“บ่อย ๆ อะไรกัน?” ซูจื่อชิงหน้าแดงก่ำ จากนั้นพูดแก้ตัวเสียงเบา “แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว”“ครั้งเดียวยังไม่พออีกหรือ? ข้าบอกแล้วว่าครอบครัวนี้มันแปลก ๆ ให้เจ้าระวังตัวหน่อย แต่พอเจ้าเห็นเขาร้องไห้สะอึกสะอื้น เจ้าก็ใจอ่อนแล้ว น่าขยะแขยงจริง ๆ ”ซูจื่อชิงเบิกตากว้าง “อะไร ใจอ่อนอะไรกัน ข้าไม่ได้ใจอ่อนสักหน่อย”เขาไม่คิดเลยว่าเสี่ยวเตี่ยจะใช้ความเห็นใจของเขา นี่มันไม่ใช่ใจอ่อนสักหน่อย?“มีคนมาแล้ว หุบปาก!” กู้หว่านเยว่ถลึงตาใส่ซูจื่อชิง แล้วรีบห้ามเขาเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอกประตูเจ้าของร้านเสิ่นเดินเข้ามา“ให้ตายสิ คราวนี้เราได้ผลประโยชน์เยอะเลยนะ พวกเขาสองครอบครัวรวยมากทั้งคู่”นอกจากกู้หว่านเยว่และคนอื่น ๆ แล้ว ยังมีอีกครอบครัวหนึ่งอยู่ที่มุมห้อง พวกเขากำลังกอดกันตัวสั่นเทาป้าเสิ่นดวงตาเป็นประกาย แล้วนับเงินอยู่ข้าง ๆ ส่วนเจ้าของร้านเสิ่นก็จ้องพวกเขาด้วยสายตาเย็นชาและน่าขนลุก“คนเยอะขนาดนี้ พอจะทำซาลาเปาเนื้อได้เยอะเลย”ซาลาเปาเนื้อ?ครอบครัวที่อยู่ตรงมุมห้องก็เริ่มอาเจียนออกมาอย่างรุนแรง กู้หว่านเยว่ได้สติกลับคืนมา สีหน้าของนางก็แสดงความน่าขยะแขยงออกมาเช่นกันครอบครัวนี้
แต่กู้หว่านเยว่ไม่ได้คิดที่จะเข้าไปช่วยในทันที ซูจื่อชิงหุนหันพลันแล่นและเชื่อคนง่าย นางตั้งใจจะปล่อยให้เขาได้รับบทเรียนบ้างทางด้านซูจื่อชิง เขาแทบจะบ้าคลั่งแล้ว ตะโกนด่าทอด้วยความโมโห“พวกเจ้าอย่าเข้ามานะ อย่าให้ข้ากินยา เจ้ามันคนสารเลว ข้าเห็นเจ้าแล้วก็อยากจะอาเจียน”เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ถึงได้หลุดปากพูดคำหยาบออกมา เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่หน้าด้านขนาดนี้มาก่อน ให้เขาแต่งงานกับเสี่ยวเตี่ยสู้ให้เขาตายไปเลยยังจะดีเสียกว่า“เจ้าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้เจ้าต้องเข้าหอกับข้าซะดี ๆ แล้วปีหน้าเราก็จะมีลูกอ้วนท้วนด้วยกัน และสืบทอดกิจการของพ่อข้าไปด้วยกัน”สายตาของเสี่ยวเตี่ยดูบ้าคลั่งเล็กน้อย นางหยิบหญ้าหมูติดสัดขึ้นมา จากนั้นยัดเข้าไปในปากของซูจื่อชิงซูจื่อชิงถูกมัดเอาไว้ ขยับตัวไม่ได้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ จากนั้นตะโกนด่าทอเสียงดังเมี่ยชิงหว่านก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย ทันใดนั้น กู้หว่านเยว่ก็สะบัดตัวเองให้หลุดจากเชือก แล้วพุ่งเข้าไปเตะเสี่ยวเตี่ยจนกระเด็นออกไป“โอ๊ย!” เสี่ยวเตี่ยล้มลงกับพื้นอย่างน่าเวทนา“ลูกสาว!” ป้าเสิ่นและเจ้าของร้านเสิ่นส่งสายตาดุร้าย แล้วต่างคนต่างคว้าไม้ขึ้
การที่พวกเขาใช้วิธีนี้ ไม่เพียงแต่จะแก้ไขความอดยากได้ ซ้ำยังเก็บเงินได้อีกไม่น้อยด้วยหลังจากที่สองสามีภรรยาได้ลิ้มลองความหอมหวานจากผลประโยชน์ พวกเขาก็ไม่เคยได้สัมผัสกับความอดยากอีกเลย ทั้งยังเปิดธุรกิจสีดำมานานเป็นสิบปีคนผ่านทางที่เคยสัญจรเข้ามาต่างถูกฆ่าตายนับไม่ถ้วนกู้หว่านเยว่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ซูจิ่งสิงกล่าวว่า”ไว้เป็นหน้าที่ของข้า จะได้ไม่ต้องมีภาพติดตาด้วย”กู้หว่านเยว่พยักหน้า จากนั้นก็เก็บรวบรวมทรัพย์สินมีค่านางตั้งใจว่าหลังจากนี้หากเจอคนจนระหว่างทาง ค่อยแจกจ่ายของมีค่าเหล่านี้ ถือว่าเป็นการระบายความขุ่นเคืองในใจด้วยหลังจากค้นหาหนึ่งรอบ ทั้งสองคนก็รวบรวมหลักฐานทั้งหมด ก่อนจะกลับไปยังลานกว้างด้านหลังอีกครั้ง“ฮูหยิน ปล่อยพวกเราไปเถอะ ขอแค่ท่านเมตตาลดหย่อนผ่อนผัน เงินก็ไม่ใช่ปัญหา”เจ้าของร้านเสิ่นยังไม่รู้ว่ากู้หว่านเยว่ไปทำไม ยังพยายามเจรจาต่อรองกับนางอย่างไม่ลดมานะ“ขอปฏิเสธ สามีของข้าได้สั่งให้คนไปรายงานต่อเจ้าหน้าที่แล้ว เจ้ารอบรับทลงโทษตามกฎหมายได้เลย”“ฮูหยิน อย่าทำเช่นนี้ จับข้าไว้แล้วท่านจะได้ประโยชน์อะไร ....” เจ้าของร้านเสิ่นหน้าซีดเผือด ก่อนจะกล่าวอย่า
จี้ฮั่นโม่ยกมือปาดเหงื่อ ซูจื่อชิงไม่ใช่คนโง่ รีบพยักหน้าตอบรับ“ใต้เท้าโปรดวางใจ ข้าจะปิดปากเงียบไม่บอกใคร เรื่องที่เจอพวกเราที่นี่วันนี้หวังว่าใต้เท้าจะเก็บไว้เป็นความลับนะเช่นกัน”“คุณชายน้อย อย่าฆ่าข้าเลย ข้ายอมรับใช้ท่าน”ในขณะที่ทั้งสองกำลังพร่ำพรรณนานั้น เสี่ยวเตี่ยน้อยรีบสบโอกาสขอร้องซูจื่อชิงด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ข้าชอบคุณชายจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าสัญญาว่าหลังจากวันนี้ไป ข้าจะปรนนิบัติท่านอยู่บนเตียงอย่างเต็มที่”ซูจื่อชิงแทบหงายหลัง“ไสหัวออกไป! ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาปรนนิบัติข้า น่ารังเกียจ สตรีแพศยาจิตใจโหดเหี้ยมเช่นเจ้า อยู่ห่างได้ยิ่งดี!”“คุณชาย ข้ารักท่านจริง ๆ นะเจ้าคะ”เสี่ยวเตี่ยอยากจะพูดบางอย่าง แต่จู่ ๆ ก็มีบุคคลปริศนาสามคนปรากฏขึ้นเบื้องหน้าซูจิ่งสิงพาผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนสองคนเดินเข้ามา “พวกเราเก็บของ แล้วรีบออกไปจากที่นี่ ที่เหลือข้าจัดการเอง”เมื่อมีการมาถึงของผู้ตรวจการ ย่อมมีการถามถึงชื่อเสียงเรียงนามเพื่อไม่ให้ยุ่งยากโดยไม่จำเป็น พวกเขาต้องออกไปจากที่นี้ก่อนกู้หว่านเยว่เข้าใจความหมายของซูจิ่งสิง จึงให้คนเหล่านั้นเก็บข้าวของ พาหนานหยางอ๋องกระโดดขึ้
ในขณะที่รถม้าค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้า ทันใดนั้นเสียงตะโกนด้วยความร้อนใจก็ดังมาจากด้านหลัง“น้องหญิง น้องหญิงเจ้าอดทนไว้นะ!”“เกิดอะไรขึ้น?”กู้หว่านเยว่ออกมาจากห้วงมิติ เมื่อครู่นางแอบงีบหลับอยู่ในห้วงมิติ และอาบน้ำจากในนั้น“ดูเหมือนภรรยาของใต้เท้าจี้จะเกิดเรื่องเสียแล้ว”ทันทีที่ซูจิ่งสิงกล่าวจบ จี้ฮั่นโม่ก็วิ่งมาจากด้านหลัง ขวางรถม้าไว้“คุณชายซู ซูฮูหยิน ขอข้ายืมม้าของท่านไปหาหมอในเมืองได้หรือไม่ ภรรยาของข้ามีเลือดออก”กู้หว่านเยว่เปิดม่านจากข้างใน ท่ามกลางแสงตะวันในตอนรุ่งสาง นางเห็นจี้ฮั่นโม่ที่กำลังอุ้มทารกน้อยไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็แบกฮูหยินไว้บนหลัง โดยมีเลือดสีแดงฉานจากตัวจี้ฮูหยินหยดลงบนหิมะมาตลอดทาง“ฮูหยินของเจ้าเป็นอะไร?”จี้ฮั่นโม่รีบกล่าว “นางเพิ่งคลอดลูกขอรับ แต่ร่างกายของนางยังไม่ฟื้นตัวดี นางติดตามข้ามาตลอดทาง วันนี้อาจเพราะตื่นตระหนก จึงทำให้นางเสียเลือดไม่หยุด”เขาหันกลับไปมองจี้ฮูหยินด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ เมื่อเห็นว่ากู้หว่านเยว่ไม่กล่าวสิ่งใด จึงคิดว่านางคงไม่ให้ยืมม้าแน่ จึงรีบกล่าวว่า “ขอร้องฮูหยินโปรดช่วยข้าด้วย ข้ายอมรับใช้ฮูหยินไปตลอดชีวิต
“น้องหญิง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”“น้องหญิงของข้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”ซูจิ่งสิงและจี้ฮั่นโม่กล่าวถามพร้อมกัน ทั้งสองคนต่างก็เป็นห่วงภรรยาของตน กู้หว่านเยว่ขบขันเล็กน้อย“วางใจเถิด ข้าไม่เป็นไร ภรรยาของเจ้าก็ไม่เป็นไรเช่นกัน”ซูจิ่งสิงกรอกตามองจี้ฮั่นโม่อย่างหมดคำพูด จี้ฮั่นโม่เกาศีรษะแก้เขิน“เป็นเรื่องปกติที่คนในครอบครัวจะเป็นห่วงคนของตน ภรรยาของเจ้าไม่เป็นไรแล้ว” กู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นจี้ฮั่นโม่สบตาที่เย็นยะเลือกของซูจิ่งสิงครู่หนึ่ง จากนั้นก็รุดหน้าเข้าไปหาจี้ฮูหยิน เวลานี้สีหน้าภรรยาของตนเริ่มมีเลือดฝาดเล็กน้อย อีกทั้งเสื้อผ้าบนตัวของนางก็ได้รับการเปลี่ยนเป็นชุดที่สะอาดเรียบร้อยเขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะเดียวกันก็รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด“ซูฮูหยิน บุญคุณของท่านตอบแทนอย่างไรก็ไม่หมด นับแต่วันนี้ไป ชีวิตของจี้ฮั่นโม่เป็นของท่าน” กู้หว่านเยว่หรี่ตามอง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงขบขัน “ดี เช่นนั้นเจ้าต้องกลับเจดีย์หนิงกู่กับข้า ข้าขาดกำลังคนพอดี”“ข้าน้อยจะทำสุดความสามารถ!” จี้ฮั่นโม่คุกเข่าอย่างไม่ลังเลกู้หว่านเยว่กระตุกมุมปาก โชคดีจริง ๆ นางออก
นัยน์ตาสีดำทมิฬคู่นั้นจ้องมองพวกเขาอย่างประหลาดใจและไร้เดียงสา“เด็กคนนี้มีวาสนากับพวกเรา”กู้หว่านเยว่ได้กลิ่นเกี๊ยวจากตัวของนาง โรคกลัวความสกปรกอย่างนางจึงทนไม่ได้หยิบผ้าห่มสะอาด ๆ ผืนหนึ่งออกมาจากห้วงมิติ จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าตัวเดิมของนางออกแล้วโยนลงไปในเครื่องซักผ้าเพื่อซักและอบแห้ง จากนั้นก็ค่อยเปลี่ยนให้นางทุกขั้นตอนของการเปลี่ยนเสื้อผ้า เสี่ยวเยว่เอ๋อร์ไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ ปล่อยให้กู้หว่านเยว่พลิกตัวของนางไปมาหลังจากที่กู้หว่านเยว่ป้อนนมแพะให้เสี่ยวเยว่เอ๋อร์แล้ว นางก็อุ้มเด็กน้อยไปวางไว้ข้างกายของจี้ฮูหยินที่กำลังหลับ เพื่อให้สองแม่ลูกได้นอนด้วยกัน“น้องหญิง เจ้าเองก็พักเสียเถิด” ซูจิ่งสิงเป็นห่วงกู้หว่านเยว่มาก เพราะเขาเห็นนัยน์ตาที่เหนื่อยล้าของนาง“อื้อ”กู้หว่านเยว่เอนกายและหลับอยู่บนรถม้าเช้าตรู่วันที่สอง หลังจากที่จี้ฮูหยินตื่นขึ้น นางก็ได้รู้ว่ากู้หว่านเยว่คือคนที่ช่วยชีวิตนางไว้ ทั้งยังป้อนนมให้เสี่ยวเยว่เอ๋อร์ จึงรีบอุ้มเด็กน้อยคำนับหัวโขกดินให้กู้หว่านเยว่ทันที“ขอบคุณฮูหยิน ชีวิตนี้ของข้าเป็นหนี้พระคุณของฮูหยินยิ่งนัก”“รีบลุกขึ้นเถิด ร่างกายของเจ้ายั
“ท่านอ๋อง ครอบครัวของเราเล่า?”ฮูหยินกลุ่มหนึ่งอุ้มลูกน้อยเดินรุดหน้าเข้ามา และกล่าวถามด้วยน้ำเสียงสะอื้น แม้ว่าความจริงแล้วจะพอคาดเดาอะไรได้บ้างแล้วก็ตามหยางหนานอ๋องทอดถอนใจ “ข้าปกป้องพวกเขาได้ไม่ดี”“ท่านพี่ ทำไมท่านถึงทิ้งข้า? ในท้องของข้ายังมีเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านอยู่นะ....”“ท่านพ่อ ต่อไปข้ากับท่านแม่จะทำอย่างไร?”เสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดดังระงมออกมาจากกลุ่มฮูหยิน หนานหยางอ๋องได้ยินแล้วก็พลันตาแดงก่ำ“ขอโทษ ข้าต้องขอโทษพวกเจ้าจริง ๆ”“ท่านอ๋อง ท่านอย่างกล่าวเช่นนี้ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของท่าน”ทุกคนไม่ได้จมปลักอยู่ในความโศกเศร้านัก หนานหยางอ๋องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาเสมือนพวกเขาเป็นพระโอรสของตนเสมอ ทั้งยังส่งคนไปช่วยพวกเขาออกมาจากค่าย หากจะโทษก็คงต้องโทษฮ่องเต้น้อยผู้นั้น!ฮ่องเต้น้อยผู้นั้นมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต“ท่านอ๋องท่านต้องแก้แค้นให้ท่านพี่ของข้า”“ใช่ สังหารฮ่องเต้น้อย สังหารฮ่องเต้น้อย!”ทุกคนตะโกนด้วยความฮึกเหิม ความเกลียดชังที่มีต่อฮ่องเต้น้อยพุ่งทะยานสู่จุดสูงสุดครั้นนึกถึงพวกเขา ทุกคนล้วนแต่เป็นครอบครัวของผู้ที่เสียสละปกป้องประเทศชาติ บุรุษต้องออก
“ผู้อาวุโสรอง น่าจะเป็นชาวทูเจวี๋ย”ซูจิ่งสิงถูปลายนิ้ว พลางขมวดคิ้วเอ่ยขึ้นเมื่อครู่เขามองจากคานเรือนอย่างถี่ถ้วน หน้าตาของผู้อาวุโสรองมีแนวโน้มไปทางคนทูเจวี๋ยมาก“บ้าเอ๊ย เขาเป็นสายลับ!”กู้หว่านเยว่สบถคำหยาบออกมา “ไม่ได้การ ข้าทนไม่ไหวอีกแล้ว เราไปสั่งสอนบทเรียนให้เขากันเถอะ”ซูจิ่งสิงมองภรรยาที่กำลังแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม เผลอย่นจมูกหัวเราะ “เจ้าอยากสั่งสอนบทเรียนอะไรให้พวกเขา?”“ก็ต้องกวาดข้าวของของพวกเขาให้เกลี้ยงอยู่แล้ว”กู้หว่านเยว่ควักผงพิษออกมาจากมิติ แล้วโรยไว้ในห้อง จากนั้นก็ดึงซูจิ่งสิงวิ่งไปที่ห้องเก็บของของพวกเขาช่วยไม่ได้ ผู้อาวุโสรองคนนี้ละโมบและมักมากนักในห้องเก็บของไม่เพียงแต่มีเงินทองและอัญมณีมากมายเท่านั้น แต่ในเรือนยังมีหญิงงามอีกหลายคนกู้หว่านเยว่โบกมือน้อย ๆ กวาดเอาเงินทองและอัญมณีไปทั้งหมดส่วนหญิงงามเหล่านี้ นางยังมีประโยชน์ใช้สอยต่อมาก็ไปที่ห้องเก็บของของสวีซวี่รื่อ กวาดเอาตั๋วเงินและค่าภาษีที่นาทั้งหมดที่เขาสะสมมาหลายปีไปพร้อมกัน เหมือนกับโจรปล้นไม่มีผิด ไม่เหลืออะไรให้พวกเขาสักนิดจนกระทั่งทั้งสองกวาดของในเรือนจนสะอาดหมดจด นางถึงปรบม
“ระบบ ส่งแผนที่มาให้ข้า” กู้หว่านเยว่ใช้จิตใต้สำนึกสั่งการระบบในเมื่อทางเดินลับนี้มีกลไกมากมาย พวกเขาหายตัวออกไปโดยตรงเลยจะดีกว่า“รับทราบ นายหญิงกรุณารับแผนที่ของสำนักเทียนจี”เสียงของระบบดังขึ้น จากนั้นแผนที่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้ากู้หว่านเยว่นางหยิบแผนที่ที่ไป๋หลี่ชิงซีมอบให้พวกเขาออกมา ค้นหาตำแหน่งของกลไกศูนย์กลาง“ไป เราหายตัวไปยังสถานที่ที่ไร้ผู้คนก่อน”กู้หว่านเยว่โบกมือน้อย ๆ ซูจิ่งสิงรู้สึกฟ้าหมุน เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็ออกจากอุโมงค์มายืนอยู่ในป่าไผ่แห่งหนึ่งแล้วมองออกว่าที่นี่น่าจะเป็นสวนด้านหลังของสำนักเทียนจี“น้องหญิง เราจะไปหาศูนย์กลางกลไกกันไม่ใช่หรือ มาที่นี่เพื่ออะไร?”ซูจิ่งสิงเอ่ยถามเสียงเบา กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“ไหน ๆ ก็มาแล้ว ทำไมไม่ไปดูสักหน่อยล่ะว่าสวีซวี่รื่อกำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่”ที่แท้ที่นี่คือชานเรือนของสวีซวี่รื่อซูจิ่งสิงส่ายหัวอย่างจนปัญญา ขัดใจใครก็ได้ แต่จะขัดใจภรรยาของเขาไม่ได้ตกลงไหม!“ชู่ว์”กู้หว่านเยว่ทำสัญลักษณ์มือ ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ไม่ไกลนัก ทั้งสองรีบซ่อนตัวบนชายคาเห็นเพียงสวีซวี่รื่อและชายชราเคราขาวเดินเข้ามาจา
“ศิษย์พี่ใหญ่ ทำไมท่านไม่ให้ข้าอธิบายให้พวกเขาเข้าใจล่ะ?”“พวกเขาไม่มีทางเชื่อหรอก”ไป๋หลี่ชิงซีส่ายหัว หลี่เหมียนหยางพูดไม่ออก “ต่อให้พวกเขาไม่เชื่อ ก็ไม่อาจปล่อยให้พวกเขากักขังเราไว้แบบนี้ได้ตามใจ”“เหมียนหยาง หยุดพูดก่อนเถอะ อาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสำนักก็ได้”หลี่เหมียนจงเอ่ยประโยคหนึ่ง เขายังถือว่าเป็นคนฉลาดคนหนึ่งหากไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ต่อให้พวกเขาต้องการกำจัดไป๋หลี่ชิงซี แต่จะไม่สนใจพวกเขาสองคนไม่ได้ ต้องรู้ว่าเขาและหลี่เหมียนหยางเป็นหลานชายและหลานสาวของผู้อาวุโสใหญ่“สำนักเทียนจี อาจถูกผู้อาวุโสรองยึดครองไปแล้ว”สีหน้าของไป๋หลี่ชิงซีหนักอึ้ง“อะไรนะ เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไรต่อไป?”หลี่เหมียนหยางก็ไม่ได้โง่เขลาเช่นกัน ลูกตาหดตัว “อย่าบอกนะว่า เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าสำนักแล้ว?”นี่คือสิ่งที่ไป๋หลี่ชิงซีกังวลมากที่สุด แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาร้องร่ำรำพัน จำเป็นต้องคิดแผนรับมือโดยเร็ว“จิ่งสิง เรื่องนี้ต้องขอความช่วยเหลือจากท่าน”ไป๋หลี่ชิงซีมองไปที่ซูจิ่งสิงและภรรยา ตอนนี้เคลื่อนไหวไม่สะดวก คนที่เขาไว้ใจได้มีเพียงพวกเขาเท่านั้น“ท่านว่ามาเลย”ในเม
คนเหล่านี้แน่ชัดว่าเป็นลูกศิษย์ของสำนักเทียนจี เมื่อเห็นไป๋หลี่ชิงซีและหลี่เหมียนหยาง ก็ไม่ได้ดีใจที่ได้เห็นศิษย์ร่วมสำนักเลยสักนิด กลับดูระวังภัยและตื่นตัวเสียด้วยซ้ำไป“มีกลิ่นแปลก ๆ จริง”ทันทีที่เสียงของซูจิ่งสิงเงียบลง คนเหล่านั้นก็เข้ามารายล้อมกันหมดแล้ว“พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”หลี่เหมียนจงมีสีหน้าสับสนต่อให้ศิษย์พี่ไป๋หลี่ไม่ได้กลับมาเป็นเวลาสองปี พวกเขาจะตาบอดจำไม่ได้ แต่คงไม่มีทางจำเขาไม่ได้กระมัง?แต่เขาเพิ่งจากสำนักเทียนจีไปเมื่อสองวันก่อนนี้เองเมื่อเห็นศิษย์ร่วมสำนักที่อยู่ฝั่งตรงข้ามชักธนูออกมา หลี่เหมียนจงก็กระทืบเท้าอย่างร้อนรน แล้วมองไปทางคนกลาง“ศิษย์น้องถังหวย เจ้าจำพวกเราไม่ได้หรือ เหตุใดถึงปล่อยให้ลูกศิษย์ชี้อาวุธมาทางพวกเรา?”ถังหวยประสานมือ “ศิษย์พี่เหมียนจง สำนักเทียนจีได้รับรายงานลับว่า ศิษย์พี่ไป๋หลี่คลอดศพทารกบุรุษให้กำเนิดบุตร ฟ้าดินไม่ยอมรับผู้อาวุโสรองได้ออกคำสั่งให้ทำความสะอาดสำนักหากพบเห็นศิษย์พี่ไป๋หลี่ ให้สังหารทันที”เขาหลบเลี่ยงสายตา ไม่กล้าสบตากับไป๋หลี่ชิงซีโดยตรงไป๋หลี่ชิงซีเคยมีบุญคุณต่อเขา แต่เขาไม่สามารถทรยศต่ออาจารย์ได้“
เพียงแต่เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน จู่ ๆ สุขภาพของอาจารย์ก็ไม่สู้ดีนักในปีนี้ คอยบำรุงด้วยยาต้มอยู่เป็นระยะ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลยเมื่อครึ่งปีก่อน อาการยังรุนแรงกว่านี้มาก”หลี่เหมียนจงสีหน้าเป็นทุกข์ “โดยเฉพาะหลายวันมานี้ แม้แต่ลุกลงจากเตียงยังทำไม่ได้เลย”“ร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!” ไป๋หลี่ชิงซีกำหมัดแน่น รู้สึกผิดขึ้นเรื่อย ๆ“เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ข้าไม่สามารถกลับไปหาอาจารย์ได้ทันท่วงที”“ท่านอย่าโทษตัวเองมากเกินไป อาจารย์เคยพูดหลายครั้งแล้ว เขาเข้าใจสถานการณ์ของท่าน ก็เลยไม่อยากรบกวนท่าน ถึงให้พวกข้าปิดบังไว้ ไม่บอกอาการป่วยให้ท่านรู้”หลี่เหมียนจงเอ่ยอย่างรู้สึกผิดความจริงแล้วเขาแค่ทำตามคำสั่งของอาจารย์เท่านั้น ปิดบังไป๋หลี่ชิงซีมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้นไป๋หลี่ชิงซีจะไม่มีทางไม่รู้เรื่องนี้“หมอเทวดากู้ ถ้าได้พบอาจารย์ รบกวนท่านช่วยตรวจอาการให้ได้หรือไม่”ไป๋หลี่ชิงซีรู้ว่าคำขอร้องของเขาดูจะมากเกินไป“ข้ายินดีทุ่มเททุกสิ่งที่ข้ามี”กู้หว่านเยว่เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อข้ากับสามีมาที่สำนักเทียนจีกับท่านแล้ว หากได้พบเจ้าสำนัก ข้าย่อมตรวจให้เขาอยู่แล้วแต่ต้องบอกอะไรท
