All Chapters of ทาสสาวพราวพิลาส: Chapter 351 - Chapter 360

625 Chapters

บทที่ 351

จากเมืองชิงเหอไปยังเมืองหลวง เป็นการเดินทางที่ยาวไกลมาก นั่งรถม้าทั้งวันทั้งคืนยังจะต้องใช้เวลาห้าถึงหกวันถึงจะมาถึงเมืองหลวงได้เมืองชิงเหอเป็นพื้นที่แร้นแค้น ร้านค้าโรงเตี๊ยมตามท้องถนนจึงน้อยมาก หากต้องการพักที่โรงเตี๊ยม ทางที่ดีควรไปจะที่เมืองอูถัวที่อยู่ห่างออกไปอีกห้ากิโลเมตรหลินซวงเอ๋อร์กับเยี่ยเป่ยเฉิงนั่งรถม้าออกจากถนนในชนบท เดินทางอย่างเร่งรีบบนเส้นทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นเวลาสองชั่วยาม พอถึงเมืองอูถัว ท้องฟ้าก็มืดแล้วภายใต้ค่ำคืนอันมืดสนิท เมฆฝนฟ้าคะนอง เหมือนพายุฝนกำลังมาบนถนนมีคนน้อยมาก บ้านทุกหลังปิดประตูสนิท มีเพียงโรงเตี้ยมแห่งเดียวเท่านั้นที่เปิดประตูเอาไว้ และมีโคมไฟส่องสว่างอยู่ข้างในรถม้าหยุดที่หน้าโรงเตี๊ยม เยี่ยเป่ยเฉิงช่วยพยุงหลินซวงเอ๋อร์ลงจากรถม้าเจ้าของโรงเตี๊ยมเป็นชายในวัยสี่สิบปีเศษ นัยน์ตาอันเรียวเล็กที่เฉียบคมคู่นั้น ดูเฉียบแหลมมาก เมื่อเขาเห็นลูกค้าเข้ามา เจ้าของร้านก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อต้อนรับทันที“นายท่าน อยากจะพักผ่อนชั่วคราวหรือว่าจะพักค้างคืน?” เจ้าของร้านกล่าวด้วยความยิ้มแย้มเยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า "หาห้องหับชั้นเยี่ยมให้ข้าหนึ่งห้อง พ
Read more

บทที่ 352

“สวามี” หลินซวงเอ๋อร์กอดเอวของเยี่ยเป่ยเฉิงเอาไว้แน่น จู่ๆก็เรียกเขาเบาๆ“มีอะไรหรือ?” แสงจันทร์ส่องสว่าง น้ำเสียงของเขาทุ้มลึกแหบแห้ง ราวกับว่ามีพลังเวทมนตร์ที่ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายหลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " ถ้าหากว่า ข้าเกิดมาในตระกูลที่ไม่ดี เกิดจากนางโลมอย่างที่พวกนางว่าจริงๆ ท่านจะรังเกียจข้าไหม?จะไม่ต้องการข้าหรือไม่? "อากาศดูเหมือนจะควบแน่นชั่วขณะหนึ่งท่ามกลางความมืด หลินซวงเอ๋อร์ไม่ได้ยินเยี่ยเป่ยเฉิงตอบ จึงรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อยมือที่กอดเขาเริ่มคลายออก น้ำเสียงของหลินซวงเอ๋อร์ปะปนไปด้วยความไม่สบายใจ: "สวามี... เหตุใดท่านถึงไม่พูดล่ะ?"ทันใดนั้นเยี่ยเป่ยเฉิงก็กดมือที่นางกำลังจะดึงออกเอาไว้ แล้วเอานางมาไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง แล้วกล่าวว่า " หลินซวงเอ๋อร์ ในหนึ่งวันสมองของเจ้าคิดแต่เรื่องอะไรหรือ?"หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "คิดถึงท่านไง"สายตาของเยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆอ่อนโยนลง: "จะให้ข้าพูดอีกสักกี่ครั้ง หลินซวงเอ๋อร์!ข้าชอบเจ้า เพียงเพราะว่าเป็นเจ้า ไม่เกี่ยวอะไรกับชาติกำเนิด หรือสถานะของเจ้าเลย"หลินซวงเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็อมยิ้มเล็กน้อย ทำให้มีลักยิ้มลูกแ
Read more

บทที่ 353

หลินซวงเอ๋อร์เลิกคิ้ว ผลักเขาออกไปทันที และกล่าวว่า "สวามี ท่านทำอะไรเนี่ย?"นางก็แค่ขโมยกินลูกอมหนึ่งเม็ดก็เท่านั้น ผู้ชายคนนี้กลับพยายามแย่งมันออกมาจากปากของนางเยี่ยเป่ยเฉิงเลียมุมริมฝีปาก รูม่านตาอันลึกล้ำเหล่านั้นมีเสน่ห์อย่างยิ่งในตอนกลางคืน เขามองนางแล้วกล่าวว่า " ซวงเอ๋อร์กำลังแอบกินอะไรอยู่หรือ สวามีก็อยากจะชิมมันเหมือนกัน" พูดจบ ไม่ได้ให้โอกาสนางต่อต้านเลย เขาเอานางมาไว้ในอ้อมแขนแล้วแย่งชิง“ สวามี... ” นางพูดอย่างคลุมเครือว่า “ยังมีอีก ใต้หมอนยังมีอีก...”หยวนซื่อเอาให้นางถุงใหญ่ แต่ผู้ชายคนนี้กลับอยากแย่งมันจากปากของนาง!หลินซวงเอ๋อร์ไม่ยอมให้เขา จึงใช้ลิ้นห่อขนมเมล็ดบัวเอาไว้เยี่ยเป่ยเฉิงใช้ปากแงะลิ้นของนางอย่างเผด็จการ และปล้นความหวานในปากของนางทีละเล็กทีละน้อยน้ำตาลเคลือบละลายในปาก กลิ่นหอมหวานกระจายไปทั่วริมฝีปากและฟันของหลินซวงเอ๋อร์เดิมทีเยี่ยเป่ยเฉิงแค่ต้องการลงโทษนางเล็กน้อย แต่คิดไม่ถึงว่าริมฝีปากของนางจะหวานนุ่มนวลขนาดนี้ เขาจึงค่อยๆติดใจ และไม่สามารถถอนตัวได้ จึงเปลี่ยนมุมแล้วดูดริมฝีปากของนางซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกระทั่งในที่สุด ลูกอมเมล็ดบัวในปากก็ถูกเขาแ
Read more

บทที่ 354

ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า มีเงาสีดำหลายเงาแวบขึ้นนอกหน้าต่างคนที่อยู่ในอ้อมแขนกำลังนอนหลับสนิท เยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆลืมตาขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเย็นชาเยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆเลิกผ้าห่มขึ้น แกะมือเล็กๆคู่หนึ่งที่อยู่ระหว่างเอวออกไปอย่างอ่อนโยน จัดชายผ้าห่มให้นางอย่างระมัดระวังนอกห้อง ชายชุดดำหลายคนำลังยืนอยู่นอกประตู มีดอันคมกริบที่อยู่ในมือสะท้อนแสงวาววับท่ามกลางความมิดมิดยามราตรีเมื่อชายชุดคำคนหนึ่งเห็นว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ชายชุดดำก็หยิบกระบอกไม้ไผ่ที่อยู่ในอ้อมแขน เจาะรูกระดาษหน้าต่าง และกำลังจะระบายควันเข้าไปคิดไม่ถึงว่า จะมีเงาดำแวบขึ้นมาข้างหลัง เยี่ยเป่ยเฉิงยืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ราวกับว่าเป็นภูตผี ก่อนที่เขาจะลงมือทำ มือขนาดใหญ่คู่หนึ่งก็หักคอของเขาทันทีชายชุดดำล้มลงไปบนพื้นเมื่อชายชุดดำเห็นว่าจุดประสงค์ถูกเปิดเผย ก็รีบรุดไปข้างหน้าทันทีเยี่ยเป่ยเฉิงกระโดดลงไปชั้นล่าง ราวกับว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาแต่คนชุดดำเหล่านี้จะปล่อยเขาไปได้อย่างไร พวกเขาล้วนเป็นนักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี มาที่นี่มีเพียงวัตถุประสงค์เดียวเท่านั้น นั่นก็คือการค
Read more

บทที่ 355

ฝนก็ค่อยๆตกเบาลงภายในม่านเตียงอันหอมนุ่ม ทั้งสองคนนอนกอดกัน“เหตุใดซวงเอ๋อร์ถึงกลัวงูล่ะ?” เยี่ยเป่ยเฉิงวางคางเอาไว้บนผมอันนุ่มสลวยของนาง แล้วใช้ฝ่ามือขนาดใหญ่ตบหลังของหลินซวงเอ๋อร์เป็นจังหวะเบาๆเสียงอันต่ำทุ้มดูเหมือนจะมีผลต่อการกล่อมนอนหลินซวงเอ๋อร์ค่อยๆง่วงนอนอีกครั้ง น้ำเสียงนุ่มนวลราวว่าเป็นน้ำพุ: " ตอนที่ยังเป็นเด็กข้าถูกเอ้อร์โกว่จือในหมู่บ้านล้อเลียน เขาโยนงูดอกไม้ตัวหนึ่งลงบนเตียงของข้า งูตัวนั้นกัดข้าไปหนึ่งครั้ง ตกใจมากจนแทบจะเป็นบ้า และร้องไห้ตลอดทั้งวันอย่างไม่เอาไหน นับตั้งแต่วันนั้นก็เริ่มกลัวงู "เมื่อถึงตรงนี้ ทันใดนั้นหลินซวงเอ๋อร์ก็โกรธเล็กน้อย แก้มตุ๊บป่องเพราะเกรี้ยวโกรธ: "แต่ว่า พี่ชายของข้าได้ระบายความโกรธให้ข้าแล้ว!"เยี่ยเป่ยเฉิงถามว่า “โอ้? ระบายความโกรธอย่างไร?”หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "เอ้อร์โกว่จือขว้างงูลงบนเตียงของข้า ทำให้ข้ากลัวแทบตาย วันต่อมาพี่ชายของข้าก็ฌขึ้นเขาไปหาตะขาบมาเป็นจำนวนมาก สิ่งที่เอ้อร์โกว่จือกลัวมากที่สุดก็คือตะขาบ"เยี่ยเป่ยเฉิงตั้งใจฟัง จากนั้นก็ได้ยินหลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " พี่ชายของข้าตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันด้วยฟัน เทตะข
Read more

บทที่ 356

หลินซวงเอ๋อร์โต้กลับว่า: "สวามีพูดผิดแล้ว พี่ชายของข้าไม่ใช่คนไม่ดีเสียหน่อย"เยี่ยเป่ยเฉิงเปลี่ยนคำพูดว่า " เอาล่ะ นแกจากพี่ชายของเจ้า ผู้ชายคนอื่นล้วนไม่ใช่คนดี "หลินซวงเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า "พี่ไป๋ก็เป็นคนดีเหมือนกัน"เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดสาวน้อยคนนี้ถึงยังจำไป๋อวี้ถังผู้ชายคนนั้นได้?หากคนที่โหดเหี้ยมหน้าตาเป็นมิตรอย่างไป๋อวี้ถังเป็นคนดี แล้วปีศาจที่ฆ่าคนโดยที่ไม่กะพริบตาอย่างเขา จะไม่เป็นพระพุทธองค์ผู้ช่วยเหลือสรรพสัตว์หรือ?“ ซวงเอ๋อร์ อย่าตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก แบบนี้จะถูกได้ง่ายมาก” เยี่ยเป่ยเฉิงพูดกับนางอย่างอดทนหลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "แต่รูปลักษณ์ภายนอกของสวามีก็ดีมากเช่นกัน หรือว่าภายนอกกับภายในของสวามีไม่เหมือนกัน?"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า "ยกเว้นสวามี ภายนอกกับภายในของสวามีเหมือนกัน"“แล้วพี่ไป๋ล่ะ?” หลินซวงเอ๋อร์ถามถึงเขาอีกครั้งเยี่ยเป่ยเฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และคิดว่า ไป๋อวี้ถังได้ช่วยชีวิตซวงเอ๋อร์มาสองสามครั้งแล้ว จึงยอมละเว้นเขาชั่วคราว“อืม ไป๋อวี้ถังจัดได้ว่าเป็นคนดีครึ่งหนึ่ง กล่าวโดยสรุปคือ ซวงเอ๋อร์เป็นคนขอ
Read more

บทที่ 357

วันรุ่งขึ้นพอหลินซวงเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้วเมื่อคืนพอหลินซวงเอ๋อร์ได้พูดก็หยุดไม่ได้ เหมือนกับการเทถั่ว หยุดอย่างไรก็หยุดไม่อยู่นางไม่สามารถปิดบังเรื่องราวในอดีตได้เลย เรื่องเล็กๆน้อยๆอะไรก็เล่าให้เยี่ยเป่ยเฉิงฟังจนหมด ต่อมาคุยถึงไหน แล้วหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หลินซวงเอ๋อร์จำไม่ได้เลยพอถึงวันต่อมา เป็นไปตามที่คาดคิดเอาไว้หลินซวงเอ๋อร์นอนเกินเวลาฝนที่ตกมาตลอดทั้งคืนได้หยุดลงแล้ว อากาศในฤดูใบไม้ร่วงเย็นสบายเป็นอย่างมาก แสงแดดส่องผ่านตะแกรงหน้าต่างและตกกระทบลงบนหน้าของหลินซวงเอ๋อร์ ทำให้แก้มที่ขาวละไมของนางเป็นสีชมพู เช่นเดียวกับลูกพีชที่อวบอ้วน ทำให้คนที่ได้พบเห็น อดไม่ได้ที่จะอยากจะกินคำโตๆหลินซวงเอ๋อร์กระเพื่อมขนตา ลืมตา และเข้าไปอยู่ในนัยน์ตาอันล้ำลึกของเยี่ยเป่ยเฉิงโดยที่ไม่รู้ตัว“ตื่นแล้วหรือ?” เยี่ยเป่ยเฉิงที่อยู่ข้างๆ ได้ล้างหน้าแปรงฟันแล้ว แม้แต่เสื้อผ้าก็สวมใส่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นว่าหลินซวงเอ๋อร์ยังไม่ตื่น เขาจึงไม่ได้รบกวนนางบางทีอาจจะเป็นเพราะว่าหลินซวงเอ๋อร์นอนเก่งจนเกินไป เขาจึงนอนลงบนเตียงทั้งๆที่ยังสวมเสื้อผ้าอยู่ เขาเอาศีรษะหนุนมื
Read more

บทที่ 358

เมื่อหลินซวงเอ๋อร์ได้ยินดังนี้ก็รู้สึกงุนงง พอเห็นท่าทางที่สั่นเทาของเขา เหมือนว่าตกใจกลัวสุดขีด จึงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัยว่า: "เถ้าแก่ เจ้ากลัวอะไรหรือ?ข้าไม่ได้จะทำอะไรเจ้าเสียหน่อย"หน้าตาของหลินซวงเอ๋อร์ดูไม่เป็นพิษเป็นภัย ดังนั้นเจ้าของร้านจึงไม่กลัวนาง แต่สิ่งที่เขากลัวคือพ่อเจ้าประคุณที่ยืนอยู่ข้างหลังนางต่างหาก!เมื่อเห็นว่าเจ้าของร้านไม่ยอมพูด หลินซวงเอ๋อร์ก็ไม่อยากไล่บี้ถาม แต่ดวงตาที่เฉียบคมของนางยังคงพบคราบเลือดที่หลงเหลืออยู่ที่กรอบประตูแม้ว่าจะตั้งใจทำความสะอาดแล้ว แต่ถ้าพิจารณาดูดีๆ ก็จะสามารถมองเห็นได้บางส่วนหลินซวงเอ๋อร์พูดด้วยความตื่นตระหนกว่า: " เถ้าแก่ มีคราบเลือดอยู่ที่กรอบประตูหรือเปล่า? เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นหรือ? "นางว่าแล้วเมื่อคืนนี้นางได้ยินเสียงอะไรแปลกๆอย่างคลุมเครือ!เจ้าของร้านตัวสั่นเทา สายตามองไปที่เยี่ยเป่ยเฉิงอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรเยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบว่า: "เป็นไปได้ไหมว่าเถ้าแก่จะชนมันโดยที่ไม่ทันได้ระวังตัว"“ เอ๋? ” เจ้าของร้านตกใจกลัว จนหัวใจแทบจะหล่นไปที่ตาตุ่มแม้ว่าน้ำเสียงของเยี่ยเป่ยเฉิงจ
Read more

บทที่ 359

หลังจากประชุมงานราชการในตอนเช้าเสร็จแล้ว ฉีหมิงกับขุนนางหลายคนก็ไปที่ประตูพระราชวังพร้อมกันหลังจากเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้วอากาศในพระชาวังก็หนาวเย็น น้ำค้างเย็นบนพื้นยังไม่ละลาย บนกำแพงสีแดงและเศษหินที่แตกร้าวยังมีหยดน้ำเล็กๆที่ใสราวคริสตัลควบแน่นกันเล็กน้อยฉีหมิงมีท่าทางที่ตรงสง่า คิ้วตาที่คมเข้ม และรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาอ่อนโยนแแฝงไปด้วยความเยือกเย็นเล็กน้อยเขาสวมชุดขุนนางระดับสี่บางๆเท่านั้น ลมแห่งสารทฤดูพัดผ่านชายเสื้อที่สะอาดของเขา ทำให้เขาดูเย่อหยิ่งเย็นชามากยิ่งขึ้นฉีหมิงมีความสามารถมาก ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาได้ทำความชอบอยู่หลายครั้ง ทำให้องค์จักรพรรดิชื่นชมเขาเป็นอย่างมาก ภายระยะเวลาสั้นๆเขาก็เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นขุนนางระดับที่สี่ และรับหน้าที่เป็นขุนนางระดับสูงแห่งศาลต้าหลี่แค่เขามีนิสัยที่ชอบเก็บตัว ไม่ชอบผูกมิตรกับขุนนางในราชสำนักมาโดยตลอด เขาทำสิ่งต่างๆในแบบของตนเอง โดยที่ไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ใดๆเลย ดังนั้นเขาจึงทำให้ขุนนางใหญ่โตหลายคนขุ่นเคืองใจถึงกระนั้น ก็ยังคงมีขุนนางน้อยใหญ่ไปสานสายสัมพันธ์กับเขาลับหลังฉีหมิงได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบงานสำคัญจากองค์จักรพรรดิตั้
Read more

บทที่ 360

สามวันต่อมาเป็นงานเลี้ยงวันคล้ายวันประสูติขององค์หญิงฮุ่ยอี๋ในอดีตงานเลี้ยงวันคล้ายวันประสูติจะจัดขึ้นในพระราชวัง ปีนี้เป็นปีที่องค์หญิงฮุ่ยอี๋อายุครบสิบห้าชันษา ดังนั้นงานเลี้ยงวันคล้ายวันประสูติจึงยิ่งใหญ่เป็นพิเศษมีพื้นที่ล่าสัตว์สำหรับเชื้อพระวงศ์โดยเฉพาะ ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีสำหรับการล่าสัตว์ องค์จักรพรรดิจึงถือโอกาสว่าเป็นวันคล้ายวันประสูติขององค์หญิงฮุ่ยอี๋ จัดการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงขึ้นมาเป็นพิเศษและได้เชื้อเชิญสตรีผู้สูงศักดิ์ ขุนนางระดับหกขึ้นไปทั้งหมดหลินซวงเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงฮุ่ยอี๋จะส่งบัตรเชิญให้นางบัตรเชิญวางไว้บนโต๊ะ หลินซวงเอ๋อร์เอามือกุมศีรษะแล้วจ้องมองบัตรเชิญนั้นด้วยความงุนงงเมื่อนางก้มศีรษะลง ก็เผยให้เห็นส่วนหลังของลำคอที่สวยงาม และเปล่งแสงอย่างนุ่มนวลภายใต้แสงเทียนข้างหลัง มีร่างคนคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ๆอย่างเงียบๆเยี่ยเป่ยเฉิงยืนอยู่ข้างหลังนางอย่างเงียบๆ นัยน์ตาของเขาจับจ้องไปที่นางหลินซวงเอ๋อร์กำลังเหม่อลอยอยู่ จึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนอยู่ข้างหลัง จนกระทั่งเงาสีดำขนาดใหญ่ปกคลุมนางทีละเล็กทีละน้อย ราวกับว่าปกคลุมไปด้วยผ้าสีดำผืนหนึ่งกล
Read more
PREV
1
...
3435363738
...
63
DMCA.com Protection Status