หวังปี้ตัดสินใจว่าจะลองขอเจรจาดูก่อน หากไม่ใช่อาวุธก็จะดีมาก“เจ้ามีเงินใช่หรือไม่?”เมื่อเห็นหวังปี้ส่ายหน้า กู้หว่านเยว่จึงกล่าวถามอย่างรังเกียจและไม่พอใจว่า“แล้วเจ้ายังจะกล้าขอต่อรองอีกหรือ? ขอสันติกับพวกโจร เจ้าใสซื่อเกินไปหรือเปล่า?”“ก็ข้าคิดไม่ออก” หวังปี้เกาศีรษะ พวกเขาชินกับการใช้กำลัง ก่อนเปิดศึกก็ต้องเจรจาสักหน่อยโจรที่อยู่ตรงข้ามถ่มน้ำลายอย่างหมดความอดทน “ให้ตายเถอะ เจ้ากล้าเล่นลูกไม้กับข้านะ จับพวกเขาไว้!”สิ้นสุดเสียงของโจรผู้นั้น ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังก็พากันกวัดแกว่งมีดเล่มใหญ่และเดินล้อมเข้ามา“ช่วยด้วย!” สตรีและเด็ก ๆ ต่างกรีดร้องเสียงแหลม “สตรีและเด็กที่ไร้ทักษะการต่อสู้ไปซ่อนตัวข้างใน ส่วนคนที่มีทักษะการต่อสู้เตรียมรับศึก ห้ามวุ่นวายเด็ดขาด!”เสียงที่ค่อนข้างดุดันดึงดูดความสนใจของกู้หว่านเยว่ ทันทีที่หันไปก็พบว่าเป็นพระชายาหนานหยาง นางสั่งให้สาวใช้ซ่อนตัวอยู่ข้างใน ส่วนที่เหลือก็หยิบอาวุธจากรถม้า จากนั้นก็เข้าสู้กับพวกโจรเหล่านั้น“ท่านพี่ รับหอกไป”กล่าวได้ว่าเป็นหอกพิฆาต ที่เสียงทะลุใครเป็นต้องตายสิ้น!กู้หว่านเยว่หยิบหอกพิฆาตด้ามหนึ่งออกมาจากห้
“ข้าไม่เป็นไร” เมี่ยชิงหว่านส่ายหน้า แต่สีหน้ากลับซีดเผือดลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางเสียเลือดมากซูจื่อชิงเดินไปเดินมา เขาร้อนใจจนกระทั่งมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก “พี่สะใภ้ ท่านช่วยดูแผลให้ชิงหว่านหน่อยขอรับ”กู้หว่านเยว่สาวเท้าก้าวใหญ่เข้าไปหา โน้มตัวลงดูบาดแผลของเมี่ยชิงหว่าน“เส้นเลือดบนข้อมือของนางถูกตัด ทำให้เลือดไหลไม่หยุด ต้องรีบพันแผลเดี๋ยวนี้”ลูกน้องของหลิวจ้งชางคนนี้ร้ายกาจยิ่งนัก ยังดีที่เป็นเส้นเลือดบนข้อมือ หากหลิวจ้งชานคนนี้เชือดเข้าที่คอของนาง ป่านี้นางคงได้ไปเฝ้าท่านยมราชไปแล้ว“ใช้มือกดแผลของนางไว้!”แขนของเมี่ยชิงหว่านมีเลือดไหลไม่หยุด พระชายาหนานหยางรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา จากนั้นก็กดแผลของนางไว้“ซูฮูหยิน ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”น้ำเสียงนั้นฟังดูร้อนใจอยู่ไม่น้อย สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลคู่นั้นได้จ้องมองที่เมี่ยชิงหว่านตลอดเวลากู้หว่านเยว่เห็นท่าทางชำนาญของพระชายาหนานหยาง ก็พยักหน้า แล้วขึ้นไปหยิบผ้าก๊อซและผ้าพันแผลรวมถึงยาห้ามเลือดจากบนรถม้า“ช่วยทำความสะอาดแผลของนางให้ข้าหน่อย”“เจ้าค่ะ”พระชายาหนานหยางรีบรับผ้าก๊อซมาพันแผลให้เมี่ยชิงหว่านทันที จากน
