บททั้งหมดของ ทาสสาวพราวพิลาส: บทที่ 541 - บทที่ 550

625

บทที่ 541

“โชคดีที่เสด็จอาย้ายพวกชาวบ้านที่รอดมาได้ได้ทันเวลา พระเจ้าไม่ได้พวกเขาตาย เสด็จพ่อมิควรตำหนิเสด็จอา ทว่าควรตบรางวัลให้ถึงจะถูกเพคะ! ”ขณะกล่าว ฮุ่ยอี๋ก็เจือจางเลือดที่นางเตรียมไว้ด้วยน้ำ แล้วแบ่งใส่ขวดสีขาวหลายขวด นางกล่าวกับฮ่องเต้ว่า “เสด็จพ่อดูสิ นี่คือยาดีที่หลินซวงเอ๋อร์หามาด้วยตวามยากลำบาก ในเมื่อเสด็จอามาแล้ว ก็ให้ท่านแบ่งยานี้ไปให้ผู้ป่วยดื่ม เมื่อดื่มยานี้แล้ว โรคระบาดก็จัดการได้แล้ว…”วาจาที่ฮุ่ยอี๋กล่าว ได้ระงับโทสะของฮ่องเต้ไว้ได้ในที่สุดภายใต้อำนาจและผลประโยชน์ ฮ่องเต้มิได้ตำหนิโทษเยี่ยเป่ยเฉิง ทว่าฟังความเห็นของฮุ่ยอี๋ ให้เยี่ยเป่ยเฉิงนำยารักษาไปช่วยผู้ป่วยที่รอดชีวิตอยู่เจียงหว่านเข้าวังไปพร้อมกับเยี่ยเป่ยเฉิง ครั้นเห็นฮุ่ยอี๋ดีขึ้นแล้วจริงๆ เจียงหว่านก็รู้สึกตกตะลึงอย่างมากนางอดถามขึ้นมาไม่ได้ “หม่อมฉันขอถามสักหน่อย องคืหญิงอาการดีขึ้นได้อย่างไรเพคะ?”ฮุ่ยอี๋เหลือบมองนางอย่างเรียบเฉย “ข้าบอกแล้ว ท่านหมออวิ๋นโหยวจ่ายยาให้ข้า! ข้าดื่มแล้วจึงดีขึ้น!”เจียงหว่านสืบถามต่อ “ขอมิบังอาจถามท่านหมออวิ๋นโหยวไหนหรือเพคะ วิชาแพทย์ถึงได้เก่งกาจเพียงนี้! เจียงหว่านอยากสอบถา
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 542

ฮุ่ยอี๋ให้จื่อหลานนำยาที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วส่งให้กับเยี่ยเป่ยเฉิง และยังมอบยาบำรุงเลือดมากมายให้แก่เขาด้วยฮุ่ยอี๋กล่าวกำชับ “ในขวดน้ำเหล่านี้ล้วนเป็นยาที่รักษาโรคระะบาดได้ เสด็จอาแบ่งให้ผู้ป่วยดื่มคนละขวดก็ดีขึ้นแล้ว ส่วนยาบำรุงเหล่านี้ข้าเตรียมไว้ให้ซวงเอ๋อร์”เยี่ยเป่ยเฉิงเลิกคิ้วขึ้น “เหตุใดถึงเตรียมพวกนี้ให้ซวงเอ๋อร์? ซวงเอ๋อร์เป็นอะไรหรือ?”ฮุ่ยอี๋ย่อมไม่กล้าบอกความจริง หากให้เขารู้ว่าในขวดยาหลายร้อยขวดนี้มีเลือดของหลินซวงเอ๋อร์ผสมอยู่ เยี่ยเป่ยเฉิงต้องโมโหนางขึ้นมาแน่!สำหรับเรื่องนี้ ฮุ่ยอี๋ปวดใจเช่นกัน อย่างไรเสีย เพื่อเตรียมเลือดเหล่านี้ หลินซวงเอ๋อร์กลั้นใจกรีดข้อมือตัวเอง หากไม่ใช่เพราะนางมีแรงจำกัด ยัยทึ่มคนนั้นคงปล่อยเลือดตัวเองให้แห้งเป็นแน่!เมื่อรุ้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงจะมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทในวัง หลินซวงเอ๋อร์กลัวว่าเยี่ยเป่ยเฉิงจะตำหนิ เลยให้ฮุ่ยอี๋ส่งนางออกไปทางด้านหลังอย่างเงียบๆ เกรงว่าตอนนี้คนคงไปถึงที่จวนแล้วฮุ่ยอี๋มองเจียงหว่านที่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง ก็ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตา จึงกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ข้ามีเรื่องจะคุยกับเสด็จอา เจ้ายืนอยู่ที่นี่มันเกะกะ รับยาไปแล้ว
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 543

สิ้นเสียง เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างฉับพลันเมื่อเห็นท่าทางนี้ของเขา ฮุ่ยอี๋ก็เข้าใจทันที“ในเมื่อเสด็จอารู้ความรู้สึกของนาง ไยถึงให้นางอยู่ข้างกายอีก? ปล่อยผู้หญิงงามหยดขนาดนี้ไว้ตรงหน้า นานวันเข้าคงกลายเป็นความรักกระมัง?”“ไม่มีทาง! กระหม่อมไม่มีความรู้สึกใดต่อนาง!” เยี่ยเป่ยเฉิงตอบอย่างหนักแน่นฮุ่ยอี๋กล่าว “ไม่มีความรู้สึกใดๆ สักนิดจริงหรือ?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ไม่พะย่ะค่ะ!”ฮุ่ยอี๋กล่าว “ในเมื่อไม่มี เสด็จอาก้ไม่ควรเก็บนางไว้ในจวน พอนานวันเข้า มันมักจะทำให้คนมีช่องโหว่! อีกอย่าง! ผู้หญิงถือสาเรื่องเหล่านี้มาก! แม้ซวงเอ๋อร์จะไม่ถือสาในตอนนี้ วันหน้าหากนางรู้ความรู้สึกเจียงหว่านที่มีต่อท่านเข้า จะต้องถือสาแน่นอน”เยี่ยเป่ยเฉิงเงียบไปชั่วขณะ ก่อนกล่าว “หากซวงเอ๋อร์ไม่มีความสุข ข้าจะไม่ให้นางอยู่อีกแล้ว! วันนี้ให้นางย้ายออกไปได้เลย…”ได้ยินเช่นนี้ ฮุ่ยอี๋ก็ไม่พูดอีก ได้แต่ชำเลืองมองร่างนั้นที่อยู่ด้านนอก แล้วหยักยิ้มขึ้นเจียงหว่านยืนอยู่นอกประตู ได้ยินบทสนทนาด้านในอย่างชัดเจน นางกำมือแน่นจนเล็บหยักลงบนฝ่ามือ ในใจมีความเกลียดชังอย่างมาก!ในขณะนั้นเอง ก็
อ่านเพิ่มเติม

บบที่ 544

เยี่ยเป่ยเฉิงอยู่ข้างใน จ้าวชิงชิงเองก็มิกล้าบุ่มบ่ามเคาะประตู จึงเอาแต่ยืนรอด้านนอกกระทั่งประตูห้องเปิดออก เยี่ยเป่ยเฉิงเดินออกจากข้างใน จ้าวชิงชิงและเจียงหว่านเงยหน้ามองเขาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย“ท่านอ๋อง...”“ท่านอ๋อง...”ทั้งสองแทบเรียกเป็นเสียงเดียวกันเยี่ยเป่ยเฉิงเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ออกจากตำหนัก!”ประโยคนี้พูดกับเจียงหว่าน ส่วนจ้าวชิงชิงนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงไม่แม้แต่ปรายตามองจ้าวชิงชิงหน้าดำหน้าแดง ปราดมองเจียงหว่านด้วยสายตาชิงชัง สายตาชิงชังคู่นั้นประหนึ่งอยากเฉือนนางเป็นชิ้นๆเจียงหว่านตามหลังเยี่ยเป่ยเฉิง ยามเดินผ่านจ้าวชิงชิงนางกลับชะลอฝีเท้า หยักยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ก่อนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “จ้าวชิงชิง พวกเราไม่มีใครชนะทั้งนั้น”สิ้นเสียง เจียงหว่านจึงเดินตัวปลิวผ่านหน้าจ้าวชิงชิงไปจ้าวชิงชิงมาดหมายจะเอ่ยปาก ทันใดนั้นพลันได้กลิ่นหอมกรุ่นบางอย่าง ทำเอาจามไปทีอย่างกลั้นไม่อยู่ นางคลึงจมูกครู่หนึ่ง ก่อนก่นด่าตามหลังเจียงหว่าน “ลมผีจากไหนกัน พัดกลิ่นสาบจิ้งจอกเจ้าเล่ห์มา!”เจียงหว่านมิได้เอ่ยปากแต่อย่างใด เร่งฝีเท้าตามติดเยี่ยเป่ยเฉิงครั้นเยี่ยเป่ยเฉิงจากไป จ้าว
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 545

จ้าวชิงชิงไม่เข้าใจเช่นกันว่าตอนนี้ตนเป็นอะไรไป สิ่งเดียวที่นึกได้คือเพิ่งไปในวังมา บางทีโรคของฮุ่ยอี๋ยังไม่หายสนิท ไม่ทันระวังจึงแพร่ใส่ตัวนางเข้าแล้วคิดได้ดังว่า จ้าวชิงชิงพลันหวาดกลัวทันใด กลัวว่าตนจะติดโรคเข้าให้แล้วไม่ช้าแพทย์ก็ถูกเชิญเข้าจวนเรื่องโชคดีคือ สิ่งที่นางติดมิใช่โรคระบาดแต่อย่างใด เป็นเพียงโรคลมพิษเท่านั้นทว่ารอยขีดข่วนน่ากลัวบนใบหน้าจะต้องใช้เวลากี่เดือนถึงจะฟื้นฟูเป็นปกติ......…..หลังจากกลับถึงค่ายทหาร เจียงหว่านมองโอสถที่ฮุ่ยอี๋ก่อนตกสู่ห้วงความคิดครานี้ เจียงหว่านไม่กล้าเสี่ยง จึงลองให้ผู้ป่วยติดโรคใกล้ตายกินดูก่อนสิ่งที่คาดไม่ถึงคือ โอสถที่ฮุ่ยอี๋ให้มาครานี้ได้ผลจริง เดิมทีโรคระบาดนี้อยู่ในช่วงวิกฤตสุดขีดแล้ว ทว่าเมื่อกินยาเข้าไป เมื่อย่างสู่วันที่สองอาการป่วยกลับหายเป็นปลิดทิ้งแต่อาการของเขารุนแรงยิ่ง จำต้องใช้ยาหลายครั้ง อีกทั้งผู้ป่วยในระยะแรกใช้ยาเพียงขวดเดียวก็หายแล้วครั้นเห็นสถานการณ์ดังว่า เจียงหว่านจึงบอกเยี่ยเป่ยเฉิง “ท่านอ๋อง ตรงนี้ให้ข้าจัดการเถิด ท่านไม่ได้นอนหลับพักผ่อนเต็มอิ่มต่อกันหลายวันแล้ว ท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด”เยี่ยเป่ย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 546

นางไม่รู้ว่าตนเป็นอันใดไป นางคิดว่าหากเยี่ยเป่ยเฉิงอยู่ด้วยคงดี เช่นนี้นางคงไม่ต้องคิดมากมายแล้ว และไม่ต้องฝันร้ายทุกคืนอีกต่อไปแต่นางรู้ดีว่าเยี่ยเป่ยเฉิงยุ่งมาก สิ่งที่เขาต้องทำล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญ ดังนั้นนางจึงเก็บคำร้องขออันไร้เหตุผลนั้นไว้ในใจเงียบๆ ไม่กล้าออกมา และยามนี้ เป็นช่วงที่จิตสำนึกของนางอ่อนแอ ถึงได้แสดงด้านที่อ่อนแอที่สุดของตนออกมาให้เยี่ยเป่ยเฉิงเห็นในท้ายที่สุดชั่วเวลานั้น นางคิดถึงเขาจริงๆ ต่อให้ไม่ทำอะไร แค่ได้เห็นเขาก็เพียงพอแล้ว...ทว่า แม้แต่คำร้องขอเล็กๆนี้ยังกลายเป็นเพียงความหวังเกินฝันไปแล้ว...นางไม่เห็นเขา ทั้งยังมิอาจไปตามหาเขาที่ค่ายทหารได้นางทำได้เพียงเชื่อฟังสุดใจ รอคอยเยี่ยเป่ยเฉิงเป็นฝ่ายคิดถึงนางเอง จากนั้นค่อยกลับมาหานางหลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกประหลาดยิ่งแต่ก่อน นางไม่โหยหาพึ่งเขาขนาดนี้เด็ดขาด ทว่าช่วงที่ผ่านมาไม่รู้ว่าเป็นอันใด นางมักรู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกโดดเดียวเงียบเหงาเสมอ ยามราตรีมักน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว ยามนางตื่นนอน หมอนก็เปียกชุ่มเป็นครึ่งแล้วนางรู้สึกว่าตนป่วยแน่ ทั้งยังป่วยหนักอีกด้วยหากแต่ตงเหมยบอกให้นางอย่าคิ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 547

ไม่คอยให้หลินซวงเอ๋อร์เอ่ยปาก เยี่ยเป่ยเฉิงคว้าไหล่นางไว้ กดร่างนางลงบนเตียง สายตาของเขาคมกริบน่าสะพรึง “หลินซวงเอ๋อร์! เจ้าควรเข้าใจให้กระจ่าง ยามนี้เจ้าเป็นหญิงของข้า หากข้าไม่อนุญาต เจ้าก็ห้ามทำร้ายตนเองเด็ดขาด! เข้าใจหรือไม่?”เขาจะบ้าตายแล้วจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะลอบทำร้ายตัวเองลับหลังเขาเช่นนี้!ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เขามิอาจทนได้ทั้งสิ้น!ครั้นเห็นท่าทีปะทุโทสะของเยี่ยเป่ยเฉิง หลินซวงเอ๋อร์ส่ายหน้าเป็นพัลวัน “ข้าเปล่า ข้ามิได้ตั้งใจทำร้ายตัวเอง แต่เป็นเพราะข้าจะช่วยคน...”“ช่วยคน?” เยี่ยเป่ยเฉิงแสยะยิ้มด้วยความเกรี้ยวกราด “ หลินซวงเอ๋อร์! เจ้าคิดว่าเจ้าผู้วิเศษหรืออย่างไร? แค่เพื่อช่วยคนถึงขั้นต้องทำร้ายตัวเองเชียวหรือ? ร่างกายของเจ้าเป็นของข้า! ใครอนุญาตให้เจ้าทำลายตนเองเช่นนี้!”ภายใต้แสงเทียนสลัว ร่างบุรุษหนุ่มคร่อมร่างนางไว้มิด บดเบียดจนคนใต้ร่างหายใจไม่คล่องความเจ็บปวดเสียดแทงจากก้นบึ้งหัวใจ ราวกับมีบางอย่างทิ่มกลางทรวง เจ็บปวดจนต้องขมวดคิ้วความเจ็บปวดเสียดแทงหัวใจฉับพลันนี้ทำเอาหลินซวงเอ๋อร์มิอาจเอ่ยปากอธิบายได้ นางขมวดคิ้วเคร่ง พยายามทนต่อความอึดอัด
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 548

เยี่ยเป่ยเฉิงมือค้างกลางอากาศทันใดข้างนอก เสียงเสวียนอู่ฟังดูร้อนรนชัดเจนเยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆดึงมือกลับ บอกหลินซวงเอ๋อร์เสียงอ่อน “ซวงเอ๋อร์ พักผ่อนให้ดี พี่ไปประเดี๋ยวก็มาแล้ว”สิ้นเสียง เยี่ยเป่ยเฉิงหันกายออกประตูไปทันทีข้างนอก เสียงบทสนทนาเลือนรางของเสวียนอู่และเยี่ยแป่ยเฉิงดังขึ้น“ท่านอ๋อง เขตกักกันโรคเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ได้ยินว่ายาไม่พอ ผู้ป่วยหลายคนจึงฉวยโอกาสก่อเรื่อง......”เยี่ยเป่ยเฉิงเอ่ย “ควบคุมผู้ป่วยเอาไว้ก่อน อย่าให้พวกเขานำโรคระบาดออกไปแพร่เชื้อ!”เสวียนอู่ตอบ “ควบคุมไว้แล้วขอรับ หากแต่ท่านรองหวังยังไม่วางใจ จึงให้ผู้น้อยมารายงานฝ่าบาท”เสียงสนทนาดังต่อพักหนึ่ง เสวียนอู่เอ่ย “มีท่านรองนายพลหวังอยู่ ท่านอ๋องอยู่ที่จวนกับพระชายาเถิด......”เงียบงันไปอักสักพัก วินาทีต่อมาเยี่ยเป่ยเฉิงจึงเอ่ย “ข้าไม่วางใจ ให้ข้าไปดูเองสักรอบก็แล้วกัน!”จากนั้น เสียงฝีเท้าจึงค่อยๆดังห่างออกไปหลินซวงเอ๋อร์นอนบนเตียง เจ็บปวดทั่วร่างเจียนตายนางคิดจะเรียกรั้งเยี่ยเป่ยเฉิงไว้ ทว่าความเจ็บปวดมหาศาลกลับทำให้นางมิอาจเอ่ยปากได้ ทำได้เพียงมองเยี่ยเป่ยเฉิงจากไปไกลทีละนิดตาปริบๆความเจ็บ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 549

สองมือเปื้อนเลือดค่อยๆยื่นไปทางบานประตู มาดหมายเปิดประตูขอความช่วยเหลือทว่าเรี่ยวแรงของนางน้อยนิดเกินไป น้อยเกินไปจริงๆนางเปิดประตูไม่ได้“ตงเหมย...ท่านพี่ พวกเจ้าไปไหนกัน...” นางสะอื้นร้องไห้ ฝ่ามือไร้เรี่ยวแรงพยายามทุบประตู หมายให้เกิดเสียงดังบ้างในที่สุด บานประตูก็เปิดออก ตงเหมยนั่นเองที่เปิดประตูเมื่อตงเหมยเห็นภาพเบื้องหน้า กะละมังทองแดงในมือพลันร่วงเสียงดังลั่นหลินซวงเอ๋อร์นอนเลือดท่วมทั่วกายอยู่บนพื้น ด้านหลังมีรอยเลือดลากยาว เป็นภาพชวนสะเทือนใจเกินบรรยายตงเหมยตะลึงงัน นิ่งตัวค้างอยู่ที่เดิมกระทั่งหลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น พูดกับนางด้วยเสียงอ่อนแรงเต็มที “ตงเหมย ข้าเจ็บเหลือเกิน...ข้าเจ็บท้องเหลือเกิน...”เมื่อนั้นตงเหมยถึงได้สติกลับมา“ซวงเอ๋อร์...ซวงเอ๋อร์อดทนไว้อีกนิด ข้าไปตามหมอมาให้…”ตงเหมยไม่ทันคิดให้มากความ รีบร้อนปรี่ออกจวนไปเรียกหมอเข้ามายามหมอมาถึง หลินซวงเอ๋อร์หมดสติไปเสียแล้วนางหายใจรวยริน ราวกับคนใกล้ตายหมอหยิบเข็มเงินออกมา เสียบผ่านผิวปักลงตามตำแหน่งฝังเข็มทีละเล่ม พยายามทำให้เจ้าตัวตื่นหากแต่ฝังเข็มไปแล้วนับหลายสิบเล่ม หลินซวงเอ๋อร์ก็ไร้ซึ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 550

หมอกล่าว “สุขภาพพระชายาอ่อนแอยิ่ง ชีพจรปวนแปรไม่มั่นคง ประกอบกับชีพจรทารกในครรภ์อายุไม่ถึงเดือน เป็นที่เข้าใจได้ว่าหมอมิอาจวินิจฉัยออกมาได้ พระชายาโปรดทำใจ มิเช่นนั้นแม้แต่ชีวิตคงมิอาจรักษาไว้ได้ เกรงว่า......”หลินซวงเอ๋อร์สูดหายใจถาม “เกรงว่าอะไร?”หมอกล่าว “เกรงว่า...คงตั้งครรภ์อีกได้ยากพะยะค่ะ!”น้ำตาหยาดหนึ่งไหลรินข้างแก้ม หลินซวงเอ๋อร์เสียงสั่นระริก “หากข้าจัดการดูแลร่างกายให้ดีเล่า?” หมอถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ทูลตามตรง ร่างกายพระชายาอ่อนแอเกินไป การที่ตั้งครรภ์ครานี้ได้นับว่าไม่ง่าย จากนี้เกรงว่าคงตั้งครรภ์ยาก...”สิ้นเสียง หลินซวงเอ๋อร์พลันรู้สึกว่ารอบด้านเงียบสงัด สิ่งเดียวที่ได้ยินคือหายใจแสนทรมานและสิ้นหวังของตนเท่านั้นตงเหมยพูดอะไรบางอย่าง แต่นางกลับไม่ได้ยินแล้ว ในหัวมีเพียงคำพูดของหมอวนเวียนฉายซ้ำไม่หยุดจากนี้ เกรงว่าคงตั้งครรภ์ยาก...เสียงวิ้งดังขึ้นในหัว ราวกับมีบางสิ่งควักหัวใจนางออกไปแล้ว นางหายใจไม่ออก กระนั้นหัวสมองกลับขาวโพลนหลังจากหมอกลับไป ตงเหมยนั่งข้างกายหลินซวงเอ๋อร์ กล่าวโยนเสียงเบา “ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว เจ้ายังอายุน้อย จากนี้ต้องมีลูกได้อีกแน่...”ร
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
5354555657
...
63
DMCA.com Protection Status