บททั้งหมดของ ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี: บทที่ 61 - บทที่ 70
100
บทที่ 61
ยันต์ที่เฟิ่งชูอิ่งเขียนออกมา จะต้องเป็นยันต์ระดับสูงสุดที่เขาเคยพบเจอมาแน่ๆเขาจ้องมองเฟิ่งชูอิ่งตาค้าง ถามนางว่า “ยันต์ใบนี้ยกให้ข้าได้ไหม?”เฟิ่งชูอิ่งนึกขึ้นได้ว่าครั้งก่อนนางถูกเขาเอาทรัพย์สินเงินทองส่วนหนึ่งไป จึงถามกลับว่า “เจ้ายินดีจ่ายเงินซื้อไหม?”เจ้าอาวาส “......”ดวงตากลมโตประสานกับดวงตาเรียวเล็กเจ้าอาวาสถาม “เจ้าคิดเงินเท่าไหร่?”เฟิ่งชูอิ่งตอบกลับ “หนึ่งร้อยตำลึงคงไม่มากไปสินะ?”เจ้าอาวาสรีบหันไปสั่งพระที่อยู่ด้านหลัง “ไปหยิบเงินมาหนึ่งพันตำลึง”หลังจากนำเงินมาแล้วก็กล่าวกับเฟิ่งชูอิ่งอย่างยิ้มแย้ม “หนึ่งพันตำลึงเงิน เจ้าช่วยเขียนยันต์ให้ข้าอีกเก้าแผ่นได้ไหม?”เฟิ่งชูอิ่ง “......”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาใช้เท้าเตะเจ้าอาวาสหนึ่งที “ข้ามาหาเจ้าเพื่อให้ช่วยกันหาทางแก้คำสาป ไม่ได้ให้พวกเจ้ามาซื้อขายยันต์กัน”เจ้าอาวาสรีบเอ่ยว่า “เรื่องคำสาปเดี๋ยวไว้ค่อยคุยกันทีหลัง ตอนนี้ข้าจะซื้อยันต์ก่อน เจ้าไม่รู้หรอกว่ายันต์พวกนี้มันหายากขนาดไหน!”เขาก็เขียนยันต์ได้เหมือนกัน แต่โอกาสสำเร็จมีไม่มากนัก อีกอย่างเขาก็ถนัดพวกยันต์คุ้มครองด้วยยันต์ที่ใช้โจมตีแบบนี้เป็นของที่หายากมาก ยันต์ป
Read More
บทที่ 62
ต่อให้เป็นจิ่งโม่เยี่ย ก็ยังคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวมันจะดำเนินมาทางนี้ได้เขาเอ่ยหน้ามืดครึ้ม “พวกเจ้าคุยกันจบหรือยัง?”เจ้าอาวาสตอบอย่างมีความสุข “คุยจบแล้ว คุยจบแล้ว ทีนี้พวกเราจะปรึกษากันเรื่องคำสาปของท่านอ๋องแล้ว”จิ่งโม่เยี่ยมองท่าทางระริกระรี้ของเขาแล้วรู้สึกอยากจะถีบให้กระเด็นเหลือเกินเจ้าอาวาสเห็นเขาสีหน้าไม่สู้ดีนัก จึงตระหนักได้ว่าวันนี้ตัวเองเผลอลืมตัวไปหน่อยเขาจึงกระแอมไอแล้วบอกกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “คำสาปของท่านอ๋องร้ายแรงมากเลยล่ะ“ขนาดท่านอ๋องเองยังไม่รู้ตัวเลยว่าโดนคำสาปตั้งแต่ตอนไหน และใครเป็นคนลงมือสาปแช่งเขา“คำสาปนี้โหดเหี้ยมอย่างมาก นอกจากจะช่วงชิงชีวิตคนเดียว ยังทำให้โชคชะตาของคนผู้นั้นถูกช่วงชิงไปตลอดเวลาด้วย“อีกทั้งคำสาปชนิดนี้ยังจะสลักความหวาดกลัวและความปรารถนาลงในจิตใจคน ทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นพวกโหดเหี้ยมป่าเถื่อน ไม่มีทางนอนหลับได้ หากหลับก็ต้องเผชิญหน้ากับฝันร้าย”ก่อนหน้านี้เฟิ่งชูอิ่งเคยสังเกตเห็นรอยคล้ำใต้ตาของจิ่งโม่เยี่ย จึงเดาว่าเขาน่าจะมีปัญหากับการนอนหลับ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าการที่เขาหลับยากขนาดนี้จะเป็นผลจากคำสาปนางเอ่ยถาม “ถ้าอย่างนั้นท่านอ๋องรู้ตัวตอน
Read More
บทที่ 63
เจ้าอาวาสรีบถามว่า “แล้วคำสาปชนิดนี้เจ้าแก้ไขได้ไหม?”เฟิ่งชูอิ่งตอบว่า “หากคิดจะแก้คำสาป ก็ต้องหาของต้องสาปให้เจอก่อน ขอแค่ทำลายของต้องสาปชิ้นนั้นได้ก็พอแล้ว”เจ้าอาวาสถามต่อ “แล้วเจ้าพอจะมีวิธีหาของต้องสาปชิ้นนั้นไหม?”เฟิ่งชูอิ่งครุ่นคิดสักพัก “หากไปค้นหาตรงๆ ก็คงไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทร ไม่มีทางหาเจอแน่นอน“ท่านอ๋อง ท่านพอจะมีคนที่สงสัยอยู่บ้างไหม?”จิ่งโม่เยี่ยตอบเสียงเฉยชา “ในเมืองหลวงแห่งนี้ คนที่อยากจะฆ่าข้ามีเยอะจนนับไม่ถูกเชียวล่ะ“ส่วนคนที่ข้าสงสัย ก่อนหน้านี้เคยลองตรวจสอบดูแล้ว อีกฝ่ายเก็บซ่อนได้มิดชิดมาก ก็เลยไม่มีอะไรคืบหน้าเลย”เฟิ่งชูอิ่งไม่คิดสงสัยความสามารถของเขาสักนิด หากเขานำกำลังพลออกตามหา การจะใช้คำว่าพลิกแผ่นดินหาก็ไม่เกินจริงเลยหากหาขนาดนั้นก็ยังหาไม่เจอ ก็แปลว่ากำลังมุ่งเป้าไปผิดทาง หรือไม่ก็อีกฝ่ายเตรียมการป้องกันมาอย่างดีแต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก็เป็นเรื่องที่ตึงมือทั้งนั้นเจ้าอาวาสถอนหายใจยาวเหยียด “ตั้งแต่พบว่าท่านอ๋องถูกคำสาปก็ผ่านมาห้าปีแล้ว“หากเป็นสถานการณ์ปกติ คนทั่วไปที่ถูกคำสาปเช่นนี้กัดกิน เกรงว่าคงจะมีชีวิตอยู่ได้นานสุดแค่สามปี โชคชะตาก็ถูกสูบจน
Read More
บทที่ 64
เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “วิธีการของข้าคือให้ท่านอ๋องปลดปล่อยพลังงานชั่วร้ายออกมาทั้งหมด“อย่างไรเสียคนรอบตัวท่านอ๋องก็มีเพียงไทเฮาที่ทรงรักท่านอ๋องจากใจจริง คนที่เหลือล้วนหวังจะทำร้ายท่านอ๋องทั้งนั้น“ตอนท่านอ๋องไปพบไทเฮาก็พกเครื่องรางที่ช่วยสะกดพลังชั่วร้ายเอาไว้ ในยามปกติหากไม่ชอบขี้หน้าใคร ท่านก็ไปเดินเล่นในบ้านของคนผู้นั้นทุกวัน“พวกเขาบอกว่าท่านอ๋องเป็นดาวหายนะมิใช่หรือ ถ้างั้นท่านอ๋องก็เล่นงานคนที่ขัดหูขัดตาให้ตายไปเลยสิ”เจ้าอาวาส “!!!!!!”จิ่งโม่เยี่ย “......”พวกเขาตระหนักจากใจจริงว่าวิธีการคิดของเฟิ่งชูอิ่งผิดแผกมาก เป็นมุมมองที่พวกเขาไม่เคยคิดถึงมาก่อนเลยแต่พอลองคิดทบทวนดูดีๆ กลับรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลอยู่ไม่น้อยเจ้าอาวาสเบนหน้าไปทางจิ่งโม่เยี่ย เห็นว่าเขาไม่พูดอะไร เพียงถอดสร้อยประคำออกจากมือพริบตาที่เขาถอดสร้อยประคำเส้นนั้นออก เจ้าอาวาสกับเฟิ่งชูอิ่งก็เปิดเนตรทิพย์พร้อมกัน พวกเขาจึงมองเห็นพลังงานชั่วร้ายที่ถูกระบายออกมาจากร่างของเขาเจ้าอาวาสก่นด่าขณะถอยหลังหนี “เวรเอ๊ย ทำไมเจ้าถึงถอดสร้อยประคำโดยไม่พูดไม่จาสักคำ!“เจ้าอยากจะทำให้ใครตายก็ไปหาคนนั้นสิ ทำไมต้องมาเล่นงานข้าด้ว
Read More
บทที่ 65
เพราะความเป็นจริงแล้วตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร จะได้ผลหรือไม่ก็พิสูจน์ไม่ได้อีกเฟิ่งชูอิ่งจึงตอบหน้าตายว่า “ดังนั้นข้าถึงได้บอกไงเพคะ ว่าท่านอ๋องกล้าลงมือโหดเหี้ยมกับตัวเองแค่ไหน“ยิ่งท่านลงมือกับตัวเองโหดเหี้ยมเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็จะยิ่งลงมือกับตัวเองโหดเหี้ยมเท่านั้น“ด้วยเหตุนี้เอง บนร่างของคนผู้นั้นจะต้องหลงเหลือบาดแผลอยู่อย่างแน่นอน ท่านอ๋องแค่ส่งคนไปสืบเป้าหมายที่สงสัย ก็จะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร”จิ่งโม่เยี่ย “......”เจ้าอาวาสที่อยู่ข้างๆ เอ่ยเสริม “วิชานี้ข้าเคยได้ยินมาก่อนนะ ตามหลักการแล้วมันสามารถทำได้จริง“เพราะว่าคนที่ทำร้ายท่านอ๋องกำลังใช้โชคชะตาที่ขโมยไปจากตัวของท่านอ๋อง ดังนั้นหากมองในมุมกลับกันแล้ว มันสามารถทำได้จริงๆ”เขากล่าวจบก็หันไปถามเฟิ่งชูอิ่ง “เจ้าใช้วิชานี้ได้จริงๆ หรือ?”นางพยักหน้าหงึกๆ เจ้าอาวาสจึงเอ่ยด้วยท่าทางตื่นเต้น “ท่านอ๋อง ลองดูหน่อยสิ! เผื่อมันใช้ได้ผลจริงๆ ไง?“อีกอย่างต่อให้มันใช้ไม่ได้ผล ด้วยความสามารถของท่านแล้ว อย่างไรก็ไม่ทำให้ตัวเองเจ็บตัวหรอก”จิ่งโม่เยี่ยเอียงศีรษะมองคนทั้งสอง ทั้งสองคนก็หันมองเขาด้วยสีหน้าคาดหวังเขามองออกว่าทั้งส
Read More
บทที่ 66
เฟิ่งชูอิ่งคิดว่าจิ่งโม่เยี่ยน่าจะป่วย ป่วยหนักมากเสียด้วย!มีคนปกติที่ไหนจะขอยันต์จากคนอื่นทีละหนึ่งร้อยแผ่นบ้าง? เขาคิดว่านางใช้เครื่องพิมพ์ทำหรือไง?นางสูดหายใจลึกๆ แล้วหันไปหาเจ้าอาวาส “รบกวนท่านเจ้าอาวาสอธิบายให้ท่านอ๋องฟังหน่อยเถอะว่าการเขียนยันต์แต่ละใบมันยากขนาดไหน”วันนี้นางขายยันต์ให้เจ้าอาวาสในราคาถูก เจ้าอาวาสจึงติดหนี้น้ำใจนางอยู่เขาหันไปหาจิ่งโม่เยี่ยแล้วกล่าว “ท่านอ๋อง การเขียนยันต์ไม่ใช่แค่การวาดลงบนกระดาษ ของพวกนี้จำเป็นจะต้องดึงพลังวิญญาณในห้วงฟ้าดินมาใช้ เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากเลย“ท่านขอทีเดียวหนึ่งร้อยแผ่น มันออกจะมากเกินไป”เฟิ่งชูอิ่งที่อยู่ข้างๆ พยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย “ใช่แล้ว ใช่แล้ว! ท่านอ๋อง ยันต์เขียนได้ยากมาก เป็นของที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง ไม่ใช่ผักกาดขาว[footnoteRef:1]นะเพคะ!” [1: ใช้เปรียบเทียบของที่มีราคาถูก] “อีกอย่างยันต์พวกนี้ก็ส่งผลเสียต่อร่างกายทุกครั้งที่ใช้ด้วย ภายในสิบวันไม่ควรใช้เกินหนึ่งแผ่นเพคะ”อันที่จริงก็ใช้ได้ทุกวันนั่นแหละ แต่นางไม่อยากถูกเขากดหัวใช้เป็นทาส ในเวลาแบบนี้ นางจึงคิดจะรักษาภาพพจน์ของผู้มีคุณธรรมสูงส่งเอาไว้จะปล่อยให้จิ่
Read More
บทที่ 67
