All Chapters of ทาสสาวพราวพิลาส: Chapter 371 - Chapter 380

625 Chapters

บทที่ 371

ในขณะนี้จ้าวชิงชิงยืนอยู่นอกกระโจม มองเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงจากระยะไกลเยี่ยเป่ยเฉิงกระโดดลงมาจากม้าที่สูงใหญ่ เขาสวมชุดสีดำ และรัศมีแห่งความเย็นชาแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายเขามีรูปร่างที่ตรงสง่า หน้าตาหล่อเหลาคล้ายมาร นัยน์ตาสดใสประดุจดารายามราตรีอันหนาวเหน็บ คิ้วอันคมเข้มเชิดไปจนถึงขมับ อกผายไหล่ผึ่ง และมีสง่าบารมีที่คนยากจะต้านทานได้เพียงแค่เขายืนอยู่ตรงนั้น ก็เปล่งรัศมีของราชาผู้เป็นใหญ่ในใต้หล้า เขาทำให้ผู้คนหวาดเกรงกลัวโดยไม่มีสาเหตุ ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะมองเขาหลายหนหากไป๋อวี้ถังและฉีหมิงเป็นความฝันอันแสนหวานในใจของหญิงสาวนับไม่ถ้วนในเมืองหลวง เยี่ยเป่ยเฉิงก็ถือว่า เป็นความฝันที่พวกนางมิอาจเอื้อมถึงได้มีข่าวลือว่าเยี่ยเป่ยเฉิงเป็นคนเย็นชารักสันโดษ ไม่ฝักใฝ่ในอิสตรี องอาจห้าวหาญในสนามรบ ราวกับเทพแห่งความชั่วร้าย โหดร้ายเลือดเย็นต่อสตรี สาวงามมากมายในเมืองหลวง ไม่มีใครเข้าใกล้เขาได้เลยสักคนแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่มีใครสามารถต้านทานความหล่อเหลาของเขาได้ แค่มองดูครู่หนึ่ง ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกหลงใหล แม้ว่าจะต้องตายในอ้อมกอดของเขา พวกนางก็ยินยอมบรรดาหญิงสาวที่อยู่ข้างๆต
Read more

บทที่ 372

ฮุ่ยอี๋เดินออกจากในกระโจม แค่แวบแรกก็เห็นหลินซวงเอ๋อร์แล้วก่อนหน้านี้เคยเห็นนางจากระยะไกลเท่านั้น จึงไม่รู้สึกว่ามีอะไรพิเศษกว่าคนทั่วไปแต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นด้านหน้า นางกลับไม่คิดเช่นนั้นความประหลาดใจผุดแวบขึ้นมาในนัยน์ตาของฮุ่ยอี๋แม้ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าจะแต่งกายเรียบง่ายสง่างาม แต่กลับโดดเด่นกว่าหญิงสาวคนอื่นๆนางเกิดมาพร้อมกับรูปร่างหน้าตาที่งดงาม มีผิวพรรณที่ขาวใสราวกับหยก ผิวเนียนละเอียดนุ่มน่าถนอมเป็นอย่างมาก แค่นางยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย ก็มีเสน่ห์น่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนัยน์ตาที่สะอาดสุกใสคู่นั้น บวกกับแสงสีแดงเข้มที่สะท้อนอยู่ในรูม่านตา ราวกับว่าสูงส่งสง่างามมาต้งแต่กำเนิดเห็นได้ชัดว่านางเป็นเพียงสาวใช้ แต่กลับเกิดมาพร้อมกับความสูงส่ง!ฮุ่ยอี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย“มิน่าฉีหมิงถึบงได้ชื่นชอบนางมากขนาดนี้…” นางพึมพำโดยไม่รู้ตัววันนี้ล่าสัตว์ นางไม่จำเป็นต้องแต่งตัวหรูหราเกินไป เดิมทีนางได้เตรียมชุดขี่ม้าสีแดงแบบทะมัดทะแมงเอาไว้หนึ่งชุด แต่นางคิดว่าชุดนั้นขี้เหร่เกินไป ถึงได้ยืนกรานสวมชุดที่ตนเองชื่นชอบจนกระทั่งตอนนี้ที่นางได้เห็นหลินซวงเอ๋อร์ เสื้อ
Read more

บทที่ 373

จ้าวชิงชิงคิดว่าตกเองสนิทสนมกับฮุ่ยอี๋ จึงไร้ระเบียบกฏเกณฑ์มากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่ก้าวไปข้างหน้าแล้วคล้องแขนฮุ่ยอี๋เอาไว้ ยังพูดจาอย่างไม่มีหูรูดว่า: " วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดขององค์หญิง จะปล่อยให้คนที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมาทำให้องค์หญิงไม่เบิกบานใจได้อย่างไร คนที่มาที่นี่ล้วนเป็นคนที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี อย่าปล่อยให้เป็นสาวใช้ชั้นต่ำเหล่านั้นมาเข้าใกล้องค์หญิงเด็ดขาด "สิ่งที่นางพูดมีนัยความหมายบางอย่าง เห็นได้อย่างชัดเจนว่ากำลังพูดถึงหลินซวงเอ๋อร์ก่อนที่ฮุ่ยอี๋จะเอ่ยปากพูด จ้าวชิงชิงก็พูดอีกครั้งว่า: " ข้าว่านะ คนเราควรจะรู้จักประเมินตนเอง ถ้าข้าเป็นนาง จะซ่อนตัวอยู่ที่ในจวนไม่ออกมาให้อับอายขายขี้หน้าหรอก! นังสาวใช้ชั้นต่ำ! ไม่คู่ควรมางานเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดองค์หญิงเลย!ช่างไร้ยางอายจริงๆ! "ฮุ่ยอี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยแม้ว่านางจะไม่ชอบหลินซวงเอ๋อร์ แต่คำพูดของจ้าวชิงชิงแหลมสูง ทำให้นางฟังแล้วรู้สึกหงุดหงิด เหมือนอีกาตัวหนึ่งที่น่ารำคาญ ร้องจ้อกแจ้กจอแจอยู่ข้างหูนางไม่หยุดช่างน่ารำคาญมากจริงๆ!ด้วยความหงุดหงิดนางจึงดึงแขนออกมาจากที่ในมือของจ้าวชิงชิง ฮุ่ยอี๋มีสีหน้าที่ดูส
Read more

บทที่ 374

ในอดีตไม่ว่าจะวาระโอกาสใดก็ตาม เหล่าขุนนางไม่เคยเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงมีพาสมาชิกในจวนที่เป็นหญิงมาด้วยเลย วันนี้เมื่อพวกเขาเห็นสาวงามที่อยู่ข้างกายเขา ก็อดรู้สึกสงสัยไม่ได้เว่ยหวยซานชี้ไปที่หลินซวงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างเยี่ยเป่ยเฉิง ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า: " ท่านอ๋อง แม่นางท่านนี้เป็นบุตรีของขุนนางจวนไหนหรือ ถึงได้งดงามมีเสน่ห์เช่นนี้ แต่มองก็สามารถทำให้ผู้คนชื่นชอบแล้ว"เว่ยหวยซานติดตามเยี่ยเป่ยเฉิงมาหลายปีแล้ว เมื่อสองปีก่อนเขาถูกย้ายไปที่ชายแดนเพื่อปกป้องป้อมปราการ ภายใต้การสนับสนุนของเยี่ยเป่ยเฉิง เขาจึงได้เลื่อนขั้นเป็นนายพลหลังจากปราบจราจลที่ป้อมปราการชายแดนได้แล้ว ก็เพิ่งจะกลับมาเมืองหลวงเมื่อไม่กี่วันก่อนเนื่องจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาไม่ได้ติดตามเยี่ยเป่ยเฉิง เว่ยหวยซานจึงไม่รู้อะไรมากมาย รวมถึงเรื่องที่เยี่ยเป่ยเฉิงมีผู้หญิงอยู่ข้างกายตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาก็ไม่รู้เช่นกันหลินซวงเอ๋อร์มองไปที่เว่ยหวยซาน ก็รู้สึกหวาดกลัวบนโลกใบนี้ มีคนกำยำล่ำสันขนาดนี้ได้อย่างไร! หลินซวงเอ๋อร์ไม่อยากจะเชื่อเลยเขามีร่างกายที่สูงใหญ่กำยำล่ำสัน หนวดเคราที่อยู่บนหน้าทำให้เขาจึงดุร้ายป่าเถื่อนมา
Read more

บทที่ 375

ในเวลานี้ ขุนนางที่พอจะรู้เรื่องก็เข้ามาอธิบายเหตุผลที่ข้างหูของเขาว่า: "นายพลเว่ย แม้แต่พระชายาท่านก็กล้าล้อเล่นด้วยหรือ?"“ พระชายา?” เว่ยหวยซานมีสีหน้าที่ดูตกใจคิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องที่สันโดษเย็นชามาโดยตลอดจะสมรสพระชายาโดยที่ไม่มีข่าวคราวอะไรเลย?เว่ยหวยซานไม่อยากจะเชื่อเลย เหตุใดเขาไม่ได้ยินข่าวคราวใดๆเลย?ไม่น่าแปลกใจเลยที่เยี่ยเป่ยเฉิงจะเกรี้ยวโกรธ เว่ยหวยซานแทบอยากจะตบปากตนเองสักสองสามครั้ง จึงรีบพูดกับหลินซวงเอ๋อร์ว่า: " พระชายาได้โปรดอย่าคิดจริงจังเลย ข้าเป็นคนหยาบกระด้าง เมื่อกี้ข้าก็แค่ล้อเล่นไปเรื่อยเปื่อย ข้าไม่เคยกินคน พระชายาอย่าได้หวาดกลัวไปเลย "เพื่อแสดงไมตรีจิต เว่ยหวยซานได้แสดงรอยยิ้มที่เขาคิดว่าเป็นที่เป็นมิตรที่สุดให้หลินซวงเอ๋อร์เห็น แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำให้หลินซวงเอ๋อร์กลัวแทบตายตอนที่เขาไม่ยิ้มยังพอรับได้ แต่พอเขายิ้มขึ้นมาดูน่าหวาดกลัวยิ่งกว่า เมื่อปากกว้างๆอ้าขึ้น ก็จะเผยให้เห็นฟันขาวอันน่าขนลุกของเขา จึงทำให้ดูเหมือนภูตผีแห่งขุนเขาที่กินคนมากกว่า“สวามี…” ทันใดนั้นหลินซวงเอ๋อร์ก็ซุกหน้าเข้าไปในอ้อมแขนของเยี่ยเป่ยเฉิง ด้วยร่างกายที่สั่นเทามากยิ่งขึ้นเย
Read more

บทที่ 376

นับตั้งแต่ที่ได้ยินคำพูดขององค์ชายใหญ่ทั่วป๋าจิ่น หลินซวงเอ๋อร์ก็มีจิตใจที่ย่ำแย่เป็นอย่างมาก สีหน้าจึงดูซีดเผือดลงเล็กน้อยตอนที่นางตกอยู่ในมือของอู๋เต๋อไห่ แทบจะถูกทรมานจนตาย ฝันร้ายที่ยืดเยื้อนั้นรังควานนางมาเป็นเวลานานในเวลานั้น นางเองก็ไม่เข้าใจ ตนเองไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกับขันทีผู้โหดร้ายคนนั้น เหตุใดเขาถึงทรมานนางทุกรูปแบบจนกระทั่งในเวลาต่อมาได้ยินคำพูดของเยี่ยเป่ยเฉิงโดยไม่ทันได้ตั้งใจ จึงเข้าใจได้ในทันทีที่แท้ เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นคนมอบนางให้กับอู๋เต๋อไห่ด้วยตนเอง...ตอนที่นางรู้ความจริง นางก็รับไม่ได้ จนกระทั่งผ่านไปเป็นเวลานาน ถึงได้เก็บเรื่องราวในอดีตเอาไว้ในใจเดิมที นางไม่อยากให้อภัยเยี่ยเป่ยเฉิงแต่ว่า เขาดีกับตนเองมากจริงๆ ดีจนทำให้นางต้องสงสัยว่า ตอนนั้นคนที่ส่งตนเองไปไม่ใช่เขา บางทีอาจจะเป็นแค่ความเข้าใจผิด...เมื่อเวลาผ่านไป นางก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีกจนกระทั่งตอนนี้ ได้หยิบยกเรื่องในอดีตขึ้นมาพูดอีกครั้ง ทั่วป๋าจิ่นได้พูดเรื่องนี้ต่อหน้าหน้านางและเยี่ยเป่ยเฉิง ทำให้หลินซวงเอ๋อร์ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้หลินซวงเอ๋อร์พบว่า แท้จริงแล้วมีเรื่องมากมาย ไม่ใช่ว่
Read more

บทที่ 377

เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในชีวิตเขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตานางดวงตาของนางสะอาดบริสุทธิ์ ราวกับว่าเป็นหยกไร้ที่ติในโลก ในอดีต นางมักจะใช้สายตาคู่นี้ มองเขาด้วยความรักอันลึกซึ้ง ราวกับว่าในดวงตาของนางมีแต่เขาตอนนี้ นางกลับใช้นัยน์ตาที่มีเสน่ห์คู่นี้ซักถามเขา ทำให้รู้สึกละลายใจจนไม่รู้จะอยู่ที่ไหน และมีความคิดที่อยากจะหลบหนีเมื่อเห็นว่าเขาไม่พูด หลินซวงเอ๋อร์จึงซักถามอีกครั้งว่า: " ตอนนั้นสวามีมอบข้าให้กับขันทีคนนั้น สวามีรู้หรือไม่ว่าขันทีคนนั้นเป็นคนอย่างไร? สวามีรู้หรือรู้ไม่ว่าเขามีบุคลิกนิสัยที่วิปลาส และมีวิธีการทรมานคนหลายรูปแบบ? "เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย และกระชับนิ้วอย่างลับๆในอดีต มีแต่เขาสอบปากคำคนอื่น แต่ตอนนี้หลินซวงเอ๋อร์สอบปากคำเขาอย่างไม่ปราณี“ถ้าสวามีสงสัยว่าข้าเป็นสายลับ เหตุใดถึงไม่สังหารข้าเลย? เหตุใดต้องส่งซวงเอ๋อร์ไปให้คนโหดเหี้ยมแบบนั้นทรมานด้วย?”หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน เพราะความทรงจำนั้นเจ็บปวดเกินไป เมื่อใดก็ตามที่นางนึกถึงเหตุการณ์นั้น นางก็รู้สึกหนาวสั่นอยู่ในใจ และถูกฝันร้ายรังควานทุกคืนตอนนั้น ถ้านางจับพลัดจับผลูเสียต
Read more

บทที่ 378

สนามล่าสัตว์ของราชวงค์ อยู่ห่างจากเมืองหลวงประมาณหนึ่งร้อยกิโลเมตรสนามล่าสัตว์กว้างขวางมาก ภูเขาเรียงรายสุดลูกหูลูกตา ขอบเขตในการล่าสัตว์กินพื้นที่หลายสิบกิโลเมตร ในนั้นมีสัตว์หายากแปลกตามากมายนอกสนามบล่าสัตว์ ทำเป็นพื้นที่ราบ เพื่อทำเป็นค่ายเพื่อปักกระโจม ตรงใจกลางค่ายจะมีพื้นที่กว้างขวาง และมีเป้ายิงธนูสิบกว่าอันตามแบบแผนที่ทำกันมาก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะเริ่มล่าสัตว์ จะต้องอบอุ่นร่างกายก่อน เพื่อเลือกธนูที่เหมาะสมมากที่สุดคนส่วนใหญ่ที่อยู่ตรงนั้นล้วนเรียนรู้ทักษะการยิงธนูมาบ้างแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะยิงไม่เข้าเป้าทุกดอก แต่อย่างน้อยก็มีทักษะการยิงธนูขั้นพื้นฐานที่ดีเหล่าขุนนางที่ประพฤติตนตามกฏเกณฑ์ทั้งหลายต่างก็เปลี่ยนเป็นชุดที่ทะมัดทะแมง และยืนอยู่ในตำแหน่งที่ได้จัดสรรไว้ให้เป้าธนูตั้งอยู่ห่างออกไปร้อยเมตร ระยะห่างนี้จะว่าไกลก็ไม่ไกล จะว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ ถ้าอยากจะยิงให้โดนเป้า ถือว่ามีความยากเล็กน้อยเหล่าสตรีทั้งหลายก็พากันยืนแยกออกเป็นสองฝั่ง พวกนางล้วนเป็นสตรีที่อ่อนแอไร้ซึ่งเรี่ยวแรงกำลัง จึงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมในการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงในครั้งนี้ และทำได้แค่อยู่ในค่ายเพื
Read more

บทที่ 379

ในเวลานี้หลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้สังเกตเห็นการจ้องมองที่กระตือรือร้นของฉีหมิง นางยืนอยู่ข้างฝูงชนอย่างเงียบๆ ด้วยนัยน์ตาที่เหม่อลอย ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ในเวลานี้ ทั่วป๋าจิ่นค่อยๆดึงลูกธนูออกมา ลูกธนูเล็งไปที่ตรงกลางเป้าที่อยู่ห่างออกไปร้อยเมตรบังเอิญว่าในเวลานี้ มีลมแรงพัดมาจากบนภูเขา จู่ๆพื้นในค่ายก็เต็มไปด้วยลมทราย ทำให้เสื้อผ้าของทุกคนปลิวว่อน และไม่สามารถลืมตาได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนจึงไม่สามารถมองเห็นทิศทางได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงไม่กล้าปล่อยลูกธนูออกไปได้ตามต้องการ จึงพากันผ่อนแรงลง และวางคันธนูลง โดยคิดว่าจะรอให้ลมหยุดก่อนค่อยดึงสายธนูใหม่ และเล็งไปที่เป้าหมายทั่วป๋าจิ่นกลับวางธนูลงได้ไม่ทันเวลา เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ลูกศรก็เปลี่ยนทิศทางโดยไม่รู้ตัว จากนั้น เขาก็คลายนิ้วมือ ลูกศรก็ลอยพุ่งไปในอากาศ แต่พวกมันกลับไม่ได้มุ่งหน้าไปที่เป้าธนูหลินซวงเอ๋อร์กำลังเหม่ยลอย ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ พอหลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น ก็เห็นลูกธนูพุ่งลอยมาในอากาศ และปลายลูกศรก็พุ่งมาที่ตนเองทันใดนั้นหลินซวงเอ๋อร์ก็เบิกตากว้างขึ้น สมองว่างเปล่าลูกศรนั้นเร
Read more

บทที่ 380

ความโกรธในนัยน์ตาของเยี่ยเป่ยเฉิงได้จางหายไปเขาหันกลับมาพูดกับองค์จักรพรรดิว่า: "เมื่อสักครู่นี้กระหม่อมเป็นห่วงพระชายาของตนมาก เพราะนางเป็นคนที่ขี้กลัว และคงจะตกใจมาก กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจที่จะตำหนิองค์ชายใหญ่เลย"องค์จักรพรรดิตรัสด้วยรอยยิ้มว่า: " เป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่เจ้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อย ข้าหวังว่าการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงในวันนี้ ทุกคนจะมีความสุขกันทั่วหน้า"เยี่ยเป่ยเฉิงยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงส่วนลึกของนัยน์ตา"ความเข้าใจผิด" ได้รับการแก้ไขแล้ว ภายในค่ายก็กลับคืนสู่บรรยากาศที่มีชีวิตชีวาเหมือนเดิม ทุกคนยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งของตน ฝึกยิงธนูไม่ขาดสาย คิดว่าอีกสักพักเข้าไปในพื้นที่ล่าสัตว์ จะล่าเหยื่อมาสักสองสามตัวทั่วป๋าจิ่นยกริมฝีปากขึ้น และรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากได้ยินมานานแล้วว่าเยี่ยเป่ยเฉิงโปรดปรานสาวใช้คนหนึ่ง และประคบประหงมราวเอาไว้ในฝ่ามือราวกับว่าเป็นสมบัติอันล้ำค่า แสดงให้เห็นว่าเขารักนางมากแค่ไหนเมื่อนึกถึงตอนที่เยี่ยเป่ยเฉิง กำลังควบม้าอยู่ในสนามรบ ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อสงคราม ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา โหดเหี้ยมทารุณ ไม่มีใครในราชสำนักสามารถ
Read more
PREV
1
...
3637383940
...
63
DMCA.com Protection Status