“ผ่าตัด มันคืออะไรหรือ?”หลี่เหมียนจงไม่คุ้นเคยกับคำนี้เลย เมื่อเห็นท่าทางเซ่อ ๆ ซ่า ๆของพี่ชาย หลี่เหมียนหยางก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้รู้ไหมว่า ตอนที่นางได้ยินเรื่องการผ่าตัดครั้งแรกก็รู้สึกงุนงงมากเช่นกันในที่สุดตอนนี้ก็ถึงคราวของนางที่จะอธิบายให้คนอื่นฟังแล้ว“การผ่าตัด ก็คือการใช้มีดผ่าท้องของท่าน จากนั้นค่อยเอาสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา”หลี่เหมียนหยางอธิบายพร้อมกับทำท่าทางไปด้วยนางก็ไม่รู้ว่าตัวเองอธิบายถูกต้องหรือไม่ แต่เอาคร่าว ๆ ก็คือความหมายตามนี้“ถ้าอย่างนั้น ท้องของศิษย์พี่ใหญ่ก็ถูกผ่าแล้วใช่ไหม?” หลี่เหมียนจงสะดุ้งโหยง มองไปที่ท้องของไป๋หลี่ชิงซีด้วยความเป็นห่วง“อ้อ ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ายังไม่ได้ถามเลยว่า ในท้องของท่านมีอะไรอยู่กันแน่?”คำถามนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนไป๋หลี่ชิงซีต้องโกรธแน่เขาถูกถากถางและหัวเราะเยาะ ยังอ่อนไหวต่อโรคประหลาดนี้มากแต่ในเวลานี้ อาการป่วยของเขาได้รับการรักษาโดยกู้หว่านเยว่แล้ว กลับสบายใจไร้กังวลมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป“อ๋อ เลือดคั่งหนึ่งกะละมัง”“เลือดคั่ง? ไม่ใช่ทารกประหลาดหรือ?”หลี่เหมียนจงดีใจแทนเขา พูดจาไม่ทันคิด จนเปลือกตาของหลี่เหมีย
หลังจากจัดการอาหารมื้อกลางวันเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เติมน้ำใส่กระติกน้ำของทุกคนจนเต็ม จากนั้นก็รีบขึ้นรถม้าแล้วออกเดินทางต่อเมื่อฟ้ามืดลง ในที่สุดทุกคนก็มาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ทันทีที่ก้าวเข้าไปในโรงเตี๊ยม ก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจ“ศิษย์พี่ไป๋หลี่ เหมียนหยาง?!”“พี่ใหญ่ ท่านมาได้อย่างไร?”หลี่เหมียนหยางมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตกตะลึง ที่แท้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคือหลี่เหมียนจงพี่ชายของนางเมื่อหลี่เหมียนจงเห็นไป๋หลี่ชิงซี เขาก็ขยี้ตาอย่างแรง“ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่ ศิษย์พี่ใหญ่ เป็นท่านจริง ๆ หรือ?”“ข้าเอง” ไป๋หลี่ชิงซียิ้มเล็กน้อย เขาไม่ได้เจอหลี่เหมียนจงมาสองปีแล้ว คิดถึงมากทีเดียว“ท้องของท่าน?”“พี่ใหญ่ โรคของศิษย์พี่ไป๋หลี่รักษาหายแล้ว” หลี่เหมียนหยางรีบเอ่ยขึ้นหลี่เหมียนจงพลันรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง “เยี่ยมมาก ในเมื่อโรคของท่านหายดีแล้ว เช่นนั้นท่านก็กลับไปที่สำนักเทียนจีกับข้าได้แล้ว!”เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ โรคของไป๋หลี่ชิงซีหายได้ทันเวลาพอดี หากช้ากว่านี้อีกสักหน่อย สำนักเทียนจีคงไม่มีทางรอดแล้ว“พี่ใหญ่ พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เนื่องจากร่างกายของไป
ทั้งสองคนไปที่โรงหมอก่อนเพื่อไปหาไป๋หลี่ชิงซี เนื่องจากไป๋หลี่ชิงซีได้นัดหมายกับทั้งสองคนเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า จะไปสำนักเทียนจีด้วยกันในอีกสามวันดังนั้นเมื่อถึงเวลา เขาก็เก็บข้าวของอย่างใจจดใจจ่อ รอทั้งสองคนอยู่ที่โรงหมอกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเห็นว่าไป๋หลี่ชิงซีเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ก็ประหยัดเวลาไปได้มาก จึงให้เขาและหลี่เหมียนหยางขึ้นรถม้าของพวกเขา“คุณชายไป๋หลี่ สองวันนี้ท่านฟื้นตัวเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเห็นทั้งสองคนนั่งลงแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เอ่ยปากถามขึ้นในทันทีก่อนออกเดินทาง นางจำเป็นต้องเข้าใจสภาพร่างกายของไป๋หลี่ชิงซีเสียก่อนมิเช่นนั้น หากเดินทางไปได้ครึ่งทาง ไป๋หลี่ชิงซีเกิดอาการอะไรขึ้นมาอีกคงจะยุ่งยากน่าดูเมื่อได้พบกับนางอีกครั้ง ไป๋หลี่ชิงซีก็ยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย“ฟื้นตัวเร็วมาก คงเป็นเพราะยาที่ท่านสั่งให้ดี”นี่ไม่ใช่ว่าไป๋หลี่ชิงซีประจบสอพลอ ก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้รับบาดเจ็บ โดยปกติแล้วบาดแผลเหล่านั้นต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะหายดีแต่ครั้งนี้ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบาดแผลหายเร็วกว่าทุ
ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายคนที่พ่ายแพ้กลับเป็นตัวเขาเองเขาถูกหลอกอย่างสิ้นเชิง“จัดการตัวเองให้ดี”เนี่ยเติ้งมองด้วยสายตาเย็นชา เขาคนนี้เป็นคนอาฆาตแค้นมาก โดยเฉพาะความแค้นของน้องสาว ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงท่าทีเป็นมิตรกับเฉิงเซวียน“ขอโทษ”เวลานี้ เฉิงเซวียนได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมาก ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วห้อง เขานั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าหม่นหมอง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่เมื่อเห็นว่าเรื่องราวได้จบลงแล้ว กู้หว่านเยว่และคนอื่น ๆ ก็ออกจากเรือน“พระชายา ครั้งนี้ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือ”เนี่ยเติ้งประสานมือคารวะกู้หว่านเยว่ ใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับถูกละลายด้วยสายลมฤดูใบไม้ผลิ หากไม่รู้มาก่อน คงคิดว่าไม่ใช่คนเดียวกันกับที่อยู่ในเรือนเมื่อครู่“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย”กู้หว่านเยว่โบกมือปฏิเสธอย่างนอบน้อม คาดว่าเซี่ยเหอคงจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอีกต่อไป“จริงสิ มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องให้ท่าน” เนี่ยเติ้งล้วงเอาหนังสือสัญญาออกมาจากอกเนี่ยชิงหลานอธิบายอยู่ข้าง ๆ “พี่หญิงกู้ ท่านรับไปเถอะ สัญญาฉบับนี้คือกรรมสิทธิ์ในเหมืองหยก”“เหมืองหยก?”กู้หว่านเยว่รับสัญญามา เปิ