บททั้งหมดของ รัชทายาทชะตาฟ้า: บทที่ 1011 - บทที่ 1020

1062

บทที่ 1011

“องค์หญิง เมื่อครู่รัชทายาทต้าเฉียนเข้าวังแล้ว ท่านจะไปดูสักหน่อยหรือไม่เจ้าคะ?”ทันทีที่ฉินอวิ๋นฟานเข้าวังเสี่ยวชิงก็ได้ข่าว จึงมารายงานทันที เหลียงจื่อฝูกำลังนั่งอยู่ตรงหน้ากระจกด้วยสีหน้าราบเรียบ ไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อยงานเลี้ยงเมื่อคืนเสด็จพ่อเบิกบานพระทัยมาก เน้นการพูดคุยเรื่องสัพเพเหระเป็นหลัก ระยะนี้ท่านพี่มีเรื่องกลุ้มใจหลายเรื่อง ไม่ได้คุยเรื่องเกี่ยวกับต้าเหลียงมากนัก ที่เรียกพบฉินอวิ๋นฟานในวันนี้ก็สมควรแก่เหตุผล“ไปกันเถอะ เราไปดูกันหน่อย”เรื่องเกี่ยวพันถึงส่วนรวม การมาถึงของฉินอวิ๋นฟาน เป็นไปได้มากว่าจะเป็นทางออกของสถานการณ์ต้าเหลียง อย่างไรก็ตาม เจ้าเด็กนี่ก็เป็นคนเด็ดขาดคนหนึ่ง คือตัวตนซึ่งมีสติปัญญาและความกล้าหาญเพียบพร้อม ยิ่งชำนาญการวางแผนเล่นกับอำนาจ เหลียงจื่อฝูต้องเข้าร่วมเป็นธรรมดา......“ดูท่าระหว่างเสด็จน้าใหญ่และเสด็จน้าสามจะมีความขัดแย้งกันมากจริง ๆ นะพ่ะย่ะค่ะ”ในห้องมืดสลัว ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเสียงเอื่อยเฉื่อยฉินอวิ๋นฟานรู้เรื่องภายในต้าเหลียงจากฮ่องเต้ต้าเหลียงมากมาย ซึ่งเรื่องเกี่ยวกับการต่อสู้ทั้งโจ่งแจ้งและลับหลังระหว่างเหลียงเทียนอี้กับเหลีย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1012

ผู้เปิดเผยไม่พูดจาลับลมคมใน ฉินอวิ๋นฟานกล่าวโดยตรง ขณะเดียวกันนั้นก็แสดงท่าทีและการตัดสินใจว่าจะดำรงความสัมพันธ์กับต้าเหลียงต่อและป้องกันเหตุไม่คาดฝันฮ่องเต้ต้าเหลียงอึ้ง จากนั้นจึงฉายรอยยิ้มปลาบปลื้ม ยิ่งเป็นรอยยิ้มแห่งความเลื่อมใส ฟานเอ๋อร์อายุอานามน้อย ๆ ก็มีวิสัยทัศน์เช่นนี้แล้ว“ข้ามองคนไม่ผิดจริง ๆ ฟานเอ๋อร์มีบุคลิกแห่งจักรพรรดิ!”“เสี่ยวอี้ไม่มีทางพูดคำพูดเมื่อกี้เด็ดขาด!”ความกล้าหาญและใจเหิมกล้าไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดเช่นนี้ กลับออกมาจากปากเด็กน้อยยี่สิบต้น ๆ ทำให้ฮ่องเต้ต้าเหลียงประหลาดใจอย่างยิ่ง!“หม่อมฉันไม่ชอบอ้อมค้อม หวังว่าเสด็จตาจะเข้าพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” ฉินอวิ๋นฟานยังคงพูดด้วยสีหน้าดังเดิมเรื่องที่เขาพบเจอในต้าเฉียนร้ายแรงและดุเดือดกว่าที่เจอในต้าเหลียงเยอะการต่อสู้ระหว่างองค์ชายถึงขั้นว่ามืดฟ้ามัวดินแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลานี้ยังมีฉินอ้าวที่จ้องเขาตาเป็นมันโผล่มาอีกคน...ภาพที่ส่งยอดฝีมือเขตเทวามาช่วงก่อนยังติดตาเขาอยู่หากต่อไปเจอกับภัยคุกคามเช่นนี้อีก เขาก็ไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรดีด้วยเหตุนี้ เขาต้องขึ้นนั่งบัลลังก์ให้เร็วที่สุด ต้องได้รับการสนับสนุนยิ่ง
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1013

“เสด็จแม่ของเจ้าชื่อว่าเหลียงชิงหว่าน เป็นธิดาองค์ที่สี่ของข้า สติปัญญาล้ำเลิศ กตัญญูรู้ความ ทั้งยังชอบศึกษาร่ำเรียนเป็นพิเศษ ตอนเด็ก ๆ ตามตื๊อให้ข้าเล่าเรื่องสนุกให้นางฟังอยู่เสมอ”“เหล่าราชบัณฑิตในราชสำนักต่างจนปัญญากับนาง”ฉินอวิ๋นฟานดวงตาเคลื่อนไหวเล็กน้อย กล่าวด้วยสายตาอ่อนโยน “ดูท่าเสด็จแม่จะมีไหวพริบดีและเรียนเก่งนะพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่แค่นั้นนะ หว่านเอ๋อร์ยังสมองไวฝีมือดี อาจเพราะตอนเด็ก ๆ ข้าสนใจแต่ราชสำนัก กลัดกลุ้มกับเรื่องประชาชนทั้งวัน มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนนางน้อยมาก ดังนั้นเสด็จแม่ของเจ้าจึงใช้เข็มด้ายทำตุ๊กตาผ้าตัวแล้วตัวเล่า...”“ตุ๊กตาผ้าเหล่านั้นกลายเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กของนาง”เปล่าเปลี่ยวเช่นนี้ โดดเดี่ยวเช่นนี้แค่จากที่พูดมา ฉินอวิ๋นฟานก็รับรู้ได้ถึงความเศร้าโศกจากก้นบึ้งหัวใจนั้นที่แท้ประสบการณ์วัยเยาว์ของเสด็จแม่ก็ทำให้คนเศร้าใจเช่นนี้“พอโตขึ้นมาอีกหน่อยก็ถึงเวลาที่สมควรออกเรือนแล้ว...”ระหว่างบรรยายเรื่องราวในอดีต ฮ่องเต้ต้าเหลียงสายตาลึกซึ้งมากขึ้น “แคว้นเหลียงในเวลานั้นอยู่ในช่วงพิเศษ มีปัญหาจากภายในและภายนอก จัดว่ามีศักยภาพระดับล่างในเก้าแคว้น สถานการณ์
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1014

ก็ตอนนี้เอง จู่ ๆ ฮ่องเต้ต้าเหลียงก็เอ่ยขึ้นว่า “หลังจากหว่านเอ๋อร์คลอดเจ้า นางเคยเขียนจดหมายหาข้าระยะหนึ่ง หนึ่งฉบับในนั้นได้พูดถึงเรื่อง...”“เกี่ยวกับเฮ่อชินอ๋องของต้าเฉียนฉินอ้าว”ฉินอ้าว?ฉินอวิ๋นฟานชะงักไป ไม่นึกว่าจะได้ยินชื่อนี้ที่นี่“ในจดหมายเขียนว่าอะไร ข้าลืมไปแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะให้เสี่ยวชุนจื่อไปรื้อดูที่ห้องหนังสือของข้า แล้วนำจดหมายฉบับนั้นให้เจ้า”ฮ่องเต้ต้าเหลียงยิ้มปมเศร้าขณะพูดความรู้สึกติดค้างได้ถ่ายทอดไปถึงหัวใจของฉินอวิ๋นฟานแล้ว“พ่ะย่ะค่ะ” ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้า ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นพูด “สีพระพักตร์ของเสด็จตามิสู้ดี คาดว่าคงเหนื่อยแล้ว ทรงพักผ่อนก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”อย่างไรก็พูดมากขนาดนั้น กอปรกับฮ่องเต้ต้าเหลียงสุขภาพไม่ดี หลังจากอารมณ์เปลี่ยนแปลงก็ยิ่งเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัดฉินอวิ๋นฟานจึงไม่คิดจะรบกวนต่อในเวลานี้“อื่ม ได้” ฮ่องเต้ต้าเหลียงไม่ได้ปฏิเสธ “เกี่ยวกับเรื่องเสี่ยวอี้...”“หม่อมฉันทราบเรื่องเสด็จน้าแล้ว เสด็จตาวางพระทัยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้รับคำตอบยืนยัน ฮ่องเต้ต้าเหลียงก็ยิ้มสดใสพูด “ตอนนี้เสี่ยวอี้น่าจะอยู่ในห้องหนังสือ ถ้าฟานเอ๋อร์มีเวลาว่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1015

รอยยิ้มของเหลียงจื่อฝูสดใสปานแสงตะวัน“เจ้าคงไม่ได้กำลังคิดถึงหญิงงามที่เสด็จพ่อทรงแนะนำให้เจ้าเมื่อวานกระมัง ข้าเรียกเจ้าตั้งนานยังไม่รู้อีก”เหลียงจื่อฝูเลิกคิ้ว ขยับเข้ามาใกล้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนจะพูดหยอก “ลองบอกข้ามาดูสิ”ฉินอวิ๋นฟานมุมปากกระตุก “เรื่องทั่วไปเท่านั้น มิใช่อย่างที่เสด็จน้าสิบสามคิดหรอก”“หึ ยังมีความลับใช่ไหม?” เหลียงจื่อฝูเบะปาก จากนั้นก็จิ้มคางถาม “เมื่อกี้คุยอะไรกับเสด็จพ่อ ถึงกับไม่ให้เสี่ยวชุนจื่อเฝ้าประตูอยู่ข้างนอกเชียวหรือ”ปกติไม่ว่าฮ่องเต้ต้าเหลียงจะทำอะไรอยู่ในห้อง เสี่ยวชุนจื่อจะต้องเฝ้าอยู่หน้าห้องเพื่อรอฟังคำสั่งตลอดเวลาทว่าเมื่อครู่พอฉินอวิ๋นฟานเข้าห้องไป เสี่ยวชุนจื่อก็ออกไปอย่างรู้ตัวเหลียงจื่อฝูหลักแหลม แวบเดียวก็สังเกตเห็น นี่อาจเป็นเรื่องสำคัญอะไร จึงไม่ให้เสี่ยวชุนจื่ออยู่นอกห้อง“เสด็จน้าสิบสามอย่าได้ถามเลยว่าเป็นเรื่องอะไร ถ้าท่านอยากรู้ก็ถามเสด็จตาเถอะ” ฉินอวิ๋นฟานส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “มีบางเรื่องไม่ต้องบอกท่านก็เดาได้อยู่แล้ว ก่อนที่ข้าจะมีแผนอย่างเป็นทางการก็อย่าเพิ่งพูดไปเรื่อยจะดีกว่า”เรื่องที่ฮ่องเต้ต้าเหลียงมอบหมายหนั
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1016

ปัจจุบันต้าเหลียงของพวกเขามิได้สร้างสัมพันธ์อันดีกับต้าเฉียนถึงขนาดที่ทำให้อีกฝ่ายบอกความลับเรื่องการเก็บเกี่ยวผลผลิตสูงอย่างไร้เงื่อนไขดังนั้นเขาจึงได้แต่ลองผิดลองถูกทว่าเช่นนี้มีแต่จะผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ชาวบ้านลำเค็ญยิ่งขึ้นความกดดันนี้ทำให้เขาหายใจไม่ออก“เสด็จน้าห่วงใยไพร่ฟ้าจริงแท้”เสียงใสแว่วเข้ามาในห้อง ทำให้เหลียงเทียนอี้ชะงักไปเล็กน้อยจึงรีบเงยหน้ามองไปเห็นเพียงมีคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ข้างประตูมิใช่ใครอื่น ฉินอวิ๋นฟานนั่นเอง“เห็นเสด็จน้าขมวดคิ้วมุ่น ท่าทางเหมือนหนักอกหนักใจ คาดว่าต้องเจอเรื่องลำบากอะไรกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเดินเข้ามาพร้อมยิ้มบาง“ฟานเอ๋อร์ เจ้ามาได้ยังไง?”เหลียงเทียนอี้พับม้วนกระดาษบนโต๊ะเก็บอย่างแนบเนียน สลัดความหม่นหมองที่ปกคลุมอยู่บนใบหน้าเมื่อครู่ แล้วเปลี่ยนรอยยิ้มขัดเขิน “มีธุระอะไรหรือ?”เนื่องจากกดดันเกินไป เหลียงเทียนอี้จึงไม่ได้สังเกตท่าทีของตัวเอง เขายังคงเย็นชาปฏิเสธคนอื่นนอกพันลี้เช่นเดิมฉินอวิ๋นฟานเห็นดังนั้นจึงทำหน้าหนักใจ พร้อมกันนั้นก็เข้าใจจิตใจของอีกฝ่ายด้วยมิสู้บอกว่านี่อาจเป็นเพราะนิสัยของเหลียงเทียนอี้ อยู่ในราชวงศ์
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1017

“ดูท่าเจ้าฉินอวิ๋นฟานนี้ไม่ดื่มสุราคารวะจะดื่มสุราลงทัณฑ์”เรือนใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองหลวงต้าเหลียงเหลียงจ้านอิงนั่งเดินหมากอย่างผ่อนคลายอยู่ในศาลาส่วนที่เล่นอยู่กับเขาก็คือตัวเขาเองหนึ่งคนแบ่งออกเป็นสองมุม ต่อสู้กับตัวเอง“เข้าหาเสด็จพี่บ่อยครั้งเช่นนี้ ไม่ใส่ใจกับคำพูดเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด”เหลียงจ้านอิงลงหมากตัวหนึ่งแล้วเริ่มคิดการดำเนินงานขั้นต่อไปและที่ยืนรอฟังคำสั่งอยู่ด้านหลังเขาในเวลานี้ ก็คือคนชุดดำสองคนที่ตักเตือนฉินอวิ๋นฟานเมื่อคืนฮัวอวี่ถงคือหนึ่งในนั้น“เมื่อคืนพวกเจ้าแน่ใจนะว่าพูดชัดเจนแล้ว?”เหลียงจ้านอิงไม่ได้หันหลัง แต่เอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาชายชุดดำด้านหลังประสานมือตอบ “เรียนท่านอ๋อง พวกเราบอกชัดเจนแล้วขอรับ ขอเพียงฉินอวิ๋นฟานไม่ใช่คนโง่ ต้องเข้าใจความหมายแน่ขอรับ”“หึ! เช่นนั้นก็น่าสนุกแล้ว!”เหลียงจ้านอิงดันหมากออกไปอีกตัวหนึ่ง เริ่มคลึงคางที่ปกคลุมไปด้วยเครา “บางที เขาอาจไม่รู้ความร้ายแรงของเรื่องก็เป็นได้”ก่อนหน้านี้ไม่นาน สายของเขามารายงานหลังจากฉินอวิ๋นฟานออกจากโรงเตี๊ยมก็ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ต้าเหลียงในวังทันทีต่อให้ไม่รู้เนื้อหาการสนท
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1018

“แต่ เสี่ยวฮัวต้องจำเอาไว้อย่างหนึ่ง จะใช้ไพ่ตายง่าย ๆ ไม่ได้ เพราะยิ่งเก็บนาน ลึก อานุภาพจะยิ่งร้ายแรง ถ้าใช้มันเสียก่อนกลับเสียอานุภาพเดิมของมัน เข้าใจหรือไม่?”เหลียงจ้านอิงยกมือขยับหมากบนกระดานรุกฆาตการต่อสู้กับตัวเองครั้งนี้ เขาชนะฮัวอวี่ถงได้ยินดังนั้นจึงผงกศีรษะพูด “เสี่ยวฮัวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”“ดังนั้นไม่ต้องรีบร้อน จับตาดูความเคลื่อนไหวของฉินอวิ๋นฟานให้ดี ถ้าเขาพบปะกับเหลียงเทียนอี้จริง ก็ค่อยดำเนินการขั้นต่อไปก็ยังไม่สาย...”ว่าแล้วเหลียงจ้านอิงก็ฉายรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถึงเวลาก็ให้เขาลำบากสักหน่อย ลดทอนประกายคมของเขา”มาถึงต้าเหลียงก็เท่ากับมาถึงถิ่นของเขาที่นี่ไม่ใช่ต้าเฉียน เกิดเรื่องที่นี่ กองหนุนจะไม่มีทางมาถึงในทันทีแน่...แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับฉินอวิ๋นฟานอย่างโจ่งแจ้งเหมือนกันไม่ว่าอย่างไร ฉินอวิ๋นฟานก็คือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีฐานะสูงส่งต่อให้เป็นแคว้นรั้งท้ายแล้วอย่างไร หลังจากