Share

บทที่ 65

Author: ดอกถังร่วงหล่น
เพราะความเป็นจริงแล้วตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร จะได้ผลหรือไม่ก็พิสูจน์ไม่ได้อีก

เฟิ่งชูอิ่งจึงตอบหน้าตายว่า “ดังนั้นข้าถึงได้บอกไงเพคะ ว่าท่านอ๋องกล้าลงมือโหดเหี้ยมกับตัวเองแค่ไหน

“ยิ่งท่านลงมือกับตัวเองโหดเหี้ยมเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็จะยิ่งลงมือกับตัวเองโหดเหี้ยมเท่านั้น

“ด้วยเหตุนี้เอง บนร่างของคนผู้นั้นจะต้องหลงเหลือบาดแผลอยู่อย่างแน่นอน ท่านอ๋องแค่ส่งคนไปสืบเป้าหมายที่สงสัย ก็จะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร”

จิ่งโม่เยี่ย “......”

เจ้าอาวาสที่อยู่ข้างๆ เอ่ยเสริม “วิชานี้ข้าเคยได้ยินมาก่อนนะ ตามหลักการแล้วมันสามารถทำได้จริง

“เพราะว่าคนที่ทำร้ายท่านอ๋องกำลังใช้โชคชะตาที่ขโมยไปจากตัวของท่านอ๋อง ดังนั้นหากมองในมุมกลับกันแล้ว มันสามารถทำได้จริงๆ”

เขากล่าวจบก็หันไปถามเฟิ่งชูอิ่ง “เจ้าใช้วิชานี้ได้จริงๆ หรือ?”

นางพยักหน้าหงึกๆ เจ้าอาวาสจึงเอ่ยด้วยท่าทางตื่นเต้น “ท่านอ๋อง ลองดูหน่อยสิ! เผื่อมันใช้ได้ผลจริงๆ ไง?

“อีกอย่างต่อให้มันใช้ไม่ได้ผล ด้วยความสามารถของท่านแล้ว อย่างไรก็ไม่ทำให้ตัวเองเจ็บตัวหรอก”

จิ่งโม่เยี่ยเอียงศีรษะมองคนทั้งสอง ทั้งสองคนก็หันมองเขาด้วยสีหน้าคาดหวัง

เขามองออกว่าทั้งส
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
วิภาลักษณ์ ทองชมภูนุช
แล้วที่อ่านพร้อมดูโฆษณาฟรีไปไหน
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 66

    เฟิ่งชูอิ่งคิดว่าจิ่งโม่เยี่ยน่าจะป่วย ป่วยหนักมากเสียด้วย!มีคนปกติที่ไหนจะขอยันต์จากคนอื่นทีละหนึ่งร้อยแผ่นบ้าง? เขาคิดว่านางใช้เครื่องพิมพ์ทำหรือไง?นางสูดหายใจลึกๆ แล้วหันไปหาเจ้าอาวาส “รบกวนท่านเจ้าอาวาสอธิบายให้ท่านอ๋องฟังหน่อยเถอะว่าการเขียนยันต์แต่ละใบมันยากขนาดไหน”วันนี้นางขายยันต์ให้เจ้าอาวาสในราคาถูก เจ้าอาวาสจึงติดหนี้น้ำใจนางอยู่เขาหันไปหาจิ่งโม่เยี่ยแล้วกล่าว “ท่านอ๋อง การเขียนยันต์ไม่ใช่แค่การวาดลงบนกระดาษ ของพวกนี้จำเป็นจะต้องดึงพลังวิญญาณในห้วงฟ้าดินมาใช้ เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากเลย“ท่านขอทีเดียวหนึ่งร้อยแผ่น มันออกจะมากเกินไป”เฟิ่งชูอิ่งที่อยู่ข้างๆ พยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย “ใช่แล้ว ใช่แล้ว! ท่านอ๋อง ยันต์เขียนได้ยากมาก เป็นของที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง ไม่ใช่ผักกาดขาว[footnoteRef:1]นะเพคะ!” [1: ใช้เปรียบเทียบของที่มีราคาถูก] “อีกอย่างยันต์พวกนี้ก็ส่งผลเสียต่อร่างกายทุกครั้งที่ใช้ด้วย ภายในสิบวันไม่ควรใช้เกินหนึ่งแผ่นเพคะ”อันที่จริงก็ใช้ได้ทุกวันนั่นแหละ แต่นางไม่อยากถูกเขากดหัวใช้เป็นทาส ในเวลาแบบนี้ นางจึงคิดจะรักษาภาพพจน์ของผู้มีคุณธรรมสูงส่งเอาไว้จะปล่อยให้จิ่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 67