ความจริงแล้วจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้หวงสินสอด แต่เป็นเพราะว่าที่พระชายาของเขาตายไปเจ็ดคนแล้วมีหลายคนที่เขายังไม่ทันจะส่งสินสอดไปพวกนางก็ชิงตายเสียก่อน เขาก็เลยคิดว่าไม่ควรจะเสียเวลากับเรื่องพวกนี้ ดังนั้นพอถึงคราวของเฟิ่งชูอิ่ง เขาก็เลยตัดสินใจจะมอบสินสอดให้วันแต่งงานเลย จะได้ไม่ต้องยุ่งยากนัยน์ตาของจิ่งโม่เยี่ยดำดิ่งเย็นเยือก มือของเขาเลื่อนจับด้ามกระบี่เจ้าอาวาสตกใจจนสะดุ้ง รีบกดมือเขาแล้วเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง มีอะไรก็พูดกันดีๆ เถอะ!“นางเป็นแค่สตรีคนหนึ่ง ท่านอย่าได้ถือสาหาความกับนางเลย“ถ้าอย่างไร...ข้ายอมจ่ายเงินก้อนนี้แทนท่านก็ได้”จิ่งโม่เยี่ยกับเฟิ่งชูอิ่งตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ได้”เจ้าอาวาส “......”เขาชักจะสงสัยแล้วสิว่าสองคนนี้ร่วมมือกันปล้นเขาเขาถามว่า “ข้าเปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหม?”จิ่งโม่เยี่ย “เจ้าคิดว่าไงล่ะ?”เฟิ่งชูอิ่ง ”ไม่ทันแล้ว!”เจ้าอาวาส “......”โดนแล้วไง เขาโดนสองคนนี้หลอกปล้นเงินอย่างจังเลยโชคดีที่ก่อนหน้านี้เขาช่วยปัดเป่าพลังชั่วร้ายให้จิ่งโม่เยี่ย จิ่งโม่เยี่ยก็เลยมอบเงินให้เขามหาศาลทีเดียวเขาตัดสินใจจะหักเงินจำนวนนี้จากในนั้นหลังจากตกลงกันได้แล้ว วันนี้เฟิ่ง
Read More
บทที่ 68
จิ่งโม่เยี่ยไม่พูดอะไร นางจึงกล่าวต่อว่า “ชีวิตของท่านอ๋องคงไม่ได้มีค่าแค่แสนตำลึงกระมัง ท่านอ๋องคงจะไม่มีปัญหากับเงินจำนวนเท่านี้หรอก“ข้าเป็นคนซื่อสัตย์จริงใจ ท่านอ๋องจ่ายเงินให้ข้าก่อนห้าหมื่นตำลึงเป็นค่ามัดจำ ส่วนที่เหลืออีกห้าหมื่นตำลึงค่อยจ่ายหลังจากแก้คำสาปของท่านอ๋องได้แล้ว”เจ้าอาวาสคิดว่าจิ่งโม่เยี่ยจะต้องต่อรองราคาอย่างแน่นอน คิดไม่ถึงเลยว่าเขากลับตอบรับทันที “ได้”เฟิ่งชูอิ่งได้ยินเขาตอบตงลงแบบไม่เรื่องมาก นางก็คิดว่าถึงเขาจะนิสัยเลวร้ายไปเสียหน่อย แต่ก็ไม่ได้เกินเยียวยานางจึงเอ่ยชมเขา “ท่านอ๋องเป็นคนที่ตรงไปตรงมายิ่งนัก!”นางกล่าวจบก็สร้างมุทราประทับใส่ร่างของจิ่งโม่เยี่ย เพียงพริบตาเดียว ไอทมิฬหนาแน่นที่โอบล้อมรอบตัวเขาก็สลายหายไปเกือบหมดเจ้าอาวาสที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ถึงกับตาเหลือก “เจ้าทำได้อย่างไรกัน?”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มตอบ “ของแบบนี้แค่มีมือก็ทำได้แล้วมิใช่หรือ?”เจ้าอาวาส “......”จู่ๆ เขาก็เกิดความคิดว่ามือของเขาช่างไร้ประโยชน์เหลือเกินเฟิ่งชูอิ่งสร้างมุทราอยู่หลายกระบวนท่า พลังงานชั่วร้ายในตัวของจิ่งโม่เยี่ยก็ถูกกำจัดออกไปจนเหลือเพียงชั้นบางๆเจ้าอาวาสเบิกตาโตกล่าวว่า
Read More
บทที่ 69
ทางด้านจวนสกุลหลิน นางไม่ปล่อยให้พวกเขาอยู่อย่างสงบสุขแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าระหว่างที่นางเสียเวลาอยู่นี้ ทางด้านฮว๋าซื่อจะเป็นอย่างไรบ้างแล้วสถานการณ์ของฮว๋าซื่อในยามนี้มิสู้ดีนักตอนที่นางตกลงไปในน้ำ นางตระหนักได้เลยว่าวันนี้ตนเองอาจจะไม่รอดแล้วแต่ชะตาของนางยังไม่ขาด เพราะตอนที่นางตกน้ำไป ขบวนเสด็จของอ๋องเฉินก็อยู่แถวนั้นพอดี เขาจึงสั่งให้คนลงไปช่วยนางและสาวใช้ขึ้นมาจากน้ำตอนที่นางถูกช่วยขึ้นมายังอยู่ในอาการสลบไสล อ๋องเฉินจึงสั่งให้คนพาตัวนางไปส่งที่โรงหมอใกล้ๆ หลังจากท่านหมอช่วยฝังเข็มให้นาง นางถึงได้สติกลับมาอ๋องเฉินจึงลอบถามความคืบหน้าของเรื่องราวต่างๆ นางจึงแอบบอก อ๋องเฉินไปว่าวันนี้เฟิ่งชูอิ่งไม่มีทางรอดแน่นอนอ๋องเฉินพึงพอใจกับผลลัพธ์ของเรื่องนี้มาก ทว่าเรื่องบางอย่างเขาไม่อาจทำอย่างเปิดเผย จึงทิ้งรถม้ากับสารถีเอาให้นางใช้งาน ส่วนพวกเขาก็แยกตัวออกไปก่อนวันนี้ฮว๋าซื่อต้องเจอเรื่องสะเทือนขวัญแล้วยังสำลักน้ำไปหลายอึก ร่างกายยังเต็มไปด้วยแผลถลอก นางจึงอารมณ์เสียเป็นอย่างมากนางอยากรู้ว่าตอนนี้ทางด้านเฟิ่งชูอิ่งเป็นอย่างไรบ้าง แต่แค่นางลุกขึ้นยืนก็วิงเวียนหน้ามืด แข้งขาอ่อนแรง จึ
Read More
บทที่ 70
สารถีคนนั้นไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในรถม้า เขาจึงยิ้มแล้วบอกกับหลินชูเจิ้งว่า “ครั้งนี้ฮูหยินของท่านสร้างผลงานใหญ่แล้ว ท่านอ๋องจะต้องมอบรางวัลอย่างงามแน่นอน”หลินชูเจิ้งสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างมาก แต่ก็ยังพยายามฉีกยิ้มกล่าว “ขอบพระทัยท่านอ๋องแล้ว!“ขอบคุณที่ท่านเสียสละเวลามาส่งฮูหยินของข้า มิสู้เข้าไปดื่มชาในจวนสักหน่อยล่ะ?”สารถีส่ายหน้าปฏิเสธ “ข้าไม่รบกวนใต้เท้าหลินดีกว่า ท่านอ๋องยังรอให้ข้ากลับไปรายงานอยู่“รบกวนใต้เท้าหลินประคองฮูหยินของท่านลงจากรถด้วย ข้าจะได้รีบกลับไปรายงานท่านอ๋อง”หลินชูเจิ้งชักจะยิ้มไม่ออกแล้ว แต่เขายังพยายามหาทางรักษาหน้าตาของตัวเองอยู่ “ใช้เวลาไม่นานหรอก“ท่านอ๋องจิตใจดีมีเมตตาต่อข้าทาสบริวาร หากท่านมาถึงจวนของข้าแล้วไม่ได้ดื่มแม้แต่ชาสักถ้วย เดี๋ยวท่านอ๋องจะหาว่าข้าเสียมารยาทได้”สารถีรู้สึกว่าคำพูดของหลินชูเจิ้งก็ฟังดูมีเหตุผล เขาลังเลอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้าตกลง ทว่ากลับมีเสียงแปลกๆ ดังมาจากในรถม้าเสียก่อนสารถีเอ่ยถาม “เสียงอะไรน่ะ?”หลินชูเจิ้งรีบร้อนกล่าวว่า “ท่านหูแว่วแล้ว ไม่มีเสียงอะไรเลย”ทว่าตอนนั้นเอง เสียงกระเส่าก็ดังออกมาจากข้างในอีกครั้ง คราวนี้เสีย
Read More
ก่อนหน้า
1
...
5678910
DMCA.com Protection Status