“ตอนนี้เขาเป็นอะไรไปแล้ว? ท่านอากงท่านพูดซิ” หลี่เฉินอันร้อนใจแย่แล้ว กงจ่างเฮ่อพรูลมหายใจยาวเหยียดออกมา “เพียงสามคำสองประโยคข้าไม่สามารถพูดให้เข้าใจได้ รอเจ้าพบเขาแล้วก็จะรู้เอง”“นี่ท่าน” หลี่เฉินอันถามแล้วแต่ไม่ได้อะไรกลับมา“พวกเราอยู่ห่างจากเมืองตะวันไม่ตกดินอีกไกลมากเพียงใด?”กู้หว่านเยว่เอ่ยถามเปิดประเด็นกงจ่างเฮ่อได้ยินก็รีบเก็บอารมณ์ แหวกผ้าม่านรถม้า เขาอาศัยในเมืองตะวันไม่ตกดินนานราวสิบกว่าวัน จดจำต้นไม้ใบหน้ารอบด้านไว้ในใจแล้วเพียงมองสภาพแวดล้อมโดยรอบหนึ่งปราด เขาก็รู้ว่ารถม้าอยู่ตำแหน่งใดแล้ว“อยู่ห่างจากเมืองตะวันไม่ตกดินอีกราวครึ่งชั่วยาม ทว่ารูปลักษณ์ของข้าในตอนนี้ น่ากลัวว่าไม่เหมาะเข้าเมืองพร้อมพวกเจ้า”กงจ่างเฮ่อมองผื่นแดงทั่วตัวอย่างกังวล แม้กู้หว่านเยว่พูดแล้วว่าผื่นแดงเหล่านี้มิใช่ไข้ทรพิษแต่คนปกติมองเห็นเป็นครั้งแรกก็ยังคิดว่าเป็นไข้ทรพิษ“เมืองตะวันไม่ตกดินมีการตรวจตรา หากทหารพบรูปลักษณ์ของข้านี้ จะต้องลากข้าลงจากรถม้า ไม่แน่ว่ายังจะทำให้พวกเจ้าต้องเดือดร้อน”คนยุคสมัยโบราณไม่มีวิธีรับมือกับไข้ทรพิษหากพบว่าใครเป็นไข้ทรพิษ หนทางเดียวก็คือกันผู้ป่ว
คูเมืองที่อยู่ห่างไม่ไกลติดกับชายแดน คล้ายมังกรยาวขนาดใหญ่ตัวหนึ่งขดอยู่บนพื้นดิน“นี่คือเมืองตะวันไม่ตกดินหรือ? งดงามเหลือเกิน”ซูจิ่นเอ๋อร์อุทานออกมาอย่างจริงใจฟู่หลานเหิงเคยมาเมืองตะวันไม่ตกดินหนึ่งครั้ง สีหน้ากลับเรียบเฉย กระซิบบอกซูจิ่นเอ๋อร์เรื่องอุปนิสัยใจคอและวัฒนธรรมของคนภายในเมืองตะวันไม่ตกดิน“คนเข้าเมืองคล้ายมีมาก?”กู้หว่านเยว่แปลกใจอยู่บ้าง นางคิดว่าเมืองตะวันไม่ตกดินมีเพียงนักโทษอุกฉกรรจ์ ไม่มีราษฎร์เสียอีกกงจ่างเฮ่ออธิบาย “เจดีย์หนิงกู่พื้นที่กว้างใหญ่คนกลับน้อย มีคูเมืองเพียงสองแห่ง หนึ่งแห่งคือเมืองตู้เปียน อีกหนึ่งแห่งคือเมืองตะวันไม่ตกดิน เมืองตะวันไม่ตกดินแห่งนี้ไม่มีหมู่บ้าน แต่มิได้หมายความว่าทางฝั่งนี้ไม่มีราษฎร์อยู่ นอกเมืองมีหมู่บ้านอยู่อย่างกระจัดกระจาย ยังมีราษฎร์อีกจำนวนมากเข้าเมืองมาหาของกินในฤดูหนาว”กู้หว่านเยว่มองเห็นราษฎร์เหล่านั้นสวมเสื้อผ้าขาดหวิ่น เท้าเองก็ไม่สวมรองเท้าดีๆ ใบหน้าและใบหูล้วนโดนความเย็นกัด ต้านลมหนาวอย่างน่าสงสาร ชนิดที่ว่าเส้นทางทั้งสองฝั่งมีเด็กและผู้ชราแข็งตายทั้งเป็นไม่น้อยศพถูกฝังไว้ใต้สายลมและหิมะ อีกทั้งยังถูกสุนั
“วางใจเถอะ ไม่มีวันเกิดเรื่อง”กู้หว่านเยว่วิเคราะห์จึงพูดออกมาในเมื่อคนอยู่เบื้องหลังใช้วิธีการวางยา ต้องการไล่พวกเขาออกจากเมืองตะวันไม่ตกดินนั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายยังมีหลักฐานไม่มากพอให้ฉีกหน้า เผชิญหน้ากับทหารกลุ่มนี้อย่างเปิดเผยได้ดังนั้นแม้ร้อนใจก็ยังต้องเสแสร้ง“ขอบคุณมาก” กงจ่างเฮ่อมองกู้หว่านเยว่หลายหน คิดว่านางคล้ายสหายเก่าก็มิปาน“ท่านลุงอยู่ที่ใดกัน?”หลี่เฉินอันร้อนใจจนน้ำลายแตกฟอง “ตอนนี้พวกเรากำลังไปหาเขากระนั้นหรือ?”กงจ่างเฮ่อพยักหน้า “สหายเกิ่งยังอยู่ที่จวน แต่บัดนี้จวนเกิ่งน่าจะถูกทหารล้อมไว้แล้ว ข้าพาพวกเจ้าไปดูๆ ก่อน”“ได้”รถม้าแล่นไปอย่างเชื่องช้ามาถึงด้านนอกจวนเกิ่ง ดังคาด พบว่าภายนอกถูกทหารสวมชุดฟ้ามากมายล้อมไว้ ประตูสี่ทิศแปดด้านล้วนมีคนเฝ้า ไม่ให้คนเข้าออก “ไป พวกเราไปดูๆ ที่ร้านชาฟังตรงข้ามก่อน”กู้หว่านเยว่เสนอให้สืบข่าวจากร้านชาสองสามคนต่างเห็นด้วย รีบลงจากรถม้า เดินเข้าร้านชา สั่งชามาสองกา“แม่ทัพเกิ่งท่านนี้ดวงซวยยิ่งนัก ถึงขั้นเป็นไข้ทรพิษ สิ่งนี้ถึงตายเชียวนะ”เพิ่งนั่งลงก็ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาแล้วกู้หว่านเยว่และคนอื่นสบตากันแว
“ขอบคุณเจ้าของร้านมาก ท่านออกไปก่อนเถอะ”หลี่เฉินอันเอ่ยอย่างกังวล“ท่านอาจารย์หญิง ด้านนอกมีทหารมากเพียงนี้ พวกเราแค่ไม่กี่คนคล้ายจะเข้าไปไม่ได้”กู้หว่านเยว่ขยับนิ้ว ต้องการเข้าไปกลับไม่ยากเมื่อครู่นางตรวจสอบบ้างแล้ว แม้ประตูจวนเกิ่งมีคนมาก แต่ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ที่ประตูหลัก ประตูรองและประตูหลังมีทหารลาดตระเวนเพียงไม่กี่คนกู้หว่านเยว่วางแผนช่วยเหลืออย่างหนึ่งกงจ่างเฮ่อกลับมีสีหน้าประหลาดใจ ไม่พูดจาแม้คำเดียว มองดูแล้วคล้ายมีเรื่องภายในใจ“ท่านเป็นอะไร?” กู้หว่านเยว่เห็นเขาคล้ายปิดบังอะไรอยู่“เปล่า” กงจ่างเฮ่อขมวดคิ้ว กระซิบต่ออีกหนึ่งประโยค “ข้าเพียงกังวล แม้พวกเราเข้าไปอย่างยากลำบากได้แล้ว ก็ไม่แน่ว่าสหายเกิ่งจะยอมจากไปกับพวกเรา”อย่างไรเสียเกิ่งกวงก็มีวิชายุทธ์สูงมากกว่าเขา ครั้งก่อนเดิมทีสามารถหนีไปกับเขาได้ ปรากฏว่าเขาไม่ยอมไป“นี่หมายความว่ากระไร?” กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว ตกลงเกิดเรื่องใดที่นางยังไม่รู้กระนั้นรึ?“เฮ้อ ช่างแล้ว รอพวกเจ้าพบเขาก็รู้แล้ว” กงจ่างเฮ่อจิบชาหนึ่งอึก พูดอย่างอารมณ์ไม่ดีสองสามคนกลับยิ่งงุนงง ทำได้เพียงดื่มชาจนหมดรอจนกระทั่งสบโอกาสยามองครักษ์
เห็นเกิ่งกวงจะฉีกผ้าพันแผลที่นางพันไว้อย่างดี กู้หว่านเยว่ระเบิดขึ้นมาในทันใดคว้าปกคอเสื้อของอีกฝ่าย ตบหน้าเขาหนึ่งฉาด“แม่ทัพเกิ่ง ท่านอยากตายก็ไม่มีใครห้าม แต่ก่อนท่านตาย ข้าอยากให้ท่านคิดถึงน้องสาวที่ตายไปอย่างไม่เป็นธรรมและหลานชายที่ต้องอยู่เพียงลำพังของท่านดูก่อน หากรู้แต่แรกว่าท่านเป็นตัวไร้ประโยชน์พรรค์นี้ ก็ไม่ควรเดินทางไกลมาช่วยท่าน”กู้หว่านเยว่เองก็โมโห คนผู้นี้รู้ว่าซ่อมหลอดเลือดยากเพียงใดหรือไม่? เมื่อครู่นางเกือบเหนื่อยตายไปแล้ว“ท่านลุง?”หลี่เฉินอันได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว รีบเข้ามาจากด้านนอกประตู กงจ่างเฮ่อห้ามเขาไว้“อย่าเปล่งวาจาที่ดีอันใดกับลุงเจ้า ให้อาจารย์หญิงของเจ้าสั่งสอนเขาเถอะ”ใบหน้าเล็กของหลี่เฉินอันเกร็งเครียด “ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น!”จากนั้นมาที่ข้างเตียง สบมองเกิ่งกวง“ท่านลุง ท่านรู้จักข้าหรือไม่?”“เสี่ยวอัน?” คลื่นระลอกหนึ่งสะท้อนขึ้นในแววตาของเกิ่งกวง “เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่?”หลี่เฉินอันมองกลิ่นอายความตายทั่วทั้งสรรพางค์กายของเกิ่งกวง ใบหน้าเล็กดำทะมึน“เหตุใดท่านต้องรนหาที่ตายด้วยเล่า ท่านอาจารย์หญิงช่วยท่านเอาไว้อย่างยากลำบาก พวกเราล
คนมากินข้าวเป็นประจำอย่างกงจ่างเฮ่อไปจนถึงสหายเหล่านั้นล้วนมีอาการป่วยเหมือนกันนับตั้งแต่กู้หว่านเยว่พูดว่ากงจ่างเฮ่อถูกวางยาพิษ ไม่ใช่ไข้ทรพิษ เขาพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นภายในใจนั่นก็คือหลินเสี่ยวฉือตั้งใจวางยาลงในอาหารของพวกเขา ระยะนี้มีนางเป็นตัวแปรเพียงหนึ่งเดียว“เจ้า เจ้าพูดเหลวไหล...”เกิ่งกวงส่ายหน้า ยังไม่ยอมเชื่อ“หากนางเป็นคนวางยาพิษพวกเราจริง เหตุใดนางต้องไปหาหมอ มิหนำซ้ำยังถูกทหารฆ่าตายเพราะสาเหตุนี้อีกเล่า?”เอ่ยถึงเรื่องนี้ เกิ่งกวงน้ำตาหลั่งรินลงมาแล้ว เจ็บปวดทรมานอย่างหนักกงจ่างเฮ่อ ‘แม่ XX มีหนึ่งประโยคไม่รู้พูดได้หรือไม่’“พวกเจ้าอย่าสนใจข้าอีกเลย ปล่อยข้าไปตามยถากรรมเถอะ” เกิ่งกวงหลับตาลง สีหน้าเจ็บปวดหลี่เฉินอันเกร็งใบหน้าสบมองเขา อยากพูดอะไรแต่หยุดไว้แล้ว“ช่างเถอะ พวกเราออกไปก่อน”บัดนี้เกิ่งกวงอยู่ภายในโลกของตน ยังไม่ได้สติกลับมาพูดกับเขามากไปก็ไร้ประโยชน์“เฉินอัน เจ้าอยู่เฝ้าลุงของเจ้าที่นี่ อย่าปล่อยให้เขาเฉือนข้อมืออีก”กู้หว่านเยว่ขยับนิ้วมือ หากอีกฝ่ายยังกล้าทำเรื่องเหลวไหล เช่นนั้นนางก็ไม่รับปากว่าจะช่วยอีกครั้งสองสามคนเดินออกไปด้านนอ
กงจางเฮ่อรีบรับยาถอนพิษไป เผยสีหน้าซาบซึ้งใจ“ฮูหยินซูวางใจได้ ข้าไม่มีวันทำให้เจ้าผิดหวัง”เขาและเกิ่งกวงอยู่ป้องกันเมืองตะวันไม่ตกดินมานานหลายปี ผู้อยู่ใต้อาณัติแม้ไม่ถึงหนึ่งพันก็มีนับร้อย มิหนำซ้ำล้วนเป็นทหารกล้า ไม่กลัวทำการใหญ่ไม่สำเร็จ“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จวนเกิ่งนี้ขอมอบให้ท่านแล้ว พวกเราสองสามีภรรยาไปหาผู้ว่าการอำเภอหลินก่อน”พูดจบ กู้หว่านเยว่ขยิบตาให้ซูจิ่งสิง ทั้งสองคนจากไปอย่างว่องไวปานเหินบิน“ข้ายังมิได้บอกพวกเขาว่าจวนผู้ว่าการอำเภออยู่ที่ใดเลยนะ”กงจ่างเฮ่อขยับขึ้นไปสองก้าว น่าเสียดายเงาร่างคนทั้งสองหายไปแล้ว ทำเสียจนเขาตกตะลึง“ตกลงคุณชายซูมีฐานะเยี่ยงไรกันแน่ วิชายุทธ์สูงเพียงนี้... ช้าก่อน เขาสกุลซูรึ? คงมิใช่ เขา เขาคือเจิ้นเป่ยอ๋อง?”ชื่อเสียงของเจิ้นเป่ยอ๋อง ไม่มีทหารป้องกันชายแดนอย่างพวกเขาเหล่านี้คนใดไม่รู้จัก ชนิดที่ว่ากงจ่างเฮ่อยังเป็นเขาเป็นแบบอย่างอีกด้วยแม้ว่าเจิ้นเป่ยอ๋องถูกยึดทรัพย์เนรเทศ ทว่าภายในใจของกงจ่างเฮ่อ วีรกรรมปราบเผ่าทูเจวี๋ยจนพ่ายแพ้ราบคาบได้จะยังคงอยู่ชั่วนิรันดร์เขาคือเจิ้นเป่ยอ๋องตลอดกาล!แบบอย่างเชียวนะ นิ้วมือกงจ่างเฮ่อสั่นๆ
“ขุนนางชั่ว!”กู้หว่านเยว่สบถด่าหนึ่งประโยค เป่าผงสีชมพูทำให้แม่ครัวเหล่านั้นหมดสติ ต่อมาโบกมือเก็บอาหารเหล่านั้นไปขณะเดียวกันระดับความโกรธของกู้หว่านเยว่ที่มีต่อผู้ว่าการอำเภอหลินเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งร้อยแล้ว“พวกเราไปพบผู้ว่าการอำเภอหลินคนนั้น ดูว่าขุนนางทุจริตรังแกราษฎร์ผู้บริสุทธิ์มีหน้าตาเช่นไร”“ไป”ซูจิ่งสิงเห็นภรรยามีโทสะเพียงนี้ ลอบคาดโทษตายให้ผู้ว่าการอำเภอหลินแล้วทั้งสองมาถึงเรือนผู้ว่าการอำเภอหลินอย่างว่องไวปรากฏว่าเสียงหนึ่งชายหนึ่งหญิงดังออกจากภายใน“เกิ่งกวงคนนั้นฆ่าตัวตายแล้ว เจ้าไม่ปวดใจหรือ?”“ข้าปวดใจอะไร? ร่างกายและหัวใจข้าล้วนมอบให้ท่านตั้งแต่แรกแล้ว ปวดก็ปวดที่ท่านผู้นี้”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันแวบหนึ่ง ทั้งสองคนเจาะรูหน้าต่างกระดาษลอบฟังเสียงนินทาที่มุมกำแพงด้วยกัน“ปากเจ้านี้หวานล้ำโดยแท้ เสี่ยวฉือ รีบใช้ปากหวานๆ ของเจ้าจูบข้าเถอะ”เสี่ยวฉือ?หลินเสี่ยวฉือ?!กู้หว่านเยว่ตกตะลึงพรึงเพริด นี่ไม่ทันระวังก็เจอเรื่องชวนตกตะลึงมากเพียงนี้ไปเสียได้ หลินเสี่ยวฉือถึงขั้นยังไม่ตาย ยังสมรู้ร่วมคิดกับผู้ว่าการอำเภอหลินอีกด้วย!“แม่นางคนนั้นที่เกิ่งกวงพ
“ผู้อาวุโสรอง น่าจะเป็นชาวทูเจวี๋ย”ซูจิ่งสิงถูปลายนิ้ว พลางขมวดคิ้วเอ่ยขึ้นเมื่อครู่เขามองจากคานเรือนอย่างถี่ถ้วน หน้าตาของผู้อาวุโสรองมีแนวโน้มไปทางคนทูเจวี๋ยมาก“บ้าเอ๊ย เขาเป็นสายลับ!”กู้หว่านเยว่สบถคำหยาบออกมา “ไม่ได้การ ข้าทนไม่ไหวอีกแล้ว เราไปสั่งสอนบทเรียนให้เขากันเถอะ”ซูจิ่งสิงมองภรรยาที่กำลังแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม เผลอย่นจมูกหัวเราะ “เจ้าอยากสั่งสอนบทเรียนอะไรให้พวกเขา?”“ก็ต้องกวาดข้าวของของพวกเขาให้เกลี้ยงอยู่แล้ว”กู้หว่านเยว่ควักผงพิษออกมาจากมิติ แล้วโรยไว้ในห้อง จากนั้นก็ดึงซูจิ่งสิงวิ่งไปที่ห้องเก็บของของพวกเขาช่วยไม่ได้ ผู้อาวุโสรองคนนี้ละโมบและมักมากนักในห้องเก็บของไม่เพียงแต่มีเงินทองและอัญมณีมากมายเท่านั้น แต่ในเรือนยังมีหญิงงามอีกหลายคนกู้หว่านเยว่โบกมือน้อย ๆ กวาดเอาเงินทองและอัญมณีไปทั้งหมดส่วนหญิงงามเหล่านี้ นางยังมีประโยชน์ใช้สอยต่อมาก็ไปที่ห้องเก็บของของสวีซวี่รื่อ กวาดเอาตั๋วเงินและค่าภาษีที่นาทั้งหมดที่เขาสะสมมาหลายปีไปพร้อมกัน เหมือนกับโจรปล้นไม่มีผิด ไม่เหลืออะไรให้พวกเขาสักนิดจนกระทั่งทั้งสองกวาดของในเรือนจนสะอาดหมดจด นางถึงปรบม
“ระบบ ส่งแผนที่มาให้ข้า” กู้หว่านเยว่ใช้จิตใต้สำนึกสั่งการระบบในเมื่อทางเดินลับนี้มีกลไกมากมาย พวกเขาหายตัวออกไปโดยตรงเลยจะดีกว่า“รับทราบ นายหญิงกรุณารับแผนที่ของสำนักเทียนจี”เสียงของระบบดังขึ้น จากนั้นแผนที่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้ากู้หว่านเยว่นางหยิบแผนที่ที่ไป๋หลี่ชิงซีมอบให้พวกเขาออกมา ค้นหาตำแหน่งของกลไกศูนย์กลาง“ไป เราหายตัวไปยังสถานที่ที่ไร้ผู้คนก่อน”กู้หว่านเยว่โบกมือน้อย ๆ ซูจิ่งสิงรู้สึกฟ้าหมุน เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็ออกจากอุโมงค์มายืนอยู่ในป่าไผ่แห่งหนึ่งแล้วมองออกว่าที่นี่น่าจะเป็นสวนด้านหลังของสำนักเทียนจี“น้องหญิง เราจะไปหาศูนย์กลางกลไกกันไม่ใช่หรือ มาที่นี่เพื่ออะไร?”ซูจิ่งสิงเอ่ยถามเสียงเบา กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“ไหน ๆ ก็มาแล้ว ทำไมไม่ไปดูสักหน่อยล่ะว่าสวีซวี่รื่อกำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่”ที่แท้ที่นี่คือชานเรือนของสวีซวี่รื่อซูจิ่งสิงส่ายหัวอย่างจนปัญญา ขัดใจใครก็ได้ แต่จะขัดใจภรรยาของเขาไม่ได้ตกลงไหม!“ชู่ว์”กู้หว่านเยว่ทำสัญลักษณ์มือ ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ไม่ไกลนัก ทั้งสองรีบซ่อนตัวบนชายคาเห็นเพียงสวีซวี่รื่อและชายชราเคราขาวเดินเข้ามาจา
“ศิษย์พี่ใหญ่ ทำไมท่านไม่ให้ข้าอธิบายให้พวกเขาเข้าใจล่ะ?”“พวกเขาไม่มีทางเชื่อหรอก”ไป๋หลี่ชิงซีส่ายหัว หลี่เหมียนหยางพูดไม่ออก “ต่อให้พวกเขาไม่เชื่อ ก็ไม่อาจปล่อยให้พวกเขากักขังเราไว้แบบนี้ได้ตามใจ”“เหมียนหยาง หยุดพูดก่อนเถอะ อาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสำนักก็ได้”หลี่เหมียนจงเอ่ยประโยคหนึ่ง เขายังถือว่าเป็นคนฉลาดคนหนึ่งหากไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ต่อให้พวกเขาต้องการกำจัดไป๋หลี่ชิงซี แต่จะไม่สนใจพวกเขาสองคนไม่ได้ ต้องรู้ว่าเขาและหลี่เหมียนหยางเป็นหลานชายและหลานสาวของผู้อาวุโสใหญ่“สำนักเทียนจี อาจถูกผู้อาวุโสรองยึดครองไปแล้ว”สีหน้าของไป๋หลี่ชิงซีหนักอึ้ง“อะไรนะ เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไรต่อไป?”หลี่เหมียนหยางก็ไม่ได้โง่เขลาเช่นกัน ลูกตาหดตัว “อย่าบอกนะว่า เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าสำนักแล้ว?”นี่คือสิ่งที่ไป๋หลี่ชิงซีกังวลมากที่สุด แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาร้องร่ำรำพัน จำเป็นต้องคิดแผนรับมือโดยเร็ว“จิ่งสิง เรื่องนี้ต้องขอความช่วยเหลือจากท่าน”ไป๋หลี่ชิงซีมองไปที่ซูจิ่งสิงและภรรยา ตอนนี้เคลื่อนไหวไม่สะดวก คนที่เขาไว้ใจได้มีเพียงพวกเขาเท่านั้น“ท่านว่ามาเลย”ในเม
คนเหล่านี้แน่ชัดว่าเป็นลูกศิษย์ของสำนักเทียนจี เมื่อเห็นไป๋หลี่ชิงซีและหลี่เหมียนหยาง ก็ไม่ได้ดีใจที่ได้เห็นศิษย์ร่วมสำนักเลยสักนิด กลับดูระวังภัยและตื่นตัวเสียด้วยซ้ำไป“มีกลิ่นแปลก ๆ จริง”ทันทีที่เสียงของซูจิ่งสิงเงียบลง คนเหล่านั้นก็เข้ามารายล้อมกันหมดแล้ว“พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”หลี่เหมียนจงมีสีหน้าสับสนต่อให้ศิษย์พี่ไป๋หลี่ไม่ได้กลับมาเป็นเวลาสองปี พวกเขาจะตาบอดจำไม่ได้ แต่คงไม่มีทางจำเขาไม่ได้กระมัง?แต่เขาเพิ่งจากสำนักเทียนจีไปเมื่อสองวันก่อนนี้เองเมื่อเห็นศิษย์ร่วมสำนักที่อยู่ฝั่งตรงข้ามชักธนูออกมา หลี่เหมียนจงก็กระทืบเท้าอย่างร้อนรน แล้วมองไปทางคนกลาง“ศิษย์น้องถังหวย เจ้าจำพวกเราไม่ได้หรือ เหตุใดถึงปล่อยให้ลูกศิษย์ชี้อาวุธมาทางพวกเรา?”ถังหวยประสานมือ “ศิษย์พี่เหมียนจง สำนักเทียนจีได้รับรายงานลับว่า ศิษย์พี่ไป๋หลี่คลอดศพทารกบุรุษให้กำเนิดบุตร ฟ้าดินไม่ยอมรับผู้อาวุโสรองได้ออกคำสั่งให้ทำความสะอาดสำนักหากพบเห็นศิษย์พี่ไป๋หลี่ ให้สังหารทันที”เขาหลบเลี่ยงสายตา ไม่กล้าสบตากับไป๋หลี่ชิงซีโดยตรงไป๋หลี่ชิงซีเคยมีบุญคุณต่อเขา แต่เขาไม่สามารถทรยศต่ออาจารย์ได้“
เพียงแต่เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน จู่ ๆ สุขภาพของอาจารย์ก็ไม่สู้ดีนักในปีนี้ คอยบำรุงด้วยยาต้มอยู่เป็นระยะ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลยเมื่อครึ่งปีก่อน อาการยังรุนแรงกว่านี้มาก”หลี่เหมียนจงสีหน้าเป็นทุกข์ “โดยเฉพาะหลายวันมานี้ แม้แต่ลุกลงจากเตียงยังทำไม่ได้เลย”“ร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!” ไป๋หลี่ชิงซีกำหมัดแน่น รู้สึกผิดขึ้นเรื่อย ๆ“เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ข้าไม่สามารถกลับไปหาอาจารย์ได้ทันท่วงที”“ท่านอย่าโทษตัวเองมากเกินไป อาจารย์เคยพูดหลายครั้งแล้ว เขาเข้าใจสถานการณ์ของท่าน ก็เลยไม่อยากรบกวนท่าน ถึงให้พวกข้าปิดบังไว้ ไม่บอกอาการป่วยให้ท่านรู้”หลี่เหมียนจงเอ่ยอย่างรู้สึกผิดความจริงแล้วเขาแค่ทำตามคำสั่งของอาจารย์เท่านั้น ปิดบังไป๋หลี่ชิงซีมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้นไป๋หลี่ชิงซีจะไม่มีทางไม่รู้เรื่องนี้“หมอเทวดากู้ ถ้าได้พบอาจารย์ รบกวนท่านช่วยตรวจอาการให้ได้หรือไม่”ไป๋หลี่ชิงซีรู้ว่าคำขอร้องของเขาดูจะมากเกินไป“ข้ายินดีทุ่มเททุกสิ่งที่ข้ามี”กู้หว่านเยว่เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อข้ากับสามีมาที่สำนักเทียนจีกับท่านแล้ว หากได้พบเจ้าสำนัก ข้าย่อมตรวจให้เขาอยู่แล้วแต่ต้องบอกอะไรท
“ผ่าตัด มันคืออะไรหรือ?”หลี่เหมียนจงไม่คุ้นเคยกับคำนี้เลย เมื่อเห็นท่าทางเซ่อ ๆ ซ่า ๆของพี่ชาย หลี่เหมียนหยางก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้รู้ไหมว่า ตอนที่นางได้ยินเรื่องการผ่าตัดครั้งแรกก็รู้สึกงุนงงมากเช่นกันในที่สุดตอนนี้ก็ถึงคราวของนางที่จะอธิบายให้คนอื่นฟังแล้ว“การผ่าตัด ก็คือการใช้มีดผ่าท้องของท่าน จากนั้นค่อยเอาสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา”หลี่เหมียนหยางอธิบายพร้อมกับทำท่าทางไปด้วยนางก็ไม่รู้ว่าตัวเองอธิบายถูกต้องหรือไม่ แต่เอาคร่าว ๆ ก็คือความหมายตามนี้“ถ้าอย่างนั้น ท้องของศิษย์พี่ใหญ่ก็ถูกผ่าแล้วใช่ไหม?” หลี่เหมียนจงสะดุ้งโหยง มองไปที่ท้องของไป๋หลี่ชิงซีด้วยความเป็นห่วง“อ้อ ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ายังไม่ได้ถามเลยว่า ในท้องของท่านมีอะไรอยู่กันแน่?”คำถามนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนไป๋หลี่ชิงซีต้องโกรธแน่เขาถูกถากถางและหัวเราะเยาะ ยังอ่อนไหวต่อโรคประหลาดนี้มากแต่ในเวลานี้ อาการป่วยของเขาได้รับการรักษาโดยกู้หว่านเยว่แล้ว กลับสบายใจไร้กังวลมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป“อ๋อ เลือดคั่งหนึ่งกะละมัง”“เลือดคั่ง? ไม่ใช่ทารกประหลาดหรือ?”หลี่เหมียนจงดีใจแทนเขา พูดจาไม่ทันคิด จนเปลือกตาของหลี่เหมีย
หลังจากจัดการอาหารมื้อกลางวันเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เติมน้ำใส่กระติกน้ำของทุกคนจนเต็ม จากนั้นก็รีบขึ้นรถม้าแล้วออกเดินทางต่อเมื่อฟ้ามืดลง ในที่สุดทุกคนก็มาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ทันทีที่ก้าวเข้าไปในโรงเตี๊ยม ก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจ“ศิษย์พี่ไป๋หลี่ เหมียนหยาง?!”“พี่ใหญ่ ท่านมาได้อย่างไร?”หลี่เหมียนหยางมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตกตะลึง ที่แท้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคือหลี่เหมียนจงพี่ชายของนางเมื่อหลี่เหมียนจงเห็นไป๋หลี่ชิงซี เขาก็ขยี้ตาอย่างแรง“ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่ ศิษย์พี่ใหญ่ เป็นท่านจริง ๆ หรือ?”“ข้าเอง” ไป๋หลี่ชิงซียิ้มเล็กน้อย เขาไม่ได้เจอหลี่เหมียนจงมาสองปีแล้ว คิดถึงมากทีเดียว“ท้องของท่าน?”“พี่ใหญ่ โรคของศิษย์พี่ไป๋หลี่รักษาหายแล้ว” หลี่เหมียนหยางรีบเอ่ยขึ้นหลี่เหมียนจงพลันรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง “เยี่ยมมาก ในเมื่อโรคของท่านหายดีแล้ว เช่นนั้นท่านก็กลับไปที่สำนักเทียนจีกับข้าได้แล้ว!”เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ โรคของไป๋หลี่ชิงซีหายได้ทันเวลาพอดี หากช้ากว่านี้อีกสักหน่อย สำนักเทียนจีคงไม่มีทางรอดแล้ว“พี่ใหญ่ พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เนื่องจากร่างกายของไป
ทั้งสองคนไปที่โรงหมอก่อนเพื่อไปหาไป๋หลี่ชิงซี เนื่องจากไป๋หลี่ชิงซีได้นัดหมายกับทั้งสองคนเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า จะไปสำนักเทียนจีด้วยกันในอีกสามวันดังนั้นเมื่อถึงเวลา เขาก็เก็บข้าวของอย่างใจจดใจจ่อ รอทั้งสองคนอยู่ที่โรงหมอกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเห็นว่าไป๋หลี่ชิงซีเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ก็ประหยัดเวลาไปได้มาก จึงให้เขาและหลี่เหมียนหยางขึ้นรถม้าของพวกเขา“คุณชายไป๋หลี่ สองวันนี้ท่านฟื้นตัวเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเห็นทั้งสองคนนั่งลงแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เอ่ยปากถามขึ้นในทันทีก่อนออกเดินทาง นางจำเป็นต้องเข้าใจสภาพร่างกายของไป๋หลี่ชิงซีเสียก่อนมิเช่นนั้น หากเดินทางไปได้ครึ่งทาง ไป๋หลี่ชิงซีเกิดอาการอะไรขึ้นมาอีกคงจะยุ่งยากน่าดูเมื่อได้พบกับนางอีกครั้ง ไป๋หลี่ชิงซีก็ยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย“ฟื้นตัวเร็วมาก คงเป็นเพราะยาที่ท่านสั่งให้ดี”นี่ไม่ใช่ว่าไป๋หลี่ชิงซีประจบสอพลอ ก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้รับบาดเจ็บ โดยปกติแล้วบาดแผลเหล่านั้นต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะหายดีแต่ครั้งนี้ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบาดแผลหายเร็วกว่าทุ
ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายคนที่พ่ายแพ้กลับเป็นตัวเขาเองเขาถูกหลอกอย่างสิ้นเชิง“จัดการตัวเองให้ดี”เนี่ยเติ้งมองด้วยสายตาเย็นชา เขาคนนี้เป็นคนอาฆาตแค้นมาก โดยเฉพาะความแค้นของน้องสาว ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงท่าทีเป็นมิตรกับเฉิงเซวียน“ขอโทษ”เวลานี้ เฉิงเซวียนได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมาก ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วห้อง เขานั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าหม่นหมอง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่เมื่อเห็นว่าเรื่องราวได้จบลงแล้ว กู้หว่านเยว่และคนอื่น ๆ ก็ออกจากเรือน“พระชายา ครั้งนี้ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือ”เนี่ยเติ้งประสานมือคารวะกู้หว่านเยว่ ใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับถูกละลายด้วยสายลมฤดูใบไม้ผลิ หากไม่รู้มาก่อน คงคิดว่าไม่ใช่คนเดียวกันกับที่อยู่ในเรือนเมื่อครู่“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย”กู้หว่านเยว่โบกมือปฏิเสธอย่างนอบน้อม คาดว่าเซี่ยเหอคงจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอีกต่อไป“จริงสิ มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องให้ท่าน” เนี่ยเติ้งล้วงเอาหนังสือสัญญาออกมาจากอกเนี่ยชิงหลานอธิบายอยู่ข้าง ๆ “พี่หญิงกู้ ท่านรับไปเถอะ สัญญาฉบับนี้คือกรรมสิทธิ์ในเหมืองหยก”“เหมืองหยก?”กู้หว่านเยว่รับสัญญามา เปิ