    ความจริงแล้วจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้หวงสินสอด แต่เป็นเพราะว่าที่พระชายาของเขาตายไปเจ็ดคนแล้วมีหลายคนที่เขายังไม่ทันจะส่งสินสอดไปพวกนางก็ชิงตายเสียก่อน เขาก็เลยคิดว่าไม่ควรจะเสียเวลากับเรื่องพวกนี้ ดังนั้นพอถึงคราวของเฟิ่งชูอิ่ง เขาก็เลยตัดสินใจจะมอบสินสอดให้วันแต่งงานเลย จะได้ไม่ต้องยุ่งยากนัยน์ตาของจิ่งโม่เยี่ยดำดิ่งเย็นเยือก มือของเขาเลื่อนจับด้ามกระบี่เจ้าอาวาสตกใจจนสะดุ้ง รีบกดมือเขาแล้วเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง มีอะไรก็พูดกันดีๆ เถอะ!“นางเป็นแค่สตรีคนหนึ่ง ท่านอย่าได้ถือสาหาความกับนางเลย“ถ้าอย่างไร...ข้ายอมจ่ายเงินก้อนนี้แทนท่านก็ได้”จิ่งโม่เยี่ยกับเฟิ่งชูอิ่งตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ได้”เจ้าอาวาส “......”เขาชักจะสงสัยแล้วสิว่าสองคนนี้ร่วมมือกันปล้นเขาเขาถามว่า “ข้าเปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหม?”จิ่งโม่เยี่ย “เจ้าคิดว่าไงล่ะ?”เฟิ่งชูอิ่ง ”ไม่ทันแล้ว!”เจ้าอาวาส “......”โดนแล้วไง เขาโดนสองคนนี้หลอกปล้นเงินอย่างจังเลยโชคดีที่ก่อนหน้านี้เขาช่วยปัดเป่าพลังชั่วร้ายให้จิ่งโม่เยี่ย จิ่งโม่เยี่ยก็เลยมอบเงินให้เขามหาศาลทีเดียวเขาตัดสินใจจะหักเงินจำนวนนี้จากในนั้นหลังจากตกลงกันได้แล้ว วันนี้เฟิ่ง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 68

    จิ่งโม่เยี่ยไม่พูดอะไร นางจึงกล่าวต่อว่า “ชีวิตของท่านอ๋องคงไม่ได้มีค่าแค่แสนตำลึงกระมัง ท่านอ๋องคงจะไม่มีปัญหากับเงินจำนวนเท่านี้หรอก“ข้าเป็นคนซื่อสัตย์จริงใจ ท่านอ๋องจ่ายเงินให้ข้าก่อนห้าหมื่นตำลึงเป็นค่ามัดจำ ส่วนที่เหลืออีกห้าหมื่นตำลึงค่อยจ่ายหลังจากแก้คำสาปของท่านอ๋องได้แล้ว”เจ้าอาวาสคิดว่าจิ่งโม่เยี่ยจะต้องต่อรองราคาอย่างแน่นอน คิดไม่ถึงเลยว่าเขากลับตอบรับทันที “ได้”เฟิ่งชูอิ่งได้ยินเขาตอบตงลงแบบไม่เรื่องมาก นางก็คิดว่าถึงเขาจะนิสัยเลวร้ายไปเสียหน่อย แต่ก็ไม่ได้เกินเยียวยานางจึงเอ่ยชมเขา “ท่านอ๋องเป็นคนที่ตรงไปตรงมายิ่งนัก!”นางกล่าวจบก็สร้างมุทราประทับใส่ร่างของจิ่งโม่เยี่ย เพียงพริบตาเดียว ไอทมิฬหนาแน่นที่โอบล้อมรอบตัวเขาก็สลายหายไปเกือบหมดเจ้าอาวาสที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ถึงกับตาเหลือก “เจ้าทำได้อย่างไรกัน?”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มตอบ “ของแบบนี้แค่มีมือก็ทำได้แล้วมิใช่หรือ?”เจ้าอาวาส “......”จู่ๆ เขาก็เกิดความคิดว่ามือของเขาช่างไร้ประโยชน์เหลือเกินเฟิ่งชูอิ่งสร้างมุทราอยู่หลายกระบวนท่า พลังงานชั่วร้ายในตัวของจิ่งโม่เยี่ยก็ถูกกำจัดออกไปจนเหลือเพียงชั้นบางๆเจ้าอาวาสเบิกตาโตกล่าวว่า

