แชร์

บบที่ 544

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เยี่ยเป่ยเฉิงอยู่ข้างใน จ้าวชิงชิงเองก็มิกล้าบุ่มบ่ามเคาะประตู จึงเอาแต่ยืนรอด้านนอก

กระทั่งประตูห้องเปิดออก เยี่ยเป่ยเฉิงเดินออกจากข้างใน จ้าวชิงชิงและเจียงหว่านเงยหน้ามองเขาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“ท่านอ๋อง...”

“ท่านอ๋อง...”

ทั้งสองแทบเรียกเป็นเสียงเดียวกัน

เยี่ยเป่ยเฉิงเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ออกจากตำหนัก!”

ประโยคนี้พูดกับเจียงหว่าน ส่วนจ้าวชิงชิงนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงไม่แม้แต่ปรายตามอง

จ้าวชิงชิงหน้าดำหน้าแดง ปราดมองเจียงหว่านด้วยสายตาชิงชัง สายตาชิงชังคู่นั้นประหนึ่งอยากเฉือนนางเป็นชิ้นๆ

เจียงหว่านตามหลังเยี่ยเป่ยเฉิง ยามเดินผ่านจ้าวชิงชิงนางกลับชะลอฝีเท้า หยักยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ก่อนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “จ้าวชิงชิง พวกเราไม่มีใครชนะทั้งนั้น”

สิ้นเสียง เจียงหว่านจึงเดินตัวปลิวผ่านหน้าจ้าวชิงชิงไป

จ้าวชิงชิงมาดหมายจะเอ่ยปาก ทันใดนั้นพลันได้กลิ่นหอมกรุ่นบางอย่าง ทำเอาจามไปทีอย่างกลั้นไม่อยู่

นางคลึงจมูกครู่หนึ่ง ก่อนก่นด่าตามหลังเจียงหว่าน “ลมผีจากไหนกัน พัดกลิ่นสาบจิ้งจอกเจ้าเล่ห์มา!”

เจียงหว่านมิได้เอ่ยปากแต่อย่างใด เร่งฝีเท้าตามติดเยี่ยเป่ยเฉิง

ครั้นเยี่ยเป่ยเฉิงจากไป จ้าว
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Yupadee Pakinai Jantharat
อัพเดทให้หน่อยค่ะ
goodnovel comment avatar
Yupadee Pakinai Jantharat
อ่านต่ออีกหลายๆตอนค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 545

    จ้าวชิงชิงไม่เข้าใจเช่นกันว่าตอนนี้ตนเป็นอะไรไป สิ่งเดียวที่นึกได้คือเพิ่งไปในวังมา บางทีโรคของฮุ่ยอี๋ยังไม่หายสนิท ไม่ทันระวังจึงแพร่ใส่ตัวนางเข้าแล้วคิดได้ดังว่า จ้าวชิงชิงพลันหวาดกลัวทันใด กลัวว่าตนจะติดโรคเข้าให้แล้วไม่ช้าแพทย์ก็ถูกเชิญเข้าจวนเรื่องโชคดีคือ สิ่งที่นางติดมิใช่โรคระบาดแต่อย่างใด เป็นเพียงโรคลมพิษเท่านั้นทว่ารอยขีดข่วนน่ากลัวบนใบหน้าจะต้องใช้เวลากี่เดือนถึงจะฟื้นฟูเป็นปกติ......…..หลังจากกลับถึงค่ายทหาร เจียงหว่านมองโอสถที่ฮุ่ยอี๋ก่อนตกสู่ห้วงความคิดครานี้ เจียงหว่านไม่กล้าเสี่ยง จึงลองให้ผู้ป่วยติดโรคใกล้ตายกินดูก่อนสิ่งที่คาดไม่ถึงคือ โอสถที่ฮุ่ยอี๋ให้มาครานี้ได้ผลจริง เดิมทีโรคระบาดนี้อยู่ในช่วงวิกฤตสุดขีดแล้ว ทว่าเมื่อกินยาเข้าไป เมื่อย่างสู่วันที่สองอาการป่วยกลับหายเป็นปลิดทิ้งแต่อาการของเขารุนแรงยิ่ง จำต้องใช้ยาหลายครั้ง อีกทั้งผู้ป่วยในระยะแรกใช้ยาเพียงขวดเดียวก็หายแล้วครั้นเห็นสถานการณ์ดังว่า เจียงหว่านจึงบอกเยี่ยเป่ยเฉิง “ท่านอ๋อง ตรงนี้ให้ข้าจัดการเถิด ท่านไม่ได้นอนหลับพักผ่อนเต็มอิ่มต่อกันหลายวันแล้ว ท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด”เยี่ยเป่ย

