หวังปี้ตัดสินใจว่าจะลองขอเจรจาดูก่อน หากไม่ใช่อาวุธก็จะดีมาก“เจ้ามีเงินใช่หรือไม่?”เมื่อเห็นหวังปี้ส่ายหน้า กู้หว่านเยว่จึงกล่าวถามอย่างรังเกียจและไม่พอใจว่า“แล้วเจ้ายังจะกล้าขอต่อรองอีกหรือ? ขอสันติกับพวกโจร เจ้าใสซื่อเกินไปหรือเปล่า?”“ก็ข้าคิดไม่ออก” หวังปี้เกาศีรษะ พวกเขาชินกับการใช้กำลัง ก่อนเปิดศึกก็ต้องเจรจาสักหน่อยโจรที่อยู่ตรงข้ามถ่มน้ำลายอย่างหมดความอดทน “ให้ตายเถอะ เจ้ากล้าเล่นลูกไม้กับข้านะ จับพวกเขาไว้!”สิ้นสุดเสียงของโจรผู้นั้น ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังก็พากันกวัดแกว่งมีดเล่มใหญ่และเดินล้อมเข้ามา“ช่วยด้วย!” สตรีและเด็ก ๆ ต่างกรีดร้องเสียงแหลม “สตรีและเด็กที่ไร้ทักษะการต่อสู้ไปซ่อนตัวข้างใน ส่วนคนที่มีทักษะการต่อสู้เตรียมรับศึก ห้ามวุ่นวายเด็ดขาด!”เสียงที่ค่อนข้างดุดันดึงดูดความสนใจของกู้หว่านเยว่ ทันทีที่หันไปก็พบว่าเป็นพระชายาหนานหยาง นางสั่งให้สาวใช้ซ่อนตัวอยู่ข้างใน ส่วนที่เหลือก็หยิบอาวุธจากรถม้า จากนั้นก็เข้าสู้กับพวกโจรเหล่านั้น“ท่านพี่ รับหอกไป”กล่าวได้ว่าเป็นหอกพิฆาต ที่เสียงทะลุใครเป็นต้องตายสิ้น!กู้หว่านเยว่หยิบหอกพิฆาตด้ามหนึ่งออกมาจากห้
“ข้าไม่เป็นไร” เมี่ยชิงหว่านส่ายหน้า แต่สีหน้ากลับซีดเผือดลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางเสียเลือดมากซูจื่อชิงเดินไปเดินมา เขาร้อนใจจนกระทั่งมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก “พี่สะใภ้ ท่านช่วยดูแผลให้ชิงหว่านหน่อยขอรับ”กู้หว่านเยว่สาวเท้าก้าวใหญ่เข้าไปหา โน้มตัวลงดูบาดแผลของเมี่ยชิงหว่าน“เส้นเลือดบนข้อมือของนางถูกตัด ทำให้เลือดไหลไม่หยุด ต้องรีบพันแผลเดี๋ยวนี้”ลูกน้องของหลิวจ้งชางคนนี้ร้ายกาจยิ่งนัก ยังดีที่เป็นเส้นเลือดบนข้อมือ หากหลิวจ้งชานคนนี้เชือดเข้าที่คอของนาง ป่านี้นางคงได้ไปเฝ้าท่านยมราชไปแล้ว“ใช้มือกดแผลของนางไว้!”แขนของเมี่ยชิงหว่านมีเลือดไหลไม่หยุด พระชายาหนานหยางรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา จากนั้นก็กดแผลของนางไว้“ซูฮูหยิน ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”น้ำเสียงนั้นฟังดูร้อนใจอยู่ไม่น้อย สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลคู่นั้นได้จ้องมองที่เมี่ยชิงหว่านตลอดเวลากู้หว่านเยว่เห็นท่าทางชำนาญของพระชายาหนานหยาง ก็พยักหน้า แล้วขึ้นไปหยิบผ้าก๊อซและผ้าพันแผลรวมถึงยาห้ามเลือดจากบนรถม้า“ช่วยทำความสะอาดแผลของนางให้ข้าหน่อย”“เจ้าค่ะ”พระชายาหนานหยางรีบรับผ้าก๊อซมาพันแผลให้เมี่ยชิงหว่านทันที จากน
ทางฝั่งของกู้หว่านเยว่เห็นโจรเหล่านั้นถูกเก็บกวาดของมีค่าจนเกลี้ยงแล้ว ก็เริ่มเปิดระบบติดตามตัว หาที่อยู่ของหลิวจ้งชางเมื่อเห็นไฟสีแดงกะพริบบริเวณยอดเขาชิงเฟิง กู้หว่านเยว่ก็แทบจะยิ้มไม่ออก“บุรุษผู้นี้ตั้งใจจะพาเราไปกวาดล้างกองบัญชาการใหญ่เลยหรือ น่าแปลกใจยิ่งนัก ”ทันทีที่ซูจิ่งสิงเห็นสีหน้าของภรรยาตน ก็รู้ทันใดว่านางกำลังคิดจะทำสิ่งใด นางคงอยากกวาดล้างค่ายชิงหลงอย่างแน่นอน"เจียงเฟิ่ง ลู่จิงพวกเจ้าปิดงาน”หลังจากที่ซูจิ่งสิงออกคำสั่งแล้ว เขาก็พาตัวกู้หว่านเยว่ลอยออกไปทันทีเจียงเฟิ่งและลู่จิงติดตามพวกเขามาเนิ่นนาน เรื่องเก็บกวาดพวกโจรเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กสำหรับพวกเขา เขาไม่ต้องกังวลว่าจะผิดพลาดแต่อย่างใด“ท่านพี่ บินไปทางขวาของภูเขา!”กู้หว่านเยว่อยากจะใช้วิธีทะลุมิติ แต่การที่ปลายเท้าได้สัมผัสกับผืนป่า รับรู้ถึงสายลมที่ปะทะหน้าก็นับว่าไม่เลวซูจิ่งสิงบินไปตามปลายนิ้วของกู้หว่านเยว่ หลังจากบินไปจนสุดปลายทาง ไม่นานพวกเขาก็เห็นค่ายโจรกลุ่มหนึ่งที่ซ่อนเร้นอยู่บนภูเขาค่ายโจรแห่งนี้สร้างขึ้นจากไม้ไผ่ บริเวณรอบนอกถูกล้อมด้วยก้อนหิน ดูแข็งแรงทนทานมากทีเดียว“หัวหน้าของค่ายชิง
กู้หว่านเยว่กล่าวเสนอ นัยน์ตาของซูจิ่งสิงเปล่งประกาย รู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลวเลยทั้งสองคนลงจากเขาทันที จากนั้นก็ตามหาหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง เพื่อบอกให้ชาวบ้านไปรายงานจวนขุนนางชาวบ้านที่อยู่บริเวณตีนเขาแห่งนี้มักจะได้รับการก่อกวนจากค่ายชิงหลงอยู่บ่อยครั้ง จึงเกลียดชังพวกเขาเข้ากระดูกดำ เมื่อได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็รีบนำข่าวนี้ไปรายงานจวนขุนนางทันที“พวกเราไปกันเถอะ”เมื่อเห็นชาวบ้านไปรายงานแล้ว กู้หว่านเยว่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนาม รีบพาซูจิ่งสิงกลับมารวมกลุ่มกับทุกคนอีกครั้งเวลานี้ทุกคนเพิ่งจะทำแผลเสร็จ กลุ่มโจรก่อนหน้านั้นถูกเจียงเฟิ่งพาไปจัดการเรียบร้อยแล้ว“ไป พวกเราออกเดินทางกันต่อเถอะ”ทลายค่ายโจรได้ก็นับว่าแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนได้ ในใจของกู้หว่านเยว่ดีใจยิ่งนักแต่เรื่องที่นางไม่รู้คือ หลังจากที่พวกนางจากไปได้ไม่นาน หลิวจ้งชางที่สลบไสลก็ค่อย ๆ ได้สติเขาศึกษาพวกวิชานอกรีตมาจากเจียงหู การต่อต้านยาแฝดจึงค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ยาแฝดมีฤทธิ์ต่อเขาเพียงชั่วคราวเท่านั้นหลิวจ้งชางที่ฟื้นตัวแล้วรีบก้มมองเสื้อผ้าที่ถูกปลดเปลื้อง กระทั่
เมื่อรู้ว่าสูญเสียผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองไปอีกชุดหนึ่ง มู่หรงอวี้ก็ไม่สบอารมณ์“คนต่ำช้า เจ้าคนต่ำช้าผู้นี้!”“ท่านอ๋อง เกิดอะไรขึ้น?”เถาเอ๋อร์มองไข่มุกแม่น้ำแมนจูเรียนที่เปล่งประกายระยิบระยับอยู่หน้าร้าน แววตาจ้องเขม็ง ในยุคปัจจุบันนางเป็นเพียงคนยากจนคนหนึ่ง ไม่สามารถจ่ายเงินซื้อไข่มุกแม่น้ำแมนจูเรียนขนาดใหญ่เช่นนี้ได้มู่หรงอวี้ฉีกจดหมายออก เหมือนกำลังจะขาดสติ“กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง พวกเขาทั้งสองรุดไปที่ภูเขาชิงเฟิงอย่างไม่ทราบสาเหตุยกเค้าสถานที่ที่ข้าซ่อนอาวุธไว้จนไม่เหลือหลอ!”นั่นคือกองกำลังที่เขาเพียรสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก กู้หว่านเยว่มีเจตนาเป็นแน่ เป็นดาวมฤตยูของเขาอย่างแท้จริง!ไม่เช่นนั้นเหตุใดนางถึงไม่ไปกวาดล้างค่ายกองโจรอื่น ๆ เจาะจงต้องมาจับจ้องของเขาด้วย?ยิ่งไปกว่านั้นจากการบรรยายในจดหมาย ค่ายชิงหลงก็เหมือนกับคลังสินค้าทั้งหลายของเขาก่อนหน้านี้ ไม่เหลืออะไรไว้ให้แม้แต่ผมเส้นเดียว “กู้หว่านเยว่ต้องมีกลุ่มลูกน้องที่ชำนาญในการปล้น ปล้นคลังสินค้าของข้าไปให้นางจนหมด!”เถาเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงเช่นกัน “พวกเขาไม่ได้อยู่ในเจดีย์หนิงกู่หรือ? เหตุใดวิ่ง
“ชาวบ้านได้กินผักสดกันหมดแล้วหรือยัง?”“ได้กินแล้ว ได้กินแล้ว คนที่ยังไม่ได้ปลูกผัก ล้วนกระซิบกระซาบว่าจะปลูกด้วยกัน”ตอนนี้ทุกครัวเรือนในหมู่บ้านสือหานต่างเฝ้ารอให้เขาเรียนรู้วิธีปลูกผักในเรือนกระจก ทำให้หัวหน้าหมู่บ้านโจวยุ่งจนหัวหมุนในช่วงนี้กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย นี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ต่อไปก็จะสอนชาวบ้านให้ปลูกผักและธัญพืชมากขึ้น ให้เจดีย์หนิงกู่กลายเป็นยุ้งฉางของโลกเสียเลย!“หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าจะพาคนไปก่อน ทะเบียนบ้านของพวกเขาต้องรบกวนท่านแล้ว”หลังจากเร่งการเดินทางมาครึ่งเดือน ทุกคนต่างเหนื่อยล้ากันมาก กู้หว่านเยว่วางแผนที่จะจัดการเรื่องที่อยู่อาศัยของพวกเขาให้เสร็จโดยเร็วที่สุด“ไม่รบกวน ไม่รบกวน พรุ่งนี้ข้าจะเข้าเมืองจัดการให้พวกเขา”หัวหน้าหมู่บ้านโจวมาส่งกู้หว่านเยว่ถึงหน้าประตูเรือนด้วยไมตรีจิตหลังออกจากหมู่บ้านสือหานได้หนึ่งเดือน เพิ่งจะถึงเรือน ซูจิ่นเอ๋อร์ก็กระโจนออกมาจากข้างใน“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าคิดถึงท่านมากเลย!”สาวน้อยแทบจะขึ้นเกาะบนตัวนาง ดึงกู้หว่านเยว่มาถามนู่นถามนี่ด้วยความตื่นเต้นดีใจนางหยางและซูจิ้งก็ตามออกมาเช่นกัน ซักถามกู้หว่านเยว่ว่าพบเจอ
นางหยางเหงื่อแตกพลั่ก แต่กู้หว่านเยว่กลับไม่เป็นอะไร นางรู้จักร่างกายของตัวเองดี จึงจะไม่โอ้อวดเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น ระบบดูเหมือนจะสนใจทารกในท้องของนางมาก พยายามคิดหาวิธีถนอมความอบอุ่นให้นางอยู่ตลอดเวลา“ท่านแม่ ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องของพวกข้า รีบกินข้าวเถอะ”หลายคนกำลังกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง หลังจากกินข้าวเสร็จ นางหยางก็ต้มน้ำอาบให้ทั้งสองและปูที่นอนให้เรียบร้อยหลังจากเก็บข้าวของเสร็จ ซูจื่อชิงก็กลับมาแล้วเช่นกัน“จัดการเรื่องที่พักเสร็จแล้วหรือ?” กู้หว่านเยว่เอ่ยถาม คนที่หนานหยางอ๋องพามามีจำนวนไม่น้อย นางไม่รู้ว่ากระท่อมจะพออยู่หรือไม่ซูจื่อชิงเช็ดเหงื่อ “จัดการที่พักเสร็จแล้ว แต่ทุกคนยังไม่คุ้นชิน ร้องหนาวกันอยู่ตลอด”ก็ไม่เห็นแปลก พวกเขาเป็นคนจากทางใต้ จู่ ๆ ก็วิ่งมาที่เจดีย์หนิงกู่ ตัวเรือนยังเรียบง่าย ไม่มีเสื้อผ้ากันหนาว ไม่หนาวก็แปลกแล้วแต่พวกเขาก็ต้องผ่านไปได้ด้วยตัวเองเท่านั้น กู้หว่านเยว่พาพวกเขามาถึงเจดีย์หนิงกู่ นับว่าเป็นความเมตตาที่สุดแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะช่วยเหลือทุกอย่างหลังจากพูดคุยกับซูจื่อชิงไม่กี่คำ กู้หว่านเยว่ก็ไล่เขาออกไป ตั้
“ไปตายซะ!”หลู่ซื่อทนไม่ไหวอีกแล้ว จึงถีบโดรนลงไปในน้ำขณะเดียวกันกู้หว่านเยว่ที่อยู่ทางด้านนี้ก็อดหัวเราะลั่นออกมาไม่ได้ไม่ว่านักเดินทางข้ามเวลาที่อยู่เบื้องหลังมู่หรงอวี้จะเป็นใคร เรื่องสติปัญญาก็ยังต้องพัฒนาอีกมากหลังจากแกล้งหลู่ซื่อแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เรียกฉู่เฟิงเข้ามา ขอให้เขาพาพวกหลู่ซื่อและโดรนลำนั้นออกจากหมู่บ้านสือหานด้วยกันวันรุ่งขึ้น กู้หว่านเยว่ล้างหน้าบ้วนปากเสร็จเรียบร้อยแต่เช้า จึงลากซูจิ่งสิงไปดูเรือนใหม่“สวัสดีนายหญิงกู้”“อรุณสวัสดิ์นายหญิง”ระหว่างทางได้พบกับชาวบ้านจากหมู่บ้านสือหาน เมื่อก่อนพวกเขาเคยหลบเลี่ยงคนต่างถิ่น แต่ตอนนี้ต่อให้ต้องมาไกลก็อดเข้ามาพูดคุยกับกู้หว่านเยว่ไม่ได้“ไปเตาเผาหรือ?” กู้หว่านเยว่ทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม“ขอรับ โชคดีที่มีนายหญิงพวกเราถึงมีงานทำ แล้วยังได้เงินอีกด้วย”สองตาของชาวบ้านเป็นประกาย สายตานั้นไม่ได้มองกู้หว่านเยว่เลย แต่เป็นสายตาที่มองเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยอย่างชัดเจนซูจิ่งสิงเห็นเมียของตัวเองได้รับการเลื่อมใสศรัทธา ความภาคภูมิใจก็ผุดขึ้นมาในใจเมียของเขาสุดยอดไปเลยจริง ๆ!เมื่อมาถึงเรือนหลังใหม่ นายท่านหลี่กำลังตรว
กู้หว่านเยว่หยิบน้ำเชื่อมออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมกับอธิบาย“ข้าและท่านพี่ได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”หนานหยางอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ประสานมือคารวะทั้งสองคน“ขอบคุณท่านอ๋องและพระชายาที่ยังเป็นห่วงข้า”กู้หว่านเยว่เห็นเขามีสีหน้าอ่อนเพลีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “รีบดื่มน้ำเชื่อมนี่เถิด จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้”“ตกลง”หนานหยางอ๋องเปิดขวดน้ำเชื่อมอย่างเชื่อฟัง แล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ จึงรีบดื่มน้ำเชื่อมที่เหลือจนหมดขวดในขณะที่หนานหยางอ๋องดื่มน้ำเชื่อมอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ไปดูชาวประมงคนอื่น ๆ พบว่าชาวประมงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลมเพราะความหิวชุนจวี๋รีบวิ่งเข้ามาดู แต่หลังจากที่ตามหาหนึ่งรอบแล้ว ก็ไม่พบสามีของนาง“พี่ต้าหนิว เหตุใดจึงไม่เห็นพี่ต้าหนิวเลยล่ะ?”ต้าหนิวเป็นคนกลุ่มแรกที่ตกลงไปในวังน้ำวน ตามหลักแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดจึงไม่พบเขาเลย?ชุนจวี๋ร้อนใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นชาวประมงเหล่านี้ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก คิดว่าในที่สุดก็ได้พบกับสามีของนางแล้ว แ
กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงตกตะลึงเล็กน้อย “เจ้ามาจับปลาคนเดียวหรือ เจ้ามีสามีด้วยมิใช่หรือ?”พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของชุนจวี๋ก็น้ำตาคลอ“เขาหายตัวไปสามวันแล้ว เมื่อคืนข้าแอบออกมาตามหาเขา”ชุนจวี๋พูดพลางร้องไห้ “คนอื่นบอกว่าเขาตายแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อข้าแอบพายเรือลำเล็กมาที่ใจกลางทะเลสาบคนเดียว แล้วก็รู้สึกได้ถึงแรงดูดมหาศาลกำลังดึงข้าอยู่ ข้ายังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกดึงลงไปพร้อมกับเรือ”นางเงยหน้าขึ้น “พอข้าตื่นขึ้นมา ก็เห็นพวกท่านทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าข้า”ชุนจวี๋นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบมองไปรอบ ๆ “สามีของข้าอาจจะตกลงมาด้วย พวกท่านเห็นเขาแถวนี้บ้างหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “พวกเราเห็นแค่เจ้าคนเดียว”ชุนจวี๋หัวใจสลายในทันที“แต่พื้นที่ข้างล่างนี้กว้างมาก น่าจะเป็นสุสานใต้ดิน พวกเราลองหาทางเข้าสุสานใต้ดินดู พวกเขาลงมานานแล้ว อาจจะเข้าไปในสุสานใต้ดินนานแล้วก็ได้”กู้หว่านเยว่อธิบาย เมื่อครู่นางให้ระบบส่งแผนที่ของสุสานใต้ดินมาให้นางแล้ว“ข้าจะไปหาพร้อมกับพวกท่าน”น้ำเสียงที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยของชุนจวี๋ ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าไม่กลัวหรือ? ในส
“อืม”เขาตัดสินใจกัดฟันถอดเสื้อผ้าออก แต่พอถอดถึงกางเกง กู้หว่านเยว่ก็หันหน้าหนี ทำให้ซูจิ่งสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาเปลี่ยนเป็นกางเกงสะอาดตัวใหม่ ไม่ได้ใส่เสื้อ รอให้กู้หว่านเยว่ทายาให้“ผู้ชายอย่างท่านนี่ เหตุใดทั้งตัวมีแต่กล้ามเนื้อแบบนี้ล่ะ?”กู้หว่านเยว่ทนไม่ไหว จึงลูบกล้ามท้องของเขา ทำเอาชายหนุ่มตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีถ้าเขาเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็นห้องนอนในมิติของกู้หว่านเยว่สินะทั้งห้องเป็นสีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวอบอวลอยู่เมื่อได้กลิ่นหอมนั้น มองไปที่เตียงใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังกู้หว่านเยว่ ใบหูของเขาก็ร้อนผ่าวกู้หว่านเยว่หัวเราะชอบใจ ถ้าไม่นึกถึงภารกิจสำคัญที่จะต้องทำเดี๋ยวนี้ นางต้องลากท่านพี่มากลิ้งบนเตียงสักหน่อยหลังจากฆ่าเชื้อโรคที่บาดแผลอย่างง่าย ๆ และโรยยาจินชวงสมานแผลแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“น่าจะเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่แผลนี้ไม่ลึกมาก แค่ช่วงสองสามวันนี้ระวังอย่าให้โดนน้ำก็พอ”“ขอบคุณน้องหญิง”ซูจิ่งสิงใส่เสื้อ กู้หว่านเยว่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย มองไม่เห็นกล้ามท้องแล้วรอจนกระทั่งซูจิ่งสิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เอ่
“หากถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวน ยังมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่?”เมี่ยชิงหว่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน พอเห็นกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางก็ทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาแดงก่ำกู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงไปด้านข้าง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านพี่ ใต้วังน้ำวนนั่นอาจจะมีของบางอย่าง”เมื่อครู่ระบบบอกกับนางว่า ใต้วังน้ำวนอาจจะมีสมบัติอยู่กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมืออีกแล้ว“ข้าตั้งใจว่าจะไปดู ถ้าเห็นชาวประมงที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะพากลับมา”ซูจิ่งสิงเห็นดวงตาของนางเป็นประกาย ก็รู้ว่านางอยากไปมาก ในเมื่อน้องหญิงอยากไป เขาก็จะไม่ห้ามแน่นอน“เราสองคนไปด้วยกัน”“ก็ได้”อย่างมากก็หากเจออันตราย ก็จะลากซูจิ่งสิงเข้าไปหลบในมิติด้วยกันเมื่อตัดสินใจได้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปบอกทุกคน“พวกเจ้ารอคำสั่งอยู่บนเรือใหญ่ หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามใครพายเรือเด็ดขาด ข้าและท่านอ๋องจะนั่งเรือเล็กไปสำรวจที่ใจกลางทะเลสาบก่อน”คนที่นำมาล้วนเป็นองครักษ์จันทรา ไม่กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟังชิงเหลียนและฉู่เฟิงรีบไปที่ท้ายเรือ จากนั้นค่อย ๆ วางเรือลำเล็กไว้บนผิวน้ำ“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านต้องระวังตัวด้วย” ชิง
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่