แชร์

บทที่ 354

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า มีเงาสีดำหลายเงาแวบขึ้นนอกหน้าต่าง

คนที่อยู่ในอ้อมแขนกำลังนอนหลับสนิท เยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆลืมตาขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเย็นชา

เยี่ยเป่ยเฉิงค่อยๆเลิกผ้าห่มขึ้น แกะมือเล็กๆคู่หนึ่งที่อยู่ระหว่างเอวออกไปอย่างอ่อนโยน จัดชายผ้าห่มให้นางอย่างระมัดระวัง

นอกห้อง ชายชุดดำหลายคนำลังยืนอยู่นอกประตู มีดอันคมกริบที่อยู่ในมือสะท้อนแสงวาววับท่ามกลางความมิดมิดยามราตรี

เมื่อชายชุดคำคนหนึ่งเห็นว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ชายชุดดำก็หยิบกระบอกไม้ไผ่ที่อยู่ในอ้อมแขน เจาะรูกระดาษหน้าต่าง และกำลังจะระบายควันเข้าไป

คิดไม่ถึงว่า จะมีเงาดำแวบขึ้นมาข้างหลัง เยี่ยเป่ยเฉิงยืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ราวกับว่าเป็นภูตผี ก่อนที่เขาจะลงมือทำ มือขนาดใหญ่คู่หนึ่งก็หักคอของเขาทันที

ชายชุดดำล้มลงไปบนพื้น

เมื่อชายชุดดำเห็นว่าจุดประสงค์ถูกเปิดเผย ก็รีบรุดไปข้างหน้าทันที

เยี่ยเป่ยเฉิงกระโดดลงไปชั้นล่าง ราวกับว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา

แต่คนชุดดำเหล่านี้จะปล่อยเขาไปได้อย่างไร พวกเขาล้วนเป็นนักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี มาที่นี่มีเพียงวัตถุประสงค์เดียวเท่านั้น นั่นก็คือการค
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 355

    ฝนก็ค่อยๆตกเบาลงภายในม่านเตียงอันหอมนุ่ม ทั้งสองคนนอนกอดกัน“เหตุใดซวงเอ๋อร์ถึงกลัวงูล่ะ?” เยี่ยเป่ยเฉิงวางคางเอาไว้บนผมอันนุ่มสลวยของนาง แล้วใช้ฝ่ามือขนาดใหญ่ตบหลังของหลินซวงเอ๋อร์เป็นจังหวะเบาๆเสียงอันต่ำทุ้มดูเหมือนจะมีผลต่อการกล่อมนอนหลินซวงเอ๋อร์ค่อยๆง่วงนอนอีกครั้ง น้ำเสียงนุ่มนวลราวว่าเป็นน้ำพุ: " ตอนที่ยังเป็นเด็กข้าถูกเอ้อร์โกว่จือในหมู่บ้านล้อเลียน เขาโยนงูดอกไม้ตัวหนึ่งลงบนเตียงของข้า งูตัวนั้นกัดข้าไปหนึ่งครั้ง ตกใจมากจนแทบจะเป็นบ้า และร้องไห้ตลอดทั้งวันอย่างไม่เอาไหน นับตั้งแต่วันนั้นก็เริ่มกลัวงู "เมื่อถึงตรงนี้ ทันใดนั้นหลินซวงเอ๋อร์ก็โกรธเล็กน้อย แก้มตุ๊บป่องเพราะเกรี้ยวโกรธ: "แต่ว่า พี่ชายของข้าได้ระบายความโกรธให้ข้าแล้ว!"เยี่ยเป่ยเฉิงถามว่า “โอ้? ระบายความโกรธอย่างไร?”หลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "เอ้อร์โกว่จือขว้างงูลงบนเตียงของข้า ทำให้ข้ากลัวแทบตาย วันต่อมาพี่ชายของข้าก็ฌขึ้นเขาไปหาตะขาบมาเป็นจำนวนมาก สิ่งที่เอ้อร์โกว่จือกลัวมากที่สุดก็คือตะขาบ"เยี่ยเป่ยเฉิงตั้งใจฟัง จากนั้นก็ได้ยินหลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " พี่ชายของข้าตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันด้วยฟัน เทตะข

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 356

    หลินซวงเอ๋อร์โต้กลับว่า: "สวามีพูดผิดแล้ว พี่ชายของข้าไม่ใช่คนไม่ดีเสียหน่อย"เยี่ยเป่ยเฉิงเปลี่ยนคำพูดว่า " เอาล่ะ นแกจากพี่ชายของเจ้า ผู้ชายคนอื่นล้วนไม่ใช่คนดี "หลินซวงเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า "พี่ไป๋ก็เป็นคนดีเหมือนกัน"เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดสาวน้อยคนนี้ถึงยังจำไป๋อวี้ถังผู้ชายคนนั้นได้?หากคนที่โหดเหี้ยมหน้าตาเป็นมิตรอย่างไป๋อวี้ถังเป็นคนดี แล้วปีศาจที่ฆ่าคนโดยที่ไม่กะพริบตาอย่างเขา จะไม่เป็นพระพุทธองค์ผู้ช่วยเหลือสรรพสัตว์หรือ?“ ซวงเอ๋อร์ อย่าตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก แบบนี้จะถูกได้ง่ายมาก” เยี่ยเป่ยเฉิงพูดกับนางอย่างอดทนหลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: "แต่รูปลักษณ์ภายนอกของสวามีก็ดีมากเช่นกัน หรือว่าภายนอกกับภายในของสวามีไม่เหมือนกัน?"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า "ยกเว้นสวามี ภายนอกกับภายในของสวามีเหมือนกัน"“แล้วพี่ไป๋ล่ะ?” หลินซวงเอ๋อร์ถามถึงเขาอีกครั้งเยี่ยเป่ยเฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และคิดว่า ไป๋อวี้ถังได้ช่วยชีวิตซวงเอ๋อร์มาสองสามครั้งแล้ว จึงยอมละเว้นเขาชั่วคราว“อืม ไป๋อวี้ถังจัดได้ว่าเป็นคนดีครึ่งหนึ่ง กล่าวโดยสรุปคือ ซวงเอ๋อร์เป็นคนขอ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 357

    วันรุ่งขึ้นพอหลินซวงเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้วเมื่อคืนพอหลินซวงเอ๋อร์ได้พูดก็หยุดไม่ได้ เหมือนกับการเทถั่ว หยุดอย่างไรก็หยุดไม่อยู่นางไม่สามารถปิดบังเรื่องราวในอดีตได้เลย เรื่องเล็กๆน้อยๆอะไรก็เล่าให้เยี่ยเป่ยเฉิงฟังจนหมด ต่อมาคุยถึงไหน แล้วหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หลินซวงเอ๋อร์จำไม่ได้เลยพอถึงวันต่อมา เป็นไปตามที่คาดคิดเอาไว้หลินซวงเอ๋อร์นอนเกินเวลาฝนที่ตกมาตลอดทั้งคืนได้หยุดลงแล้ว อากาศในฤดูใบไม้ร่วงเย็นสบายเป็นอย่างมาก แสงแดดส่องผ่านตะแกรงหน้าต่างและตกกระทบลงบนหน้าของหลินซวงเอ๋อร์ ทำให้แก้มที่ขาวละไมของนางเป็นสีชมพู เช่นเดียวกับลูกพีชที่อวบอ้วน ทำให้คนที่ได้พบเห็น อดไม่ได้ที่จะอยากจะกินคำโตๆหลินซวงเอ๋อร์กระเพื่อมขนตา ลืมตา และเข้าไปอยู่ในนัยน์ตาอันล้ำลึกของเยี่ยเป่ยเฉิงโดยที่ไม่รู้ตัว“ตื่นแล้วหรือ?” เยี่ยเป่ยเฉิงที่อยู่ข้างๆ ได้ล้างหน้าแปรงฟันแล้ว แม้แต่เสื้อผ้าก็สวมใส่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นว่าหลินซวงเอ๋อร์ยังไม่ตื่น เขาจึงไม่ได้รบกวนนางบางทีอาจจะเป็นเพราะว่าหลินซวงเอ๋อร์นอนเก่งจนเกินไป เขาจึงนอนลงบนเตียงทั้งๆที่ยังสวมเสื้อผ้าอยู่ เขาเอาศีรษะหนุนมื

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 358

    เมื่อหลินซวงเอ๋อร์ได้ยินดังนี้ก็รู้สึกงุนงง พอเห็นท่าทางที่สั่นเทาของเขา เหมือนว่าตกใจกลัวสุดขีด จึงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัยว่า: "เถ้าแก่ เจ้ากลัวอะไรหรือ?ข้าไม่ได้จะทำอะไรเจ้าเสียหน่อย"หน้าตาของหลินซวงเอ๋อร์ดูไม่เป็นพิษเป็นภัย ดังนั้นเจ้าของร้านจึงไม่กลัวนาง แต่สิ่งที่เขากลัวคือพ่อเจ้าประคุณที่ยืนอยู่ข้างหลังนางต่างหาก!เมื่อเห็นว่าเจ้าของร้านไม่ยอมพูด หลินซวงเอ๋อร์ก็ไม่อยากไล่บี้ถาม แต่ดวงตาที่เฉียบคมของนางยังคงพบคราบเลือดที่หลงเหลืออยู่ที่กรอบประตูแม้ว่าจะตั้งใจทำความสะอาดแล้ว แต่ถ้าพิจารณาดูดีๆ ก็จะสามารถมองเห็นได้บางส่วนหลินซวงเอ๋อร์พูดด้วยความตื่นตระหนกว่า: " เถ้าแก่ มีคราบเลือดอยู่ที่กรอบประตูหรือเปล่า? เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นหรือ? "นางว่าแล้วเมื่อคืนนี้นางได้ยินเสียงอะไรแปลกๆอย่างคลุมเครือ!เจ้าของร้านตัวสั่นเทา สายตามองไปที่เยี่ยเป่ยเฉิงอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรเยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบว่า: "เป็นไปได้ไหมว่าเถ้าแก่จะชนมันโดยที่ไม่ทันได้ระวังตัว"“ เอ๋? ” เจ้าของร้านตกใจกลัว จนหัวใจแทบจะหล่นไปที่ตาตุ่มแม้ว่าน้ำเสียงของเยี่ยเป่ยเฉิงจ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 359

    หลังจากประชุมงานราชการในตอนเช้าเสร็จแล้ว ฉีหมิงกับขุนนางหลายคนก็ไปที่ประตูพระราชวังพร้อมกันหลังจากเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้วอากาศในพระชาวังก็หนาวเย็น น้ำค้างเย็นบนพื้นยังไม่ละลาย บนกำแพงสีแดงและเศษหินที่แตกร้าวยังมีหยดน้ำเล็กๆที่ใสราวคริสตัลควบแน่นกันเล็กน้อยฉีหมิงมีท่าทางที่ตรงสง่า คิ้วตาที่คมเข้ม และรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาอ่อนโยนแแฝงไปด้วยความเยือกเย็นเล็กน้อยเขาสวมชุดขุนนางระดับสี่บางๆเท่านั้น ลมแห่งสารทฤดูพัดผ่านชายเสื้อที่สะอาดของเขา ทำให้เขาดูเย่อหยิ่งเย็นชามากยิ่งขึ้นฉีหมิงมีความสามารถมาก ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาได้ทำความชอบอยู่หลายครั้ง ทำให้องค์จักรพรรดิชื่นชมเขาเป็นอย่างมาก ภายระยะเวลาสั้นๆเขาก็เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นขุนนางระดับที่สี่ และรับหน้าที่เป็นขุนนางระดับสูงแห่งศาลต้าหลี่แค่เขามีนิสัยที่ชอบเก็บตัว ไม่ชอบผูกมิตรกับขุนนางในราชสำนักมาโดยตลอด เขาทำสิ่งต่างๆในแบบของตนเอง โดยที่ไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ใดๆเลย ดังนั้นเขาจึงทำให้ขุนนางใหญ่โตหลายคนขุ่นเคืองใจถึงกระนั้น ก็ยังคงมีขุนนางน้อยใหญ่ไปสานสายสัมพันธ์กับเขาลับหลังฉีหมิงได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบงานสำคัญจากองค์จักรพรรดิตั้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 360

    สามวันต่อมาเป็นงานเลี้ยงวันคล้ายวันประสูติขององค์หญิงฮุ่ยอี๋ในอดีตงานเลี้ยงวันคล้ายวันประสูติจะจัดขึ้นในพระราชวัง ปีนี้เป็นปีที่องค์หญิงฮุ่ยอี๋อายุครบสิบห้าชันษา ดังนั้นงานเลี้ยงวันคล้ายวันประสูติจึงยิ่งใหญ่เป็นพิเศษมีพื้นที่ล่าสัตว์สำหรับเชื้อพระวงศ์โดยเฉพาะ ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีสำหรับการล่าสัตว์ องค์จักรพรรดิจึงถือโอกาสว่าเป็นวันคล้ายวันประสูติขององค์หญิงฮุ่ยอี๋ จัดการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงขึ้นมาเป็นพิเศษและได้เชื้อเชิญสตรีผู้สูงศักดิ์ ขุนนางระดับหกขึ้นไปทั้งหมดหลินซวงเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงฮุ่ยอี๋จะส่งบัตรเชิญให้นางบัตรเชิญวางไว้บนโต๊ะ หลินซวงเอ๋อร์เอามือกุมศีรษะแล้วจ้องมองบัตรเชิญนั้นด้วยความงุนงงเมื่อนางก้มศีรษะลง ก็เผยให้เห็นส่วนหลังของลำคอที่สวยงาม และเปล่งแสงอย่างนุ่มนวลภายใต้แสงเทียนข้างหลัง มีร่างคนคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ๆอย่างเงียบๆเยี่ยเป่ยเฉิงยืนอยู่ข้างหลังนางอย่างเงียบๆ นัยน์ตาของเขาจับจ้องไปที่นางหลินซวงเอ๋อร์กำลังเหม่อลอยอยู่ จึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนอยู่ข้างหลัง จนกระทั่งเงาสีดำขนาดใหญ่ปกคลุมนางทีละเล็กทีละน้อย ราวกับว่าปกคลุมไปด้วยผ้าสีดำผืนหนึ่งกล

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 361

    คำพูดนี้นางไม่ได้พูดโกหก ช่วงนี้นางพบว่าตนเองเกาะติดเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขามีหลายอย่างที่จะต้องทำในกองทัพ จึงมักจะออกเร็วกลับช้า และจะเจอเขาได้เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้นลูกกระเดือกของเยี่ยเป่ยเฉิงกลิ้งไปมา หัวใจของเขาแทบจะละลายทันทีสิ่งที่เขาต้านทานไม่ได้ที่สุดก็คือความออดอ้อนของหลินซวงเอ๋อร์ พอนางออดอ้อน ทำตัวเหมือนคนตระการตา เขาก็จะสูญเสียบรรทัดฐานของตนเองในที่สุด เขาก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆ และถามว่า " ซวงเอ๋อร์ขี่ม้าเป็นไหม"บุตรีของขุนนางที่ร่วมงานล่าสัตว์ในครั้งนี้ล้วนขี่มาเป็น แม้ว่าพวกนางจะไม่ต้องไปพื้นที่ล่าสัตว์เพื่อล่าสัตว์ แต่พวกนางก็จะมีม้าที่มีนิสัยอ่อนโยนประจำตัว เพื่อขี่ม้ารับชมการล่าสัตว์อยู่รอบๆพื้นที่ล่าสัตว์ที่ปลอดภัยหากหลินซวงเอ๋อร์อยากไป ก็จะต้องขี่ม้าให้เป็นก่อนหลินซวงเอ๋อร์กล่าวว่า: " สวามีสอนข้าได้ "ในใจของหลินซวงเอ๋อร์ เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นแทบจะทุกอย่าง การขี่ม้ายิงธนูคือจุดแข็งของเขา มีเขาอยู่ทั้งคน ไม่มีอะไรที่นางไม่สามารถเรียนรู้ได้เยี่ยเป่ยเฉิงจนปัญญากับนางจริงๆ สุดท้ายก็ต้องพยักหน้าแล้วตอบตกลงกับนาง: "ถ้าอย่างนั้นซวงเอ๋อร์จะต้องลำบากหน่อยนะ ถ้าตกลงม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 362

    ในห้องอ่านหนังสือ แสงเทียนสลัว นัยน์ตาของเยี่ยเป่ยเฉิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เหมือนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยดวงดาว" ซวงเอ๋อร์สามารถเลือกได้ อยากจะอยู่ในห้องอ่านหนังสือก็ได้นะ " ขณะที่พูด ก็มีแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยมาจากหน้าอกของเขา เสียงทุ้มลึกน่าดึงดูดของเขากระทบมาที่แก้วหูของนางเบาๆ เสียงนี้กระทบไปถึงภายในใจ ทำให้คนที่ได้ยินตกอยู่ในภวังค์จนไม่อาจถอนตัวออกมาได้แต่ทว่า หลินซวงเอ๋อร์ยังคงมีสติหลงเหลืออยู่บ้างอีกแง่มุมหนึ่ง หลินซวงเอ๋อร์หวาดกลัวเขาสุดขีด ทุกครั้งที่ถูกเขารังแก นางก็จะลุกลงจากเตียงได้เป็นเวลาหลายวันดังนั้น ในช่วงเวลานี้นางมักจะหาข้อแก้ตัวต่างๆเพื่อบ่ายเบี่ยงเขาหลินซวงเอ๋อร์กดมือที่ไม่อยู่นิ่งของเขาได้ทันเวลา แล้วกล่าวว่า: "สวามี ตอนนี้ยังไม่ดึกเลย ซวงเอ๋อร์ฝึกเขียนตัวอักษรดีกว่า"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวพร้อมหัวเราะเบาๆ“เหตุใดเจ้าถึงอยากฝึกคัดอักษรตอนนี้ล่ะ?” เยี่ยเป่ยเฉิงใช้ปลายนิ้วลูบไล้ข้อมือของนางเบาๆ เหมือนกลั่นแกล้งนางหัวใจของหลินซวงเอ๋อร์สั่นไหว และกล่าวว่า " ซวงเอ๋อร์อยากจะเขียนชื่อสวามีให้ดี สวามีสอนซวงเอ๋อร์หน่อย"“ถ้าอย่างนั้นสวามีจะสอนซวงเอ๋อร์เขียน

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status