คนมากินข้าวเป็นประจำอย่างกงจ่างเฮ่อไปจนถึงสหายเหล่านั้นล้วนมีอาการป่วยเหมือนกันนับตั้งแต่กู้หว่านเยว่พูดว่ากงจ่างเฮ่อถูกวางยาพิษ ไม่ใช่ไข้ทรพิษ เขาพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นภายในใจนั่นก็คือหลินเสี่ยวฉือตั้งใจวางยาลงในอาหารของพวกเขา ระยะนี้มีนางเป็นตัวแปรเพียงหนึ่งเดียว“เจ้า เจ้าพูดเหลวไหล...”เกิ่งกวงส่ายหน้า ยังไม่ยอมเชื่อ“หากนางเป็นคนวางยาพิษพวกเราจริง เหตุใดนางต้องไปหาหมอ มิหนำซ้ำยังถูกทหารฆ่าตายเพราะสาเหตุนี้อีกเล่า?”เอ่ยถึงเรื่องนี้ เกิ่งกวงน้ำตาหลั่งรินลงมาแล้ว เจ็บปวดทรมานอย่างหนักกงจ่างเฮ่อ ‘แม่ XX มีหนึ่งประโยคไม่รู้พูดได้หรือไม่’“พวกเจ้าอย่าสนใจข้าอีกเลย ปล่อยข้าไปตามยถากรรมเถอะ” เกิ่งกวงหลับตาลง สีหน้าเจ็บปวดหลี่เฉินอันเกร็งใบหน้าสบมองเขา อยากพูดอะไรแต่หยุดไว้แล้ว“ช่างเถอะ พวกเราออกไปก่อน”บัดนี้เกิ่งกวงอยู่ภายในโลกของตน ยังไม่ได้สติกลับมาพูดกับเขามากไปก็ไร้ประโยชน์“เฉินอัน เจ้าอยู่เฝ้าลุงของเจ้าที่นี่ อย่าปล่อยให้เขาเฉือนข้อมืออีก”กู้หว่านเยว่ขยับนิ้วมือ หากอีกฝ่ายยังกล้าทำเรื่องเหลวไหล เช่นนั้นนางก็ไม่รับปากว่าจะช่วยอีกครั้งสองสามคนเดินออกไปด้านนอ
กงจางเฮ่อรีบรับยาถอนพิษไป เผยสีหน้าซาบซึ้งใจ“ฮูหยินซูวางใจได้ ข้าไม่มีวันทำให้เจ้าผิดหวัง”เขาและเกิ่งกวงอยู่ป้องกันเมืองตะวันไม่ตกดินมานานหลายปี ผู้อยู่ใต้อาณัติแม้ไม่ถึงหนึ่งพันก็มีนับร้อย มิหนำซ้ำล้วนเป็นทหารกล้า ไม่กลัวทำการใหญ่ไม่สำเร็จ“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จวนเกิ่งนี้ขอมอบให้ท่านแล้ว พวกเราสองสามีภรรยาไปหาผู้ว่าการอำเภอหลินก่อน”พูดจบ กู้หว่านเยว่ขยิบตาให้ซูจิ่งสิง ทั้งสองคนจากไปอย่างว่องไวปานเหินบิน“ข้ายังมิได้บอกพวกเขาว่าจวนผู้ว่าการอำเภออยู่ที่ใดเลยนะ”กงจ่างเฮ่อขยับขึ้นไปสองก้าว น่าเสียดายเงาร่างคนทั้งสองหายไปแล้ว ทำเสียจนเขาตกตะลึง“ตกลงคุณชายซูมีฐานะเยี่ยงไรกันแน่ วิชายุทธ์สูงเพียงนี้... ช้าก่อน เขาสกุลซูรึ? คงมิใช่ เขา เขาคือเจิ้นเป่ยอ๋อง?”ชื่อเสียงของเจิ้นเป่ยอ๋อง ไม่มีทหารป้องกันชายแดนอย่างพวกเขาเหล่านี้คนใดไม่รู้จัก ชนิดที่ว่ากงจ่างเฮ่อยังเป็นเขาเป็นแบบอย่างอีกด้วยแม้ว่าเจิ้นเป่ยอ๋องถูกยึดทรัพย์เนรเทศ ทว่าภายในใจของกงจ่างเฮ่อ วีรกรรมปราบเผ่าทูเจวี๋ยจนพ่ายแพ้ราบคาบได้จะยังคงอยู่ชั่วนิรันดร์เขาคือเจิ้นเป่ยอ๋องตลอดกาล!แบบอย่างเชียวนะ นิ้วมือกงจ่างเฮ่อสั่นๆ
“ขุนนางชั่ว!”กู้หว่านเยว่สบถด่าหนึ่งประโยค เป่าผงสีชมพูทำให้แม่ครัวเหล่านั้นหมดสติ ต่อมาโบกมือเก็บอาหารเหล่านั้นไปขณะเดียวกันระดับความโกรธของกู้หว่านเยว่ที่มีต่อผู้ว่าการอำเภอหลินเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งร้อยแล้ว“พวกเราไปพบผู้ว่าการอำเภอหลินคนนั้น ดูว่าขุนนางทุจริตรังแกราษฎร์ผู้บริสุทธิ์มีหน้าตาเช่นไร”“ไป”ซูจิ่งสิงเห็นภรรยามีโทสะเพียงนี้ ลอบคาดโทษตายให้ผู้ว่าการอำเภอหลินแล้วทั้งสองมาถึงเรือนผู้ว่าการอำเภอหลินอย่างว่องไวปรากฏว่าเสียงหนึ่งชายหนึ่งหญิงดังออกจากภายใน“เกิ่งกวงคนนั้นฆ่าตัวตายแล้ว เจ้าไม่ปวดใจหรือ?”“ข้าปวดใจอะไร? ร่างกายและหัวใจข้าล้วนมอบให้ท่านตั้งแต่แรกแล้ว ปวดก็ปวดที่ท่านผู้นี้”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันแวบหนึ่ง ทั้งสองคนเจาะรูหน้าต่างกระดาษลอบฟังเสียงนินทาที่มุมกำแพงด้วยกัน“ปากเจ้านี้หวานล้ำโดยแท้ เสี่ยวฉือ รีบใช้ปากหวานๆ ของเจ้าจูบข้าเถอะ”เสี่ยวฉือ?หลินเสี่ยวฉือ?!กู้หว่านเยว่ตกตะลึงพรึงเพริด นี่ไม่ทันระวังก็เจอเรื่องชวนตกตะลึงมากเพียงนี้ไปเสียได้ หลินเสี่ยวฉือถึงขั้นยังไม่ตาย ยังสมรู้ร่วมคิดกับผู้ว่าการอำเภอหลินอีกด้วย!“แม่นางคนนั้นที่เกิ่งกวงพ
เกิ่งกวงโมโหจวนเจียนจะหมดสติไป ในที่สุดก็มิอาจอดกลั้น ยกขาถีบประตูเข้าไปแล้ว“ชายโฉดหญิงชั่ว พวกเจ้าทำร้ายข้าสาหัสนัก!”ผู้ว่าการอำเภอหลินและหลินเสี่ยวฉือกำลังหน้าแดงใจเต้น มองเห็นเกิ่งกวงปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ตกใจจนกอดกันแน่น“อ๊า ท่าน เหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่?”“หากข้ามิได้มาอยู่ที่นี่ ข้าคงไม่รู้อุบายอำมหิตของพวกเจ้า หลินเสี่ยวฉือ เจ้าทำร้ายข้าได้เจ็บแสบนัก!”ขณะเดียวกันเกิ่งกวงเกิดจิตสังหารต่อนางแล้ว อะไรคือแสงจันทร์ขาว อะไรคือทำเพื่อเขาโดยไม่ต้องการแม้แต่ชีวิต? หญิงคนนี้หลอกลวงเขาจนเจ็บปวดไปหมด!“บังอาจนัก เกิ่งกวง ข้าขอสั่งเจ้า ถอย ถอยไปเสีย!”ผู้ว่าการอำเภอหลินตกตะลึงพรึงเพริด ดึงกางเกงขึ้นไม่ทันเกิ่งกวงยิ้มเย็น “ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่เฝ้าชายแดนเมืองตะวันไม่ตกดิน เจ้าเป็นเพียงผู้ว่าการอำเภอขั้นเก้าเท่านั้น เจ้าขวัญกล้าออกคำสั่งข้า?”อยากจัดการผู้ว่าการอำเภอหลินให้ตายไปเสียเลย แต่สติสัมปชัญญะบอกเขา เบื้องหลังผู้ว่าการอำเภอหลินยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอีกมาก เขาต้องสืบสวนอีกฝ่ายช้าๆส่วนหลินเสี่ยวฉือ...พูดว่าไม่ปวดใจนั่นคือความเท็จทว่าผ้าพันแผลยุ่งเหยิงบนมือกลับคล้ายกำลังเยาะหย
จงหลีหยิบม้วนภาพออกมา แนบไว้บนอกเบาๆ กระซิบเสียงค่อย“น้องหญิงซังหนิง ตกลงเจ้าอยู่ที่ใด...”อีกด้านหนึ่ง กู้หว่านเยว่กำลังโบกมือเล็ก เก็บของอย่างมีความสุข ความรู้สึกได้ปล้นอย่างองอาจผ่าเผยเช่นนี้ สาแก่ใจยิ่งนักเพราะเหตุนี้คนของผู้ว่าการอำเภอหลินส่วนใหญ่จึงไม่มีดาบ จวนหลินถูกเกิ่งกวงยึดครองอย่างว่องไวโลหิตสาดกระเซ็นเกิดความเปลี่ยนแปลงภายในเมือง ทั้งหมดล้วนกลายเป็นคนของเกิ่งกวงแล้วผู้ว่าการอำเภอหลินเห็นท่าไม่ดี หมอบลงบนพื้นขอความเมตตา“แม่ทัพเกิ่ง ท่านปล่อยข้าไปเถอะ ข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ ล้วนเป็นโหวฮูหยิน เป็นนางบงการข้า”เขากลับเป็นคนไร้ศักดิ์ศรีคนหนึ่ง ขายสวีหลานจนหมดสิ้นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงนั่งที่ฝั่งหนึ่ง จิบชาอย่างผ่อนคลาย มองเกิ่งกวงสอบสวนผู้ว่าการอำเภอหลิน“เจ้าพูดว่าโหวฮูหยินบงการเจ้า มีหลักฐานหรือไม่?”“มี มีแน่นอน ภายในห้องหนังสือยังมีจดหมายของโหวฮูหยิน ข้างใต้นั้นยังมีทองห้าร้อยตำลึงอีกด้วย”สวีหลานรับปากมอบให้เขาก่อนครึ่งหนึ่ง รอเสร็จงานแล้วค่อยมอบอีกครึ่งให้เขาเกิ่งกวงส่งสัญญาณผ่านทางสายตาให้ผู้อยู่ใต้อาณัติทีหนึ่ง จากนั้นจดหมายก็ถูกนำมาแล้ว“ท่านแม่ทัพ
“ท่านลุง!”หลี่เฉินอันตะโกนเสียงดัง รีบรุดเข้าไปช่วยเกิ่งกวง“ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”“ข้าไม่เป็นไร เพียงคือเวียนหัวนิดหน่อย”เกิ่งกวงลูบหน้าผาก กู้หว่านเยว่เอ่ยเตือนอย่างเห็นใจ“ท่านเพิ่งเสียเลือดไปเยอะ บาดแผลยังไม่หายดี ทั้งอารมณ์ผันผวนอย่างรุนแรง รู้สึกเวียนหัวเป็นเรื่องปกติ รีบพักผ่อนเสียเถอะ”เกิ่งกวงส่ายหัว“แม้ว่าผู้พิพากษาหลินจะถูกจับกุม แต่พวกอันธพาลก็ยังไม่หมดไป ข้ายังต้องไปจัดการ”กู้หว่านเยว่พูดอะไรไม่ออก “จะดูแลตัวเองดีๆ มีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้นหรือจะตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด จะตายแหล่ไม่ตายแหล่”เกิ่งกวงเป็นทหาร จิตใจจึงเถรตรงอย่างไม่อาจหลีบเลี่ยงก่อนหน้านี้ คิดเพียงว่าเรื่องเจ้าหนูหลินเขาจึงล่าช้าไปหลายอย่าง ต้องละทิ้งผู้มีพระคุณ หลังจากได้ยินการวิเคราะห์ของกู้หว่านเยว่ ยามนี้เขาก็คิดได้แล้ว“ที่ฮูหยินซูพูดคือ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะลงไปพักผ่อน รวบรวมเรี่ยวแรงกลับมา ล้างแค้นให้น้องสาวและตัวข้าเอง”“ไปเถอะ” ในเมื่อเกิ่งกวงคิดได้แล้ว กู้หว่านเยว่จึงไม่ได้พูดอะไรอีก“อาจารย์หญิง ข้าจะไปเป็นเพื่อนท่านลุงนะขอรับ”หลี่เฉินอันตามมา เขาต้องอธิบายบางสิ่งให้เกิ่งกวงเข้
เกิ่งกวงเห็นเช่นนี้ก็ตกใจเล็กน้อย เดิมทีเขารายงานตัวกับซูจิ่งสิง ยามนี้เมื่อรายงานตัวอีกครั้ง กลับเป็นกู้หว่านเยว่ไปเสียได้“ผู้พิพากษาหลินตายแล้ว เมืองนี้ต้องมีผู้ที่เข้ามาจัดการ ขอถามฮูหยินซู ท่านมีผู้ที่คิดว่าเหมาะสมหรือไม่ขอรับ?”เกิ่งกวงและกงชางเหอต่างก็เป็นแม่ทัพ รับผิดชอบในการป้องกันทางทหารในเมืองตะวันไม่ตกดินหากต้องการจัดการทุกอย่างในเมืองให้เป็นระเบียบ ยังต้องพึ่งพาขุนนางผู้พิพากษากู้หว่านเยว่คิดอยู่พักหนึ่งแล้วจึงสั่งให้ใครบางคนเรียกฟู่หลานเหิงเข้ามา ก่อนจะบอกสถานการณ์ให้เขาฟัง“ใต้เท้าฟู่ ท่านเต็มใจที่จะทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษามณฑล ไม่ออกจากเมืองแห่งนี้หรือไม่?”ฟู่หลานเหิงยังคงเป็นราชทูตในจักรพรรดิที่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนักกู้หว่านเยว่ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเต็มใจหรือไม่ ดังนั้นนางจึงถามเขาก่อนทว่า นางยังคงหวังว่าฟู่หลานเหิงจะเต็มใจ เพราะท้ายที่สุดแล้ว นางไม่สามารถหาใครที่เหมาะสมไปกว่าเขาได้ฟู่หลานเหิงไม่ลังเลเลย“ในเมื่อท่านและสหายซูเชื่อใจข้า เช่นนั้นข้าก็จะทำให้เต็มที่”“เช่นนั้นแล้ว ก็ต้องรบกวนใต้เท้าฟู่ด้วย”กู้หว่านเยว่มั่นใจในความสามารถของฟู่หลานเหิงม
หลังจากลงมาจากหอคอยเมือง กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นรถม้ากลับจวนผู้พิพากษาในเวลานี้ ฟู่หลานเหิงกำลังอ่านบันทึกความของเมืองตะวันไม่ตกดินตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาเป็นคนจริงจัง ในเมื่อตกลงมาเป็นผู้พิพากษาเมืองตะวันไม่ตกดินให้กู้หว่านเยว่แล้ว เขาย่อมต้องทำหน้าที่นี้ให้เต็มที่กู้หว่านเยว่ได้ยินว่าฟู่หลานเหิงกำลังยุ่ง ดังนั้นจึงไม่เข้าไปรบกวน จึงกลับไปที่ห้องของตนเองและเริ่มเขียนแผนกลยุทธ์ทันทีซูจิ่งสิงนั่งอยู่ข้างๆ ฝนหมึกให้นางใช้หากกู้หว่านเยว่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับสิ่งใด นางก็จะถามซูจิ่งสิง ทั้งสองคนจะปรึกษาเรื่องนั้นด้วยกันเนื่องจากเป็นเวลากลางวัน พวกเขาทั้งสองจึงไม่ได้ปิดประตู บทสนทนาทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของทุกคน“กบฐฟ้าแล้วจริงๆ คุณชายซูไปนั่งฝนหมึกให้ภรรยาเช่นนั้นได้อย่างไร?”กงชางเหอดูตกตะลึง ในใจของเขา ภาพลักษณ์ของซูจิ่งสิงนั้นสูงเหลือคณานับหลู่จิงกลอกตามาที่เขา“เพราะฮูหยินของพวกเรามีความสามารถ เจ้ามีปัญหาอะไร?”“อีกอย่าง คุณชายของพวกเราก็เต็มใจด้วย”เจียงเฟิ่งก็ทำตามเช่นกัน ทั้งคู่ชื่นชมคนที่มีความสามารถและความสามารถของกู้หว่านเยว่ ก็ทำให้พวกเขาประทับใจไม่รู้ลืมกงชางเหอเกาหัว
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก