“วางใจเถอะ ไม่มีวันเกิดเรื่อง”กู้หว่านเยว่วิเคราะห์จึงพูดออกมาในเมื่อคนอยู่เบื้องหลังใช้วิธีการวางยา ต้องการไล่พวกเขาออกจากเมืองตะวันไม่ตกดินนั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายยังมีหลักฐานไม่มากพอให้ฉีกหน้า เผชิญหน้ากับทหารกลุ่มนี้อย่างเปิดเผยได้ดังนั้นแม้ร้อนใจก็ยังต้องเสแสร้ง“ขอบคุณมาก” กงจ่างเฮ่อมองกู้หว่านเยว่หลายหน คิดว่านางคล้ายสหายเก่าก็มิปาน“ท่านลุงอยู่ที่ใดกัน?”หลี่เฉินอันร้อนใจจนน้ำลายแตกฟอง “ตอนนี้พวกเรากำลังไปหาเขากระนั้นหรือ?”กงจ่างเฮ่อพยักหน้า “สหายเกิ่งยังอยู่ที่จวน แต่บัดนี้จวนเกิ่งน่าจะถูกทหารล้อมไว้แล้ว ข้าพาพวกเจ้าไปดูๆ ก่อน”“ได้”รถม้าแล่นไปอย่างเชื่องช้ามาถึงด้านนอกจวนเกิ่ง ดังคาด พบว่าภายนอกถูกทหารสวมชุดฟ้ามากมายล้อมไว้ ประตูสี่ทิศแปดด้านล้วนมีคนเฝ้า ไม่ให้คนเข้าออก “ไป พวกเราไปดูๆ ที่ร้านชาฟังตรงข้ามก่อน”กู้หว่านเยว่เสนอให้สืบข่าวจากร้านชาสองสามคนต่างเห็นด้วย รีบลงจากรถม้า เดินเข้าร้านชา สั่งชามาสองกา“แม่ทัพเกิ่งท่านนี้ดวงซวยยิ่งนัก ถึงขั้นเป็นไข้ทรพิษ สิ่งนี้ถึงตายเชียวนะ”เพิ่งนั่งลงก็ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาแล้วกู้หว่านเยว่และคนอื่นสบตากันแว
“ขอบคุณเจ้าของร้านมาก ท่านออกไปก่อนเถอะ”หลี่เฉินอันเอ่ยอย่างกังวล“ท่านอาจารย์หญิง ด้านนอกมีทหารมากเพียงนี้ พวกเราแค่ไม่กี่คนคล้ายจะเข้าไปไม่ได้”กู้หว่านเยว่ขยับนิ้ว ต้องการเข้าไปกลับไม่ยากเมื่อครู่นางตรวจสอบบ้างแล้ว แม้ประตูจวนเกิ่งมีคนมาก แต่ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ที่ประตูหลัก ประตูรองและประตูหลังมีทหารลาดตระเวนเพียงไม่กี่คนกู้หว่านเยว่วางแผนช่วยเหลืออย่างหนึ่งกงจ่างเฮ่อกลับมีสีหน้าประหลาดใจ ไม่พูดจาแม้คำเดียว มองดูแล้วคล้ายมีเรื่องภายในใจ“ท่านเป็นอะไร?” กู้หว่านเยว่เห็นเขาคล้ายปิดบังอะไรอยู่“เปล่า” กงจ่างเฮ่อขมวดคิ้ว กระซิบต่ออีกหนึ่งประโยค “ข้าเพียงกังวล แม้พวกเราเข้าไปอย่างยากลำบากได้แล้ว ก็ไม่แน่ว่าสหายเกิ่งจะยอมจากไปกับพวกเรา”อย่างไรเสียเกิ่งกวงก็มีวิชายุทธ์สูงมากกว่าเขา ครั้งก่อนเดิมทีสามารถหนีไปกับเขาได้ ปรากฏว่าเขาไม่ยอมไป“นี่หมายความว่ากระไร?” กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว ตกลงเกิดเรื่องใดที่นางยังไม่รู้กระนั้นรึ?“เฮ้อ ช่างแล้ว รอพวกเจ้าพบเขาก็รู้แล้ว” กงจ่างเฮ่อจิบชาหนึ่งอึก พูดอย่างอารมณ์ไม่ดีสองสามคนกลับยิ่งงุนงง ทำได้เพียงดื่มชาจนหมดรอจนกระทั่งสบโอกาสยามองครักษ์
เห็นเกิ่งกวงจะฉีกผ้าพันแผลที่นางพันไว้อย่างดี กู้หว่านเยว่ระเบิดขึ้นมาในทันใดคว้าปกคอเสื้อของอีกฝ่าย ตบหน้าเขาหนึ่งฉาด“แม่ทัพเกิ่ง ท่านอยากตายก็ไม่มีใครห้าม แต่ก่อนท่านตาย ข้าอยากให้ท่านคิดถึงน้องสาวที่ตายไปอย่างไม่เป็นธรรมและหลานชายที่ต้องอยู่เพียงลำพังของท่านดูก่อน หากรู้แต่แรกว่าท่านเป็นตัวไร้ประโยชน์พรรค์นี้ ก็ไม่ควรเดินทางไกลมาช่วยท่าน”กู้หว่านเยว่เองก็โมโห คนผู้นี้รู้ว่าซ่อมหลอดเลือดยากเพียงใดหรือไม่? เมื่อครู่นางเกือบเหนื่อยตายไปแล้ว“ท่านลุง?”หลี่เฉินอันได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว รีบเข้ามาจากด้านนอกประตู กงจ่างเฮ่อห้ามเขาไว้“อย่าเปล่งวาจาที่ดีอันใดกับลุงเจ้า ให้อาจารย์หญิงของเจ้าสั่งสอนเขาเถอะ”ใบหน้าเล็กของหลี่เฉินอันเกร็งเครียด “ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น!”จากนั้นมาที่ข้างเตียง สบมองเกิ่งกวง“ท่านลุง ท่านรู้จักข้าหรือไม่?”“เสี่ยวอัน?” คลื่นระลอกหนึ่งสะท้อนขึ้นในแววตาของเกิ่งกวง “เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่?”หลี่เฉินอันมองกลิ่นอายความตายทั่วทั้งสรรพางค์กายของเกิ่งกวง ใบหน้าเล็กดำทะมึน“เหตุใดท่านต้องรนหาที่ตายด้วยเล่า ท่านอาจารย์หญิงช่วยท่านเอาไว้อย่างยากลำบาก พวกเราล
คนมากินข้าวเป็นประจำอย่างกงจ่างเฮ่อไปจนถึงสหายเหล่านั้นล้วนมีอาการป่วยเหมือนกันนับตั้งแต่กู้หว่านเยว่พูดว่ากงจ่างเฮ่อถูกวางยาพิษ ไม่ใช่ไข้ทรพิษ เขาพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นภายในใจนั่นก็คือหลินเสี่ยวฉือตั้งใจวางยาลงในอาหารของพวกเขา ระยะนี้มีนางเป็นตัวแปรเพียงหนึ่งเดียว“เจ้า เจ้าพูดเหลวไหล...”เกิ่งกวงส่ายหน้า ยังไม่ยอมเชื่อ“หากนางเป็นคนวางยาพิษพวกเราจริง เหตุใดนางต้องไปหาหมอ มิหนำซ้ำยังถูกทหารฆ่าตายเพราะสาเหตุนี้อีกเล่า?”เอ่ยถึงเรื่องนี้ เกิ่งกวงน้ำตาหลั่งรินลงมาแล้ว เจ็บปวดทรมานอย่างหนักกงจ่างเฮ่อ ‘แม่ XX มีหนึ่งประโยคไม่รู้พูดได้หรือไม่’“พวกเจ้าอย่าสนใจข้าอีกเลย ปล่อยข้าไปตามยถากรรมเถอะ” เกิ่งกวงหลับตาลง สีหน้าเจ็บปวดหลี่เฉินอันเกร็งใบหน้าสบมองเขา อยากพูดอะไรแต่หยุดไว้แล้ว“ช่างเถอะ พวกเราออกไปก่อน”บัดนี้เกิ่งกวงอยู่ภายในโลกของตน ยังไม่ได้สติกลับมาพูดกับเขามากไปก็ไร้ประโยชน์“เฉินอัน เจ้าอยู่เฝ้าลุงของเจ้าที่นี่ อย่าปล่อยให้เขาเฉือนข้อมืออีก”กู้หว่านเยว่ขยับนิ้วมือ หากอีกฝ่ายยังกล้าทำเรื่องเหลวไหล เช่นนั้นนางก็ไม่รับปากว่าจะช่วยอีกครั้งสองสามคนเดินออกไปด้านนอ
กงจางเฮ่อรีบรับยาถอนพิษไป เผยสีหน้าซาบซึ้งใจ“ฮูหยินซูวางใจได้ ข้าไม่มีวันทำให้เจ้าผิดหวัง”เขาและเกิ่งกวงอยู่ป้องกันเมืองตะวันไม่ตกดินมานานหลายปี ผู้อยู่ใต้อาณัติแม้ไม่ถึงหนึ่งพันก็มีนับร้อย มิหนำซ้ำล้วนเป็นทหารกล้า ไม่กลัวทำการใหญ่ไม่สำเร็จ“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จวนเกิ่งนี้ขอมอบให้ท่านแล้ว พวกเราสองสามีภรรยาไปหาผู้ว่าการอำเภอหลินก่อน”พูดจบ กู้หว่านเยว่ขยิบตาให้ซูจิ่งสิง ทั้งสองคนจากไปอย่างว่องไวปานเหินบิน“ข้ายังมิได้บอกพวกเขาว่าจวนผู้ว่าการอำเภออยู่ที่ใดเลยนะ”กงจ่างเฮ่อขยับขึ้นไปสองก้าว น่าเสียดายเงาร่างคนทั้งสองหายไปแล้ว ทำเสียจนเขาตกตะลึง“ตกลงคุณชายซูมีฐานะเยี่ยงไรกันแน่ วิชายุทธ์สูงเพียงนี้... ช้าก่อน เขาสกุลซูรึ? คงมิใช่ เขา เขาคือเจิ้นเป่ยอ๋อง?”ชื่อเสียงของเจิ้นเป่ยอ๋อง ไม่มีทหารป้องกันชายแดนอย่างพวกเขาเหล่านี้คนใดไม่รู้จัก ชนิดที่ว่ากงจ่างเฮ่อยังเป็นเขาเป็นแบบอย่างอีกด้วยแม้ว่าเจิ้นเป่ยอ๋องถูกยึดทรัพย์เนรเทศ ทว่าภายในใจของกงจ่างเฮ่อ วีรกรรมปราบเผ่าทูเจวี๋ยจนพ่ายแพ้ราบคาบได้จะยังคงอยู่ชั่วนิรันดร์เขาคือเจิ้นเป่ยอ๋องตลอดกาล!แบบอย่างเชียวนะ นิ้วมือกงจ่างเฮ่อสั่นๆ
“ขุนนางชั่ว!”กู้หว่านเยว่สบถด่าหนึ่งประโยค เป่าผงสีชมพูทำให้แม่ครัวเหล่านั้นหมดสติ ต่อมาโบกมือเก็บอาหารเหล่านั้นไปขณะเดียวกันระดับความโกรธของกู้หว่านเยว่ที่มีต่อผู้ว่าการอำเภอหลินเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งร้อยแล้ว“พวกเราไปพบผู้ว่าการอำเภอหลินคนนั้น ดูว่าขุนนางทุจริตรังแกราษฎร์ผู้บริสุทธิ์มีหน้าตาเช่นไร”“ไป”ซูจิ่งสิงเห็นภรรยามีโทสะเพียงนี้ ลอบคาดโทษตายให้ผู้ว่าการอำเภอหลินแล้วทั้งสองมาถึงเรือนผู้ว่าการอำเภอหลินอย่างว่องไวปรากฏว่าเสียงหนึ่งชายหนึ่งหญิงดังออกจากภายใน“เกิ่งกวงคนนั้นฆ่าตัวตายแล้ว เจ้าไม่ปวดใจหรือ?”“ข้าปวดใจอะไร? ร่างกายและหัวใจข้าล้วนมอบให้ท่านตั้งแต่แรกแล้ว ปวดก็ปวดที่ท่านผู้นี้”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันแวบหนึ่ง ทั้งสองคนเจาะรูหน้าต่างกระดาษลอบฟังเสียงนินทาที่มุมกำแพงด้วยกัน“ปากเจ้านี้หวานล้ำโดยแท้ เสี่ยวฉือ รีบใช้ปากหวานๆ ของเจ้าจูบข้าเถอะ”เสี่ยวฉือ?หลินเสี่ยวฉือ?!กู้หว่านเยว่ตกตะลึงพรึงเพริด นี่ไม่ทันระวังก็เจอเรื่องชวนตกตะลึงมากเพียงนี้ไปเสียได้ หลินเสี่ยวฉือถึงขั้นยังไม่ตาย ยังสมรู้ร่วมคิดกับผู้ว่าการอำเภอหลินอีกด้วย!“แม่นางคนนั้นที่เกิ่งกวงพ
เกิ่งกวงโมโหจวนเจียนจะหมดสติไป ในที่สุดก็มิอาจอดกลั้น ยกขาถีบประตูเข้าไปแล้ว“ชายโฉดหญิงชั่ว พวกเจ้าทำร้ายข้าสาหัสนัก!”ผู้ว่าการอำเภอหลินและหลินเสี่ยวฉือกำลังหน้าแดงใจเต้น มองเห็นเกิ่งกวงปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ตกใจจนกอดกันแน่น“อ๊า ท่าน เหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่?”“หากข้ามิได้มาอยู่ที่นี่ ข้าคงไม่รู้อุบายอำมหิตของพวกเจ้า หลินเสี่ยวฉือ เจ้าทำร้ายข้าได้เจ็บแสบนัก!”ขณะเดียวกันเกิ่งกวงเกิดจิตสังหารต่อนางแล้ว อะไรคือแสงจันทร์ขาว อะไรคือทำเพื่อเขาโดยไม่ต้องการแม้แต่ชีวิต? หญิงคนนี้หลอกลวงเขาจนเจ็บปวดไปหมด!“บังอาจนัก เกิ่งกวง ข้าขอสั่งเจ้า ถอย ถอยไปเสีย!”ผู้ว่าการอำเภอหลินตกตะลึงพรึงเพริด ดึงกางเกงขึ้นไม่ทันเกิ่งกวงยิ้มเย็น “ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่เฝ้าชายแดนเมืองตะวันไม่ตกดิน เจ้าเป็นเพียงผู้ว่าการอำเภอขั้นเก้าเท่านั้น เจ้าขวัญกล้าออกคำสั่งข้า?”อยากจัดการผู้ว่าการอำเภอหลินให้ตายไปเสียเลย แต่สติสัมปชัญญะบอกเขา เบื้องหลังผู้ว่าการอำเภอหลินยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอีกมาก เขาต้องสืบสวนอีกฝ่ายช้าๆส่วนหลินเสี่ยวฉือ...พูดว่าไม่ปวดใจนั่นคือความเท็จทว่าผ้าพันแผลยุ่งเหยิงบนมือกลับคล้ายกำลังเยาะหย
จงหลีหยิบม้วนภาพออกมา แนบไว้บนอกเบาๆ กระซิบเสียงค่อย“น้องหญิงซังหนิง ตกลงเจ้าอยู่ที่ใด...”อีกด้านหนึ่ง กู้หว่านเยว่กำลังโบกมือเล็ก เก็บของอย่างมีความสุข ความรู้สึกได้ปล้นอย่างองอาจผ่าเผยเช่นนี้ สาแก่ใจยิ่งนักเพราะเหตุนี้คนของผู้ว่าการอำเภอหลินส่วนใหญ่จึงไม่มีดาบ จวนหลินถูกเกิ่งกวงยึดครองอย่างว่องไวโลหิตสาดกระเซ็นเกิดความเปลี่ยนแปลงภายในเมือง ทั้งหมดล้วนกลายเป็นคนของเกิ่งกวงแล้วผู้ว่าการอำเภอหลินเห็นท่าไม่ดี หมอบลงบนพื้นขอความเมตตา“แม่ทัพเกิ่ง ท่านปล่อยข้าไปเถอะ ข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ ล้วนเป็นโหวฮูหยิน เป็นนางบงการข้า”เขากลับเป็นคนไร้ศักดิ์ศรีคนหนึ่ง ขายสวีหลานจนหมดสิ้นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงนั่งที่ฝั่งหนึ่ง จิบชาอย่างผ่อนคลาย มองเกิ่งกวงสอบสวนผู้ว่าการอำเภอหลิน“เจ้าพูดว่าโหวฮูหยินบงการเจ้า มีหลักฐานหรือไม่?”“มี มีแน่นอน ภายในห้องหนังสือยังมีจดหมายของโหวฮูหยิน ข้างใต้นั้นยังมีทองห้าร้อยตำลึงอีกด้วย”สวีหลานรับปากมอบให้เขาก่อนครึ่งหนึ่ง รอเสร็จงานแล้วค่อยมอบอีกครึ่งให้เขาเกิ่งกวงส่งสัญญาณผ่านทางสายตาให้ผู้อยู่ใต้อาณัติทีหนึ่ง จากนั้นจดหมายก็ถูกนำมาแล้ว“ท่านแม่ทัพ
กู้หว่านเยว่หยิบน้ำเชื่อมออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมกับอธิบาย“ข้าและท่านพี่ได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”หนานหยางอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ประสานมือคารวะทั้งสองคน“ขอบคุณท่านอ๋องและพระชายาที่ยังเป็นห่วงข้า”กู้หว่านเยว่เห็นเขามีสีหน้าอ่อนเพลีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “รีบดื่มน้ำเชื่อมนี่เถิด จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้”“ตกลง”หนานหยางอ๋องเปิดขวดน้ำเชื่อมอย่างเชื่อฟัง แล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ จึงรีบดื่มน้ำเชื่อมที่เหลือจนหมดขวดในขณะที่หนานหยางอ๋องดื่มน้ำเชื่อมอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ไปดูชาวประมงคนอื่น ๆ พบว่าชาวประมงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลมเพราะความหิวชุนจวี๋รีบวิ่งเข้ามาดู แต่หลังจากที่ตามหาหนึ่งรอบแล้ว ก็ไม่พบสามีของนาง“พี่ต้าหนิว เหตุใดจึงไม่เห็นพี่ต้าหนิวเลยล่ะ?”ต้าหนิวเป็นคนกลุ่มแรกที่ตกลงไปในวังน้ำวน ตามหลักแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดจึงไม่พบเขาเลย?ชุนจวี๋ร้อนใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นชาวประมงเหล่านี้ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก คิดว่าในที่สุดก็ได้พบกับสามีของนางแล้ว แ
กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงตกตะลึงเล็กน้อย “เจ้ามาจับปลาคนเดียวหรือ เจ้ามีสามีด้วยมิใช่หรือ?”พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของชุนจวี๋ก็น้ำตาคลอ“เขาหายตัวไปสามวันแล้ว เมื่อคืนข้าแอบออกมาตามหาเขา”ชุนจวี๋พูดพลางร้องไห้ “คนอื่นบอกว่าเขาตายแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อข้าแอบพายเรือลำเล็กมาที่ใจกลางทะเลสาบคนเดียว แล้วก็รู้สึกได้ถึงแรงดูดมหาศาลกำลังดึงข้าอยู่ ข้ายังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกดึงลงไปพร้อมกับเรือ”นางเงยหน้าขึ้น “พอข้าตื่นขึ้นมา ก็เห็นพวกท่านทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าข้า”ชุนจวี๋นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบมองไปรอบ ๆ “สามีของข้าอาจจะตกลงมาด้วย พวกท่านเห็นเขาแถวนี้บ้างหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “พวกเราเห็นแค่เจ้าคนเดียว”ชุนจวี๋หัวใจสลายในทันที“แต่พื้นที่ข้างล่างนี้กว้างมาก น่าจะเป็นสุสานใต้ดิน พวกเราลองหาทางเข้าสุสานใต้ดินดู พวกเขาลงมานานแล้ว อาจจะเข้าไปในสุสานใต้ดินนานแล้วก็ได้”กู้หว่านเยว่อธิบาย เมื่อครู่นางให้ระบบส่งแผนที่ของสุสานใต้ดินมาให้นางแล้ว“ข้าจะไปหาพร้อมกับพวกท่าน”น้ำเสียงที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยของชุนจวี๋ ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าไม่กลัวหรือ? ในส
“อืม”เขาตัดสินใจกัดฟันถอดเสื้อผ้าออก แต่พอถอดถึงกางเกง กู้หว่านเยว่ก็หันหน้าหนี ทำให้ซูจิ่งสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาเปลี่ยนเป็นกางเกงสะอาดตัวใหม่ ไม่ได้ใส่เสื้อ รอให้กู้หว่านเยว่ทายาให้“ผู้ชายอย่างท่านนี่ เหตุใดทั้งตัวมีแต่กล้ามเนื้อแบบนี้ล่ะ?”กู้หว่านเยว่ทนไม่ไหว จึงลูบกล้ามท้องของเขา ทำเอาชายหนุ่มตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีถ้าเขาเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็นห้องนอนในมิติของกู้หว่านเยว่สินะทั้งห้องเป็นสีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวอบอวลอยู่เมื่อได้กลิ่นหอมนั้น มองไปที่เตียงใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังกู้หว่านเยว่ ใบหูของเขาก็ร้อนผ่าวกู้หว่านเยว่หัวเราะชอบใจ ถ้าไม่นึกถึงภารกิจสำคัญที่จะต้องทำเดี๋ยวนี้ นางต้องลากท่านพี่มากลิ้งบนเตียงสักหน่อยหลังจากฆ่าเชื้อโรคที่บาดแผลอย่างง่าย ๆ และโรยยาจินชวงสมานแผลแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“น่าจะเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่แผลนี้ไม่ลึกมาก แค่ช่วงสองสามวันนี้ระวังอย่าให้โดนน้ำก็พอ”“ขอบคุณน้องหญิง”ซูจิ่งสิงใส่เสื้อ กู้หว่านเยว่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย มองไม่เห็นกล้ามท้องแล้วรอจนกระทั่งซูจิ่งสิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เอ่
“หากถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวน ยังมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่?”เมี่ยชิงหว่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน พอเห็นกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางก็ทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาแดงก่ำกู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงไปด้านข้าง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านพี่ ใต้วังน้ำวนนั่นอาจจะมีของบางอย่าง”เมื่อครู่ระบบบอกกับนางว่า ใต้วังน้ำวนอาจจะมีสมบัติอยู่กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมืออีกแล้ว“ข้าตั้งใจว่าจะไปดู ถ้าเห็นชาวประมงที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะพากลับมา”ซูจิ่งสิงเห็นดวงตาของนางเป็นประกาย ก็รู้ว่านางอยากไปมาก ในเมื่อน้องหญิงอยากไป เขาก็จะไม่ห้ามแน่นอน“เราสองคนไปด้วยกัน”“ก็ได้”อย่างมากก็หากเจออันตราย ก็จะลากซูจิ่งสิงเข้าไปหลบในมิติด้วยกันเมื่อตัดสินใจได้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปบอกทุกคน“พวกเจ้ารอคำสั่งอยู่บนเรือใหญ่ หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามใครพายเรือเด็ดขาด ข้าและท่านอ๋องจะนั่งเรือเล็กไปสำรวจที่ใจกลางทะเลสาบก่อน”คนที่นำมาล้วนเป็นองครักษ์จันทรา ไม่กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟังชิงเหลียนและฉู่เฟิงรีบไปที่ท้ายเรือ จากนั้นค่อย ๆ วางเรือลำเล็กไว้บนผิวน้ำ“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านต้องระวังตัวด้วย” ชิง
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่