บททั้งหมดของ รัชทายาทชะตาฟ้า: บทที่ 991 - บทที่ 1000

1062

บทที่ 991

ยังเป็นครั้งแรกที่เหลียงจื่อฝูได้เห็นฉินอวิ๋นฟานมีอารมณ์ครึ้มอกครึ้มใจเช่นนี้เดินเตร่ไปตามแผงลอยต่าง ๆ ไม่หยุด เหมือนกลับถึงบ้านตัวเองอย่างไรอย่างนั้นอู่จ้านกับเซี่ยงเส้าเหยียนตามติดอยู่ข้างหลังก็รู้สึกจนใจเล็กน้อยเหมือนกันพวกเขารู้ดีว่าถ้าฉินอวิ๋นฟานได้เจอกันงานฉลองอะไรเทือกนี้จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน“ช้าหน่อย ช้าหน่อย...”ฉินอวิ๋นฟานจับมือเหลียงจื่อฝูเอาไว้แน่น ประเดี๋ยวก็หยุดตรงแผงลอยอาหารว่าง ประเดี๋ยวก็หยุดอยู่ใต้แท่นสูง ทำนางเหนื่อยจะแย่แต่เปรียบเทียบกัน นางกลับอารมณ์ดีเป็นพิเศษ รู้สึกว่าตัวเองถูกจูงเหมือนกลัวว่าจะเดินหลงภายใต้การนำเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เหลียงจื่อฝูได้เดินเที่ยวรอบตลาดกลางคืนรอบหนึ่ง กระทั่งเหนื่อยหมดแรงเดินไม่ไหวแล้วจริง ๆ จึงหยุดพักในโรงเตี๊ยมละแวกนั้น......ตำหนักบรรทมต้าเฉียนเฉาเจิ้งฉุนกำลังชงชาให้ไท่ซั่งหวง กลิ่นหอมลอดออกมาจากปากถ้วย คลุ้งอยู่ในตำหนักบรรทมกว้าง“ไท่ซั่งหวง มีรายงานมาว่ารัชทายาทถึงต้าเหลียงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบไท่ซั่งหวงนั่งพิงเก้าอี้มังกร ละเมียดรสชาอย่างผ่อนคลาย ครู่หนึ่งจึงยกเปลือกตาขึ้นช้า ๆ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 992

“แหะ ๆ” ฉินอวิ๋นฟานเกาศีรษะรู้สึกผิดเล็กน้อย “เมื่อวานข้าตื่นเต้นเกินไปจริง ๆ”“ฮึ!” เหลียงจื่อฝูทำปากจู๋แล้วเบือนหน้าใส่ ตามด้วยแค่นเสียงฮึหวาน ๆ“ถ้าเสด็จน้าสิบสามเดินไม่ไหวจริง ๆ เช่นนั้นข้าก็แบกท่านไปได้นี่”เหลียงจื่อฝูได้ยินแล้วก็เลิกคิ้ว ก่อนจะส่งยิ้มชั่วร้ายมา “เจ้าพูดเองนะ วันนี้เจ้าต้องแบกข้าทั้งวัน!”สบโอกาสแกล้งเจ้าเด็กนี่สักทีแม้ยังห่วงว่าแผลตรงท้องของฉินอวิ๋นฟานจะกลับมากำเริบอยู่บ้าง แต่ตอนนี้นางคำนึงถึงอะไรมากไม่ได้แล้วต้องระบายความแค้นเมื่อคืนออกมาให้หมดจึงจะถูก!“ต้องแบกจนกว่าข้าจะพอใจนะ” เหลียงจื่อฝูเชิดหน้าเล็ก ๆ อย่างหยิ่งผยอง รอให้ฉินอวิ๋นฟานหันหลังให้แต่คิดไม่ถึงว่าฉินอวิ๋นฟานจะฉีกยิ้มพูดออกมาว่า“มันก็แน่อยู่แล้ว...ประเดี๋ยวข้าจะรับผิดชอบแบกเสด็จน้าสิบสามไปถึงวังหลวงเลย ถึงเวลาขุนนางต้าเหลียงจะได้เห็นว่าข้ากับเสด็จน้าสิบสามใกล้ชิดกันเพียงไร”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เหลียงจื่อฝูหน้าแดงซ่านในทันทีนางไม่ได้คิดมากอย่างนั้นนี่ถ้าให้คนในวันเห็นว่าพวกเขาใกล้ชิดกันขนาดนี้มิต้องยุ่งหรือ!ชั่วขณะ ความคิดก็ถูกปัดตกไปอย่างไร้หัวใจเหลียงจื่อฝูได้แต่หยิบไหล่ของ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 993