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 69

    ทางด้านจวนสกุลหลิน นางไม่ปล่อยให้พวกเขาอยู่อย่างสงบสุขแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าระหว่างที่นางเสียเวลาอยู่นี้ ทางด้านฮว๋าซื่อจะเป็นอย่างไรบ้างแล้วสถานการณ์ของฮว๋าซื่อในยามนี้มิสู้ดีนักตอนที่นางตกลงไปในน้ำ นางตระหนักได้เลยว่าวันนี้ตนเองอาจจะไม่รอดแล้วแต่ชะตาของนางยังไม่ขาด เพราะตอนที่นางตกน้ำไป ขบวนเสด็จของอ๋องเฉินก็อยู่แถวนั้นพอดี เขาจึงสั่งให้คนลงไปช่วยนางและสาวใช้ขึ้นมาจากน้ำตอนที่นางถูกช่วยขึ้นมายังอยู่ในอาการสลบไสล อ๋องเฉินจึงสั่งให้คนพาตัวนางไปส่งที่โรงหมอใกล้ๆ หลังจากท่านหมอช่วยฝังเข็มให้นาง นางถึงได้สติกลับมาอ๋องเฉินจึงลอบถามความคืบหน้าของเรื่องราวต่างๆ นางจึงแอบบอก อ๋องเฉินไปว่าวันนี้เฟิ่งชูอิ่งไม่มีทางรอดแน่นอนอ๋องเฉินพึงพอใจกับผลลัพธ์ของเรื่องนี้มาก ทว่าเรื่องบางอย่างเขาไม่อาจทำอย่างเปิดเผย จึงทิ้งรถม้ากับสารถีเอาให้นางใช้งาน ส่วนพวกเขาก็แยกตัวออกไปก่อนวันนี้ฮว๋าซื่อต้องเจอเรื่องสะเทือนขวัญแล้วยังสำลักน้ำไปหลายอึก ร่างกายยังเต็มไปด้วยแผลถลอก นางจึงอารมณ์เสียเป็นอย่างมากนางอยากรู้ว่าตอนนี้ทางด้านเฟิ่งชูอิ่งเป็นอย่างไรบ้าง แต่แค่นางลุกขึ้นยืนก็วิงเวียนหน้ามืด แข้งขาอ่อนแรง จึ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 70

    สารถีคนนั้นไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในรถม้า เขาจึงยิ้มแล้วบอกกับหลินชูเจิ้งว่า “ครั้งนี้ฮูหยินของท่านสร้างผลงานใหญ่แล้ว ท่านอ๋องจะต้องมอบรางวัลอย่างงามแน่นอน”หลินชูเจิ้งสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างมาก แต่ก็ยังพยายามฉีกยิ้มกล่าว “ขอบพระทัยท่านอ๋องแล้ว!“ขอบคุณที่ท่านเสียสละเวลามาส่งฮูหยินของข้า มิสู้เข้าไปดื่มชาในจวนสักหน่อยล่ะ?”สารถีส่ายหน้าปฏิเสธ “ข้าไม่รบกวนใต้เท้าหลินดีกว่า ท่านอ๋องยังรอให้ข้ากลับไปรายงานอยู่“รบกวนใต้เท้าหลินประคองฮูหยินของท่านลงจากรถด้วย ข้าจะได้รีบกลับไปรายงานท่านอ๋อง”หลินชูเจิ้งชักจะยิ้มไม่ออกแล้ว แต่เขายังพยายามหาทางรักษาหน้าตาของตัวเองอยู่ “ใช้เวลาไม่นานหรอก“ท่านอ๋องจิตใจดีมีเมตตาต่อข้าทาสบริวาร หากท่านมาถึงจวนของข้าแล้วไม่ได้ดื่มแม้แต่ชาสักถ้วย เดี๋ยวท่านอ๋องจะหาว่าข้าเสียมารยาทได้”สารถีรู้สึกว่าคำพูดของหลินชูเจิ้งก็ฟังดูมีเหตุผล เขาลังเลอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้าตกลง ทว่ากลับมีเสียงแปลกๆ ดังมาจากในรถม้าเสียก่อนสารถีเอ่ยถาม “เสียงอะไรน่ะ?”หลินชูเจิ้งรีบร้อนกล่าวว่า “ท่านหูแว่วแล้ว ไม่มีเสียงอะไรเลย”ทว่าตอนนั้นเอง เสียงกระเส่าก็ดังออกมาจากข้างในอีกครั้ง คราวนี้เสีย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 71

    รถม้าจึงถูกลากออกไปพร้อมกับฮว๋าซื่อและสารถีแซ่หลิววิ่งรอบๆ ถนนทั้งสาย เกรงว่าไม่ถึงครึ่งชั่วยาม คนในเมืองหลวงก็คงทราบกันหมดแล้วว่าฮว๋าซื่อเล่นชู้!ถึงตอนนั้น เขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนจริงๆ!หลินชูเจิ้งกล่าวอย่างร้อนรน “รีบหยุดรถม้าเร็วเข้า!”หลังจากเฟิ่งชูอิ่งกระชากผ้าม่านและฟาดก้นม้าไปทีหนึ่งแล้ว นางก็รีบเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางเสียงเอะอะโวยวายที่ดังไปทั่ว เรียกความสนใจจากผู้คนที่สัญจรไปมาให้หันมองเฟิ่งชูอิ่งกล่าวด้วยท่าทางมือไม้สั่น “ท่านลุง ข้าหยุดรถม้าไม่ได้ ท่านรีบไปหยุดมันเถอะ!“ท่านป้าอยู่ในสภาพแบบนั้น หากถูกคนอื่นพบเห็นเข้า ศักดิ์ศรีของท่านคงถูกย่ำยีไม่มีเหลือแล้ว!”หลินชูเจิ้ง “......”เขาคิดว่าแค่นี้ตัวเองก็ไม่เหลือหน้าไปพบใครแล้ว!เรื่องนี้หากรู้กันแค่พวกเขาก็ไม่เป็นไร แต่นางเล่นตะโกนเสียงดังเช่นนั้น กลัวว่าเขาจะยังขายหน้าไม่พอหรือไง?ถูกต้อง เฟิ่งชูอิ่งตั้งใจจะทำให้เขาอับอายขายหน้าจนต้องมุดดินหนีเรื่องที่ฮว๋าซื่อคิดจะฆ่านาง เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจอภัยได้อยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่นางคิดจะสั่งคนให้ข่มเหงนางก่อนแล้วค่อยฆ่าทิ้งเรื่องแบบนี้มีเพียงคนที่จิตใจชั่วช้า

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 72

    เฟิ่งชูอิ่งตอบอย่างละลักละล่ำ “พี่สาวท่านคิดกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร? ข้ามีปัญญาทำเรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน!”หลินหว่านถิงชี้หน้าด่ากราด “เฟิ่งชูอิ่ง เจ้าหยุดเสแสร้งเลยนะ คนอื่นอาจไม่รู้ว่าสันดานเจ้าเป็นอย่างไร แต่ข้าจะมองไม่ออกได้อย่างไร?“เจ้าทำร้ายท่านแม่ของข้าเช่นนี้ แล้วเจ้าจะได้ประโยชน์อะไรหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งทำตัวลีบ ท่าทางเหมือนคนโดนรังแกและไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ของนาง มองดูแล้วน่าสงสารจับใจนางเอ่ยเสียงสะอื้น “พี่สาว ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ได้ทำจริงๆ!”ท่าทางอ่อนแอเปราะบางของนาง ดูอย่างไรก็เป็นการเสแสร้งในสายตาของหลินหว่านถิงหลินหว่านถิงจึงยิ่งโกรธหนัก “วันนี้ท่านแม่ของข้าเดินทางไปจุดธูปไหว้พระที่อารามพร้อมกับเจ้า พวกเจ้าสองคนออกเดินทางไปพร้อมกัน แต่ทำไมเจ้าถึงกลับมาอย่างปลอดภัยแค่คนเดียวล่ะ“แค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเจ้าเป็นคนทำร้ายแม่ของข้า เจ้ายังกล้าปฏิเสธอีก!”เฟิ่งชูอิ่งคล้ายหวาดผวาอย่างมาก นางจึงเอ่ยลิ้นพันกันว่า “ไม่ใช่ฝีมือของข้าจริงๆ เจ้าค่ะ!“วันนี้ท่านป้าไม่ได้พาข้าไปที่อารามหรอกเจ้าค่ะ นางทิ้งข้าเอาไว้กลางทาง หลังจากแยกกับท่านป้าแล้วข้าก็ไม่ได้พบนางอีกเลย“หากว่าพี่สาวไม่เชื

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 73

    “เมื่อก่อนตอนที่ข้าเข้าไปในจวนสกุลหลิน ยังเห็นคุณหนูเฟิ่งกำลังตัดไม้อยู่ในห้องเก็บฟืน ตอนเที่ยงได้กินเพียงหมั่นโถวลูกเดียว”“จวนสกุลหลินจะโหดร้ายเกินไปหน่อยกระมัง ถึงทำเรื่องพรรค์นี้ได้ลงคอ!”“อาจจะเป็นอย่างที่เขาว่า คานบนไม่ตรงคานล่างย่อมเอียง[footnoteRef:1]” [1: หากพ่อแม่ทำตัวไม่เหมาะสม ลูกก็มักจะเลียนแบบมาด้วย] พวกเขาไม่ได้พูดจนฟังดูน่าเกลียดมากเกินไป เพราะอย่างไรหลินชูเจิ้งก็เป็นถึงรองเจ้ากรมขั้นสามแต่ความหมายในคำพูดของพวกเขากลับชัดเจนชื่อเสียงอันดีงามของหลินหว่านถิงที่ฮว๋าซื่อพยายามสร้างมาหลายปี กลับพังครืนลงมาในครั้งเดียวใบหน้าของหลินหว่านถิงซีดเผือด นางพยายามจะเรียกคะแนนของตัวเองกลับมา “ข้าทำลงไปเพราะวันนี้ท่านแม่กับญาติผู้น้องของข้าออกจากจวนไปพร้อมกัน ขณะที่ท่านแม่ของข้าเกิดเรื่อง นางกลับอยู่รอดปลอดภัย“ด้วยความร้อนใจข้าก็เลยเผลอพูดถ้อยคำที่ไม่ดีออกไป ความจริงแล้วข้ากับน้องสาวพวกเรารักใคร่กลมเกลียวกันมาก“ครอบครัวของข้าต่างก็เอ็นดูน้องสาว ดูแลนางอย่างดีเสมอมา”นางกล่าวจบก็หันไปถลึงตาใส่เฟิ่งชูอิ่ง เฟิ่งชูอิ่งจึงทำตัวลีบแล้วเอ่ยด้วยท่าทางหวาดกลัว “ญาติผู้พี่กล่าวได้ถูกต้อง

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status