คนมากินข้าวเป็นประจำอย่างกงจ่างเฮ่อไปจนถึงสหายเหล่านั้นล้วนมีอาการป่วยเหมือนกันนับตั้งแต่กู้หว่านเยว่พูดว่ากงจ่างเฮ่อถูกวางยาพิษ ไม่ใช่ไข้ทรพิษ เขาพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นภายในใจนั่นก็คือหลินเสี่ยวฉือตั้งใจวางยาลงในอาหารของพวกเขา ระยะนี้มีนางเป็นตัวแปรเพียงหนึ่งเดียว“เจ้า เจ้าพูดเหลวไหล...”เกิ่งกวงส่ายหน้า ยังไม่ยอมเชื่อ“หากนางเป็นคนวางยาพิษพวกเราจริง เหตุใดนางต้องไปหาหมอ มิหนำซ้ำยังถูกทหารฆ่าตายเพราะสาเหตุนี้อีกเล่า?”เอ่ยถึงเรื่องนี้ เกิ่งกวงน้ำตาหลั่งรินลงมาแล้ว เจ็บปวดทรมานอย่างหนักกงจ่างเฮ่อ ‘แม่ XX มีหนึ่งประโยคไม่รู้พูดได้หรือไม่’“พวกเจ้าอย่าสนใจข้าอีกเลย ปล่อยข้าไปตามยถากรรมเถอะ” เกิ่งกวงหลับตาลง สีหน้าเจ็บปวดหลี่เฉินอันเกร็งใบหน้าสบมองเขา อยากพูดอะไรแต่หยุดไว้แล้ว“ช่างเถอะ พวกเราออกไปก่อน”บัดนี้เกิ่งกวงอยู่ภายในโลกของตน ยังไม่ได้สติกลับมาพูดกับเขามากไปก็ไร้ประโยชน์“เฉินอัน เจ้าอยู่เฝ้าลุงของเจ้าที่นี่ อย่าปล่อยให้เขาเฉือนข้อมืออีก”กู้หว่านเยว่ขยับนิ้วมือ หากอีกฝ่ายยังกล้าทำเรื่องเหลวไหล เช่นนั้นนางก็ไม่รับปากว่าจะช่วยอีกครั้งสองสามคนเดินออกไปด้านนอ
กงจางเฮ่อรีบรับยาถอนพิษไป เผยสีหน้าซาบซึ้งใจ“ฮูหยินซูวางใจได้ ข้าไม่มีวันทำให้เจ้าผิดหวัง”เขาและเกิ่งกวงอยู่ป้องกันเมืองตะวันไม่ตกดินมานานหลายปี ผู้อยู่ใต้อาณัติแม้ไม่ถึงหนึ่งพันก็มีนับร้อย มิหนำซ้ำล้วนเป็นทหารกล้า ไม่กลัวทำการใหญ่ไม่สำเร็จ“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จวนเกิ่งนี้ขอมอบให้ท่านแล้ว พวกเราสองสามีภรรยาไปหาผู้ว่าการอำเภอหลินก่อน”พูดจบ กู้หว่านเยว่ขยิบตาให้ซูจิ่งสิง ทั้งสองคนจากไปอย่างว่องไวปานเหินบิน“ข้ายังมิได้บอกพวกเขาว่าจวนผู้ว่าการอำเภออยู่ที่ใดเลยนะ”กงจ่างเฮ่อขยับขึ้นไปสองก้าว น่าเสียดายเงาร่างคนทั้งสองหายไปแล้ว ทำเสียจนเขาตกตะลึง“ตกลงคุณชายซูมีฐานะเยี่ยงไรกันแน่ วิชายุทธ์สูงเพียงนี้... ช้าก่อน เขาสกุลซูรึ? คงมิใช่ เขา เขาคือเจิ้นเป่ยอ๋อง?”ชื่อเสียงของเจิ้นเป่ยอ๋อง ไม่มีทหารป้องกันชายแดนอย่างพวกเขาเหล่านี้คนใดไม่รู้จัก ชนิดที่ว่ากงจ่างเฮ่อยังเป็นเขาเป็นแบบอย่างอีกด้วยแม้ว่าเจิ้นเป่ยอ๋องถูกยึดทรัพย์เนรเทศ ทว่าภายในใจของกงจ่างเฮ่อ วีรกรรมปราบเผ่าทูเจวี๋ยจนพ่ายแพ้ราบคาบได้จะยังคงอยู่ชั่วนิรันดร์เขาคือเจิ้นเป่ยอ๋องตลอดกาล!แบบอย่างเชียวนะ นิ้วมือกงจ่างเฮ่อสั่นๆ
“ขุนนางชั่ว!”กู้หว่านเยว่สบถด่าหนึ่งประโยค เป่าผงสีชมพูทำให้แม่ครัวเหล่านั้นหมดสติ ต่อมาโบกมือเก็บอาหารเหล่านั้นไปขณะเดียวกันระดับความโกรธของกู้หว่านเยว่ที่มีต่อผู้ว่าการอำเภอหลินเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งร้อยแล้ว“พวกเราไปพบผู้ว่าการอำเภอหลินคนนั้น ดูว่าขุนนางทุจริตรังแกราษฎร์ผู้บริสุทธิ์มีหน้าตาเช่นไร”“ไป”ซูจิ่งสิงเห็นภรรยามีโทสะเพียงนี้ ลอบคาดโทษตายให้ผู้ว่าการอำเภอหลินแล้วทั้งสองมาถึงเรือนผู้ว่าการอำเภอหลินอย่างว่องไวปรากฏว่าเสียงหนึ่งชายหนึ่งหญิงดังออกจากภายใน“เกิ่งกวงคนนั้นฆ่าตัวตายแล้ว เจ้าไม่ปวดใจหรือ?”“ข้าปวดใจอะไร? ร่างกายและหัวใจข้าล้วนมอบให้ท่านตั้งแต่แรกแล้ว ปวดก็ปวดที่ท่านผู้นี้”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันแวบหนึ่ง ทั้งสองคนเจาะรูหน้าต่างกระดาษลอบฟังเสียงนินทาที่มุมกำแพงด้วยกัน“ปากเจ้านี้หวานล้ำโดยแท้ เสี่ยวฉือ รีบใช้ปากหวานๆ ของเจ้าจูบข้าเถอะ”เสี่ยวฉือ?หลินเสี่ยวฉือ?!กู้หว่านเยว่ตกตะลึงพรึงเพริด นี่ไม่ทันระวังก็เจอเรื่องชวนตกตะลึงมากเพียงนี้ไปเสียได้ หลินเสี่ยวฉือถึงขั้นยังไม่ตาย ยังสมรู้ร่วมคิดกับผู้ว่าการอำเภอหลินอีกด้วย!“แม่นางคนนั้นที่เกิ่งกวงพ
เกิ่งกวงโมโหจวนเจียนจะหมดสติไป ในที่สุดก็มิอาจอดกลั้น ยกขาถีบประตูเข้าไปแล้ว“ชายโฉดหญิงชั่ว พวกเจ้าทำร้ายข้าสาหัสนัก!”ผู้ว่าการอำเภอหลินและหลินเสี่ยวฉือกำลังหน้าแดงใจเต้น มองเห็นเกิ่งกวงปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ตกใจจนกอดกันแน่น“อ๊า ท่าน เหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่?”“หากข้ามิได้มาอยู่ที่นี่ ข้าคงไม่รู้อุบายอำมหิตของพวกเจ้า หลินเสี่ยวฉือ เจ้าทำร้ายข้าได้เจ็บแสบนัก!”ขณะเดียวกันเกิ่งกวงเกิดจิตสังหารต่อนางแล้ว อะไรคือแสงจันทร์ขาว อะไรคือทำเพื่อเขาโดยไม่ต้องการแม้แต่ชีวิต? หญิงคนนี้หลอกลวงเขาจนเจ็บปวดไปหมด!“บังอาจนัก เกิ่งกวง ข้าขอสั่งเจ้า ถอย ถอยไปเสีย!”ผู้ว่าการอำเภอหลินตกตะลึงพรึงเพริด ดึงกางเกงขึ้นไม่ทันเกิ่งกวงยิ้มเย็น “ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่เฝ้าชายแดนเมืองตะวันไม่ตกดิน เจ้าเป็นเพียงผู้ว่าการอำเภอขั้นเก้าเท่านั้น เจ้าขวัญกล้าออกคำสั่งข้า?”อยากจัดการผู้ว่าการอำเภอหลินให้ตายไปเสียเลย แต่สติสัมปชัญญะบอกเขา เบื้องหลังผู้ว่าการอำเภอหลินยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอีกมาก เขาต้องสืบสวนอีกฝ่ายช้าๆส่วนหลินเสี่ยวฉือ...พูดว่าไม่ปวดใจนั่นคือความเท็จทว่าผ้าพันแผลยุ่งเหยิงบนมือกลับคล้ายกำลังเยาะหย
จงหลีหยิบม้วนภาพออกมา แนบไว้บนอกเบาๆ กระซิบเสียงค่อย“น้องหญิงซังหนิง ตกลงเจ้าอยู่ที่ใด...”อีกด้านหนึ่ง กู้หว่านเยว่กำลังโบกมือเล็ก เก็บของอย่างมีความสุข ความรู้สึกได้ปล้นอย่างองอาจผ่าเผยเช่นนี้ สาแก่ใจยิ่งนักเพราะเหตุนี้คนของผู้ว่าการอำเภอหลินส่วนใหญ่จึงไม่มีดาบ จวนหลินถูกเกิ่งกวงยึดครองอย่างว่องไวโลหิตสาดกระเซ็นเกิดความเปลี่ยนแปลงภายในเมือง ทั้งหมดล้วนกลายเป็นคนของเกิ่งกวงแล้วผู้ว่าการอำเภอหลินเห็นท่าไม่ดี หมอบลงบนพื้นขอความเมตตา“แม่ทัพเกิ่ง ท่านปล่อยข้าไปเถอะ ข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ ล้วนเป็นโหวฮูหยิน เป็นนางบงการข้า”เขากลับเป็นคนไร้ศักดิ์ศรีคนหนึ่ง ขายสวีหลานจนหมดสิ้นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงนั่งที่ฝั่งหนึ่ง จิบชาอย่างผ่อนคลาย มองเกิ่งกวงสอบสวนผู้ว่าการอำเภอหลิน“เจ้าพูดว่าโหวฮูหยินบงการเจ้า มีหลักฐานหรือไม่?”“มี มีแน่นอน ภายในห้องหนังสือยังมีจดหมายของโหวฮูหยิน ข้างใต้นั้นยังมีทองห้าร้อยตำลึงอีกด้วย”สวีหลานรับปากมอบให้เขาก่อนครึ่งหนึ่ง รอเสร็จงานแล้วค่อยมอบอีกครึ่งให้เขาเกิ่งกวงส่งสัญญาณผ่านทางสายตาให้ผู้อยู่ใต้อาณัติทีหนึ่ง จากนั้นจดหมายก็ถูกนำมาแล้ว“ท่านแม่ทัพ
“ท่านลุง!”หลี่เฉินอันตะโกนเสียงดัง รีบรุดเข้าไปช่วยเกิ่งกวง“ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”“ข้าไม่เป็นไร เพียงคือเวียนหัวนิดหน่อย”เกิ่งกวงลูบหน้าผาก กู้หว่านเยว่เอ่ยเตือนอย่างเห็นใจ“ท่านเพิ่งเสียเลือดไปเยอะ บาดแผลยังไม่หายดี ทั้งอารมณ์ผันผวนอย่างรุนแรง รู้สึกเวียนหัวเป็นเรื่องปกติ รีบพักผ่อนเสียเถอะ”เกิ่งกวงส่ายหัว“แม้ว่าผู้พิพากษาหลินจะถูกจับกุม แต่พวกอันธพาลก็ยังไม่หมดไป ข้ายังต้องไปจัดการ”กู้หว่านเยว่พูดอะไรไม่ออก “จะดูแลตัวเองดีๆ มีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้นหรือจะตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด จะตายแหล่ไม่ตายแหล่”เกิ่งกวงเป็นทหาร จิตใจจึงเถรตรงอย่างไม่อาจหลีบเลี่ยงก่อนหน้านี้ คิดเพียงว่าเรื่องเจ้าหนูหลินเขาจึงล่าช้าไปหลายอย่าง ต้องละทิ้งผู้มีพระคุณ หลังจากได้ยินการวิเคราะห์ของกู้หว่านเยว่ ยามนี้เขาก็คิดได้แล้ว“ที่ฮูหยินซูพูดคือ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะลงไปพักผ่อน รวบรวมเรี่ยวแรงกลับมา ล้างแค้นให้น้องสาวและตัวข้าเอง”“ไปเถอะ” ในเมื่อเกิ่งกวงคิดได้แล้ว กู้หว่านเยว่จึงไม่ได้พูดอะไรอีก“อาจารย์หญิง ข้าจะไปเป็นเพื่อนท่านลุงนะขอรับ”หลี่เฉินอันตามมา เขาต้องอธิบายบางสิ่งให้เกิ่งกวงเข้
เกิ่งกวงเห็นเช่นนี้ก็ตกใจเล็กน้อย เดิมทีเขารายงานตัวกับซูจิ่งสิง ยามนี้เมื่อรายงานตัวอีกครั้ง กลับเป็นกู้หว่านเยว่ไปเสียได้“ผู้พิพากษาหลินตายแล้ว เมืองนี้ต้องมีผู้ที่เข้ามาจัดการ ขอถามฮูหยินซู ท่านมีผู้ที่คิดว่าเหมาะสมหรือไม่ขอรับ?”เกิ่งกวงและกงชางเหอต่างก็เป็นแม่ทัพ รับผิดชอบในการป้องกันทางทหารในเมืองตะวันไม่ตกดินหากต้องการจัดการทุกอย่างในเมืองให้เป็นระเบียบ ยังต้องพึ่งพาขุนนางผู้พิพากษากู้หว่านเยว่คิดอยู่พักหนึ่งแล้วจึงสั่งให้ใครบางคนเรียกฟู่หลานเหิงเข้ามา ก่อนจะบอกสถานการณ์ให้เขาฟัง“ใต้เท้าฟู่ ท่านเต็มใจที่จะทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษามณฑล ไม่ออกจากเมืองแห่งนี้หรือไม่?”ฟู่หลานเหิงยังคงเป็นราชทูตในจักรพรรดิที่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนักกู้หว่านเยว่ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเต็มใจหรือไม่ ดังนั้นนางจึงถามเขาก่อนทว่า นางยังคงหวังว่าฟู่หลานเหิงจะเต็มใจ เพราะท้ายที่สุดแล้ว นางไม่สามารถหาใครที่เหมาะสมไปกว่าเขาได้ฟู่หลานเหิงไม่ลังเลเลย“ในเมื่อท่านและสหายซูเชื่อใจข้า เช่นนั้นข้าก็จะทำให้เต็มที่”“เช่นนั้นแล้ว ก็ต้องรบกวนใต้เท้าฟู่ด้วย”กู้หว่านเยว่มั่นใจในความสามารถของฟู่หลานเหิงม
หลังจากลงมาจากหอคอยเมือง กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นรถม้ากลับจวนผู้พิพากษาในเวลานี้ ฟู่หลานเหิงกำลังอ่านบันทึกความของเมืองตะวันไม่ตกดินตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาเป็นคนจริงจัง ในเมื่อตกลงมาเป็นผู้พิพากษาเมืองตะวันไม่ตกดินให้กู้หว่านเยว่แล้ว เขาย่อมต้องทำหน้าที่นี้ให้เต็มที่กู้หว่านเยว่ได้ยินว่าฟู่หลานเหิงกำลังยุ่ง ดังนั้นจึงไม่เข้าไปรบกวน จึงกลับไปที่ห้องของตนเองและเริ่มเขียนแผนกลยุทธ์ทันทีซูจิ่งสิงนั่งอยู่ข้างๆ ฝนหมึกให้นางใช้หากกู้หว่านเยว่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับสิ่งใด นางก็จะถามซูจิ่งสิง ทั้งสองคนจะปรึกษาเรื่องนั้นด้วยกันเนื่องจากเป็นเวลากลางวัน พวกเขาทั้งสองจึงไม่ได้ปิดประตู บทสนทนาทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของทุกคน“กบฐฟ้าแล้วจริงๆ คุณชายซูไปนั่งฝนหมึกให้ภรรยาเช่นนั้นได้อย่างไร?”กงชางเหอดูตกตะลึง ในใจของเขา ภาพลักษณ์ของซูจิ่งสิงนั้นสูงเหลือคณานับหลู่จิงกลอกตามาที่เขา“เพราะฮูหยินของพวกเรามีความสามารถ เจ้ามีปัญหาอะไร?”“อีกอย่าง คุณชายของพวกเราก็เต็มใจด้วย”เจียงเฟิ่งก็ทำตามเช่นกัน ทั้งคู่ชื่นชมคนที่มีความสามารถและความสามารถของกู้หว่านเยว่ ก็ทำให้พวกเขาประทับใจไม่รู้ลืมกงชางเหอเกาหัว
“กว่าจะมาถึงที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เราคงจะกลับไปทั้งแบบนี้ไม่ได้ ข้าตั้งใจจะไปคูเมืองของเมืองสือโม่ แล้วกวาดเอาคลังสินค้าของพวกเขากลับไปด้วย”ในใจของกู้หว่านเยว่รู้สึกดีไม่น้อย ทำเรื่องใหญ่ทั้งที นางจะหยุดแค่นี้ไม่ได้สิ่งที่ซูจิ่งสิงคิดไว้ก็คือ หลังจากระเบิดประตูเมืองแล้วพวกเขาสามารถรอดพ้นจากการไล่ล่าได้ แต่ทหารทูเจวี๋ยที่เหลือคงจะรวมตัวและไล่ล่าทาสเหล่านั้นมีเพียงพวกเขาที่สามารถสร้างหายนะให้เมืองสือโม่ต่อไปได้ ทหารทูเจวี๋ยคงจะพุ่งความสนใจไปที่พวกเขา ชาวบ้านในต้าฉีจะได้มีโอกาสหนีออกไป“ก็ดี เช่นนั้นเราไปกวาดคลังสินค้าของพวกเขากันเถอะ”หากพูดถึงความเคร่งครัด นี่ไม่ได้เรียกว่าการปล้นถึงอย่างไรดินแดนของคนทูเจวี๋ยก็แห้งแล้งและไม่มีเสบียงมากนักในเมืองสือโม่มีการกักตุนเสบียงอาหารและเงินทอง โดยพื้นฐานแล้วเป็นสิ่งของที่พวกเขาน่าจะปล้นชิงมาจากชาวบ้านที่อยู่ชายแดนดังนั้นตอนนี้ยิ่งพูดได้เต็มปากว่าเป็นเจ้าของเสบียงอาหาร พวกเขาแค่ต้องนำเสบียงที่เดิมทีเป็นของชาวบ้านชายแดนเหล่านั้นกลับมาก็เท่านั้น“ไป!”กู้หว่านเยว่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กระทั่งมาถึงคลังสินค้าในเมืองสือโม่เป็นอย่างที
จากนั้นนางก็ขี่จูเชวี่ยขึ้นไปบนหอสังเกตการณ์ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของกู้หว่านเยว่ค่อนข้างเอิกเกริก ไม่นานนักก็ดึงดูดความสนใจของทหารลาดตระเวน“พวกเจ้าดูนั้น มันคือสิ่งใดกัน?”“ดูเหมือนจะเป็นนกตัวหนึ่ง”“ไม่สิ ๆ ดูเหมือนว่ามีคนนั่งอยู่บนนกตัวนั้นด้วย!”ทหารทูเจวี๋ยพยายามเบิกตากว้าง จนกระทั่งมองเห็นได้ชัดว่าบนนกหงส์เพลิงหลากสีตัวนั้นมีสตรีสวมชุดสีเขียวนางหนึ่งนั่งอยู่ด้วย และกำลังบินถลาตรงมายังหอสังเกตการณ์คนทั่วไปมักจะเข้าออกทางประตูเมืองไหนเลยจะบินเข้าไปโดยตรง?ทหารทูเจวี๋ยตื่นตกใจ กระทั่งสบถคำหยาบคายออกมาจากปาก“รนหาที่ตายชัด ๆ แม่นาง รีบลงมาจากหอสังเกตการณ์เดี๋ยวนี้!”“หากยังไม่ลงมา เราจะเป็นฝ่ายไปหาเจ้าเอง!”“วันนี้ข้าจะไม่ลงไป เพราะข้าต้องการทำลายเมืองสือโม่ให้ราบเป็นหน้ากลอง”เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของกู้หว่านเยว่ดังออกมาจากฟากฟ้า นางตบศีรษะของจูเชวี่ยเบา ๆ จากนั้นจูเชวี่ยก็รีบผงกหัวขึ้น เปลวเพลิงขนาดใหญ่ถูกพ่นออกมาจากปากของมัน กวาดทำลายล้างหอสังเกตการณ์ เผาหอสังเกตการณ์จนวอดวายในเสี้ยววินาทีเปลวเพลิงขนาดใหญ่พุ่งจากหอสังเกตการณ์ทะยานสู่ท้องฟ้า ทหารทูเจวี๋ยต่างตื่
ถูกต้อง น้องหญิงไม่เคยพูดจาคุยโวกู้หว่านเยว่กะพริบตา “พวกเราเข้าเมืองก่อน”ทั้งสองเร่งเดินทางมาตลอด ในไม่ช้าก็มาถึงเมืองโม่สือเนื่องจากพวกเขาทำตัวเป็นสามีภรรยาชาวทูเจวี๋ยทั่วไปแต่แรก หนำซ้ำภาษาทูเจวี๋ยของซูจิ่งสิงก็คล่องแคล่วมากดังนั้นทั้งสองคนจึงผ่านด่านเข้าเมืองมาอย่างง่ายดาย เข้ามาในเมืองสือโม่อย่างราบรื่นเมื่อเข้ามา กู้หว่านเยว่เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมซูจิ่งสิงถึงเรียกที่นี่ว่านรกบนดินสองข้างทางภายในเมืองเต็มไปด้วยชาวต้าฉี ยามนี้กลายเป็นทาส กำลังก่อสร้างหอคอยเมืองพวกเขาเสื้อผ้าขาดวิ่น ท่าทางเชื่องช้า หากชักช้าแม้แต่นิดเดียว แส้ในมือทหารทูเจวี๋ยจะฟาดลงบนตัวพวกเขาทันที แส้พวกนั้นกระทั่งมีหนาม สามารถครูดจนเนื้อหนังหลุดเป็นชั้น มีหลายคนที่ถูกฟาดจนบนตัวไม่มีเนื้อดีแม้แต่นิดเดียวส่วนภายในเมืองน่ากลัวยิ่งกว่า มองเห็นหญิงสาวชาวต้าฉีถูกชายทูเจวี๋ยใช้กำลังบังคับขืนใจได้ตามตรอกทั่วไป บนถนนเต็มไปด้วยเสียงร้องระงม“น้องหญิง อย่าวู่วาม”ซูจิ่งสิงกดมือกู้หว่านเยว่เอาไว้ แม้เขาเองก็โกรธแค้นมาก แต่ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการลงมือ“พวกเราไปหาโรงเตี๊ยมเข้าพักกันก่อน”“ได้”กู้หว่านเยว
แม่ทัพผู้เฒ่าเกาเอ่ยเสียงเข้มพร้อมทำความเคารพ“พบกันใหม่” ซูจิ่งสิงพากู้หว่านเยว่จากไป“ท่านพี่ เส้นทางที่พวกเราวาดเมื่อคืน วันนี้นำออกมาใช้ได้แล้วสิ?”หลังจากทั้งสองคนออกจากด่านซานไห่ กู้หว่านเยว่นำแผนที่ซึ่งวาดเส้นทางเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานออกมา“ถูกต้อง”ซูจิ่งสิงพยักหน้า แล้วเอ่ยชมเต็มที่ “น้องหญิงช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกล”“แผนที่นี้ท่านเป็นคนวาดนะ”กู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ เมื่อวานซูจิ่งสิงบอกนาง รอบด้านทูเจวี๋ยเต็มไปด้วยหมาป่า หากอยากไปให้ถึงเมืองอูถ่าน ทางที่ดีต้องเดินทางผ่านตัวเมืองไปตลอดทางในเมื่อต้องเดินทางผ่านเมือง เช่นนั้นคงปล่อยให้คนอื่นรู้ไม่ได้ว่าพวกนางคือชาวต้าฉีกู้หว่านเยว่รีบซื้อเสื้อผ้าของชาวทูเจวี๋ยจากแพลตฟอร์มซื้อขายทันที จากนั้นนำอุปกรณ์แปลงโฉมออกมาเนื่องจากคนของเหยลวี่เจิงเคยเห็นเพียงซูจิ่งสิง ไม่เคยเห็นรูปโฉมกู้หว่านเยว่ดังนั้นกู้หว่านเยว่จึงแปลงโฉมให้ซูจิ่งสิงคนเดียว เมื่อถึงตานาง นางเพียงกลบเกลื่อนเอกลักษณ์ความเป็นต้าฉีเล็กน้อยเท่านั้น แต่งกายให้ตัวเองใกล้เคียงคนทูเจวี๋ยที่สุดเพียงไม่นาน สองสามีภรรยาชาวทูเจวี๋ยแบบดั้งเดิมเดินออกมาจากในป่ากู้หว่า
เนื้อหาบนจดหมายเรียบง่ายมาก แรกเริ่มแจ้งให้รู้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์อยู่ในมือพวกเขา ต่อมาบอกว่าหากซูจิ่งสิงอยากช่วยน้องสาวกลับไป ให้มาที่เมืองอูถ่านเพียงลำพังสองคนใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือเหยลวี่เจิง นึกไม่ถึงว่าเขาจะต่ำทรามเพียงนี้ คนในครอบครัวไม่เกี่ยวข้อง แต่เขากลับลงมือกับคนสกุลซูหลายครั้ง “ท่านคิดจะทำอย่างไร?”กู้หว่านเยว่หันมองซูจิ่งสิง ความจริงพอเดาได้ว่าในใจเขาคิดอย่างไร เป็นไปตามคาดหลังจากซูจิ่งสิงเงียบไปสักพัก เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น“ข้าเป็นพี่ใหญ่ ไม่อาจปล่อยจิ่นเอ๋อร์ให้อยู่ในอันตรายโดยไม่สนใจ ในเมื่อจิ่นเอ๋อร์กับฟู่หลานเหิงอยู่ในมือพวกเขา เช่นนั้นข้าจะเดินทางไปเมืองอูถ่าน ช่วยพวกเขากลับมา”ซูจิ่งสิงจับไหล่ทั้งสองข้างของกู้หว่านเยว่“หว่านเยว่ เจ้ารอข้าอยู่ที่ด่านซานไห่นะ”สิ่งที่เขาคิดคือ การไปเมืองอูถ่านครั้งนี้อันตรายมากในเมื่อเหยลวี่เจิงส่งจดหมายมา แสดงว่าเขาวางกับดักไว้ทั่วเมืองอูถ่านแล้ว เพื่อรอให้เขาไปติดกับเองการไปครั้งนี้ เขาอาจไม่ได้กลับมาดังนั้นเขาไม่อยากทำให้กู้หว่านเยว่ลำบาก จึงคิดจะให้นางรออยู่ที่ด่านซานไห่หากเขาโชคดีได้กล
“ลำบากเยว่จีแล้ว หากไม่มีเจ้า คงไม่มีทางหลอกให้ซูจิ่นเอ๋อร์ถ่อมาถึงทูเจวี๋ย”ชายที่เอนกายอยู่บนหนังเสือ ก็คือเหยลวี่เจิงที่หนีรอดมาจากมือซูจิ่งสิงเมื่อคราวที่แล้วส่วนหญิงสาวที่คุกเข่าอยู่ด้านล่าง คือเยว่จีเจ้าสำนักหอร้อยบุปผา นางคือผู้นำของหอร้อยบุปผา นอกจากเหยลวี่เจิง หญิงสาวในหอร้อยบุปผาล้วนฟังคำสั่งนางดวงตาเยว่จีเย้ายวน รูปโฉมของนางถือเป็นอันดับหนึ่งในหอร้อยบุปผา“ท่านแม่ทัพชมเกินไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะท่านพบว่าน้องสาวของซูจิ่งสิงกำลังค้นหาดอกน้ำแข็งนิล เยว่จีก็ไม่สามารถใช้ความร้อนใจที่เป็นห่วงสามีของนาง หลอกนางมาถึงนี่”เยว่จีมองร่างกายกำยำของเหยลวี่เจิงอย่างลุ่มหลง ร่างกายนี้เคยพรากพรหมจรรย์ของนางไป ทำให้นางทุรนทุราย นางอยากลองอีกสักครั้ง...“ท่านแม่ทัพ นี่ก็ดึกแล้ว ให้เยว่จีปรนนิบัติท่านเถอะ” เยว่จีจ้องไปที่เข็มขัดของเขา แววตาเหยลวี่เจิงกลับมีความเกลียดชัง แล้วสะบัดมือนางทิ้ง“ไม่ต้อง คืนนี้ข้ายังต้องไปที่อื่น ที่มาครั้งนี้เพื่อแจ้งเจ้า ให้ส่งจดหมายไปหาซูจิ่ง
ซูจิ่งสิงอาบน้ำอยู่ด้านใน กู้หว่านเย่วอยู่ด้านนอกก็ไม่ได้อยู่เฉย นางให้ระบบมอบแผนที่แคว้นทูเจวี๋ยนางหนึ่งชุดจากสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ช้าหรือเร็วพวกนางก็ต้องเดินทางไปทูเจวี๋ยกู้หว่านเยว่ใช้ปากกาขีดๆ เขียนๆ บนแผนที่ เพียงไม่นานซูจิ่งสิงเองก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ชายหนุ่มที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จบนตัวมีกลิ่นหอมของครีมอาบน้ำติดตัวกลิ่นของทั้งสองหลอมรวมกัน ทำให้บรรยากาศเกิดความละมุนละไมทันที“อาบเสร็จเร็วขนาดนี้เชียว?”กู้หว่านเยว่หันมอง สายตาอยู่บนร่างกายซูจิ่งสิง วินาทีต่อมาถึงกับตาค้างอย่างตะลึงเขาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ หล่อเกินไปแล้ว!“ท่าน ท่านหล่อเกินไปแล้ว!”กู้หว่านเยว่หน้าแดงพร้อมพูดออกไปหนึ่งคำ นางไม่ค่อยมีแรงต้านทานต่อหนุ่มหล่อ โดยเฉพาะสามีของนางที่หล่อจนแทบอยากตาย อยากลูบกล้ามหน้าท้องจังเลย“ขอบคุณที่ชม”ซูจิ่งสิงถูกนางชมจนหน้าเริ่มแดง สายตาที่จ้องเขม็งยิ่งทำให้เขาหูแดงเถือก แม้จะกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจกลับว้าวุ่นไปหมด“เจ้าทำสิ่งใดอยู่?”เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หากถูกสายตาราวกับเสือจ้องขย้ำของน้องหญิงมองต่อไป เขาอาจควบคุมตัวเองไม่อยู่กู้หว่านเยว่รีบกางแผนที่วางไว้บน
ทำให้ซวนลู่ดีใจ “พูดเช่นนี้เจ้ายังชอบข้าอยู่หรือ?”“ก็เปล่านะ”เกาเจี้ยนส่ายหน้า ตลอดทาง ซวนลู่หยั่งเชิงเขาทั้งทางอ้อมและทางตรงหลายครั้ง“อีกเดี๋ยว ข้าจะส่งเจ้ากลับไปสกุลซวน แล้วคุยกับท่านลุงซวนให้ชัดเจน ให้ท่านถอนหมั้นพวกเราสองคนซะ”เกาเจี้ยนพูดจบ สีหน้าเผยความสบายใจออกมาความจริงตั้งแต่ตอนอยู่เจดีย์หนิงกู่ เขาก็คิดเอาไว้แล้วเขากับซวนลู่ไม่เหมาะสมกัน ในเมื่อซวนลู่ไม่ชอบเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องบังคับใคร“เจ้าจะถอนหมั้นกับข้าหรือ?”ซวนลู่ชะงักไปเล็กน้อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางอยากให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ทำไมยามนี้เมื่อกลายเป็นจริงแล้ว ในใจจึงรู้สึกเจ็บปวดราวกับมีสิ่งของที่เป็นของนาง กำลังค่อย ๆ จากไป“เจ้าพูดจริงหรือ?”เนื่องจากไม่กล้าเชื่อ ซวนลู่จึงย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่สิ่งที่ได้คือคำตอบที่มั่นใจของเกาเจี้ยน“ใช่”“เพราะอะไร?” ซวนลู่กำหมัดแน่น “เจ้ารังเกียจข้า เจ้ารู้ว่าข้าเสียตัวแล้ว ดังนั้นจึงถอนหมั้นหรือ!”เกาเจี้ยนรู้สึกว่าเหลวไหล“อาลู่ เป็นเพราะเจ้าไม่เคยรักข้าเลย”“เข้าเปล่านะ ข้า” “ตอนนี้เจ้าไม่อยากถอนหมั้น เป็นเพราะเจ้ารู้สึกว่า คนที่เมื่อก่อนเคยเดินตามหล
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่ทัพผู้เฒ่า”ซูจิ่งสิงส่ายหน้า ก่อนเขาจะจากชายแดนกลับไปรับคำสั่งที่เมืองหลวง ได้สั่งการพวกแม่ทัพเกาเอาไว้ไม่ว่าในเมืองหลวงจะเกิดเรื่องใดขึ้น ห้ามพวกเขากระทำการบุ่มบ่ามเด็ดขาด ทางที่ดีให้รักษาตัวรอดที่ด่านซานไห่“ตอนนี้ข้าเองก็ปลอดภัยดี อีกอย่าง น้ำใจของแม่ทัพผู้เฒ่าข้าเข้าใจดี”แม่ทัพผู้เฒ่าเกาพยักหน้า สายตาหันไปมองกู้หว่านเยว่“ท่านนี้คงเป็นพระชายาสินะ”“คารวะแม่ทัพผู้เฒ่าเกา” กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างสง่างาม ทำให้แม่ทัพผู้เฒ่าเกาพยักหน้า “พระชายาไม่ใช่หญิงสาวทั่วไป ใจกว้างเปิดเผย!”เกาเจี้ยนที่อยู่ข้างกันประหลาดใจ ต้องรู้ว่าปากของพ่อเขานั้น อยู่ในค่ายมีชื่อด้านปากเสียยิ่งนัก คำพูดสิบประโยคมีสิบเอ็ดประโยคไม่น่าฟังยามนี้เขาเพิ่งเห็นกู้หว่านเยว่เป็นครั้งแรก ก็ประเมินค่าสูงขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพผู้เฒ่าเกาชอบกู้หว่านเยว่จริง ๆทว่า ลองคิดดูก็เป็นเรื่องปกติพระชายาเก่งกล้าสามารถ แม้แต่เขายังยอมแพ้บนโลกนี้ ใครบ้างจะไม่ชอบพระชายา“ท่านพ่อ พวกเราเร่งเดินทางมาตลอดทาง ไม่ได้หยุดพักระหว่างทางเลยอย่ามัวแต่ยืนคุยกันข้างนอก ให้ท่านอ๋องกับพระชายาเข้าไปพักผ่อ