสิงกล่าวจบ จี้ฮั่นโม่ก็วิ่งมาจากด้านหลัง ขวางรถม้าไว้“คุณชายซู ซูฮูหยิน ขอข้ายืมม้าของท่านไปหาหมอในเมืองได้หรือไม่ ภรรยาของข้ามีเลือดออก”กู้หว่านเยว่เปิดม่านจากข้างใน ท่ามกลางแสงตะวันในตอนรุ่งสาง นางเห็นจี้ฮั่นโม่ที่กำลังอุ้มทารกน้อยไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็แบกฮูหยินไว้บนหลัง โดยมีเลือดสีแดงฉานจากตัวจี้ฮูหยินหยดลงบนหิมะมาตลอดทาง“ฮูหยินของเจ้าเป็นอะไร?”จี้ฮั่นโม่รีบกล่าว “นางเพิ่งคลอดลูกขอรับ แต่ร่างกายของนางยังไม่ฟื้นตัวดี นางติดตามข้ามาตลอดทาง วันนี้อาจเพราะตื่นตระหนก จึงทำให้นางเสียเลือดไม่หยุด”เขาหันกลับไปมองจี้ฮูหยินด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ เมื่อเห็นว่ากู้หว่านเยว่ไม่กล่าวสิ่งใด จึงคิดว่านางคงไม่ให้ยืมม้าแน่ จึงรีบกล่าวว่า “ขอร้องฮูหยินโปรดช่วยข้าด้วย ข้ายอมรับใช้ฮูหยินไปตลอดชีวิต
“น้องหญิง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”“น้องหญิงของข้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”ซูจิ่งสิงและจี้ฮั่นโม่กล่าวถามพร้อมกัน ทั้งสองคนต่างก็เป็นห่วงภรรยาของตน กู้หว่านเยว่ขบขันเล็กน้อย“วางใจเถิด ข้าไม่เป็นไร ภรรยาของเจ้าก็ไม่เป็นไรเช่นกัน”ซูจิ่งสิงกรอกตามองจี้ฮั่นโม่อย่างหมดคำพูด จี้ฮั่นโม่เกาศีรษะแก้เขิน“เป็นเรื่องปกติที่คนในครอบครัวจะเป็นห่วงคนของตน ภรรยาของเจ้าไม่เป็นไรแล้ว” กู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นจี้ฮั่นโม่สบตาที่เย็นยะเลือกของซูจิ่งสิงครู่หนึ่ง จากนั้นก็รุดหน้าเข้าไปหาจี้ฮูหยิน เวลานี้สีหน้าภรรยาของตนเริ่มมีเลือดฝาดเล็กน้อย อีกทั้งเสื้อผ้าบนตัวของนางก็ได้รับการเปลี่ยนเป็นชุดที่สะอาดเรียบร้อยเขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะเดียวกันก็รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด“ซูฮูหยิน บุญคุณของท่านตอบแทนอย่างไรก็ไม่หมด นับแต่วันนี้ไป ชีวิตของจี้ฮั่นโม่เป็นของท่าน” กู้หว่านเยว่หรี่ตามอง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงขบขัน “ดี เช่นนั้นเจ้าต้องกลับเจดีย์หนิงกู่กับข้า ข้าขาดกำลังคนพอดี”“ข้าน้อยจะทำสุดความสามารถ!” จี้ฮั่นโม่คุกเข่าอย่างไม่ลังเลกู้หว่านเยว่กระตุกมุมปาก โชคดีจริง ๆ นางออก
นัยน์ตาสีดำทมิฬคู่นั้นจ้องมองพวกเขาอย่างประหลาดใจและไร้เดียงสา“เด็กคนนี้มีวาสนากับพวกเรา”กู้หว่านเยว่ได้กลิ่นเกี๊ยวจากตัวของนาง โรคกลัวความสกปรกอย่างนางจึงทนไม่ได้หยิบผ้าห่มสะอาด ๆ ผืนหนึ่งออกมาจากห้วงมิติ จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าตัวเดิมของนางออกแล้วโยนลงไปในเครื่องซักผ้าเพื่อซักและอบแห้ง จากนั้นก็ค่อยเปลี่ยนให้นางทุกขั้นตอนของการเปลี่ยนเสื้อผ้า เสี่ยวเยว่เอ๋อร์ไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ ปล่อยให้กู้หว่านเยว่พลิกตัวของนางไปมาหลังจากที่กู้หว่านเยว่ป้อนนมแพะให้เสี่ยวเยว่เอ๋อร์แล้ว นางก็อุ้มเด็กน้อยไปวางไว้ข้างกายของจี้ฮูหยินที่กำลังหลับ เพื่อให้สองแม่ลูกได้นอนด้วยกัน“น้องหญิง เจ้าเองก็พักเสียเถิด” ซูจิ่งสิงเป็นห่วงกู้หว่านเยว่มาก เพราะเขาเห็นนัยน์ตาที่เหนื่อยล้าของนาง“อื้อ”กู้หว่านเยว่เอนกายและหลับอยู่บนรถม้าเช้าตรู่วันที่สอง หลังจากที่จี้ฮูหยินตื่นขึ้น นางก็ได้รู้ว่ากู้หว่านเยว่คือคนที่ช่วยชีวิตนางไว้ ทั้งยังป้อนนมให้เสี่ยวเยว่เอ๋อร์ จึงรีบอุ้มเด็กน้อยคำนับหัวโขกดินให้กู้หว่านเยว่ทันที“ขอบคุณฮูหยิน ชีวิตนี้ของข้าเป็นหนี้พระคุณของฮูหยินยิ่งนัก”“รีบลุกขึ้นเถิด ร่างกายของเจ้ายั
“ท่านอ๋อง ครอบครัวของเราเล่า?”ฮูหยินกลุ่มหนึ่งอุ้มลูกน้อยเดินรุดหน้าเข้ามา และกล่าวถามด้วยน้ำเสียงสะอื้น แม้ว่าความจริงแล้วจะพอคาดเดาอะไรได้บ้างแล้วก็ตามหยางหนานอ๋องทอดถอนใจ “ข้าปกป้องพวกเขาได้ไม่ดี”“ท่านพี่ ทำไมท่านถึงทิ้งข้า? ในท้องของข้ายังมีเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านอยู่นะ....”“ท่านพ่อ ต่อไปข้ากับท่านแม่จะทำอย่างไร?”เสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดดังระงมออกมาจากกลุ่มฮูหยิน หนานหยางอ๋องได้ยินแล้วก็พลันตาแดงก่ำ“ขอโทษ ข้าต้องขอโทษพวกเจ้าจริง ๆ”“ท่านอ๋อง ท่านอย่างกล่าวเช่นนี้ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของท่าน”ทุกคนไม่ได้จมปลักอยู่ในความโศกเศร้านัก หนานหยางอ๋องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาเสมือนพวกเขาเป็นพระโอรสของตนเสมอ ทั้งยังส่งคนไปช่วยพวกเขาออกมาจากค่าย หากจะโทษก็คงต้องโทษฮ่องเต้น้อยผู้นั้น!ฮ่องเต้น้อยผู้นั้นมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต“ท่านอ๋องท่านต้องแก้แค้นให้ท่านพี่ของข้า”“ใช่ สังหารฮ่องเต้น้อย สังหารฮ่องเต้น้อย!”ทุกคนตะโกนด้วยความฮึกเหิม ความเกลียดชังที่มีต่อฮ่องเต้น้อยพุ่งทะยานสู่จุดสูงสุดครั้นนึกถึงพวกเขา ทุกคนล้วนแต่เป็นครอบครัวของผู้ที่เสียสละปกป้องประเทศชาติ บุรุษต้องออก
หวังปี้ตัดสินใจว่าจะลองขอเจรจาดูก่อน หากไม่ใช่อาวุธก็จะดีมาก“เจ้ามีเงินใช่หรือไม่?”เมื่อเห็นหวังปี้ส่ายหน้า กู้หว่านเยว่จึงกล่าวถามอย่างรังเกียจและไม่พอใจว่า“แล้วเจ้ายังจะกล้าขอต่อรองอีกหรือ? ขอสันติกับพวกโจร เจ้าใสซื่อเกินไปหรือเปล่า?”“ก็ข้าคิดไม่ออก” หวังปี้เกาศีรษะ พวกเขาชินกับการใช้กำลัง ก่อนเปิดศึกก็ต้องเจรจาสักหน่อยโจรที่อยู่ตรงข้ามถ่มน้ำลายอย่างหมดความอดทน “ให้ตายเถอะ เจ้ากล้าเล่นลูกไม้กับข้านะ จับพวกเขาไว้!”สิ้นสุดเสียงของโจรผู้นั้น ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังก็พากันกวัดแกว่งมีดเล่มใหญ่และเดินล้อมเข้ามา“ช่วยด้วย!” สตรีและเด็ก ๆ ต่างกรีดร้องเสียงแหลม “สตรีและเด็กที่ไร้ทักษะการต่อสู้ไปซ่อนตัวข้างใน ส่วนคนที่มีทักษะการต่อสู้เตรียมรับศึก ห้ามวุ่นวายเด็ดขาด!”เสียงที่ค่อนข้างดุดันดึงดูดความสนใจของกู้หว่านเยว่ ทันทีที่หันไปก็พบว่าเป็นพระชายาหนานหยาง นางสั่งให้สาวใช้ซ่อนตัวอยู่ข้างใน ส่วนที่เหลือก็หยิบอาวุธจากรถม้า จากนั้นก็เข้าสู้กับพวกโจรเหล่านั้น“ท่านพี่ รับหอกไป”กล่าวได้ว่าเป็นหอกพิฆาต ที่เสียงทะลุใครเป็นต้องตายสิ้น!กู้หว่านเยว่หยิบหอกพิฆาตด้ามหนึ่งออกมาจากห้
กู้หว่านเยว่หยิบน้ำเชื่อมออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมกับอธิบาย“ข้าและท่านพี่ได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”หนานหยางอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ประสานมือคารวะทั้งสองคน“ขอบคุณท่านอ๋องและพระชายาที่ยังเป็นห่วงข้า”กู้หว่านเยว่เห็นเขามีสีหน้าอ่อนเพลีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “รีบดื่มน้ำเชื่อมนี่เถิด จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้”“ตกลง”หนานหยางอ๋องเปิดขวดน้ำเชื่อมอย่างเชื่อฟัง แล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ จึงรีบดื่มน้ำเชื่อมที่เหลือจนหมดขวดในขณะที่หนานหยางอ๋องดื่มน้ำเชื่อมอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ไปดูชาวประมงคนอื่น ๆ พบว่าชาวประมงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลมเพราะความหิวชุนจวี๋รีบวิ่งเข้ามาดู แต่หลังจากที่ตามหาหนึ่งรอบแล้ว ก็ไม่พบสามีของนาง“พี่ต้าหนิว เหตุใดจึงไม่เห็นพี่ต้าหนิวเลยล่ะ?”ต้าหนิวเป็นคนกลุ่มแรกที่ตกลงไปในวังน้ำวน ตามหลักแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดจึงไม่พบเขาเลย?ชุนจวี๋ร้อนใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นชาวประมงเหล่านี้ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก คิดว่าในที่สุดก็ได้พบกับสามีของนางแล้ว แ
กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงตกตะลึงเล็กน้อย “เจ้ามาจับปลาคนเดียวหรือ เจ้ามีสามีด้วยมิใช่หรือ?”พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของชุนจวี๋ก็น้ำตาคลอ“เขาหายตัวไปสามวันแล้ว เมื่อคืนข้าแอบออกมาตามหาเขา”ชุนจวี๋พูดพลางร้องไห้ “คนอื่นบอกว่าเขาตายแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อข้าแอบพายเรือลำเล็กมาที่ใจกลางทะเลสาบคนเดียว แล้วก็รู้สึกได้ถึงแรงดูดมหาศาลกำลังดึงข้าอยู่ ข้ายังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกดึงลงไปพร้อมกับเรือ”นางเงยหน้าขึ้น “พอข้าตื่นขึ้นมา ก็เห็นพวกท่านทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าข้า”ชุนจวี๋นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบมองไปรอบ ๆ “สามีของข้าอาจจะตกลงมาด้วย พวกท่านเห็นเขาแถวนี้บ้างหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “พวกเราเห็นแค่เจ้าคนเดียว”ชุนจวี๋หัวใจสลายในทันที“แต่พื้นที่ข้างล่างนี้กว้างมาก น่าจะเป็นสุสานใต้ดิน พวกเราลองหาทางเข้าสุสานใต้ดินดู พวกเขาลงมานานแล้ว อาจจะเข้าไปในสุสานใต้ดินนานแล้วก็ได้”กู้หว่านเยว่อธิบาย เมื่อครู่นางให้ระบบส่งแผนที่ของสุสานใต้ดินมาให้นางแล้ว“ข้าจะไปหาพร้อมกับพวกท่าน”น้ำเสียงที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยของชุนจวี๋ ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าไม่กลัวหรือ? ในส
“อืม”เขาตัดสินใจกัดฟันถอดเสื้อผ้าออก แต่พอถอดถึงกางเกง กู้หว่านเยว่ก็หันหน้าหนี ทำให้ซูจิ่งสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาเปลี่ยนเป็นกางเกงสะอาดตัวใหม่ ไม่ได้ใส่เสื้อ รอให้กู้หว่านเยว่ทายาให้“ผู้ชายอย่างท่านนี่ เหตุใดทั้งตัวมีแต่กล้ามเนื้อแบบนี้ล่ะ?”กู้หว่านเยว่ทนไม่ไหว จึงลูบกล้ามท้องของเขา ทำเอาชายหนุ่มตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีถ้าเขาเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็นห้องนอนในมิติของกู้หว่านเยว่สินะทั้งห้องเป็นสีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวอบอวลอยู่เมื่อได้กลิ่นหอมนั้น มองไปที่เตียงใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังกู้หว่านเยว่ ใบหูของเขาก็ร้อนผ่าวกู้หว่านเยว่หัวเราะชอบใจ ถ้าไม่นึกถึงภารกิจสำคัญที่จะต้องทำเดี๋ยวนี้ นางต้องลากท่านพี่มากลิ้งบนเตียงสักหน่อยหลังจากฆ่าเชื้อโรคที่บาดแผลอย่างง่าย ๆ และโรยยาจินชวงสมานแผลแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“น่าจะเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่แผลนี้ไม่ลึกมาก แค่ช่วงสองสามวันนี้ระวังอย่าให้โดนน้ำก็พอ”“ขอบคุณน้องหญิง”ซูจิ่งสิงใส่เสื้อ กู้หว่านเยว่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย มองไม่เห็นกล้ามท้องแล้วรอจนกระทั่งซูจิ่งสิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เอ่
“หากถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวน ยังมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่?”เมี่ยชิงหว่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน พอเห็นกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางก็ทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาแดงก่ำกู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงไปด้านข้าง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านพี่ ใต้วังน้ำวนนั่นอาจจะมีของบางอย่าง”เมื่อครู่ระบบบอกกับนางว่า ใต้วังน้ำวนอาจจะมีสมบัติอยู่กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมืออีกแล้ว“ข้าตั้งใจว่าจะไปดู ถ้าเห็นชาวประมงที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะพากลับมา”ซูจิ่งสิงเห็นดวงตาของนางเป็นประกาย ก็รู้ว่านางอยากไปมาก ในเมื่อน้องหญิงอยากไป เขาก็จะไม่ห้ามแน่นอน“เราสองคนไปด้วยกัน”“ก็ได้”อย่างมากก็หากเจออันตราย ก็จะลากซูจิ่งสิงเข้าไปหลบในมิติด้วยกันเมื่อตัดสินใจได้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปบอกทุกคน“พวกเจ้ารอคำสั่งอยู่บนเรือใหญ่ หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามใครพายเรือเด็ดขาด ข้าและท่านอ๋องจะนั่งเรือเล็กไปสำรวจที่ใจกลางทะเลสาบก่อน”คนที่นำมาล้วนเป็นองครักษ์จันทรา ไม่กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟังชิงเหลียนและฉู่เฟิงรีบไปที่ท้ายเรือ จากนั้นค่อย ๆ วางเรือลำเล็กไว้บนผิวน้ำ“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านต้องระวังตัวด้วย” ชิง
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่