ซูจิงสิ่งรีบกระโดดลงจากรถม้า เข้าไปรวมตัวกับอีกหลายคน“พี่ใหญ่ ให้ข้าช่วยเถอะ”ซูจิ่นเอ๋อร์จำได้ว่าลูกศรซ่อนในแขนเสื้อที่พี่สะใภ้ใหญ่ให้มาสามารถฆ่าคนได้หลายคนลงมือพร้อมกัน ร่วมด้วยองครักษ์ลับ สังหารคนชุดดำไปแล้วครึ่งหนึ่งอย่างรวดเร็วคนชุดดำที่เหลือเห็นว่าน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ จึงรีบขี่ม้าหันหลังออกไป“ไม่ต้องไล่ตามข้าศึกเดนตาย”กู้หว่านเยว่ห้ามหลี่เฉินอันที่กำลังเข่นฆ่าอย่างโกรธเกรี้ยว ยังไม่รู้ว่าคนชุดดำกลุ่มนี้มีกี่คน หากบุ่มบ่ามไล่ตามไป คนที่เสียเปรียบจะเป็นฝ่ายตนหลี่เฉินอันเชื่อฟังนางมาก หยุดฝีเท้าในทันที เดินกลับไปอยู่ข้าง ๆ กู้หว่านเยว่“อ๊อก!”ชายที่วิ่งหนีกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ล้มลงกับพื้น“เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำไมพวกเราไม่ช่วยเขาล่ะ? ไม่เช่นนั้นหากทิ้งเขาอยู่ในพื้นหิมะนี้ เขาต้องหนาวตายเป็นแน่”ซูจิ่นเอ๋อร์เห็นแล้วทนไม่ได้ ฉุกคิดอะไรบางอย่างได้จึงรีบบอก “ถ้ายุ่งยากเกินไปก็ช่างมันเถอะ ข้าแค่พูดเฉย ๆ”พวกเขากำลังไปจัดการธุระ ไม่ใช่ทำการกุศลรายทาง หัวใจของแม่พระไม่ควรถูกปลุกขึ้นมาง่าย ๆ“ข้าจะไปดูหน่อย”หลี่เฉินอันเดินเข้าไป ถอดผ้าโพกหัวของชายคนนั้นออก ทันใดนั้น ก
ซูจิงสิ่งเดินวนอยู่สองรอบด้วยความกังวล กลัวว่ากู้หว่านเยว่จะติดเชื้อ“ข้าไม่เป็นอะไร”แม้ว่าจะคาดเดาได้แปด เก้า ถึงสิบส่วน แต่เพื่อความรอบคอบ กู้หว่านเยว่ยังต้องอ่านรายงานการทดลองจากหอแห่งโอสถด้วยกู้หว่านเยว่หยิบยาห้ามเลือดและยาแก้อักเสบออกมาจากกล่องปฐมพยาบาล นอกจากผื่นแดงบนร่างกายของชายคนนี้แล้ว เขายังได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วยไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดผลรายงานจากหอแห่งโอสถก็ออกมาแล้วกู้หว่านเยว่อ่านผ่านตา เป็นไปตามที่นางคาดเดาไว้“โชคดี มันไม่ใช่ไข้ทรพิษ เป็นเพียงการถูกพิษ”ทันทีที่ได้ยินว่าถูกพิษ หลายคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะท้ายที่สุดแล้วหากเป็นไข้ทรพิษ มันจะสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ไข้ทรพิษมีความสามารถในการแพร่เชื้อได้สูงมาก ถึงแม้ว่าคนสองคนจะพูดคุยกันในระยะห่างสองถึงสามเมตร ก็อาจติดเชื้อจากละอองน้ำลายได้แม้แต่คนที่เคยพบหน้าชายคนนี้เมื่อครู่ก็อาจติดเชื้อได้ตอนนี้ในเมื่อได้รับการยืนยันแล้วว่าชายคนนี้แค่ถูกพิษเท่านั้น ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก“ในเมื่อไม่ใช่ไข้ทรพิษ เช่นนั้นก็ถือโอกาสพาเขาไปส่งที่โรงหมอในบริเวณใกล้เคียงแล้วกัน”พวกเขายังมีเรื่องสำค
“อาจารย์หญิง เป็นยังไงบ้าง?”หลี่เฉินอันเข้ามาสอบถามทันที“ไม่เป็นอะไรแล้ว พักผ่อนให้เต็มที่ก็พอแล้ว”สีหน้าของกู้หว่านเยว่ซีดเผือดเล็กน้อย หลี่เฉินอันเห็นแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิดการเดินทางไม่อาจหยุดรอได้ ทั้งคณะจึงกลับขึ้นรถม้าเร่งการเดินทางต่อไป“หว่านเยว่ เจ้าพักก่อนเถอะ”ซูจิงสิ่งมองกู้หว่านเยว่ที่มีท่าทางเหนื่อยล้า รู้สึกสงสารจับใจกู้หว่านเยว่กุมหน้าผาก นางมีมิติในการถ่ายทอดความสามารถพิเศษ ร่างกายยังพอทนไหวแต่ในใจก็เกิดความคิดอยากจะรับลูกศิษย์“ให้ข้ารับลูกศิษย์หนุ่มสักคนดีกว่า วันหลังจะลองมองหาดู”หากพบใครสักคนที่มีพรสวรรค์สูงและจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ สามารถเป็นผู้ช่วยอยู่ข้าง ๆ ได้แต่เดิมนางสนใจเด็กสาวอย่างซูจิ่นเอ๋อร์ แต่น่าเสียดายที่ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่มีพรสวรรค์ด้านการแพทย์มากนัก สามารถแยกแยะสมุนไพรง่าย ๆ ได้เพียงไม่กี่ชนิดแต่กลับสนใจเรื่องอาหารมากกว่า ศึกษาเรื่องอาหารการกินที่แตกต่างกันไปในแต่ละวัน“ข้าจะช่วยเจ้าค้นหาด้วยกัน”ซูจิงสิ่งมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน ยื่นมือออกไปนวดหัวไหล่และแขนของนางอย่างอ่อนโยน“ความแรงระดับนี้ได้ไหม?”“อืม สบายจัง”รถม้าวิ่งไปส่งเสียงดังเอ
“ตอนนี้เขาเป็นอะไรไปแล้ว? ท่านอากงท่านพูดซิ” หลี่เฉินอันร้อนใจแย่แล้ว กงจ่างเฮ่อพรูลมหายใจยาวเหยียดออกมา “เพียงสามคำสองประโยคข้าไม่สามารถพูดให้เข้าใจได้ รอเจ้าพบเขาแล้วก็จะรู้เอง”“นี่ท่าน” หลี่เฉินอันถามแล้วแต่ไม่ได้อะไรกลับมา“พวกเราอยู่ห่างจากเมืองตะวันไม่ตกดินอีกไกลมากเพียงใด?”กู้หว่านเยว่เอ่ยถามเปิดประเด็นกงจ่างเฮ่อได้ยินก็รีบเก็บอารมณ์ แหวกผ้าม่านรถม้า เขาอาศัยในเมืองตะวันไม่ตกดินนานราวสิบกว่าวัน จดจำต้นไม้ใบหน้ารอบด้านไว้ในใจแล้วเพียงมองสภาพแวดล้อมโดยรอบหนึ่งปราด เขาก็รู้ว่ารถม้าอยู่ตำแหน่งใดแล้ว“อยู่ห่างจากเมืองตะวันไม่ตกดินอีกราวครึ่งชั่วยาม ทว่ารูปลักษณ์ของข้าในตอนนี้ น่ากลัวว่าไม่เหมาะเข้าเมืองพร้อมพวกเจ้า”กงจ่างเฮ่อมองผื่นแดงทั่วตัวอย่างกังวล แม้กู้หว่านเยว่พูดแล้วว่าผื่นแดงเหล่านี้มิใช่ไข้ทรพิษแต่คนปกติมองเห็นเป็นครั้งแรกก็ยังคิดว่าเป็นไข้ทรพิษ“เมืองตะวันไม่ตกดินมีการตรวจตรา หากทหารพบรูปลักษณ์ของข้านี้ จะต้องลากข้าลงจากรถม้า ไม่แน่ว่ายังจะทำให้พวกเจ้าต้องเดือดร้อน”คนยุคสมัยโบราณไม่มีวิธีรับมือกับไข้ทรพิษหากพบว่าใครเป็นไข้ทรพิษ หนทางเดียวก็คือกันผู้ป่ว
คูเมืองที่อยู่ห่างไม่ไกลติดกับชายแดน คล้ายมังกรยาวขนาดใหญ่ตัวหนึ่งขดอยู่บนพื้นดิน“นี่คือเมืองตะวันไม่ตกดินหรือ? งดงามเหลือเกิน”ซูจิ่นเอ๋อร์อุทานออกมาอย่างจริงใจฟู่หลานเหิงเคยมาเมืองตะวันไม่ตกดินหนึ่งครั้ง สีหน้ากลับเรียบเฉย กระซิบบอกซูจิ่นเอ๋อร์เรื่องอุปนิสัยใจคอและวัฒนธรรมของคนภายในเมืองตะวันไม่ตกดิน“คนเข้าเมืองคล้ายมีมาก?”กู้หว่านเยว่แปลกใจอยู่บ้าง นางคิดว่าเมืองตะวันไม่ตกดินมีเพียงนักโทษอุกฉกรรจ์ ไม่มีราษฎร์เสียอีกกงจ่างเฮ่ออธิบาย “เจดีย์หนิงกู่พื้นที่กว้างใหญ่คนกลับน้อย มีคูเมืองเพียงสองแห่ง หนึ่งแห่งคือเมืองตู้เปียน อีกหนึ่งแห่งคือเมืองตะวันไม่ตกดิน เมืองตะวันไม่ตกดินแห่งนี้ไม่มีหมู่บ้าน แต่มิได้หมายความว่าทางฝั่งนี้ไม่มีราษฎร์อยู่ นอกเมืองมีหมู่บ้านอยู่อย่างกระจัดกระจาย ยังมีราษฎร์อีกจำนวนมากเข้าเมืองมาหาของกินในฤดูหนาว”กู้หว่านเยว่มองเห็นราษฎร์เหล่านั้นสวมเสื้อผ้าขาดหวิ่น เท้าเองก็ไม่สวมรองเท้าดีๆ ใบหน้าและใบหูล้วนโดนความเย็นกัด ต้านลมหนาวอย่างน่าสงสาร ชนิดที่ว่าเส้นทางทั้งสองฝั่งมีเด็กและผู้ชราแข็งตายทั้งเป็นไม่น้อยศพถูกฝังไว้ใต้สายลมและหิมะ อีกทั้งยังถูกสุนั
“วางใจเถอะ ไม่มีวันเกิดเรื่อง”กู้หว่านเยว่วิเคราะห์จึงพูดออกมาในเมื่อคนอยู่เบื้องหลังใช้วิธีการวางยา ต้องการไล่พวกเขาออกจากเมืองตะวันไม่ตกดินนั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายยังมีหลักฐานไม่มากพอให้ฉีกหน้า เผชิญหน้ากับทหารกลุ่มนี้อย่างเปิดเผยได้ดังนั้นแม้ร้อนใจก็ยังต้องเสแสร้ง“ขอบคุณมาก” กงจ่างเฮ่อมองกู้หว่านเยว่หลายหน คิดว่านางคล้ายสหายเก่าก็มิปาน“ท่านลุงอยู่ที่ใดกัน?”หลี่เฉินอันร้อนใจจนน้ำลายแตกฟอง “ตอนนี้พวกเรากำลังไปหาเขากระนั้นหรือ?”กงจ่างเฮ่อพยักหน้า “สหายเกิ่งยังอยู่ที่จวน แต่บัดนี้จวนเกิ่งน่าจะถูกทหารล้อมไว้แล้ว ข้าพาพวกเจ้าไปดูๆ ก่อน”“ได้”รถม้าแล่นไปอย่างเชื่องช้ามาถึงด้านนอกจวนเกิ่ง ดังคาด พบว่าภายนอกถูกทหารสวมชุดฟ้ามากมายล้อมไว้ ประตูสี่ทิศแปดด้านล้วนมีคนเฝ้า ไม่ให้คนเข้าออก “ไป พวกเราไปดูๆ ที่ร้านชาฟังตรงข้ามก่อน”กู้หว่านเยว่เสนอให้สืบข่าวจากร้านชาสองสามคนต่างเห็นด้วย รีบลงจากรถม้า เดินเข้าร้านชา สั่งชามาสองกา“แม่ทัพเกิ่งท่านนี้ดวงซวยยิ่งนัก ถึงขั้นเป็นไข้ทรพิษ สิ่งนี้ถึงตายเชียวนะ”เพิ่งนั่งลงก็ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาแล้วกู้หว่านเยว่และคนอื่นสบตากันแว
“ขอบคุณเจ้าของร้านมาก ท่านออกไปก่อนเถอะ”หลี่เฉินอันเอ่ยอย่างกังวล“ท่านอาจารย์หญิง ด้านนอกมีทหารมากเพียงนี้ พวกเราแค่ไม่กี่คนคล้ายจะเข้าไปไม่ได้”กู้หว่านเยว่ขยับนิ้ว ต้องการเข้าไปกลับไม่ยากเมื่อครู่นางตรวจสอบบ้างแล้ว แม้ประตูจวนเกิ่งมีคนมาก แต่ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ที่ประตูหลัก ประตูรองและประตูหลังมีทหารลาดตระเวนเพียงไม่กี่คนกู้หว่านเยว่วางแผนช่วยเหลืออย่างหนึ่งกงจ่างเฮ่อกลับมีสีหน้าประหลาดใจ ไม่พูดจาแม้คำเดียว มองดูแล้วคล้ายมีเรื่องภายในใจ“ท่านเป็นอะไร?” กู้หว่านเยว่เห็นเขาคล้ายปิดบังอะไรอยู่“เปล่า” กงจ่างเฮ่อขมวดคิ้ว กระซิบต่ออีกหนึ่งประโยค “ข้าเพียงกังวล แม้พวกเราเข้าไปอย่างยากลำบากได้แล้ว ก็ไม่แน่ว่าสหายเกิ่งจะยอมจากไปกับพวกเรา”อย่างไรเสียเกิ่งกวงก็มีวิชายุทธ์สูงมากกว่าเขา ครั้งก่อนเดิมทีสามารถหนีไปกับเขาได้ ปรากฏว่าเขาไม่ยอมไป“นี่หมายความว่ากระไร?” กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว ตกลงเกิดเรื่องใดที่นางยังไม่รู้กระนั้นรึ?“เฮ้อ ช่างแล้ว รอพวกเจ้าพบเขาก็รู้แล้ว” กงจ่างเฮ่อจิบชาหนึ่งอึก พูดอย่างอารมณ์ไม่ดีสองสามคนกลับยิ่งงุนงง ทำได้เพียงดื่มชาจนหมดรอจนกระทั่งสบโอกาสยามองครักษ์
เห็นเกิ่งกวงจะฉีกผ้าพันแผลที่นางพันไว้อย่างดี กู้หว่านเยว่ระเบิดขึ้นมาในทันใดคว้าปกคอเสื้อของอีกฝ่าย ตบหน้าเขาหนึ่งฉาด“แม่ทัพเกิ่ง ท่านอยากตายก็ไม่มีใครห้าม แต่ก่อนท่านตาย ข้าอยากให้ท่านคิดถึงน้องสาวที่ตายไปอย่างไม่เป็นธรรมและหลานชายที่ต้องอยู่เพียงลำพังของท่านดูก่อน หากรู้แต่แรกว่าท่านเป็นตัวไร้ประโยชน์พรรค์นี้ ก็ไม่ควรเดินทางไกลมาช่วยท่าน”กู้หว่านเยว่เองก็โมโห คนผู้นี้รู้ว่าซ่อมหลอดเลือดยากเพียงใดหรือไม่? เมื่อครู่นางเกือบเหนื่อยตายไปแล้ว“ท่านลุง?”หลี่เฉินอันได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว รีบเข้ามาจากด้านนอกประตู กงจ่างเฮ่อห้ามเขาไว้“อย่าเปล่งวาจาที่ดีอันใดกับลุงเจ้า ให้อาจารย์หญิงของเจ้าสั่งสอนเขาเถอะ”ใบหน้าเล็กของหลี่เฉินอันเกร็งเครียด “ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น!”จากนั้นมาที่ข้างเตียง สบมองเกิ่งกวง“ท่านลุง ท่านรู้จักข้าหรือไม่?”“เสี่ยวอัน?” คลื่นระลอกหนึ่งสะท้อนขึ้นในแววตาของเกิ่งกวง “เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่?”หลี่เฉินอันมองกลิ่นอายความตายทั่วทั้งสรรพางค์กายของเกิ่งกวง ใบหน้าเล็กดำทะมึน“เหตุใดท่านต้องรนหาที่ตายด้วยเล่า ท่านอาจารย์หญิงช่วยท่านเอาไว้อย่างยากลำบาก พวกเราล
กู้หว่านเยว่หยิบน้ำเชื่อมออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมกับอธิบาย“ข้าและท่านพี่ได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”หนานหยางอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ประสานมือคารวะทั้งสองคน“ขอบคุณท่านอ๋องและพระชายาที่ยังเป็นห่วงข้า”กู้หว่านเยว่เห็นเขามีสีหน้าอ่อนเพลีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “รีบดื่มน้ำเชื่อมนี่เถิด จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้”“ตกลง”หนานหยางอ๋องเปิดขวดน้ำเชื่อมอย่างเชื่อฟัง แล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ จึงรีบดื่มน้ำเชื่อมที่เหลือจนหมดขวดในขณะที่หนานหยางอ๋องดื่มน้ำเชื่อมอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ไปดูชาวประมงคนอื่น ๆ พบว่าชาวประมงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลมเพราะความหิวชุนจวี๋รีบวิ่งเข้ามาดู แต่หลังจากที่ตามหาหนึ่งรอบแล้ว ก็ไม่พบสามีของนาง“พี่ต้าหนิว เหตุใดจึงไม่เห็นพี่ต้าหนิวเลยล่ะ?”ต้าหนิวเป็นคนกลุ่มแรกที่ตกลงไปในวังน้ำวน ตามหลักแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดจึงไม่พบเขาเลย?ชุนจวี๋ร้อนใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นชาวประมงเหล่านี้ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก คิดว่าในที่สุดก็ได้พบกับสามีของนางแล้ว แ
กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงตกตะลึงเล็กน้อย “เจ้ามาจับปลาคนเดียวหรือ เจ้ามีสามีด้วยมิใช่หรือ?”พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของชุนจวี๋ก็น้ำตาคลอ“เขาหายตัวไปสามวันแล้ว เมื่อคืนข้าแอบออกมาตามหาเขา”ชุนจวี๋พูดพลางร้องไห้ “คนอื่นบอกว่าเขาตายแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อข้าแอบพายเรือลำเล็กมาที่ใจกลางทะเลสาบคนเดียว แล้วก็รู้สึกได้ถึงแรงดูดมหาศาลกำลังดึงข้าอยู่ ข้ายังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกดึงลงไปพร้อมกับเรือ”นางเงยหน้าขึ้น “พอข้าตื่นขึ้นมา ก็เห็นพวกท่านทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าข้า”ชุนจวี๋นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบมองไปรอบ ๆ “สามีของข้าอาจจะตกลงมาด้วย พวกท่านเห็นเขาแถวนี้บ้างหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “พวกเราเห็นแค่เจ้าคนเดียว”ชุนจวี๋หัวใจสลายในทันที“แต่พื้นที่ข้างล่างนี้กว้างมาก น่าจะเป็นสุสานใต้ดิน พวกเราลองหาทางเข้าสุสานใต้ดินดู พวกเขาลงมานานแล้ว อาจจะเข้าไปในสุสานใต้ดินนานแล้วก็ได้”กู้หว่านเยว่อธิบาย เมื่อครู่นางให้ระบบส่งแผนที่ของสุสานใต้ดินมาให้นางแล้ว“ข้าจะไปหาพร้อมกับพวกท่าน”น้ำเสียงที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยของชุนจวี๋ ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าไม่กลัวหรือ? ในส
“อืม”เขาตัดสินใจกัดฟันถอดเสื้อผ้าออก แต่พอถอดถึงกางเกง กู้หว่านเยว่ก็หันหน้าหนี ทำให้ซูจิ่งสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาเปลี่ยนเป็นกางเกงสะอาดตัวใหม่ ไม่ได้ใส่เสื้อ รอให้กู้หว่านเยว่ทายาให้“ผู้ชายอย่างท่านนี่ เหตุใดทั้งตัวมีแต่กล้ามเนื้อแบบนี้ล่ะ?”กู้หว่านเยว่ทนไม่ไหว จึงลูบกล้ามท้องของเขา ทำเอาชายหนุ่มตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีถ้าเขาเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็นห้องนอนในมิติของกู้หว่านเยว่สินะทั้งห้องเป็นสีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวอบอวลอยู่เมื่อได้กลิ่นหอมนั้น มองไปที่เตียงใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังกู้หว่านเยว่ ใบหูของเขาก็ร้อนผ่าวกู้หว่านเยว่หัวเราะชอบใจ ถ้าไม่นึกถึงภารกิจสำคัญที่จะต้องทำเดี๋ยวนี้ นางต้องลากท่านพี่มากลิ้งบนเตียงสักหน่อยหลังจากฆ่าเชื้อโรคที่บาดแผลอย่างง่าย ๆ และโรยยาจินชวงสมานแผลแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“น่าจะเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่แผลนี้ไม่ลึกมาก แค่ช่วงสองสามวันนี้ระวังอย่าให้โดนน้ำก็พอ”“ขอบคุณน้องหญิง”ซูจิ่งสิงใส่เสื้อ กู้หว่านเยว่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย มองไม่เห็นกล้ามท้องแล้วรอจนกระทั่งซูจิ่งสิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เอ่
“หากถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวน ยังมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่?”เมี่ยชิงหว่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน พอเห็นกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางก็ทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาแดงก่ำกู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงไปด้านข้าง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านพี่ ใต้วังน้ำวนนั่นอาจจะมีของบางอย่าง”เมื่อครู่ระบบบอกกับนางว่า ใต้วังน้ำวนอาจจะมีสมบัติอยู่กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมืออีกแล้ว“ข้าตั้งใจว่าจะไปดู ถ้าเห็นชาวประมงที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะพากลับมา”ซูจิ่งสิงเห็นดวงตาของนางเป็นประกาย ก็รู้ว่านางอยากไปมาก ในเมื่อน้องหญิงอยากไป เขาก็จะไม่ห้ามแน่นอน“เราสองคนไปด้วยกัน”“ก็ได้”อย่างมากก็หากเจออันตราย ก็จะลากซูจิ่งสิงเข้าไปหลบในมิติด้วยกันเมื่อตัดสินใจได้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปบอกทุกคน“พวกเจ้ารอคำสั่งอยู่บนเรือใหญ่ หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามใครพายเรือเด็ดขาด ข้าและท่านอ๋องจะนั่งเรือเล็กไปสำรวจที่ใจกลางทะเลสาบก่อน”คนที่นำมาล้วนเป็นองครักษ์จันทรา ไม่กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟังชิงเหลียนและฉู่เฟิงรีบไปที่ท้ายเรือ จากนั้นค่อย ๆ วางเรือลำเล็กไว้บนผิวน้ำ“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านต้องระวังตัวด้วย” ชิง
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่