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 546

    นางไม่รู้ว่าตนเป็นอันใดไป นางคิดว่าหากเยี่ยเป่ยเฉิงอยู่ด้วยคงดี เช่นนี้นางคงไม่ต้องคิดมากมายแล้ว และไม่ต้องฝันร้ายทุกคืนอีกต่อไปแต่นางรู้ดีว่าเยี่ยเป่ยเฉิงยุ่งมาก สิ่งที่เขาต้องทำล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญ ดังนั้นนางจึงเก็บคำร้องขออันไร้เหตุผลนั้นไว้ในใจเงียบๆ ไม่กล้าออกมา และยามนี้ เป็นช่วงที่จิตสำนึกของนางอ่อนแอ ถึงได้แสดงด้านที่อ่อนแอที่สุดของตนออกมาให้เยี่ยเป่ยเฉิงเห็นในท้ายที่สุดชั่วเวลานั้น นางคิดถึงเขาจริงๆ ต่อให้ไม่ทำอะไร แค่ได้เห็นเขาก็เพียงพอแล้ว...ทว่า แม้แต่คำร้องขอเล็กๆนี้ยังกลายเป็นเพียงความหวังเกินฝันไปแล้ว...นางไม่เห็นเขา ทั้งยังมิอาจไปตามหาเขาที่ค่ายทหารได้นางทำได้เพียงเชื่อฟังสุดใจ รอคอยเยี่ยเป่ยเฉิงเป็นฝ่ายคิดถึงนางเอง จากนั้นค่อยกลับมาหานางหลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกประหลาดยิ่งแต่ก่อน นางไม่โหยหาพึ่งเขาขนาดนี้เด็ดขาด ทว่าช่วงที่ผ่านมาไม่รู้ว่าเป็นอันใด นางมักรู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกโดดเดียวเงียบเหงาเสมอ ยามราตรีมักน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว ยามนางตื่นนอน หมอนก็เปียกชุ่มเป็นครึ่งแล้วนางรู้สึกว่าตนป่วยแน่ ทั้งยังป่วยหนักอีกด้วยหากแต่ตงเหมยบอกให้นางอย่าคิ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 547

    ไม่คอยให้หลินซวงเอ๋อร์เอ่ยปาก เยี่ยเป่ยเฉิงคว้าไหล่นางไว้ กดร่างนางลงบนเตียง สายตาของเขาคมกริบน่าสะพรึง “หลินซวงเอ๋อร์! เจ้าควรเข้าใจให้กระจ่าง ยามนี้เจ้าเป็นหญิงของข้า หากข้าไม่อนุญาต เจ้าก็ห้ามทำร้ายตนเองเด็ดขาด! เข้าใจหรือไม่?”เขาจะบ้าตายแล้วจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะลอบทำร้ายตัวเองลับหลังเขาเช่นนี้!ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เขามิอาจทนได้ทั้งสิ้น!ครั้นเห็นท่าทีปะทุโทสะของเยี่ยเป่ยเฉิง หลินซวงเอ๋อร์ส่ายหน้าเป็นพัลวัน “ข้าเปล่า ข้ามิได้ตั้งใจทำร้ายตัวเอง แต่เป็นเพราะข้าจะช่วยคน...”“ช่วยคน?” เยี่ยเป่ยเฉิงแสยะยิ้มด้วยความเกรี้ยวกราด “ หลินซวงเอ๋อร์! เจ้าคิดว่าเจ้าผู้วิเศษหรืออย่างไร? แค่เพื่อช่วยคนถึงขั้นต้องทำร้ายตัวเองเชียวหรือ? ร่างกายของเจ้าเป็นของข้า! ใครอนุญาตให้เจ้าทำลายตนเองเช่นนี้!”ภายใต้แสงเทียนสลัว ร่างบุรุษหนุ่มคร่อมร่างนางไว้มิด บดเบียดจนคนใต้ร่างหายใจไม่คล่องความเจ็บปวดเสียดแทงจากก้นบึ้งหัวใจ ราวกับมีบางอย่างทิ่มกลางทรวง เจ็บปวดจนต้องขมวดคิ้วความเจ็บปวดเสียดแทงหัวใจฉับพลันนี้ทำเอาหลินซวงเอ๋อร์มิอาจเอ่ยปากอธิบายได้ นางขมวดคิ้วเคร่ง พยายามทนต่อความอึดอัด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 548

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือค้างกลางอากาศทันใดข้างนอก เสียงเสวียนอู่ฟังดูร้อนรนชัดเจนเยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆดึงมือกลับ บอกหลินซวงเอ๋อร์เสียงอ่อน “ซวงเอ๋อร์ พักผ่อนให้ดี พี่ไปประเดี๋ยวก็มาแล้ว”สิ้นเสียง เยี่ยเป่ยเฉิงหันกายออกประตูไปทันทีข้างนอก เสียงบทสนทนาเลือนรางของเสวียนอู่และเยี่ยแป่ยเฉิงดังขึ้น“ท่านอ๋อง เขตกักกันโรคเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ได้ยินว่ายาไม่พอ ผู้ป่วยหลายคนจึงฉวยโอกาสก่อเรื่อง......”เยี่ยเป่ยเฉิงเอ่ย “ควบคุมผู้ป่วยเอาไว้ก่อน อย่าให้พวกเขานำโรคระบาดออกไปแพร่เชื้อ!”เสวียนอู่ตอบ “ควบคุมไว้แล้วขอรับ หากแต่ท่านรองหวังยังไม่วางใจ จึงให้ผู้น้อยมารายงานฝ่าบาท”เสียงสนทนาดังต่อพักหนึ่ง เสวียนอู่เอ่ย “มีท่านรองนายพลหวังอยู่ ท่านอ๋องอยู่ที่จวนกับพระชายาเถิด......”เงียบงันไปอักสักพัก วินาทีต่อมาเยี่ยเป่ยเฉิงจึงเอ่ย “ข้าไม่วางใจ ให้ข้าไปดูเองสักรอบก็แล้วกัน!”จากนั้น เสียงฝีเท้าจึงค่อยๆดังห่างออกไปหลินซวงเอ๋อร์นอนบนเตียง เจ็บปวดทั่วร่างเจียนตายนางคิดจะเรียกรั้งเยี่ยเป่ยเฉิงไว้ ทว่าความเจ็บปวดมหาศาลกลับทำให้นางมิอาจเอ่ยปากได้ ทำได้เพียงมองเยี่ยเป่ยเฉิงจากไปไกลทีละนิดตาปริบๆความเจ็บ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 549

    สองมือเปื้อนเลือดค่อยๆยื่นไปทางบานประตู มาดหมายเปิดประตูขอความช่วยเหลือทว่าเรี่ยวแรงของนางน้อยนิดเกินไป น้อยเกินไปจริงๆนางเปิดประตูไม่ได้“ตงเหมย...ท่านพี่ พวกเจ้าไปไหนกัน...” นางสะอื้นร้องไห้ ฝ่ามือไร้เรี่ยวแรงพยายามทุบประตู หมายให้เกิดเสียงดังบ้างในที่สุด บานประตูก็เปิดออก ตงเหมยนั่นเองที่เปิดประตูเมื่อตงเหมยเห็นภาพเบื้องหน้า กะละมังทองแดงในมือพลันร่วงเสียงดังลั่นหลินซวงเอ๋อร์นอนเลือดท่วมทั่วกายอยู่บนพื้น ด้านหลังมีรอยเลือดลากยาว เป็นภาพชวนสะเทือนใจเกินบรรยายตงเหมยตะลึงงัน นิ่งตัวค้างอยู่ที่เดิมกระทั่งหลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น พูดกับนางด้วยเสียงอ่อนแรงเต็มที “ตงเหมย ข้าเจ็บเหลือเกิน...ข้าเจ็บท้องเหลือเกิน...”เมื่อนั้นตงเหมยถึงได้สติกลับมา“ซวงเอ๋อร์...ซวงเอ๋อร์อดทนไว้อีกนิด ข้าไปตามหมอมาให้…”ตงเหมยไม่ทันคิดให้มากความ รีบร้อนปรี่ออกจวนไปเรียกหมอเข้ามายามหมอมาถึง หลินซวงเอ๋อร์หมดสติไปเสียแล้วนางหายใจรวยริน ราวกับคนใกล้ตายหมอหยิบเข็มเงินออกมา เสียบผ่านผิวปักลงตามตำแหน่งฝังเข็มทีละเล่ม พยายามทำให้เจ้าตัวตื่นหากแต่ฝังเข็มไปแล้วนับหลายสิบเล่ม หลินซวงเอ๋อร์ก็ไร้ซึ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 550

    หมอกล่าว “สุขภาพพระชายาอ่อนแอยิ่ง ชีพจรปวนแปรไม่มั่นคง ประกอบกับชีพจรทารกในครรภ์อายุไม่ถึงเดือน เป็นที่เข้าใจได้ว่าหมอมิอาจวินิจฉัยออกมาได้ พระชายาโปรดทำใจ มิเช่นนั้นแม้แต่ชีวิตคงมิอาจรักษาไว้ได้ เกรงว่า......”หลินซวงเอ๋อร์สูดหายใจถาม “เกรงว่าอะไร?”หมอกล่าว “เกรงว่า...คงตั้งครรภ์อีกได้ยากพะยะค่ะ!”น้ำตาหยาดหนึ่งไหลรินข้างแก้ม หลินซวงเอ๋อร์เสียงสั่นระริก “หากข้าจัดการดูแลร่างกายให้ดีเล่า?” หมอถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ทูลตามตรง ร่างกายพระชายาอ่อนแอเกินไป การที่ตั้งครรภ์ครานี้ได้นับว่าไม่ง่าย จากนี้เกรงว่าคงตั้งครรภ์ยาก...”สิ้นเสียง หลินซวงเอ๋อร์พลันรู้สึกว่ารอบด้านเงียบสงัด สิ่งเดียวที่ได้ยินคือหายใจแสนทรมานและสิ้นหวังของตนเท่านั้นตงเหมยพูดอะไรบางอย่าง แต่นางกลับไม่ได้ยินแล้ว ในหัวมีเพียงคำพูดของหมอวนเวียนฉายซ้ำไม่หยุดจากนี้ เกรงว่าคงตั้งครรภ์ยาก...เสียงวิ้งดังขึ้นในหัว ราวกับมีบางสิ่งควักหัวใจนางออกไปแล้ว นางหายใจไม่ออก กระนั้นหัวสมองกลับขาวโพลนหลังจากหมอกลับไป ตงเหมยนั่งข้างกายหลินซวงเอ๋อร์ กล่าวโยนเสียงเบา “ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว เจ้ายังอายุน้อย จากนี้ต้องมีลูกได้อีกแน่...”ร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 551

    หลินซวงเอ๋อร์ยิ้มเศร้า “ไม่ผิดเลย แม้แต่เจ้าก็คิดว่าเขารังเกียจข้าเพราะเรื่องนี้ ใช่หรือไม่?”ตงเหมยรีบร้อนอธิบาย “ไม่ใช่นะ ซวงเอ๋อร์...”“ช่างเถิด...” หลินซวงเอ๋อร์หลับตาลงด้วยความเจ็บปวด พร้อมปลอบใจตนเอง “ไม่อยากให้เขาเสียใจเกินไป ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี แล้ววันหน้า เรายังจะมีลูกได้อีก...”ตงเหมยกล่าวด้วยความเห็นใจ “ใช่ ตอนนี้สำคัญคือต้องพักฟื้นร่างกาย เรื่องอื่นอย่าไปคิดมาก หมอบอกว่าท่านเป็นโรคคิดมากอยู่แล้ว ถ้ายังปล่อยไว้ต่อไป อาจเป็นโรคตรอมใจได้อีก...”หน้าอกเริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมาอีกครั้ง หลินซวงเอ๋อร์ค่อยๆ ลืมตาขึ้น กล่าวต่อตงเหมย “ข้าคิดถึงท่านพี่อีกแล้ว เจ้าไปตามเขากลับมาได้หรือไม่?”ตงเหมยกล่าวตอบ “ได้เจ้าค่ะ บ่าวจะไปตามท่านอ๋องกลับมาเดี๋ยวนี้ มีเขาอยู่เป็นเพื่อน อาการป่วยของท่านคงจะหายเร็วขึ้น...”กล่าวจบ ตงเหมยก็ลุกขึ้นยืน ห่มผ้าให้หลินซวงเอ๋อร์เรียบร้อย ขณะเตรียมจะหันหลังกลับ พลันเห็นนอกเรือนมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นตงเหมยกล่าวด้วยความยินดี “พระชายา ท่านอ๋องกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”ได้ยินคำพูดของตงเหมย ดวงตาที่หมองเศร้าของหลินซวงเอ๋อร์ค่อยเปล่งประกายขึ้นมาบ้างตงเหมยรีบเดินไปเปิ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 552

    ตงเหมยกลับมายังเรือนอวิ่นซวน นางมองหน้าเหงาหงอยของหลินซวงเอ๋อร์ พลางปลอบโยนด้วยความเห็นใจ “พระชายาโปรดอย่าคิดมาก ท่านอ๋องจัดการธุระเสร็จแล้วก็จะมาที่นี่เอง”หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกเจ็บหน้าอกอีกครั้ง นางถามตงเหมยด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “เจียงหว่านบาดเจ็บมากหรือไม่? ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง?”ตงเหมยหยุดชะงักเล็กน้อย “คำพูดเมื่อสักครู่ ท่านได้ยินหมดแล้วหรือเจ้าคะ?”หลินซวงเอ๋อร์ยิ้มเจื่อนพลางกล่าวตอบ “ตงเหมย ข้าเพียงแค่ไม่สบายเท่านั้น ไม่ได้หูหนวกเสียหน่อย...”นางแสร้งทำท่าทีสบายๆ “สุขภาพข้าไม่สู้ดี ลุกไม่ไหวจริงๆ เจ้าเป็นตัวแทนข้า ไปเยี่ยมเยียนพวกเขาหน่อย”ตงเหมยกล่าวตอบ “ได้ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้ และจะพาท่านอ๋องกลับมาด้วย”หลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองนาง น้ำเสียงแฝงความหมองเศร้า “เจียงหว่านบาดเจ็บก็เพื่อช่วยท่านอ๋อง คืนนี้ท่านอ๋องจะกลับมาหรือไม่? หรือจะอยู่เรือนตะวันตกคอยดูแลนาง?”ตงเหมยพูดไม่ออกนางจะรู้ได้อย่างไร?เพราะแท้จริงแล้ว เมื่อครู่ที่เยี่ยเป่ยเฉิงอุ้มเจียงหว่านไปยังเรือนตะวันตกนั้น สีหน้าลนลานของเขาไม่ใช่การเสแสร้งแน่ตงเหมยไม่อยากเห็นหลินซวงเอ๋อร์เสียใจ จึงกล่าวปลอบโยนนาง “พระชา

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status