“อ้อ อย่างนั้นหรือ? ฉินอวิ๋นฟานถึงต้าเหลียงแล้ว?”ในเรือนพักอันเงียบสงบ ฉินอ้าวกำลังยืนอยู่ใต้ต้นหลิวจัดการกับกระถางต้นไม้อยู่ ใบหน้าของเขาอึมครึม ซ่อนอันตรายและความชั่วร้ายที่มิอาจให้ผู้ใดล่วงรู้เบื้องหลังของเขา เหอเหวินเย่าตึงเครียดเล็กน้อย สำรวมกิริยาเมื่อได้ยินถ้อยคำของฉินอ้าว เหอเหวินเย่าจึงพยักหน้าตอบ “สายมารายงาน ข้อมูลเป็นความจริงขอรับ”เมื่อได้ยินว่าฉินอวิ๋นฟานถึงต้าเหลียงอย่างราบรื่น เหอเหวินเย่าก็รีบมาแจ้งฉินอ้าวทันทีโดยมิได้หยุดพักแน่นอน เขารู้ดีว่าเฮ่อชินอ๋องผู้เก่งกาจได้ข่าวจากช่องทางอื่นก่อนแล้ว...แต่เขาก็ยังทำเช่นนี้ ด้านหนึ่งเพราะจะได้เข้าหาฉินอ้าว ประเมินความมั่นใจและท่าทีของอีกฝ่ายสักหน่อยอีกด้านหนึ่งก็เพื่อมาหยิ่งเชิงว่าเวลานี้ฉินอ้าวยังมีแผนอะไรที่เขาไม่รู้อีก“เจ้าว่าฉินอวิ๋นฟานนี้ดวงแข็งแค่ไหน?”ฉินอ้าวหมุนตัวกลับมา บีบดอกไม้สีม่วงช่อหนึ่งในมือแล้วพูด “รอดตายได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ขนาดข้าเองยังต้องนับถือดวงของเขาเลย”เห็นฉินอ้าวยังมีสีหน้าคงเดิม ท่าทางใจเย็นเช่นวันวานทำให้เหอเหวินเย่าหนังศีรษะหนึบชาแต่มิได้โกรธ ในทางกลับกัน นี่ได้พิสูจน์ข้อสันนิษฐ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 994

แต่ถ้าบอกว่าไม่ตื่นเต้น นั่นคือความเท็จทั้งหมด!เพียงแต่ความตื่นเต้นนี้มิได้มาจากความกดดันในการพบฮ่องเต้ต้าเหลียง หากอีกประเดี๋ยวจะได้พบกับเสด็จตาผู้มิเคยเห็นหน้ามาก่อน!หรือก็คือบิดาของมารดาผู้ให้กำเนิดเขา!เมื่อสายเลือดจะได้เจอกัน แล้วจะรักษาอาการใจเย็นได้อย่างไร“วางใจเถอะ เสด็จพ่อพระอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว เจ้าไม่ต้องเกร็งไป ทำใจสบาย ๆ ก็พอ”คล้ายมองเห็นความคิดในใจของฉินอวิ๋นฟาน เหลียงจื่อฝูจึงเอ่ยเสียงอ่อนโยนนาทีนี้นางเปลี่ยนเป็นองค์หญิงแคว้นใหญ่ผู้เห็นแก่ส่วนรวม ใจกว้าง อ่อนโยนและสง่างามอีกครั้ง ราวกับความขี้เล่นเมื่อก่อนนี้หน้าเป็นการเสแสร้งด้วยการนำของเสี่ยวชุนจื่อ ไม่นานฉินอวิ๋นฟานก็ถึงนอกห้องบรรทมแล้ว“ฝ่าบาท รัชทายาทต้าเฉียนมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เสี่ยวชุนจื่อเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะรายงานหลังจากได้รับการอนุญาตจากคนข้างในแล้ว จึงเปิดประตูออกอย่างระมัดระวังรอจนฉินอวิ๋นฟานและเหลียงจื่อฝูเข้าไปในห้องแล้วจึงปิดและรออยู่ด้านข้างอย่างสงบ......ในห้องไม่จัดว่าสว่าง มีเพียงตะเกียงน้ำมันสองดวงและแสงรำไรเข้ามาทั้งที่อยู่ในช่วงกลางวัน ทว่าประตูต่างห้องกลับปิดสนิท เห็นได้ชัดว่า
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 995

