“ชาวบ้านได้กินผักสดกันหมดแล้วหรือยัง?”“ได้กินแล้ว ได้กินแล้ว คนที่ยังไม่ได้ปลูกผัก ล้วนกระซิบกระซาบว่าจะปลูกด้วยกัน”ตอนนี้ทุกครัวเรือนในหมู่บ้านสือหานต่างเฝ้ารอให้เขาเรียนรู้วิธีปลูกผักในเรือนกระจก ทำให้หัวหน้าหมู่บ้านโจวยุ่งจนหัวหมุนในช่วงนี้กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย นี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ต่อไปก็จะสอนชาวบ้านให้ปลูกผักและธัญพืชมากขึ้น ให้เจดีย์หนิงกู่กลายเป็นยุ้งฉางของโลกเสียเลย!“หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าจะพาคนไปก่อน ทะเบียนบ้านของพวกเขาต้องรบกวนท่านแล้ว”หลังจากเร่งการเดินทางมาครึ่งเดือน ทุกคนต่างเหนื่อยล้ากันมาก กู้หว่านเยว่วางแผนที่จะจัดการเรื่องที่อยู่อาศัยของพวกเขาให้เสร็จโดยเร็วที่สุด“ไม่รบกวน ไม่รบกวน พรุ่งนี้ข้าจะเข้าเมืองจัดการให้พวกเขา”หัวหน้าหมู่บ้านโจวมาส่งกู้หว่านเยว่ถึงหน้าประตูเรือนด้วยไมตรีจิตหลังออกจากหมู่บ้านสือหานได้หนึ่งเดือน เพิ่งจะถึงเรือน ซูจิ่นเอ๋อร์ก็กระโจนออกมาจากข้างใน“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าคิดถึงท่านมากเลย!”สาวน้อยแทบจะขึ้นเกาะบนตัวนาง ดึงกู้หว่านเยว่มาถามนู่นถามนี่ด้วยความตื่นเต้นดีใจนางหยางและซูจิ้งก็ตามออกมาเช่นกัน ซักถามกู้หว่านเยว่ว่าพบเจอ
นางหยางเหงื่อแตกพลั่ก แต่กู้หว่านเยว่กลับไม่เป็นอะไร นางรู้จักร่างกายของตัวเองดี จึงจะไม่โอ้อวดเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น ระบบดูเหมือนจะสนใจทารกในท้องของนางมาก พยายามคิดหาวิธีถนอมความอบอุ่นให้นางอยู่ตลอดเวลา“ท่านแม่ ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องของพวกข้า รีบกินข้าวเถอะ”หลายคนกำลังกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง หลังจากกินข้าวเสร็จ นางหยางก็ต้มน้ำอาบให้ทั้งสองและปูที่นอนให้เรียบร้อยหลังจากเก็บข้าวของเสร็จ ซูจื่อชิงก็กลับมาแล้วเช่นกัน“จัดการเรื่องที่พักเสร็จแล้วหรือ?” กู้หว่านเยว่เอ่ยถาม คนที่หนานหยางอ๋องพามามีจำนวนไม่น้อย นางไม่รู้ว่ากระท่อมจะพออยู่หรือไม่ซูจื่อชิงเช็ดเหงื่อ “จัดการที่พักเสร็จแล้ว แต่ทุกคนยังไม่คุ้นชิน ร้องหนาวกันอยู่ตลอด”ก็ไม่เห็นแปลก พวกเขาเป็นคนจากทางใต้ จู่ ๆ ก็วิ่งมาที่เจดีย์หนิงกู่ ตัวเรือนยังเรียบง่าย ไม่มีเสื้อผ้ากันหนาว ไม่หนาวก็แปลกแล้วแต่พวกเขาก็ต้องผ่านไปได้ด้วยตัวเองเท่านั้น กู้หว่านเยว่พาพวกเขามาถึงเจดีย์หนิงกู่ นับว่าเป็นความเมตตาที่สุดแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะช่วยเหลือทุกอย่างหลังจากพูดคุยกับซูจื่อชิงไม่กี่คำ กู้หว่านเยว่ก็ไล่เขาออกไป ตั้
“ไปตายซะ!”หลู่ซื่อทนไม่ไหวอีกแล้ว จึงถีบโดรนลงไปในน้ำขณะเดียวกันกู้หว่านเยว่ที่อยู่ทางด้านนี้ก็อดหัวเราะลั่นออกมาไม่ได้ไม่ว่านักเดินทางข้ามเวลาที่อยู่เบื้องหลังมู่หรงอวี้จะเป็นใคร เรื่องสติปัญญาก็ยังต้องพัฒนาอีกมากหลังจากแกล้งหลู่ซื่อแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เรียกฉู่เฟิงเข้ามา ขอให้เขาพาพวกหลู่ซื่อและโดรนลำนั้นออกจากหมู่บ้านสือหานด้วยกันวันรุ่งขึ้น กู้หว่านเยว่ล้างหน้าบ้วนปากเสร็จเรียบร้อยแต่เช้า จึงลากซูจิ่งสิงไปดูเรือนใหม่“สวัสดีนายหญิงกู้”“อรุณสวัสดิ์นายหญิง”ระหว่างทางได้พบกับชาวบ้านจากหมู่บ้านสือหาน เมื่อก่อนพวกเขาเคยหลบเลี่ยงคนต่างถิ่น แต่ตอนนี้ต่อให้ต้องมาไกลก็อดเข้ามาพูดคุยกับกู้หว่านเยว่ไม่ได้“ไปเตาเผาหรือ?” กู้หว่านเยว่ทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม“ขอรับ โชคดีที่มีนายหญิงพวกเราถึงมีงานทำ แล้วยังได้เงินอีกด้วย”สองตาของชาวบ้านเป็นประกาย สายตานั้นไม่ได้มองกู้หว่านเยว่เลย แต่เป็นสายตาที่มองเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยอย่างชัดเจนซูจิ่งสิงเห็นเมียของตัวเองได้รับการเลื่อมใสศรัทธา ความภาคภูมิใจก็ผุดขึ้นมาในใจเมียของเขาสุดยอดไปเลยจริง ๆ!เมื่อมาถึงเรือนหลังใหม่ นายท่านหลี่กำลังตรว
เมื่อได้ยินว่าอาจจะเกิดเรื่องกับท่านลุง ดวงตาของหลี่เฉินอันก็สั่นไหวแต่ในช่วงเวลานี้ได้ฝึกฝนทักษะกับซูจิ่งสิง ความคิดเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ข่มอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว“ให้ข้าไปด้วย”เขาสูญเสียแม่ผู้ให้กำเนิดไปแล้ว แม้ว่าพ่อผู้ให้กำเนิดจะมีอำนาจในมือ แต่กลับไม่เอาใจใส่เขาสักเท่าใด ตอนนี้เขาเหลือเพียงเกิ่งกวง ซึ่งเป็นสมาชิกในครอบครัวเพียงคนเดียวที่สามารถพึ่งพาได้ท่านลุงเกิดเรื่อง เขาต้องรุดหน้าไปช่วย“อาจารย์หญิงได้โปรด ให้ข้าตามไปด้วยเถิด”กู้หว่านเยว่มองร่างเล็กของเขา เผยความเก่งกล้าสามารถออกมาแล้ว ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย“ได้ เจ้าไปกับพวกเราด้วย แต่เจ้าต้องรับปากกับข้า ว่าจะเชื่อฟังข้าตลอดทาง”พอดีนางก็ต้องการให้หลี่เฉินอันได้สัมผัสประสบการณ์ ลองทดสอบดาบเล่มนี้ของเขาว่ามีความเร็วหรือไม่“ข้ารับปากอาจารย์หญิง!”หลี่เฉินอันรีบปาดน้ำตา แล้ววิ่งไปเก็บข้าวของฟู่หลานเหิงมองตามหลังหลี่เฉินอันไป“พวกเจ้าสองคนต้องการช่วยเขา หรือว่า...”ซูจิ่งสิงมองไปที่นางหยาง “ท่านแม่ ท่านออกไปดูซิว่าน้ำของจิ่นเอ๋อร์ต้มเสร็จหรือยัง”“ได้สิ แม่จะไปเดี๋ยวนี้”นางหยางหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว ซูจิ้
ขณะเดียวกัน นางจำเป็นต้องเตือนสติอีกฝ่าย“ใต้เท้าฟู่ ตอนนี้ตัวตนของท่านพี่ของข้ายังคงเป็นความลับ ก่อนจะถึงเวลาที่เหมาะสม รบกวนท่านช่วยเก็บความลับนี้ไว้ด้วย”“ไม่ต้องกังวล”ฟู่หลานเหิงรับปากด้วยตัวเอง คุณสมบัติอย่างเขากู้หว่านเยว่ยังคงเชื่อใจได้อยู่ในเมื่อซูจิ่งสิงเปิดเผยตัวตนแล้ว ฟู่หลานเหิงก็รู้เช่นกันว่าเหตุใดเขาถึงต้องการช่วยหลี่เฉินอันและเกิ่งกวง“ช่วงนี้แนวป้องกันชายแดนค่อนข้างวุ่นวาย ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิ่งกวงตกอยู่ในอันตรายหรือไม่ หากพวกเจ้าจะไป ก็ระมัดระวังไว้สักหน่อยดีกว่า”สิ่งที่ฟู่หลานเหิงไม่ได้พูดก็คือ ช่วงนี้อากาศหนาวมาก และใกล้ปลายปีแล้วด้วยผู้คนจากตงโจวมักจะฝ่าแนวป้องกันชายแดนเข้ามา ปล้นเสบียงและฉุดคร่าผู้หญิง “ข้าจะไปกับพวกเจ้าด้วย”ฟู่หลานเหิงยังคงไม่วางใจ“ถึงยังไงข้าก็เคยไปที่ชายแดนมาแล้ว”การที่มีฟู่หลานเหิงอยู่ด้วยคงจะสะดวกกว่ามาก กู้หว่านเยว่เองก็ไม่ได้ปฏิเสธ“เช่นนั้นท่านก็อย่ากลับไปเลย วันนี้ค้างที่นี่ก่อน พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางแต่เช้าครู่”“ตกลง”พูดถึงการพักค้างคืน ไม่รู้ว่าฟู่หลานเหิงนึกอะไรขึ้นได้ จู่ ๆ ติ่งหูก็แดงขึ้นเล็กน้อย“เช่นนั้นข
ซูจิ่นเอ๋อร์ลนลานพยักหน้า “ข้ารับปาก ข้ารับปาก! ข้าจะเชื่อฟังแน่นอน”“ข้าจะไม่ติดตามพวกท่านแล้ว”ซูจื่อชิงมองคนหลายคน ด้วยแววตาขอคำปรึกษา“นายท่านฟู่และคนอื่น ๆ เพิ่งมาถึง มีสิ่งของมากมายที่ต้องจัดซื้อ ข้าจะอยู่ช่วย”“อืม”ซูจิงสิ่งรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ มองทะลุได้โดยไม่ต้องจิ้มให้แตกเลยเด็กคนนี้ต้องการตามเกี้ยวเมี่ยชิงหว่าน ก็ควรจะทำอะไรบางอย่างในทางปฏิบัติ หวังว่าเมื่อเขากลับมา ซูจื่อชิงจะมีความก้าวหน้าวันรุ่งขึ้น พวกเขาขึ้นรถม้าและออกเดินทางก่อนจะไป ทั้งนางหยางและซูจิ้งมายืนส่งที่ประตู“หว่านเยว่ พวกเจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี ออกไปข้างนอกอย่าอวดเก่ง ปกป้องตัวเองคือสิ่งที่สำคัญที่สุด”“ท่านแม่ไม่ต้องกังวล”กู้หว่านเยว่โบกมือให้ทั้งสอง “พวกท่านกลับไปเถอะ ลำคอของท่านพ่อโดนลมไม่ได้”“ออกเดินทางได้แล้ว ระหว่างทางต้องระวังให้มากหน่อย”ฟู่หลานเหิงกระซิบเตือนกู้หว่านเยว่เปิดม่านรถขึ้น เห็นฮั่นจิ่วและลู่จิงตามมาในเงามืด ยิ่งเข้าใกล้ชายแดนมากเท่าใด ก็ยิ่งพบศพตามข้างทางมากขึ้นเรื่อย ๆ“แนวป้องกันชายแดนมีเมืองอยู่ด้วยหรือ?”“มีอยู่จริง ชื่อว่าเมืองตะวันไม่ตกดิน”ฟู่หลาน
ซูจิงสิ่งรีบกระโดดลงจากรถม้า เข้าไปรวมตัวกับอีกหลายคน“พี่ใหญ่ ให้ข้าช่วยเถอะ”ซูจิ่นเอ๋อร์จำได้ว่าลูกศรซ่อนในแขนเสื้อที่พี่สะใภ้ใหญ่ให้มาสามารถฆ่าคนได้หลายคนลงมือพร้อมกัน ร่วมด้วยองครักษ์ลับ สังหารคนชุดดำไปแล้วครึ่งหนึ่งอย่างรวดเร็วคนชุดดำที่เหลือเห็นว่าน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ จึงรีบขี่ม้าหันหลังออกไป“ไม่ต้องไล่ตามข้าศึกเดนตาย”กู้หว่านเยว่ห้ามหลี่เฉินอันที่กำลังเข่นฆ่าอย่างโกรธเกรี้ยว ยังไม่รู้ว่าคนชุดดำกลุ่มนี้มีกี่คน หากบุ่มบ่ามไล่ตามไป คนที่เสียเปรียบจะเป็นฝ่ายตนหลี่เฉินอันเชื่อฟังนางมาก หยุดฝีเท้าในทันที เดินกลับไปอยู่ข้าง ๆ กู้หว่านเยว่“อ๊อก!”ชายที่วิ่งหนีกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ล้มลงกับพื้น“เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำไมพวกเราไม่ช่วยเขาล่ะ? ไม่เช่นนั้นหากทิ้งเขาอยู่ในพื้นหิมะนี้ เขาต้องหนาวตายเป็นแน่”ซูจิ่นเอ๋อร์เห็นแล้วทนไม่ได้ ฉุกคิดอะไรบางอย่างได้จึงรีบบอก “ถ้ายุ่งยากเกินไปก็ช่างมันเถอะ ข้าแค่พูดเฉย ๆ”พวกเขากำลังไปจัดการธุระ ไม่ใช่ทำการกุศลรายทาง หัวใจของแม่พระไม่ควรถูกปลุกขึ้นมาง่าย ๆ“ข้าจะไปดูหน่อย”หลี่เฉินอันเดินเข้าไป ถอดผ้าโพกหัวของชายคนนั้นออก ทันใดนั้น ก
ซูจิงสิ่งเดินวนอยู่สองรอบด้วยความกังวล กลัวว่ากู้หว่านเยว่จะติดเชื้อ“ข้าไม่เป็นอะไร”แม้ว่าจะคาดเดาได้แปด เก้า ถึงสิบส่วน แต่เพื่อความรอบคอบ กู้หว่านเยว่ยังต้องอ่านรายงานการทดลองจากหอแห่งโอสถด้วยกู้หว่านเยว่หยิบยาห้ามเลือดและยาแก้อักเสบออกมาจากกล่องปฐมพยาบาล นอกจากผื่นแดงบนร่างกายของชายคนนี้แล้ว เขายังได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วยไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดผลรายงานจากหอแห่งโอสถก็ออกมาแล้วกู้หว่านเยว่อ่านผ่านตา เป็นไปตามที่นางคาดเดาไว้“โชคดี มันไม่ใช่ไข้ทรพิษ เป็นเพียงการถูกพิษ”ทันทีที่ได้ยินว่าถูกพิษ หลายคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะท้ายที่สุดแล้วหากเป็นไข้ทรพิษ มันจะสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ไข้ทรพิษมีความสามารถในการแพร่เชื้อได้สูงมาก ถึงแม้ว่าคนสองคนจะพูดคุยกันในระยะห่างสองถึงสามเมตร ก็อาจติดเชื้อจากละอองน้ำลายได้แม้แต่คนที่เคยพบหน้าชายคนนี้เมื่อครู่ก็อาจติดเชื้อได้ตอนนี้ในเมื่อได้รับการยืนยันแล้วว่าชายคนนี้แค่ถูกพิษเท่านั้น ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก“ในเมื่อไม่ใช่ไข้ทรพิษ เช่นนั้นก็ถือโอกาสพาเขาไปส่งที่โรงหมอในบริเวณใกล้เคียงแล้วกัน”พวกเขายังมีเรื่องสำค
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก