แชร์

บทที่ 89

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
แต่ครั้งนี้นางน่าจะหวาดกลัวจริงๆ ในแววตายังดูผวาอยู่เลย

ตอนแรกจิ่งโม่เยี่ยคิดว่าคนใจกล้าอย่างนาง คงจะไม่รู้จักคำว่าหวาดกลัวเหมือนคนอื่นหรอก คิดไม่ถึงเลยว่านางจะกลัวเป็นด้วย

เขาถามนาง “เจ้าร้องไห้ทำไม?”

เฟิ่งชูอิ่งสูดจมูกเบาๆ “ข้ากลัวท่านอ๋องจะฆ่าข้า แล้วท่านจะต้องตายไปด้วย

“ข้าตายก็ไม่เป็นไรหรอก แต่หากท่านอ๋องตาย คงเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก”

จิ่งโม่เยี่ย “....เจ้ายังกล้าเล่นลิ้นอยู่อีก ดูเหมือนข้าควรจะตัดกะโหลกศีรษะของเขาออกมาจริงๆ”

คำพูดของเขาฟังดูโหดร้าย น้ำเสียงเฉยชา ทว่าในแววตากลับไม่มีความดุร้าย

เฟิ่งชูอิ่งมองเขาแล้วกล่าว “ข้าพูดความจริงเพคะ ข้าไม่อยากให้ท่านอ๋องตาย”

จิ่งโม่เยี่ยยื่นมือไปบีบจมูกนาง “เจ้ากลัวจะถูกข้าฆ่าก็บอกมาตรงๆ เถอะ ไม่ต้องพูดอ้อมโลกขนาดนั้น”

บนจมูกของนางมีคราบน้ำตาอยู่นิดหน่อย ตอนเขาแตะโดนจึงขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือ

หลังจากเขาเช็ดเสร็จแล้ว นางก็ถลึงดวงตาที่มีน้ำตาจ้องมองเขา ดูแล้วน่ารักทีเดียว

เขาจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้นางแบบไม่รู้ตัว

หลังจากเช็ดน้ำตาให้นางเสร็จแล้ว พวกเขาทั้งสองคนก็นิ่งไป

จิ่งโม่เยี่ยไม่เคยทำเรื่องแบ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 90

    คนพวกนั้นเป็นบ่าวรับใช้ของฮว๋าซื่อ วันนี้จุดประสงค์ของพวกเขาคือต้องการฆ่าเฟิ่งชูอิ่งให้ตายคนที่เดินดุ่มๆ เข้าไปคนแรกคิดจะประจบเอาใจฮว๋าซื่อ เขาจึงตรงดิ่งเข้าไปข้างในอย่างว่องไว ปากก็ด่าหยาบคายไปด้วย “เฟิ่งชูอิ่ง เจ้ามันนังสารเลว....”เสียงของเขาขาดหายไปพร้อมกับเสียงกรีดกระบี่สายหนึ่ง ที่แทงเข้าไปในคอหอยของเขาอย่างแม่นยำแสงกระบี่วาววับสะท้อนไปมาในห้องเหมือนสายฟ้าแลบ กลิ่นอายเย็นเยียบน่าสะพรึงกลัวชวนให้คนเสียวสันหลังวาบดวงตาของท้อของจิ่งโม่เยี่ยหรี่ลงเล็กน้อย เขาใช้ด้ามกระบี่ผลักร่างคนที่ถูกปาดคอ ร่างของอีกฝ่ายพลิกม้วนอย่างเสียการควบคุม เลือดอุ่นร้อนและเหม็นคาวพลันสาดใส่ใบหน้าของคนข้างหลังเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเร็วเกินไป คนด้านหลังไม่ทันจะได้ตั้งตัว แล้วยังมีคนตะโกนด่าต่อว่า “นังแพศยาลอบคบชู้หน้าไม่อาย!”“จับตัวพวกเขาไปถ่วงน้ำด้วยกันเลย!”คนที่โดนเลือดสาดเปื้อนหน้าสบถว่า “อะไรวะเนี่ย!”พวกเขายื่นมือออกไปคลำดู คนที่เดินนำเข้าไปคนแรกก็ล้มลงไปแล้วตายคาที่เสียงโหวกเหวกพลันดังก้องไปทั่วคนด้านหลังคิดจะบุกเข้าไป ส่วนคนด้านหน้าก็อยากจะถอยออกมามู่ลี่ลูกปัดถูกเขย่าจนส่งเสียงครืนๆ สถานการ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 91

    ทว่าในใจนางกลับสนุกสนานมาก นางชอบนักแหละที่ฮว๋าซื่อมาจับชู้เองถึงที่!น่าเสียดายที่นางถูกผ้าเช็ดหน้าปิดทับอยู่ ก็เลยมองไม่เห็นสถานการณ์ในห้องจิ่งโม่เยี่ยปรายตามองนางแวบหนึ่ง เขาเติบโตมาในวัง จึงคุ้นเคยกับกลอุบายของสตรีพวกนั้นเป็นอย่างดี ถึงวิธีการของฮว๋าซื่อจะไม่ได้ปราดเปรื่อง แล้วยังดูเป็นการหาเรื่องอย่างเห็นได้ชัด แต่มันกลับโหดเหี้ยมอย่างมากเขาพอจะรู้มาบ้างว่าสถานการณ์ของเฟิ่งชูอิ่งในจวนสกุลหลินไม่สู้ดีนัก แต่กลับเพิ่งเคยได้สัมผัสกับตัวครั้งแรกตอนนี้เขาเริ่มจะเข้าใจบ้างแล้วว่าทำไมเฟิ่งชูอิ่งถึงพูดโกหกได้คล่องปากขนาดนั้น คงเป็นเพราะถูกคนพวกนี้บีบคั้นเอาน่ะสิฮว๋าซื่อตะโกนอยู่นอกห้อง “ตอนนี้ชายชู้ก็อยู่ในห้องกับเจ้าด้วย เจ้ายังกล้าพูดจาเช่นนี้อีกหรือ เจ้าทำให้ข้าผิดหวังเหลือเกิน!“พวกเจ้าน่ะ เข้าไปจับตัวชายชู้ออกมาเดี๋ยวนี้!”พวกบ่าวชายพากันจ้องมองศพที่นอนกองบนพื้น ไม่มีใครกล้านำออกไปแม้แต่คนเดียวบ่าวบางคนถึงกับถอยหลังหนี เดินเข้ามาหาฮว๋าซื่อแล้วกล่าวว่า “ฮูหยิน ชายชู้คนนั้นโหดเหี้ยมมากขอรับ เขาฆ่าคนในจวนด้วย!”ฮว๋าซื่อได้ยินก็โกรธจัด “เป็นใครกันถึงกล้าทำตัวเช่นนี้ในจวนสกุลหลิน!”

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 92

    ฮว๋าซื่ออดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้ นางพยายามเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง ต่อให้ท่านจะเป็นว่าที่สามีภรรยากับเฟิ่งชูอิ่ง แต่เรื่องนี้ก็ไม่ถูกไม่ควรนะเพคะ”จิ่งโม่เยี่ยหัวเราะเบาๆ “น่าขำจริงๆ บนโลกใบนี้ยังมีคนกล้าพูดเรื่องความเหมาะสมกับข้าอีกหรือ“ถ้าเจ้ามีปัญหากับเรื่องนี้ มิลองเข้าวังไปถามเสด็จอาของข้าดูเล่า ดูสิว่าเขาจะพูดเรื่องความเหมาะสมกับข้า หรือจะจับเจ้าไปใส่กรงหมูถ่วงน้ำ”ฮว๋าซื่อ “......”ฐานะของจิ่งโม่เยี่ยพิเศษมาก แม้ฮ่องเต้เจาหยวนจะอยากฆ่าเขา แต่ก็ไม่กล้าลงมืออย่างเปิดเผยอีกอย่างถึงอยู่ต่อหน้า ฮ่องเต้เจาหยวนก็ยังเกรงใจจิ่งโม่เยี่ยอยู่มากตอนนี้ชื่อเสียงของนางเหลวแหลก หากผิดพลาดขึ้นมาอาจถูกจับถ่วงน้ำได้จริงๆหลินชูเจิ้งที่ได้ข่าวก็รีบแล่นมาที่เกิดเหตุทันที เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องมาเยือน จึงไม่ได้รอต้อนรับ ขอท่านอ๋องโปรดอภัยด้วย”จิ่งโม่เยี่ยเอ่ยเสียงเรียบ “ใต้เท้าหลิน ฮูหยินของท่านเล่นชู้กลางวันแสกๆ ต่อหน้าทุกคน ในเมืองหลวงเขารู้กันทั่ว“นางทำเรื่องไร้ยางอายแบบนั้นได้ จึงคิดว่าสตรีในใต้หล้าล้วนหน้าไม่อายเหมือนตัวเองหมด ท่านจะไม่จัดการเรื่องนี้หน่อยหรือ?”หลินชูเจิ้ง “......”เขา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 93

    เขาหันมองเฟิ่งชูอิ่ง ก่อนจะแค่นเสียงเย็นชา เดินตามหลินชูเจิ้งไปที่โถงเรือนหน้าเมื่อพวกเขาไปแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็หัวเราะคิกคักแล้วบอกฮว๋าซื่อว่า “ฝีมือการจับชู้ของท่านป้าช่างยอดเยี่ยมนัก ข้านับถือจนอยากลงไปกราบเลยเจ้าค่ะ”ฮว๋าซื่อกัดฟัน “มิน่าล่ะเจ้าถึงได้เย่อหยิ่งจองหองนัก ที่แท้ก็เพราะมีต้นไม้ใหญ่อย่างอ๋องฉู่นี่เอง“แต่ว่าเขาเองก็เป็นแค่พระโพธิสัตว์ดินข้ามแม่น้ำ[footnoteRef:1] แค่ตัวเองยังแทบจะไม่รอด ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะอวดดีได้อีกนานแค่ไหน!” [1: ดูเหมือนยิ่งใหญ่ แต่จริงๆ แล้วเปราะบาง] เฟิ่งชูอิ่งยิ้มบางๆ “ท่านกล้าไปพูดเช่นนี้ต่อหน้าเขาไหม?”ฮว๋าซื่อ “......”เฟิ่งชูอิ่งยักคิ้วเบาๆ “ท่านไม่กล้า! แค่นี้ท่านยังไม่กล้าพูดต่อหน้าเขาเลย ขอแค่เขายังมีชีวิตอยู่ ข้าก็ยังจองหองได้เหมือนเดิม“แต่ท่านป้าวางใจได้เลย ข้าตั้งใจจะฆ่าท่านให้ตายก่อนเขาอยู่แล้ว รับรองว่าท่านไม่มีโอกาสได้สะใจหรอก”ฮว๋าซื่อ “......”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวว่า “หากตอนนี้ท่านป้ามีเวลาว่างมานั่งด่าข้า มิสู้เอาเวลาไปจัดการเรื่องในครั้งนี้จะดีกว่า“เพราะถึงข้าจะคบชู้ก็คบกับว่าที่พระสวามีของตัวเอง แต่ท่านคบชู้กับบ่าวในจวนของตัวเอง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 94

    จิ่งโม่เยี่ยกล่วจบก็ก้มหน้าลงมาทำท่าจะจูบนางเขาเป็นคนที่คิดจะทำอะไรแล้วต้องได้ทำ วันนี้เขาอยากจะชิมรสชาติของนาง ต่อให้ถูกขัดจังหวะเขาก็ต้องชิมให้ได้เฟิ่งชูอิ่งเบื่อการถูกเขาบีบคางมากที่สุด การกระทำดังกล่าวนอกจากจะดูคุกคามแล้ว ยังให้ความรู้สึกเหมือนเขาอยู่เหนือกว่าด้วยแล้วพอเขายื่นหน้าเข้ามาแบบนี้ นางก็เลยเผลอตัวฟาดฝ่ามือใส่ใบหน้าเขาเต็มแรงเพราะนางตวัดมือเร็วมาก แล้วจิ่งโม่เยี่ยก็ไม่คาดคิดว่านางจะลงมือด้วย ผลคือเขาโดนนางตบเต็มๆ“เผียะ” เสียงตบดังก้องขึ้นมา ทั้งสองชะงักไปพร้อมกันดวงตาดอกท้อของจิ่งโม่เยี่ยเปลี่ยนไปสีเข้ม มองเฟิ่งชูอิ่งอย่างเย็นชาในใจนางร่ำร้องว่า “ซวยแล้วไง! คราวนี้ได้ตายจริงแน่ ข้าเพิ่งจะตบหน้าจอมวายร้ายที่ใหญ่สุดในนิยายไป แล้วชีวิตน้อยๆ นี้จะยังปกป้องเอาไว้ได้อย่างไร!”ความคิดมากมายแล่นในสมองของนาง ก่อนจะฉีกยิ้มบางๆ “การตบหน้าท่านอ๋อง สำหรับข้าแล้วตื่นเต้นยิ่งกว่าการลอบคบชู้อีกเพคะ”“ท่านอ๋อง ชอบหรือไม่? ตื่นเต้นเร้าใจหรือเปล่า?”จิ่งโม่เยี่ย “......”นางตบเขา แล้วยังกล้าถามอีกหรือว่าชอบหรือเปล่า?มือของเขาแตะลงบนกระบี่เฟิ่งชูอิ่งจึงรีบกดด้ามกระบี่ของเขา “ท่านอ๋อ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 95

    แต่วันนี้เฟิ่งชูอิ่งกลับกล้าตบหน้าของเขา!หรือว่านิสัยของเขาจะเปลี่ยนไปแล้ว?หลินหว่านถิงมองศพที่บ่าวไพร่ในจวนที่กองอยู่เต็มพื้นเพราะยังไม่มีใครมาจัดการ ยางจึงเงียบไปสักพักนางเกิดคงามกังวลขึ้นในใจ หากจิ่งโม่เยี่ยปกป้องเฟิ่งชูอิ่งขนาดนี้ หลังจากนี้พวกเขาจะลงมืออย่างไรล่ะ?ไม่ได้ อย่างไรเฟิ่งชูอิ่งก็ต้องตาย!หากเฟิ่งชูอิ่งไม่ตาย นางก็ไม่ได้เป็นพระชายาอ๋องเฉินน่ะสิ!จิ่งโม่เยี่ยปกป้องเฟิ่งชูอิ่งได้แค่ไม่นานหรอก เขาไม่สามารถอยู่ข้างกายเฟิ่งชูอิ่งได้ตลอดเวลาวิธีการฆ่าคนอันโหดเหี้ยมอำมหิตที่ซ่อนอยู่ภายในจวนด้านหลังแห่งนี้ มันจะต้องฆ่าเฟิ่งชูอิ่งได้แน่นอนจิ่งโม่เยี่ยวันนี้นอกจากจะไม่ได้ลิ้มรสเฟิ่งชูอิ่ง ยังถูกนางตบอีกต่างหากเขารู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก เพราะเขาโตมาจนป่านนี้แล้ว ยังไม่เคยมีใครกล้าลงมือขนาดนี้มาก่อนแล้วอีกฝ่ายยังเป็นสตรีด้วย!หลังออกมาจากจวนสกุลหลินก็คิดได้เรื่องหนึ่ง นางตบเขาเชียวนะ ทำไมเขาถึงไม่ใช้กระบี่ฟันแขนนางขาดล่ะ?เรื่องนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจ เพราะว่ามันไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เขาทำมาตลอดเขาครุ่นคิดว่าควรจะกลับไปหานางเพื่อตัดมือดีไหม แต่หากกลับไปตอนนี้มันก็ดูไ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 96

    จิ่งโม่เยี่ยไม่ไว้หน้าหลินชูเจิ้งสักนิด วันนี้เขาถูกอีกฝ่ายด่ากราดแบบไม่เกรงใจ จนแทบจะไร้ค่ากว่าอึสุนัขหากวันนี้ฮว๋าซื่อทำสำเร็จ เขาก็อาจจะชื่นชมนางสักหน่อยแต่หากฮว๋าซื่อทำพลาด แปลว่ามันคือความผิดของนางฮว๋าซื่อสีหน้าบิดเบี้ยว นางกรอกตาขึ้นบนแล้วสลบไปทันทีเมื่อคืนนางต้องเจอเรื่องสารถีแซ่หลิว วันนี้นางต้องเจอเรื่องจิ่งโม่เยี่ยข่มขู่ แล้วถูกเฟิ่งชูอิ่งยั่วโมโหอีก พอหลินชูเจิ้งด่าซ้ำนางก็เลยรับไม่ไหวหลินชูเจิ้งเห็นนางสลบเหมือดก็แอบชะงักเล็กน้อย ก่อนจะด่านางต่อไปว่า “นังสารเลวไม่ได้เรื่อง!”แต่ถึงเขาจะด่านาง ก็ยังเรียกคนมาช่วยกันแบกฮว๋าซื่อขึ้นไปนอนแล้วเรียกหมอมาตรวจดูเพราะเขารู้สึกรังเกียจฮว๋าซื่อ แม้แต่ปลายนิ้วเขาก็ไม่อยากสัมผัสหลินชูเจิ้งยิ่งคิดยิ่งโกรธ เขากลับเข้าห้องหนังสือไปเขียนจดหมาย เรียกผู้ดูแลโจวให้ดั้นด้นเอาจดหมายไปส่งถึงจวนสกุลฮว๋ากลางดึกเขาต้องการหย่ากับฮว๋าซื่อ แต่ก็ตัดใจปล่อยท่อน้ำเลี้ยงอย่างสกุลฮว๋าไม่ลง จึงต้องใช้วิธีเจรจาต่อรองผู้ดูแลโจวสั่งคนให้ไปส่งจดหมายแล้ว เขาก็รู้สึกกระวนกระวายใจเมื่อคืนนี้เขานอนหลับสบายเป็นครั้งแรก เขาจึงคิดว่าวิญญาณร้ายตนนั้นน่าจะไปแล้ว

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 97

    เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยอย่างปวดใจ “ถ้ารอให้เสียเปรียบก็สายไปแล้วน่ะสิ!”เฉี่ยวหลิง “......มีเหตุผล!”นางดูยันต์ไม่เป็น แต่หลังจากเห็นเฟิ่งชูอิ่งเขียนยันต์บ่อยๆ เข้า นางก็พอจะรู้ประเภทของแต่ละยันต์นางเป็นวิญญาณ ของพวกนั้นนางสัมผัสไม่ได้ ก็เลยช่วยอะไรไม่ได้ จึงตัดสินใจไปถูพื้นแทนจิ่งโม่เยี่ยฆ่าคนตายในห้องของนาง คราบเลือดก็เลยเลอะเต็มไปหมดหากว่าตามปกติแล้ว ห้องใครมีคนตายมากมายขนาดนี้ คงจะกลัวจนไม่กล้าอยู่กันแล้วแต่เรื่องนี้ไม่มีผลกับเฟิ่งชูอิ่ง พวกบ่าวชายที่ตายไปแล้ววิญญาณยังวนเวียนอยู่ในห้อง เฟิ่งชูอิ่งจึงบอกให้เฉี่ยวหลิงจับพวกเขามาช่วยทำความสะอาดในมุมมองของเฟิ่งชูอิ่ง การทำงานบ้านของเฉี่ยวหลิงก็เป็นเรื่องที่เหนื่อยหนักไม่น้อย มีตัวทุ่นแรงดผล่มาทั้งที จะไม่ใช้ได้อย่างไรล่ะไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ห้องนี้สกปรกเพราะพวกเขาอีกต่างหากเฉี่ยวหลิงชี้นิ้วสั่งให้พวกเขาทำความสะอาดอย่างเป็นธรรมชาติตอนแรกพวกเขาไม่เต็มใจทำ พากันบ่นนั่นบ่นนี่ เฟิ่งชูอิ่งจึงบอกว่า “เฉี่ยวหลิง ต่อยพวกเขาเลย!”พวกเขาเป็นวิญญาณที่เพิ่งตาย จะไปสู้แรงของเฉี่ยวหลิงได้อย่างไร พอถูกต่อยเข้าสักพัก พวกเขาก็พากันเชื่อฟังอย่างดี พากัน

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status