ในห้องบรรทมที่อบอุ่นเต็มไปด้วยความละมุนละไมกลิ่นกำยานที่ช่วยให้อยากนอนกำลังทำงานของมันไม่หยุดส่วนทั้งสามที่นั่งอยู่ในห้องก็กำลังมีบรรยากาศที่ค่อนข้างปรองดอง“คิดไม่ถึงเลย ฟานเอ๋อร์จะเป็นผู้ใหญ่สุขุมเช่นนี้ โตแล้วจริง ๆ”ตั้งแต่นั่งลง สายตาของฮ่องเต้ต้าเหลียงก็ไม่เคยละออกจากตัวฉินอวิ๋นฟานเลยคล้ายกำลังมองสิ่งประหลาดอันศักดิ์สิทธิ์ที่มิอาจล่วงเกิน ดวงตาเร่าร้อน ในใจยิ่งพองโตตั้งแต่ก่อนหน้านี้เขาก็ได้ยินเรื่องเล่ามาตลอด ต่างบอกว่าหลานชายของเขาคนนั้นบกพร่องทางสติปัญญาแต่กำเนิด ถูกทิ้งขว้างไม่เหลียวแลทว่าที่เห็นในเวลานี้ เฉกเช่นเรื่องเล่าระยะหลัง ฉินอวิ๋นฟานมีชีวิตชีวา มีท่วงทำนองแห่งจักรพรรดิแค่นั่งอยู่ตรงนั้นก็มีความน่าเกรงขามที่มิอาจมองข้ามอย่างหนึ่งแล้ว“เสด็จตา พระพลานามัยเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งสง่า ถามด้วยความเคารพกับฮ่องเต้ต้าเหลียง แต่ให้ปกติเขาปล่อยเนื้อปล่อยตัวอย่างไร นาทีนี้ยังต้องมีมารยาทบ้าง“มีใจแล้ว ๆ ข้าได้เห็นฟานเอ๋อร์ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ถือว่าสมปรารถนาของข้าแล้ว”ฮ่องเต้ต้าเหลียงยิ้มด้วยความปลาบปลื้ม แต่ที่มีมากกว่าคือความพอใจเหล
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 996

“เฮ้อ...”เมื่อฉินอวิ๋นฟานจึงโล่งอกพูดตามความจริง การได้พบกับญาติทางสายเลือดมิได้ตื่นเต้นอย่างที่คิด ยิ่งไม่รู้สึกเหมือนการได้พบหน้าหลังจากห่างมานานมันเป็นเพียงแต่ความราบเรียบ...ราบเรียบอย่างผิดปกติแม้แต่บทสนทนาระหว่างฮ่องเต้ต้าเหลียงยังทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย“เจ้าเป็นอะไรไป ขมวดคิ้วมุ่นเชียว”ขณะกำลังคิด นิ้วมือเรียวยาวหนึ่งก็จิ้มมาที่หว่างคิ้วของฉินอวิ๋นฟาน“เปล่า...”ฉินอวิ๋นฟานผินหน้าหนี ทำลายความใกล้ชิดที่คล้ายมีแต่ก็คล้ายไม่มีของเหลียงจื่อฝู“นี่ ๆ ๆ ฟานเอ๋อร์ เจ้าจะไปไหนน่ะ?”เห็นฉินอวิ๋นฟานหมุนตัวจะไป เหลียงจื่อฝูจึงรีบดึงมุมกระโปรงแล้วตามหลัง “เดี๋ยวก็ถึงเวลาอาหารค่ำแล้วนะ ข้าจะแนะนำท่านพี่ให้เจ้ารู้จัก นั่นคือเสด็จน้าของเจ้าเลยนะ”เสด็จน้า?‘ท่านพี่’ จากปากของเหลียงจื่อฝูคงจะเป็นเหลียงเทียนอี้แล้วฉินอวิ๋นฟานย่อมเคยได้ยินรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเหลียงมาบ้าง...แต่นอกจากนั้นกลับไม่รู้อะไรเลยคนผู้นี้หน้าตาเป็นอย่างไร อุปนิสัยเป็นเช่นไร เขากลับไม่มีความสนใจสักนิด“เจ้าอย่าเดินเร็วนักสิ”ฉินอวิ๋นฟานสาวเท้าไปข้างหน้า คิดจะทิ้งช่วงเสียงน่าหนวกห
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 997

