บททั้งหมดของ ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี: บทที่ 81 - บทที่ 90
100
บทที่ 81
เขาลองสับคอเขาหลายต่อหลายครั้งก็ยังไม่สลบสักที หากยังสับต่อไป เขาคงได้กลับมาคิดบัญชีกับนางชุดใหญ่แน่ๆ ดังนั้นนางจึงยิ้มหวานให้จิ่งโม่เยี่ยแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ก่อนหน้านี้ข้าถูกสับทีเดียวก็นอนหลับไปเลย วันนี้พวกเรามาทำกันเหมือนเดิมเถอะ”นางกล่าวจบก็กระชากแขนของเขาแล้วจับเหวี่ยงข้ามบ่า โยนตัวของเขาลงไปบนเตียงโดยตรงจิ่งโม่เยี่ย “......”จิ่งโม่เยี่ย “!!!!!!”หลายปีที่ผ่านมาเขาเคยถูกคนวางกับดักใช้กลอุบายมากมาย สถานการณ์จึงไม่ค่อยสู้ดีนักทว่าคนพวกนั้นพออยู่ต่อหน้าของเขา ต่างก็แสดงท่าทางเกรงใจนอบน้อม ไม่มีใครกล้าลงมือกับเขาซึ่งๆ หน้ามาก่อนทว่าสตรีที่ใจกล้าไม่เกรงฟ้าดินคนนี้ กลับกล้าลงมือสับคอเขา แล้วยังกล้าจับเขาทุ่มอีกต่างหาก!สีหน้าของเขาจึงมืดครึ้มเหมือนพายุตั้งเค้าเฟิ่งชูอิ่งเห็นสีหน้าท่าทางของเขาก็รู้สึกสะใจเงียบๆ นางจะทำให้เขาได้รู้เองว่าการถูกคนรังแกโดยไม่อาจโต้ตอบได้มันรสชาติเป็นอย่างไร!นางรู้ว่าถึงเขาจะลงมือโหดเหี้ยมสักแค่ไหน ก็ไม่มีทางทำร้ายนางจนถึงขั้นตายแน่นอน เพราะเขาจำเป็นจะต้องใช้นางคลายคำสาปอยู่หลังจากนางโยนเขาลงเตียงแล้ว จึงยื่นมือไปกอดเขาแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง เป็น
Read More
บทที่ 82
เฟิ่งชูอิ่งคิดจะยอมแพ้แต่โดยดีและขอให้เขาอภัย แต่ตอนที่นางเห็นรูปเต่าบนหน้าของเขา นางก็พยายามเกร็งหน้าไม่ให้หลุดขำออกไปจิ่งโม่เยี่ยถาม “เจ้ากำลังหัวเราะเยาะข้าหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งรีบเอ่ยว่า “มิกล้า! ข้าก็แค่คิดว่าท่านอ๋องหล่อมาก ถูกท่านอ๋องนอนคร่อมเช่นนี้ช่างมีความสุขเหลือเกิน”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขากำลังจะคิดบัญชีกับนางแท้ๆ ทำไมถึงกลายเป็นเขาถูกนางหยอกล้อได้ล่ะนัยน์ตาของเขาเย็นเยียบ นางจึงเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง คำสาปของท่านมีข้าเพียงคนเดียวที่สามารถแก้ได้ ใจเย็นไว้เพคะ ใจเย็นๆ ไว้!”จิ่งโม่เยี่ยรู้สึกว่าหลังจากนางรู้เรื่องนี้เป็นต้นมา นางก็ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอีกต่อไป เขาจ้องนางและเอ่ยว่า “ข้าใจเย็นลงแล้ว แต่เจ้ากลับไม่หยุดรนหาที่ตายสักที“ข้าคิดว่าหากเจ้าขาดหูไปสักข้าง หรือว่าตาบอดไปสักข้าง ก็คงไม่ส่งผลต่อการแก้คำสาปให้ข้าหรอกกระมัง”เฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”นางประมาทเกินไป ลืมไปได้อย่างไรว่าเขามันบ้า เรื่องแบบนี้เขาพูดจริงทำจริงแน่นอนตอนนี้ไม่ว่านางจะหนีหรือหยิบยันต์ออกมาสู้ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้วนางจึงตัดสินใจโน้มคอของเขาลงมาแล้วจูบปากเขาหนึ่งทีจิ่งโม่เยี่ย “......”จิ่งโม่เยี่ย “
Read More
บทที่ 83
เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะคิกคัก “เขาบอกให้ข้าไปร่วมงานเลี้ยงของราชวงศ์ แปลว่าก่อนจะถึงงานนั้น เขาจะไม่มีวันตัดหูหรือควักลูกตาข้าแน่นอน”เฉี่ยวหลิง “ทำไมล่ะเจ้าค่ะ?”เฟิ่งชูอิ่งตอบว่า “เพราะเขาก็ต้องรักษาหน้าตาเหมือนกัน หากข้ากลายเป็นคนพิการ เขาจะต้องอับอายขายหน้าแน่”เฉี่ยวหลิง “......มีเหตุผล แต่ท่านไปยั่วโมโหเขาแบบนี้ ไม่กลัวว่าหลังจบงานเลี้ยงแล้วเขาจะมาตัดหูท่านหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งโบกมือไปมา “เรื่องหลังจากนั้นก็ค่อยว่ากันสิ”หากถึงตอนนั้นจริงๆ นางก็แค่หาทางเบี่ยงเบนความสนใจเขาอีกรอบไง!อย่างไรเสียคืนนี้นางก็ได้ทุบตีเขาแล้ว นอกจากนี้ยังเขียนคำว่าหวางปา(เจ้าโง่) กับวาดเต่าไปด้วย นางรู้สึกเบิกบานใจสุดๆ เลยเฉี่ยวหลิงมองนางด้วยท่าทางกังวลตอนนี้เฉี่ยวหลิงเป็นร่างวิญญาณ เป็นคนที่ตายไปแล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นคนหรือวิญญาณ นางก็ยังไม่เคยเห็นใครใจกล้าเท่าเฟิ่งชูอิ่งมาก่อนเลยเฟิ่งชูอิ่งใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหนเฟิ่งชูอิ่งไม่ได้กังวลเท่ากับเฉี่ยวหลิง เพราะนางไม่ใช่คนที่ยอมใครอยู่แล้วจิ่งโม่เยี่ยต้องได้รับความช่วยเหลือจากนางแท้ๆ แต่กลับยังคิดจะรังแกนาง บีบคั้นนาง กล้าดีอย
Read More
บทที่ 84
ทว่าตอนนี้ฉินจื๋อเจี้ยนไม่เห็นว่าจิ่งโม่เยี่ยมีท่าทางอยากจะไปตัดมือคนผู้นั้นเลย กลับกัน ดูเหมือนจะไม่ได้โกรธขนาดนั้นด้วยกลอุบายกลั่นแกล้งกันแบบนี้ คล้ายจะเป็นฝีมือของสตรีเสียมากกว่า เหมือนเป็นเรื่องสนุกในเรือนนอนอย่าบอกนะว่าจิ่งโม่เยี่ยมีคนที่ชอบแล้ว?ทว่าเขากลับปัดความคิดนั้นทิ้งไปทันทีเพราะเขาตระหนักดีว่าจิ่งโม่เยี่ยเติบโตมากับอะไรบ้าง รู้ว่าคนแบบจิ่งโม่เยี่ย ไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกทำให้เขาหวั่นไหวได้หรอกแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ล่ะ?ตอนที่เขาเดินจนถึงประตู จิ่งโม่เยี่ยก็ถามเขาว่า “จื๋อเจี้ยน หากเจ้าพบเจอกับคนที่ใจกล้าบ้าบิ่นมากๆ เจ้าจะทำอย่างไร?”ฉินจื๋อเจี้ยนได้ยินเช่นนั้นก็หูผึ่งทันที รีบก้าวฉับๆ เขาไปหาอีกฝ่ายอย่างว่องไว “หากข้าพบเจอคนแบบนั้น ข้าก็น่าจะเมินเฉยเสียมากกว่า“หากท่านอ๋องพบกับคนแบบนั้น ก็น่าจะใช้กระบี่แทงตายสินะพ่ะย่ะค่ะ?”จิ่งโม่เยี่ยตอบเสียงเรียบ “คนผู้นั้นมีประโยชน์มาก ตอนนี้ยังฆ่าไม่ได้”ความอยากรู้อยากเห็นของฉินจื๋อเจี้ยนทำงานทันที “ในเมื่อฆ่าไม่ได้ ถ้างั้นก็ต้องเอาตัวเขามาไว้ในจวน“จากนั้นก็ทรมานเขาทุกวัน ใช้แส้เฆี่ยนเขาทุกคืน ทำให้เขาทรมานยิ่งกว่าตาย แต่ก็ยั
Read More
บทที่ 85
หลังจากผู้ดูแลโจวเข้ามาก็จัดการปิดประตู ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้านาง โขกศีรษะให้นางแล้วกล่าวว่า “คุณหนูต่างสกุล ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”เฟิ่งชูอิ่งเห็นว่าบนหน้าของเขามีรอยมือสีดำเข้มติดอยู่จำนวนมาก ที่คอก็มีรอยถูกรัดสีดำอยู่เช่นกัน จึงทราบว่าเมื่อคืนเขาคงจะถูกทรมานมิใช่น้อยนางจึงหันมองวิญญาณร้ายที่เกาะติดผู้ดูแลโจวอีกครั้ง ร่างวิญญาณของอีกฝ่ายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากวิญญาณร้ายจะเติบโตขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกลืนกินพวกเดียวกัน หรือไม่ก็กัดกินอารมณ์ด้านลบของคนเป็นอาหารดูจากสภาพของวิญญาณร้าย คงจะได้กินความกลัวกับความหวาดผวาของผู้ดูแลโจวไปไม่น้อยเลยเฟิ่งชูอิ่งถามเสียงเรียบ “ผู้ดูแลโจวคิดได้แล้วหรือ?”ผู้ดูแลโจวแหงนหน้าขึ้นมองนาง “ขอแค่คุณหนูต่างสกุลยอมช่วยชีวิตข้า หลังจากนี้ไปข้าจะยอมรับใช้ท่านทุกอย่าง”เมื่อคืนนี้เขาเชิญนักพรตท่านหนึ่งมาทำพิธีในบ้าน ผลคือพิธียังทำไม่ทันจะเสร็จ นักพรตคนนั้นก็โดนอะไรบางอย่างจับขึ้นไปแขวนบนคานไม้แล้วหลังจากพวกเขาช่วยกันพานักพรตคนนั้นลงมา นักพรตคนนั้นก็เผ่นหนีออกไปแบบไม่ลืมหูลืมตา ปฏิเสธที่จะข้องเกี่ยวกับพวกเขาอีกเมื่อคืนนี้นอกจากเขาจะโดนผีอำแล้ว ยังเกือบจะถูกรัดคอตายด้ว
Read More
บทที่ 86
ผู้ดูแลโจวตอบ “ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้พูดออกมา ข้าก็เลยไม่ทราบว่านางเป็นใคร“แต่ฟังจากน้ำเสียงของฮูหยินในตอนนั้น นายท่านเหมือนจะเป็นคนรักของมารดาท่านขอรับ”เฟิ่งชูอิ่ง “......”น้ำเน่าขนาดนี้เลยหรือ?นางคิดพิจารณาดูแล้วว่าเรื่องพวกนี้มันไม่สมเหตุสมผล ต่อให้เป็นคนที่ไม่มีสมอง ก็ไม่มีทางส่งตัวลูกสาวให้คนรักเก่าเอาไปดูแลหรอกในความทรงจำของร่างเดิม มารดาของนางเป็นผู้ที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่งแต่น่าเสียดาย ความทรงจำของร่างเดิมก่อนจะมาอยู่ที่จวนสกุลหลินเลือนรางมาก เฟิ่งชูอิ่งพยายามจะค้นหาความทรงจำของร่างเดิม แต่ก็ไม่พบข้อมูลอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยนางจึงเอ่ยเสียงเรียบ “นอกจากเรื่องนี้แล้ว เจ้ายังรู้อะไรอีกบ้าง?”ผู้ดูแลโจวมองสบตานาง “หากคุณหนูต่างสกุลช่วยชีวิตข้าแล้ว ความลับเรื่องอื่นที่ข้ารู้มา สามารถค่อยๆ คุยกันทีหลังได้ขอรับ”เฟิ่งชูอิ่งระบายยิ้ม นางลองตรวจโหงวเฮ้งของผู้ดูแลโจวเล็กน้อย เขาเป็นคนต่ำต้อยเลวทรามที่แล่นเรือตามลม[footnoteRef:1] แล้วยังเป็นคนที่ใจดำอำมหิตอีกด้วย [1: ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ โอนเอียงไปฝั่งโน้นทีฝั่งนี้ที ] วาจาของเขาเชื่อถือไม่ได้ ทำอะไรก็ยึดถือผลประโยชน์เป็นหลัก ไร้ยาง
Read More
บทที่ 87
ฮว๋าซื่อตอนยังสาวก็นับว่าสวยอยู่หรอก แต่ตอนนี้นางอายุมากแล้ว ใบหน้าจึงไม่สวยเหมือนเดิมแล้วพอนางร้องไห้นานๆ เข้า ดวงตาก็เริ่มจะบวดปูด หลินชูเจิ้งเห็นนางสภาพนั้นก็รู้สึกรังเกียจขึ้นมาเขาหน้ามืดครึ้มทนฟังนางจนเล่าจบ เอ่ยถามเสียงต่ำว่า “เจ้าหมายความว่าตอนเกิดเรื่องเฟิ่งชูอิ่งไม่ได้อยู่ตรงนั้น?”ฮว๋าซื่อสะอึกสะอื้น “นางไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่สัญชาตญาณของข้าบอกว่านางเป็นคนทำแน่นอน!“สารถีแซ่หลิวทำงานในจวนสกุลหลินมานานหลายปี เขาเป็นคนนิสัยอย่างไรข้าย่อมรู้ดี ให้เขากล้าแค่ไหนก็ไม่กล้าทำเรื่องเช่นนั้นกับข้าหรอก!”หากฮว๋าซื่อไม่ได้เกิดเรื่องแบบนั้นกับสารถีแซ่หลิว หลินชูเจิ้งก็คงจะรู้สึกเห็นด้วยกับคำพูดของนางทว่าพอเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นเมื่อวาน คำพูดของฮว๋าซื่อก็เลยฟังดูเหมือนกำลังเข้าข้างและแก้ตัวแทนสารถีแซ่หลิวไปเสียอย่างนั้นหลินชูเจิ้งจึงสะบัดมือฟาดหน้าฮว๋าซื่อไปหนึ่งที “แพศยา พวกเจ้านอนด้วยกันจนเกิดเป็นความรักหรือ? ถึงได้พูดออกตัวแทนมันแบบนี้!”ฮว๋าซื่อที่ถูกตบก็งุนงง นางร้องไห้ฟูมฟาย “ข้าเป็นคนอย่างไรท่านไม่รู้หรืออย่างไร ทำไมต้องต่อว่าข้าแบบนั้นด้วย!”หลินชูเจิ้งด่า “เจ้าเป็นคนอย่างไรข้า
Read More
บทที่ 88
แม้จิ่งโม่เยี่ยจะเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งเขามักจะมาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ซึ่งมันน่าตกใจมากนางจึงอดไม่ไหวเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง วันหลังหากท่านจะมาก็ช่วยแจ้งข้าล่วงหน้าได้ไหมเพคะ?”จิ่งโม่เยี่ยเหล่ตามองนาง “จากนั้นเจ้าก็จะได้ชิงหลบหน้าข้าสินะ?”ทุกครั้งที่เฟิ่งชูอิ่งเห็นเขาทำสีหน้าแบบนั้น นางมักจะขนลุกในใจทุกทีนางรีบร้อนเอ่ย “ไม่ใช่เพคะ เพื่อที่ข้าจะได้เตรียมต้อนรับท่านอ๋องต่างหากล่ะ”จิ่งโม่เยี่ยแสยะยิ้มเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปหานางนางพลันนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อวานเขียนอะไรบนหน้าเขาไปบ้าง ตนเองรู้สึกเหมือนมีชนักติดหลังอยู่ จึงตั้งท่าหวาดระแวงเต็มที่คิดไม่ถึงเลยว่าจิ่งโม่เยี่ยจะดีดเหรียญกษาปณ์ทองแดงเข้ามาสกัดจุดนางโดยตรงนางพลันรู้สึกว่าร่างกายแข็งทื่อ ขยับเขยื้อนไม่ได้สักนิดเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!”จิ่งโม่เยี่ยนั่งลงบนเตียงของนางแล้วถาม “ยังจำสิ่งที่เจ้าพูดเมื่อคืนวานได้หรือไม่?”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างประจบ “เมื่อคืนวานข้าพูดไปเยอะมากเลยเพคะ มิทราบท่านอ๋องหมายถึงประโยคไหน?”จิ่งโม่เยี่ยเลิกคิ้วมองนาง จู่ๆ นางก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาครู่ต่อมา เขาก็จับยกร่างของนางขึ้นมาแล้วโยนลงเตี
Read More
บทที่ 89
แต่ครั้งนี้นางน่าจะหวาดกลัวจริงๆ ในแววตายังดูผวาอยู่เลยตอนแรกจิ่งโม่เยี่ยคิดว่าคนใจกล้าอย่างนาง คงจะไม่รู้จักคำว่าหวาดกลัวเหมือนคนอื่นหรอก คิดไม่ถึงเลยว่านางจะกลัวเป็นด้วยเขาถามนาง “เจ้าร้องไห้ทำไม?”เฟิ่งชูอิ่งสูดจมูกเบาๆ “ข้ากลัวท่านอ๋องจะฆ่าข้า แล้วท่านจะต้องตายไปด้วย“ข้าตายก็ไม่เป็นไรหรอก แต่หากท่านอ๋องตาย คงเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก”จิ่งโม่เยี่ย “....เจ้ายังกล้าเล่นลิ้นอยู่อีก ดูเหมือนข้าควรจะตัดกะโหลกศีรษะของเขาออกมาจริงๆ”คำพูดของเขาฟังดูโหดร้าย น้ำเสียงเฉยชา ทว่าในแววตากลับไม่มีความดุร้ายเฟิ่งชูอิ่งมองเขาแล้วกล่าว “ข้าพูดความจริงเพคะ ข้าไม่อยากให้ท่านอ๋องตาย”จิ่งโม่เยี่ยยื่นมือไปบีบจมูกนาง “เจ้ากลัวจะถูกข้าฆ่าก็บอกมาตรงๆ เถอะ ไม่ต้องพูดอ้อมโลกขนาดนั้น”บนจมูกของนางมีคราบน้ำตาอยู่นิดหน่อย ตอนเขาแตะโดนจึงขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือหลังจากเขาเช็ดเสร็จแล้ว นางก็ถลึงดวงตาที่มีน้ำตาจ้องมองเขา ดูแล้วน่ารักทีเดียวเขาจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้นางแบบไม่รู้ตัวหลังจากเช็ดน้ำตาให้นางเสร็จแล้ว พวกเขาทั้งสองคนก็นิ่งไปจิ่งโม่เยี่ยไม่เคยทำเรื่องแบ
Read More
บทที่ 90
คนพวกนั้นเป็นบ่าวรับใช้ของฮว๋าซื่อ วันนี้จุดประสงค์ของพวกเขาคือต้องการฆ่าเฟิ่งชูอิ่งให้ตายคนที่เดินดุ่มๆ เข้าไปคนแรกคิดจะประจบเอาใจฮว๋าซื่อ เขาจึงตรงดิ่งเข้าไปข้างในอย่างว่องไว ปากก็ด่าหยาบคายไปด้วย “เฟิ่งชูอิ่ง เจ้ามันนังสารเลว....”เสียงของเขาขาดหายไปพร้อมกับเสียงกรีดกระบี่สายหนึ่ง ที่แทงเข้าไปในคอหอยของเขาอย่างแม่นยำแสงกระบี่วาววับสะท้อนไปมาในห้องเหมือนสายฟ้าแลบ กลิ่นอายเย็นเยียบน่าสะพรึงกลัวชวนให้คนเสียวสันหลังวาบดวงตาของท้อของจิ่งโม่เยี่ยหรี่ลงเล็กน้อย เขาใช้ด้ามกระบี่ผลักร่างคนที่ถูกปาดคอ ร่างของอีกฝ่ายพลิกม้วนอย่างเสียการควบคุม เลือดอุ่นร้อนและเหม็นคาวพลันสาดใส่ใบหน้าของคนข้างหลังเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเร็วเกินไป คนด้านหลังไม่ทันจะได้ตั้งตัว แล้วยังมีคนตะโกนด่าต่อว่า “นังแพศยาลอบคบชู้หน้าไม่อาย!”“จับตัวพวกเขาไปถ่วงน้ำด้วยกันเลย!”คนที่โดนเลือดสาดเปื้อนหน้าสบถว่า “อะไรวะเนี่ย!”พวกเขายื่นมือออกไปคลำดู คนที่เดินนำเข้าไปคนแรกก็ล้มลงไปแล้วตายคาที่เสียงโหวกเหวกพลันดังก้องไปทั่วคนด้านหลังคิดจะบุกเข้าไป ส่วนคนด้านหน้าก็อยากจะถอยออกมามู่ลี่ลูกปัดถูกเขย่าจนส่งเสียงครืนๆ สถานการ
Read More
ก่อนหน้า
1
...
5678910
DMCA.com Protection Status