ทางฝั่งของกู้หว่านเยว่เห็นโจรเหล่านั้นถูกเก็บกวาดของมีค่าจนเกลี้ยงแล้ว ก็เริ่มเปิดระบบติดตามตัว หาที่อยู่ของหลิวจ้งชางเมื่อเห็นไฟสีแดงกะพริบบริเวณยอดเขาชิงเฟิง กู้หว่านเยว่ก็แทบจะยิ้มไม่ออก“บุรุษผู้นี้ตั้งใจจะพาเราไปกวาดล้างกองบัญชาการใหญ่เลยหรือ น่าแปลกใจยิ่งนัก ”ทันทีที่ซูจิ่งสิงเห็นสีหน้าของภรรยาตน ก็รู้ทันใดว่านางกำลังคิดจะทำสิ่งใด นางคงอยากกวาดล้างค่ายชิงหลงอย่างแน่นอน"เจียงเฟิ่ง ลู่จิงพวกเจ้าปิดงาน”หลังจากที่ซูจิ่งสิงออกคำสั่งแล้ว เขาก็พาตัวกู้หว่านเยว่ลอยออกไปทันทีเจียงเฟิ่งและลู่จิงติดตามพวกเขามาเนิ่นนาน เรื่องเก็บกวาดพวกโจรเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กสำหรับพวกเขา เขาไม่ต้องกังวลว่าจะผิดพลาดแต่อย่างใด“ท่านพี่ บินไปทางขวาของภูเขา!”กู้หว่านเยว่อยากจะใช้วิธีทะลุมิติ แต่การที่ปลายเท้าได้สัมผัสกับผืนป่า รับรู้ถึงสายลมที่ปะทะหน้าก็นับว่าไม่เลวซูจิ่งสิงบินไปตามปลายนิ้วของกู้หว่านเยว่ หลังจากบินไปจนสุดปลายทาง ไม่นานพวกเขาก็เห็นค่ายโจรกลุ่มหนึ่งที่ซ่อนเร้นอยู่บนภูเขาค่ายโจรแห่งนี้สร้างขึ้นจากไม้ไผ่ บริเวณรอบนอกถูกล้อมด้วยก้อนหิน ดูแข็งแรงทนทานมากทีเดียว“หัวหน้าของค่ายชิง
กู้หว่านเยว่กล่าวเสนอ นัยน์ตาของซูจิ่งสิงเปล่งประกาย รู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลวเลยทั้งสองคนลงจากเขาทันที จากนั้นก็ตามหาหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง เพื่อบอกให้ชาวบ้านไปรายงานจวนขุนนางชาวบ้านที่อยู่บริเวณตีนเขาแห่งนี้มักจะได้รับการก่อกวนจากค่ายชิงหลงอยู่บ่อยครั้ง จึงเกลียดชังพวกเขาเข้ากระดูกดำ เมื่อได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็รีบนำข่าวนี้ไปรายงานจวนขุนนางทันที“พวกเราไปกันเถอะ”เมื่อเห็นชาวบ้านไปรายงานแล้ว กู้หว่านเยว่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนาม รีบพาซูจิ่งสิงกลับมารวมกลุ่มกับทุกคนอีกครั้งเวลานี้ทุกคนเพิ่งจะทำแผลเสร็จ กลุ่มโจรก่อนหน้านั้นถูกเจียงเฟิ่งพาไปจัดการเรียบร้อยแล้ว“ไป พวกเราออกเดินทางกันต่อเถอะ”ทลายค่ายโจรได้ก็นับว่าแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนได้ ในใจของกู้หว่านเยว่ดีใจยิ่งนักแต่เรื่องที่นางไม่รู้คือ หลังจากที่พวกนางจากไปได้ไม่นาน หลิวจ้งชางที่สลบไสลก็ค่อย ๆ ได้สติเขาศึกษาพวกวิชานอกรีตมาจากเจียงหู การต่อต้านยาแฝดจึงค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ยาแฝดมีฤทธิ์ต่อเขาเพียงชั่วคราวเท่านั้นหลิวจ้งชางที่ฟื้นตัวแล้วรีบก้มมองเสื้อผ้าที่ถูกปลดเปลื้อง กระทั่
