บททั้งหมดของ ชายาแพทย์พลิกชะตา: บทที่ 131 - บทที่ 140

347

บทที่ 131

ในขณะเดียวกับที่มุมปากกระตุกยิ้มนั้น ในใจเขากลับรู้สึกจนปัญญา สองสามีภรรยาคู่นี้ยังคงทำตัวเหมือนเขาเป็นคนของตน มั่นใจว่าเขาจะปกป้องพวกเขาได้ต้องพูดว่าพวกเขาอ่านใจของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่งเดิมทีเขาอยากสั่งสอนนักการหลี่ให้รู้จักสำนึก ตอนนี้นักการหลี่ได้ถูกพวกเขาจัดการแล้ว เขาจึงไม่ซักไซ้ไล่ถามให้มากความ“เอาเถอะ หามเขาออกไป”ซุนอู่ล้วงหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา จากนั้นก็ขีดฆ่าชื่อของนักการอย่างเลือดเย็น ไม่เอ่ยถึงการตายของนักการหลี่แต่อย่างใดทุกคนก็ไม่ได้คัดค้าน การเสียชีวิตระหว่างทางเป็นเรื่องปกติ ทุกคนต่างชินชาไปแล้วหลังจากจัดการกับศพเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมากินอาหารเช้าในค่ายตามเดิมหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ทุกคนก็ออกเดินทางต่อ ถึงแม้ว่าเมื่อวานนี้ฟู่เยียนหรานทำเรื่องน่าอับอายไปแล้ว แต่วันนี้นางยังคงบังคับเกวียนตามหลังพวกเขามาอย่างไร้ยางอายขณะที่กู้หว่านเยว่ไปตักน้ำ ฟู่เยียนหรานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้โอกาสนี้เข้าไปคุยกับซูจิ่งสิงอย่างใกล้ชิดซูจิ่งสิงไม่สนใจนาง แค่รู้สึกว่านางน่ารำคาญเท่านั้น“คุณชายซู ทำไมท่านถึงไม่สนใจข้า?” แววตาของฟู่เยียนหรานฉายแววหดหู่เมื่อเห็น
Read More

บทที่ 132

“เจ้ารู้สึกเช่นนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ คุณชายซูต่างหากที่ต้องรู้สึกเช่นนี้!”เมื่อได้ยินประโยคนั้นฟู่เยียนหรานกลับดีใจไม่ออก นางรู้สึกอัดอั้นตันใจอยู่ภายใน จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะสู้นักโทษคนหนึ่งไม่ได้ สักวันข้าจะทำให้คุณชายซูหวั่นไหวต่อข้า เขาจะต้องทิ้งกู้หว่านเยว่อย่างไร้เยื่อใย!”นัยน์ตาของฟู่เยียนหรานเปล่งประกายวูบไหว ฟู่ซานถึงกับต้องรีบหดคอด้วยความหวาดกลัวหลังจากที่ฟู่เยียนหรานได้รับบทเรียน ระหว่างเดินทางนางไม่ได้เข้ามายุ่มย่ามกับพวกเขาโดยพลการอีก แต่นางกลับวางแผนอย่างเงียบ ๆ สองวันต่อมา ขบวนนักโทษก็ได้เดินทางเข้าสู่อาณาเขตปิงโจวภาพแรกที่ประจักษ์แก่สายตาคือทรายสีเหลืองอร่ามที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ตลอดเส้นทางที่เดินเข้ามากลับไม่เห็นแอ่งน้ำเลยสักแห่ง เวลานี้ทุกคนต่างกระหายจนปากแห้งไปหมดแล้ว“ถุย ทำไมลมพวกนี้ถึงเต็มไปด้วยทรายเช่นนี้”ซูจิ่นเอ๋อร์ถ่มน้ำลายและทรายที่เข้าปากของนาง“นั่นนะสิ อากาศแบบไหนกันเนี่ย?”ซูจื่อชิงถูกเม็ดทรายที่ฟุ้งกระจายมากับสายลมปะทะหน้าจนปวดแสบไปหมด แม้แต่ดวงตาของเขาก็ลืมไม่ขึ้นลมทะเลทรายที่ฟุ้งกระจายทำให้ซุนอู่ที่นำข
Read More

บทที่ 133

ไม่ต้องให้ซุนอู่ออกคำสั่ง ทุกคนก็พร้อมใจกันวิ่งไปยังทิศตรงข้ามอย่างบ้าคลั่งพายุลูกนั้นได้กวาดเม็ดทรายบนพื้นดินหมุนวนขึ้นมา แบ่งท้องฟ้าเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งสดใสอีกฝั่งกลายเป็นสีแดงฉานพายุใหญ่ลูกนั้นมีลักษณะคล้ายกับกระแสน้ำวน และกำลังเคลื่อนตัวมาทางพวกเขาต้นไป๋หยางเพียงต้นเดียวในทะเลทรายถูกพายุพัดถอดรากถอนโคลนและดูดเข้าไปในวังวนที่น่ากลัว ยิ่งเห็นพายุที่น่ากลัวเช่นนี้ ก็ยิ่งไม่มีใครกล้าหยุดวิ่ง ทุกคนต่างวิ่งหนีอย่างสุดกำลังแม้แต่ฟู่เยียนหรานก็ยังยกชายกระโปรงและวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องไปตลอดทางกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วแน่นขณะบังคับเกวียน ยิ่งเผชิญหน้ากับช่วงเวลาเช่นนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งต้องใจเย็นมากขึ้นเท่านั้น ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะกำชับซูจิ่นเอ๋อร์“จิ่นเอ๋อร์ ใช้แส้ฟาดก้นลา จะทำให้มันวิ่งเร็วขึ้น!”“แส้ แส้อยู่ไหน?”ซูจิ่นเอ๋อร์หันกลับไปมองพายุใหญ่มหึมาลูกนั้นแล้วตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวนางคลำหาแส้อยู่นานก็ยังไม่เจอกว่าจะหาแส้เจอ มือไม้ก็อ่อนไปหมด“ถอยไป ข้าเอง!”เวลานี้ เมี่ยชิงหว่านที่เงียบมาตลอดทางได้ผลักนางออก จากนั้นก็กระโดดขึ้นมาบนเกวียน
Read More

บทที่ 134

เมื่อกู้หว่านเยว่เห็นท่าทางของทั้งสองคนแล้วก็หมดคำพูด นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้ว ไอหยา...แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้ต่อว่าหลี่ฮูหยินแต่อย่างใด คนที่สามารถเสียสละตนเพื่อครอบครัวได้ไม่ใช่ใครก็ทำได้“ให้เด็ก ๆ นั่งบนเกวียนของข้า แล้วให้นายท่านหลี่แบกเจ้าไป”เมื่อสิ้นสุดประโยค กู้หว่านเยว่ก็อุ้มเด็กทั้งสองคนของสกุลหลี่และบินไปบนเกวียนลาของตัวเองซูจิ่งสิงบังคับลาอยู่ด้านหน้า เมื่อเห็นนางกลับขึ้นมาอย่างปลอดภัย เขาก็รีบบังคับเกวียนลาออกไปทันทีหลี่ฮูหยินเกาะอยู่บนหลังของนายท่านหลี่พร้อมเสียงสะอื้น“ท่านพี่ ขอบคุณท่านมาก และก็แม่นางกู้...ไว้มีโอกาสข้าจะตอบแทนพระคุณของนางอย่างแน่นอน”“ไอหยา จะพูดเรื่องนี้ทำไม ข้าไม่มีวันทิ้งเจ้าแน่นอน” นายท่านหลี่ทอดถอนใจ จากนั้นก็ใช้กำลังภายในเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นภาพที่หลี่ฮูหยินกำลังจะตายอย่างสิ้นหวังยังคงฝังรากลึกอยู่ในใจของเขาหากไม่ใช่เพราะฮ่องเต้น้อยองค์นั้น ครอบครัวของพวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อับจนหนทางเช่นนี้ได้อย่างไร!หากภายภาคหน้ายังมีโอกาส เขาจะต้องชำระหนี้แค้นครั้งนี้ให้จงได้แม้ว่าพายุนั้นจะน่ากลัวมาก แต่มันก็มีวงโคจรในการเคลื่อนที่ ขอบเขต
Read More

บทที่ 135

ทุกคนต่างเห็นด้วยกับคำกล่าวของกู้หว่านเยว่ไม่มีใครรู้ว่าพายุใหญ่ลูกนั้นจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ อีกทั้งเม็ดทรายที่ฟุ้งกระจายอยู่รอบตัวก็ทำให้ทุกคนหายใจไม่สะดวกนัก สู้หนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดน่าจะปลอดภัยกว่า“ท่านนักการ ดูเหมือนว่าข้างหน้าจะมีจวนขุนนางอยู่หลังหนึ่ง”จางเอ้อร์ที่ออกไปสำรวจเส้นทางกลับมาบอกข่าวด้วยสีหน้าดีใจ“เยี่ยม เช่นนั้นเรารีบไปกันเถอะ ไปพักที่จวนขุนนางหลังนั้น” นัยน์ตาของซุนอู่เปล่งประกายกลุ่มนักโทษรีบเร่งฝีเท้าเดินทางไปจนถึงทางเข้าของจวนขุนนาง เพียงแต่เมื่อเห็นแผ่นสลักชื่อของจวนหลังนั้น ซุนอู่ถึงกับตกอยู่ในอาการลังเลนี่คือจวนส่วนพระองค์แห่งหนึ่งความหมายก็ตามชื่อ มันคือที่ดินทรัพย์สินส่วนพระองค์ ซึ่งไม่รู้ว่าพวกเขาจะขออาศัยที่แห่งนี้พักชั่วคราวได้หรือไม่ทันทีที่เคาะประตู พ่อบ้านท่าทางเย่อหยิ่งคนหนึ่งก็เดินออกมา“เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นนักการที่รับหน้าที่พานักโทษไปส่งให้หน่วยงานอย่างนั้นหรือ?”“ใช่ อากาศข้างนอกเลวร้ายมาก พวกเราไม่มีที่ไปจึงอยากจะขอพักที่นี่สักคืน ไม่ทราบว่าจะได้หรือไม่” น้อยนักที่ซุนอู่จะกล่าวอย่างสุภาพเช่นนี้พ่อบ้านมองกลุ่มนักโทษแวบหนึ่ง
Read More

บทที่ 136

“เห็นได้ชัดว่ามู่หรงอวี้มีเจตนาที่ไม่ดี หากท่านไปอาจจะไม่ได้กลับมาอีก”ซูจิ่นเอ๋อร์กล่าวอย่างเหนื่อยล้า “แต่ตอนนี้พวกเราอยู่ในอาณาเขตของเขา จะไปหรือไม่ไปก็ดูเหมือนค่าเท่ากัน”ซูจื่อชิงถึงกับสำลัก แล้วถลึงตาใส่ซูจิ่นเอ๋อร์อย่างเอือมระอา“ทำอย่างไรดี?” หลายคนเริ่มเป็นกังวลซูจิ่งสิงเหลือบมองพวกเขา นัยน์ตาเคร่งขรึมเล็กน้อย หากมู่หรงอวี้ทำการบุ่มบ่ามขึ้นมาจริง ๆ เขาคงต้องชิงเปิดเผยคนในความลับก่อน“ข้าจะไปเป็นเพื่อนท่านเอง”ทันใดนั้น กู้หว่านเยว่ก็คว้ามือของเขา และฉีกยิ้มพลางกล่าว“แค่กินข้าวมื้อเดียว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ท่านวางได้ มู่หรงอวี้ไม่กล้าทำอะไรท่านอย่างเปิดเผยหรอก”แต่ถ้าเขาคิดจะแทงข้างหลังก็ไม่แน่ถึงต่อให้เขาจะแทงข้างหลัง กู้หว่านเยว่ก็มีวิธีต่อกรกลับไปซูจิ่งสิงมองนางอย่างซาบซึ้ง “หว่านเยว่ ขอบใจเจ้ามาก”“อย่าใช้สายตาชวนขนลุกเช่นนี้มองข้าเชียว” กู้หว่านเยว่ไอกระแอมหนึ่งเสียง ก่อนจะโบกมืออย่างไม่ใส่ใจเหตุใดคำขอบคุณของบุรุษผู้นี้ถึงได้ลึกซึ้งเช่นนี้?หลังจากที่ทั้งสองคนเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ก็เดินตามไปยังลานด้านหน้าระหว่างทาง เด็กรับใช้คนนั้นได้เหลือบมองพวกเข
Read More

บทที่ 137

เขาก็ไม่ได้อยากลงมือด้วยตนเอง แต่หากซูจิ่งสิงไม่กินอีก เป็ดย่างจานนี้คงถูกกู้หว่านเยว่กินหมดเกลี้ยงแน่!“นี่คือเป็ดย่างที่รังสรรค์โดยพ่อครัวที่มีชื่อเสียงทางทิศเหนือ รสชาติเลิศรส ไม่ชิมคงจะน่าเสียดาย” มู่หรงอวี้กล่าวเสริมซูจิ่งสิงไม่ใช่คนโง่ในสายตาของมู่หรงอวี้ เขามองออกตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าเป็ดย่างจานนี้มีพิษเมื่อนึกภาพที่กู้หว่านเยว่คีบกินไปแล้วหลายชิ้น ในใจของเขาก็ยิ่งกังวล จึงรีบคว้ามือของนางด้วยจิตใต้สำนึกเขาคิดจะขัดขวางไม่ให้นางกินต่อผลปรากฏว่ากู้หว่านเยว่ส่งสายตาไร้ความกังวลให้เขาซูจิ่งสิงตระหนักได้ถึงความสามารถของกู้หว่านเยว่ เขาจึงเข้าใจในทันทีแต่ปากของเขาก็ยังไม่วายกำชับว่า “กินน้อย ๆ หน่อย ข้ากลัวเจ้าไม่ย่อย”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “เป็ดย่างจานนี้เป็นของข้า ท่านห้ามแย่งข้าเด็ดขาด”คำกล่าวของนางเป็นการเตือนว่าเป็ดย่างจานนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล นางกลัวว่าเขาจะพลาดกินมันเข้าไป“ซูฮูหยินชอบเป็ดช่างจริง ๆ ชีวิตที่แล้วคงจะไม่เคยกินสินะ?”มู่หรงอวี้ยกยิ้มแข็งทื่อ เขาเกือบจะข่มความโกรธไม่ได้หญิงสาวผู้นี้เป็นลูกเศรษฐีสกุลกู้จริง ๆ ใช่ไหม?ดูท่าทางการกินนั่นสิ หร
Read More

บทที่ 138

เพียงแต่เรื่องส่วนตัวเหล่านี้ไม่ควรนำมาพูดบนโต๊ะอาหารมิเช่นนี้หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ก็ไม่รู้ว่าประวัติศาสตร์ที่ไม่เป็นทางการเหล่านั้นจะถูกเขียนออกมาว่าอย่างไร แล้วอาณาประชาราษฎร์จะตัดสินพวกเขาแบบไหน“ไม่มีปัญหาแน่นอน” ในเวลานี้นิ้วมือของมู่หรงอวี้สั่นระริก เขาพยายามข่มความโกรธไว้ “ข้าแค่เป็นคนรักสะอาดนิดหน่อยก็เท่านั้น”เมื่อตระหนักได้ว่าเป็ดย่างจานนั้นมียาพิษ อีกทั้งตนได้กินเข้าไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะอาเจียนออกมา แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าพิษนั้นได้เข้าสู่ร่างกายแล้วหรือไม่เวลานี้มู่หรงอวี้ถึงกับนั่งไม่ติด และทนไม่ไหวอีกต่อไป“จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกไม่สบายตัว พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าขอตัว”กล่าวจบเขาก็พรวดลุกขึ้นและเดินออกไปทันที เมื่อเดินมาถึงลานด้านหลังเขารีบล้มตัวลงนอนบนเตียง“รีบไปตามเซียนแพทย์น้อยมาให้ข้าเร็วเข้า บอกว่าข้ากินยาพิษของนาง!”ภายในเรือนตะวันออก ทันทีที่มู่หรงอวี้ออกไป ซูจิ่งสิงก็รีบหันไปมองกู้หว่านเยว่“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ เป็ดย่างวางยาพิษเหล่านั้นเจ้ากินมันลงไปได้อย่างไร?”เขารู้ว่ากู้หว่านเยว่มีความสามารถ แต่ถึงอย่างไรร่างกายของมนุษย์ก็มีเลือดเนื้อ จะทนต่อพิษเ
Read More

บทที่ 139

“ครั้งนี้กู้หว่านเยว่ต้องตายสถานเดียว”นางหลิวกล่าวอย่างลำพองใจ “คนของราชวงศ์ไม่ปล่อยพวกเขาไว้แน่”“โชคดีที่พวกเราไม่ได้คืนดีกับบ้านสาม พวกเราจึงไม่โดนหางเร่ไปด้วย”ฮูหยินผู้เฒ่าซูถอนหายใจอย่างโล่งอกเดิมทีนางอยากบากหน้าไปขอคืนดีกับบ้านสาม แต่ปรากฏว่ากู้หว่านเยว่โหดร้ายเกินไป นางจึงไม่กล้าเสนอหน้าหรือนี่อาจจะเป็นความบังเอิญก็ได้ก็ดี ที่นางประกาศตัดความสัมพันธ์กับบ้านสามในตอนแรกนั้นถูกแล้วนางจินและซูหรานหร่านสบตากัน โดยที่ทั้งสองคนไม่ได้กล่าวสิ่งใดไม่ว่าจะเป็นบ้านสามหรือสกุลซู พวกเขาก็ไม่เคยคิดอยากเกี่ยวข้องด้วยนัยน์ตาของซูจื่อชิงเย็นเยือก “ทุกคนคือสกุลซูเหมือนกัน พี่ใหญ่และพี่สะใภ้เกิดเรื่อง พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะรอดอย่างนั้นหรือ?”ทำไมก่อนหน้านั้นถึงดูไม่ออกว่าท่านยายโง่เขลาเช่นนี้“สกุลเดียวกันอะไร พวกเราตัดขาดกันไปแล้ว”นางหลิวกล่าวเสียงดัง นางกลัวว่าผู้คุ้มกันของมู่หรงอวี้จะไม่ได้ยิน“ไอหยา ข้าพูดกับจิ่นเอ๋อร์ เจ้าว่าพี่ใหญ่และพี่สะใภ้จะกลับเข้ามาแบบเดินเข้ามาหรือถูกหามเข้ามา?”“เจ้าหุบปากไปเลย !” ซูจิ่นเอ๋อร์โกรธจนปากสั่นไปหมด สายตาคู่นั้นยังคงจับจ้องไปที่ประตู
Read More

บทที่ 140

จากนั้นนางก็หยิบหน้ากากขึ้นมาใส่ และแวบออกจากห้องไปทันทีนางไม่ลืมว่าตนก็มีเรื่องต้องทำ ในเมื่อจวนหลังนี้เป็นอาณาเขตของมู่หรงอวี้ ก็อย่ามาโทษว่านางไม่เกรงใจก็แล้วกัน!ทันทีที่เข้าไปในห้องใต้ดิน กู้หว่านเยว่ก็ได้เห็นอาวุธและเสบียงมากมาย นางจึงรีบกอบโกยกลับอย่างไม่เกรงใจจากนั้นนางก็เข้าไปในครัวและทำการขนอาหารพร้อมทั้งม้าที่อยู่ในคอกออกไปพร้อมกัน“เหอะ ๆ ข้าชักอยากเห็นแล้วสิว่าหากท่านไม่มีม้า ท่านจะไปจากจวนแห่งนี้ได้อย่างไร”กู้หว่านเยว่หัวเราะด้วยความสะใจ ก่อนจะหายตัวไปโผล่ในพื้นที่นอกหน้าตาห้องของมู่หรงอวี้และใช้นิ้วเจาะรูหน้าต่างที่ทำจากกระดาษ และมองเข้าไปข้างใน“เจ็บ เจ็บจะตายอยู่แล้ว ขาของข้าเหมือนมีมดเป็นร้อยตัวรุมกัดอย่างไรอย่างนั้น”มู่หรงอวี้นอนอยู่บนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง ทั้งยังคร่ำครวญไม่หยุด“ทำไมเซียนแพทย์น้อยถึงยังไม่มาอีก?”“กราบทูลท่านอ๋อง เซียนแพทย์น้อยมาแล้ว เซียนแพทย์น้อยมาแล้ว!”เด็กสาวในชุดสีขาวคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งเข้ามาจากด้านนอก เมื่อถึงข้างเตียงนางก็รีบจับชีพจรของมู่หรงอวี้ทันที“ท่านอ๋อง ท่านโดนยาพิษได้อย่างไร?”“อย่าถาม”เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ มู่หร
Read More
ก่อนหน้า
1
...
1213141516
...
35
DMCA.com Protection Status