ตึก ๆ ๆ ...เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากหลังใบหูดังขึ้น ฉินอวิ๋นฟานก็ย่นหัวคิ้วด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยก็ยังตามมาอยู่ดี!“ท่านพี่!”เหลียงจื่อฝูวิ่งเบาเร็วมาแทรกระหว่างพวกเขาสองคน“ฟานเอ๋อร์ ท่านนี้ก็คือคนที่เมื่อกี้ข้าจะแนะนำให้เจ้า รัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเหลียง เสด็จน้าของเจ้า เหลียงเทียนอี้!”เหลียงจื่อฝูแนะนำอย่างภูมิใจฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังพยักหน้าด้วยความเคารพพร้อมแนะนำฐานะตัวเองด้วยประการละฉะนี้ รัชทายาททั้งสองท่านก็รู้จักกันและกันเช่นนี้ แม้จะเป็นครั้งแรก กลับมีสายใยเลือดข้นกว่าน้ำ“ฟานเอ๋อร์เองหรือ”สายตาของเหลียงเทียนอี้ตกอยู่บนตัวของฉินอวิ๋นฟาน กวาดสายตามองคร่าว ๆ แล้วประหลาดใจเล็กน้อย ตามด้วยหันกลับมาและพูดด้วยความแปลกใจ “ดูท่าที่ร่ำลือจะไม่ผิด ฟานเอ๋อร์ท่วงทำนองไม่ธรรมดา ดูเป็นคนมีความสามารถจริง ๆ”ในคำพูดปราศจากความหมายแฝง คือความสัตย์จริงเช่นนี้เมื่อได้รับคำชม ฉินอวิ๋นฟานกลับไม่รู้สึกเคอะเขิน เพียงยิ้มตอบราบเรียบ “เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ข้าได้รับคำเชิญจากเสด็จน้าสิบสามให้มาเยี่ยวเสด็จตาโดยเฉพาะ”“ฟานเอ๋อร์มีใจแล้ว”เหลียงเทียนอี้
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 998

เห็นพวกเขาสวมชุดเกราะ ท่าทางน่าเกรงขามเตรียมรับกับศัตรูแล้ว ยังนึกว่าแม่ทัพคนใดจากวังหลวง จึงต้อนรับขับสู้ด้วยมิตรภาพเป็นธรรมดาฉินอวิ๋นฟานต่างหากที่ท่าทางเหมือนจะถูก ‘ละเลย’อาจเป็นเพราะใบหน้าเยาว์วัยของเขา กอปรกับรูปร่างค่อนข้างผอมสูง ไม่สอดคล้องกับ ‘รสนิยม’ ของชาวต้าเหลียงสักเท่าไรอย่างไรเสีย ต้าเหลียงให้ความสำคัญกับกำลังยุทธ์มาตลอด จึงให้ความสำคัญกับผู้ที่มีรูปร่างสูงใหญ่กำยำเหล่านั้นเช่นฮ่องเต้ต้าเหลียงในอดีตก็มีความน่าเกรงขามสยบสี่ทิศ ใช้ความเผด็จการทั่วสรรพางค์กายรักษาบ้านเมืองอย่างมั่นคง ทำให้คนนับไม่ถ้วนเลื่อมใสแต่ด้วยกาลเวลาที่ผ่านพ้นไป บุรุษเลือดร้อนเหล่านั้นในแต่เดิมก็เริ่มถูกชายหนุ่มกลิ่นอายหนังสือเข้าแทนที่หากต้องการให้ปรากฏแม่ทัพกล้าที่ต่อสู้กับศัตรูด้วยตัวคนเดียวอีกสักคนช่างยากยิ่ง“นายท่านทั้งหลายต้องการรับอะไรบ้างขอรับ?”เสี่ยวเอ้อร์ในโรงน้ำชามาสอบถามด้วยความเคารพฉินอวิ๋นฟานสั่งกับแกล้มสองสามอย่างพร้อมชาหอมท้องถิ่นหนึ่งกา คิดจะใช้เวลาหลังเที่ยงอย่างผ่อนคลายเช่นกัน ที่มาที่นี่ก็เพราะอยากสืบข่าวบางอย่างด้วยไม่มีสถานที่ใดจะได้ข้อมูลข่าวสารมากไปกว่าโรงน้
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 999

ซู่...สายลมเย็นพัดเข้าหน้าต่างแสงแดดฉาบผิวโต๊ะพร้อมส่องสว่างห้องอันกว้างขวางแห่งนี้เหลียงเทียนจื้อนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ไท่ซื่อ กำลังเล่นกรงนกในมืออย่างสนุกสนานใช้ตะเกียบข้างหนึ่งจิ้มนกขมิ้นในกรงแรง ๆทุกครั้งที่จิ้มลงไป นกขมิ้นจะตกใจตีปีกหนีไปอีกทางหนึ่งแต่เพราะถูกขังอยู่ในกรง มันจะหนีไปไหนได้จิ๊บ ๆ ๆ ...ขนสีทองร่วงจากกรงลงสู่พื้น“จื้อเอ๋อร์”เสียงน่ายำเกรงหนึ่งดังมา พาลให้เหลียงเทียนจื้อสะดุ้งผุดลุกขึ้นเงาร่างสูงใหญ่หนึ่งกำลังยืนอยู่นอกประตูเส้นผมยาวดำขาวสลับกัน สรีระตั้งตรงแข็งแรง ท่วงทำนองห้าวหาญเช่นมีประสบการณ์ในสมรภูมิมาก“เสด็จอา! ท่านมาได้ยังไงน่ะ?” เหลียงเทียนจื้อรีบวางกรงนกอยู่ด้านข้างและลุกขึ้นยืนไปเทน้ำชาให้ผู้ที่มา“ข้ามาเยี่ยมเจ้าสักหน่อย นี่มันเวลาไหนกันแล้ว เจ้ากลับยังเอาแต่แหย่นก”ผู้ที่มามิใช่ใครอื่น หากเป็นชิงอ๋องของต้าเหลียงเหลียงจ้านอิงนั่นเอง!แม้อายุเกินครึ่งร้อย แต่เขายังรักษารูปร่างได้ดีมาก ไม่เห็นร่องรอยของกาลเวลาสักนิดเพียงแต่โรคภัยไข้เจ็บจากสงครามในอดีตกลายเป็นอุปสรรคเขาจนถึงปัจจุบันเหลียงจ้านอิงเดินเฉื่อยเข้ามาในห้อง ร่างกาย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1000

ท่าทีที่ประเดี๋ยวเร่งเร้าประเดี๋ยวเงียบงันนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อเริ่มลน จึงรีบถามต่อ “เสด็จอา ท่านอย่าอ้ำอึ้งอยู่เลย หรือว่าเหลียงจื่อฝูแอบเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างเหลียงเทียนอี้กับฉินอวิ๋นฟาน เอาใจเสด็จพ่อ แล้ว...”“จื้อเอ๋อร์ เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจไป”เหลียงจ้านอิงขัดอารมณ์กระวนกระวายเริ่มทำอะไรไม่ถูกของเหลียงเทียนจื้อฉับพลัน“เท่าที่ข้ารู้มาในตอนนี้ ฉินอวิ๋นฟานไม่ได้คลุกคลีกับเหลียงเทียนอี้มาก ยิ่งไม่มีสัมพันธ์อันใด...”“ที่มาครั้งนี้เพราะมาเยี่ยมเสด็จพี่จริง ๆ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหลียงเทียนจื้อจึงโล่งอก ตบหน้าอกตัวเองแล้วพูด “ข้าคิดมากไปเอง...”“แต่...”เพิ่งจะผ่อนคลาย แต่ถ้อยคำต่อมาของเหลียงจ้านอิงกลับทำให้บรรยากาศตึงเครียดอีกครั้ง“ยากจะรับรองว่าเสด็จพี่จะไม่ขอให้รัชทายาทต้าเฉียนทำอะไร? ไม่กระมัง?”เหลียงเทียนจื้อกะพริบตาปริบ ๆ ใช้เวลาในการทำความเข้าใจกับประโยคสุดท้ายครู่หนึ่ง“สรุปแล้ว ต่อไปเจ้าทำอะไรต้องระวังรอบคอบหน่อย ตอนนั้นทั้งสองฝ่ายกำลังอยู่ในช่วงล่อแหลม การมาเยือนของรัชทายาทต้าเฉียนในตอนนี้ยังไม่แน่ว่าจะเป็นสุขหรือเคราะห์”“หากเสด็จพี่คิดจะฉวยโอกาสนี้พยุงเหลียงเทีย
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
9899100101102
...
107
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status