เมื่อรู้ว่าสูญเสียผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองไปอีกชุดหนึ่ง มู่หรงอวี้ก็ไม่สบอารมณ์“คนต่ำช้า เจ้าคนต่ำช้าผู้นี้!”“ท่านอ๋อง เกิดอะไรขึ้น?”เถาเอ๋อร์มองไข่มุกแม่น้ำแมนจูเรียนที่เปล่งประกายระยิบระยับอยู่หน้าร้าน แววตาจ้องเขม็ง ในยุคปัจจุบันนางเป็นเพียงคนยากจนคนหนึ่ง ไม่สามารถจ่ายเงินซื้อไข่มุกแม่น้ำแมนจูเรียนขนาดใหญ่เช่นนี้ได้มู่หรงอวี้ฉีกจดหมายออก เหมือนกำลังจะขาดสติ“กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง พวกเขาทั้งสองรุดไปที่ภูเขาชิงเฟิงอย่างไม่ทราบสาเหตุยกเค้าสถานที่ที่ข้าซ่อนอาวุธไว้จนไม่เหลือหลอ!”นั่นคือกองกำลังที่เขาเพียรสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก กู้หว่านเยว่มีเจตนาเป็นแน่ เป็นดาวมฤตยูของเขาอย่างแท้จริง!ไม่เช่นนั้นเหตุใดนางถึงไม่ไปกวาดล้างค่ายกองโจรอื่น ๆ เจาะจงต้องมาจับจ้องของเขาด้วย?ยิ่งไปกว่านั้นจากการบรรยายในจดหมาย ค่ายชิงหลงก็เหมือนกับคลังสินค้าทั้งหลายของเขาก่อนหน้านี้ ไม่เหลืออะไรไว้ให้แม้แต่ผมเส้นเดียว “กู้หว่านเยว่ต้องมีกลุ่มลูกน้องที่ชำนาญในการปล้น ปล้นคลังสินค้าของข้าไปให้นางจนหมด!”เถาเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงเช่นกัน “พวกเขาไม่ได้อยู่ในเจดีย์หนิงกู่หรือ? เหตุใดวิ่ง
“ชาวบ้านได้กินผักสดกันหมดแล้วหรือยัง?”“ได้กินแล้ว ได้กินแล้ว คนที่ยังไม่ได้ปลูกผัก ล้วนกระซิบกระซาบว่าจะปลูกด้วยกัน”ตอนนี้ทุกครัวเรือนในหมู่บ้านสือหานต่างเฝ้ารอให้เขาเรียนรู้วิธีปลูกผักในเรือนกระจก ทำให้หัวหน้าหมู่บ้านโจวยุ่งจนหัวหมุนในช่วงนี้กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย นี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ต่อไปก็จะสอนชาวบ้านให้ปลูกผักและธัญพืชมากขึ้น ให้เจดีย์หนิงกู่กลายเป็นยุ้งฉางของโลกเสียเลย!“หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าจะพาคนไปก่อน ทะเบียนบ้านของพวกเขาต้องรบกวนท่านแล้ว”หลังจากเร่งการเดินทางมาครึ่งเดือน ทุกคนต่างเหนื่อยล้ากันมาก กู้หว่านเยว่วางแผนที่จะจัดการเรื่องที่อยู่อาศัยของพวกเขาให้เสร็จโดยเร็วที่สุด“ไม่รบกวน ไม่รบกวน พรุ่งนี้ข้าจะเข้าเมืองจัดการให้พวกเขา”หัวหน้าหมู่บ้านโจวมาส่งกู้หว่านเยว่ถึงหน้าประตูเรือนด้วยไมตรีจิตหลังออกจากหมู่บ้านสือหานได้หนึ่งเดือน เพิ่งจะถึงเรือน ซูจิ่นเอ๋อร์ก็กระโจนออกมาจากข้างใน“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าคิดถึงท่านมากเลย!”สาวน้อยแทบจะขึ้นเกาะบนตัวนาง ดึงกู้หว่านเยว่มาถามนู่นถามนี่ด้วยความตื่นเต้นดีใจนางหยางและซูจิ้งก็ตามออกมาเช่นกัน ซักถามกู้หว่านเยว่ว่าพบเจอ
นางหยางเหงื่อแตกพลั่ก แต่กู้หว่านเยว่กลับไม่เป็นอะไร นางรู้จักร่างกายของตัวเองดี จึงจะไม่โอ้อวดเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น ระบบดูเหมือนจะสนใจทารกในท้องของนางมาก พยายามคิดหาวิธีถนอมความอบอุ่นให้นางอยู่ตลอดเวลา“ท่านแม่ ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องของพวกข้า รีบกินข้าวเถอะ”หลายคนกำลังกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง หลังจากกินข้าวเสร็จ นางหยางก็ต้มน้ำอาบให้ทั้งสองและปูที่นอนให้เรียบร้อยหลังจากเก็บข้าวของเสร็จ ซูจื่อชิงก็กลับมาแล้วเช่นกัน“จัดการเรื่องที่พักเสร็จแล้วหรือ?” กู้หว่านเยว่เอ่ยถาม คนที่หนานหยางอ๋องพามามีจำนวนไม่น้อย นางไม่รู้ว่ากระท่อมจะพออยู่หรือไม่ซูจื่อชิงเช็ดเหงื่อ “จัดการที่พักเสร็จแล้ว แต่ทุกคนยังไม่คุ้นชิน ร้องหนาวกันอยู่ตลอด”ก็ไม่เห็นแปลก พวกเขาเป็นคนจากทางใต้ จู่ ๆ ก็วิ่งมาที่เจดีย์หนิงกู่ ตัวเรือนยังเรียบง่าย ไม่มีเสื้อผ้ากันหนาว ไม่หนาวก็แปลกแล้วแต่พวกเขาก็ต้องผ่านไปได้ด้วยตัวเองเท่านั้น กู้หว่านเยว่พาพวกเขามาถึงเจดีย์หนิงกู่ นับว่าเป็นความเมตตาที่สุดแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะช่วยเหลือทุกอย่างหลังจากพูดคุยกับซูจื่อชิงไม่กี่คำ กู้หว่านเยว่ก็ไล่เขาออกไป ตั้
“ไปตายซะ!”หลู่ซื่อทนไม่ไหวอีกแล้ว จึงถีบโดรนลงไปในน้ำขณะเดียวกันกู้หว่านเยว่ที่อยู่ทางด้านนี้ก็อดหัวเราะลั่นออกมาไม่ได้ไม่ว่านักเดินทางข้ามเวลาที่อยู่เบื้องหลังมู่หรงอวี้จะเป็นใคร เรื่องสติปัญญาก็ยังต้องพัฒนาอีกมากหลังจากแกล้งหลู่ซื่อแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เรียกฉู่เฟิงเข้ามา ขอให้เขาพาพวกหลู่ซื่อและโดรนลำนั้นออกจากหมู่บ้านสือหานด้วยกันวันรุ่งขึ้น กู้หว่านเยว่ล้างหน้าบ้วนปากเสร็จเรียบร้อยแต่เช้า จึงลากซูจิ่งสิงไปดูเรือนใหม่“สวัสดีนายหญิงกู้”“อรุณสวัสดิ์นายหญิง”ระหว่างทางได้พบกับชาวบ้านจากหมู่บ้านสือหาน เมื่อก่อนพวกเขาเคยหลบเลี่ยงคนต่างถิ่น แต่ตอนนี้ต่อให้ต้องมาไกลก็อดเข้ามาพูดคุยกับกู้หว่านเยว่ไม่ได้“ไปเตาเผาหรือ?” กู้หว่านเยว่ทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม“ขอรับ โชคดีที่มีนายหญิงพวกเราถึงมีงานทำ แล้วยังได้เงินอีกด้วย”สองตาของชาวบ้านเป็นประกาย สายตานั้นไม่ได้มองกู้หว่านเยว่เลย แต่เป็นสายตาที่มองเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยอย่างชัดเจนซูจิ่งสิงเห็นเมียของตัวเองได้รับการเลื่อมใสศรัทธา ความภาคภูมิใจก็ผุดขึ้นมาในใจเมียของเขาสุดยอดไปเลยจริง ๆ!เมื่อมาถึงเรือนหลังใหม่ นายท่านหลี่กำลังตรว
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก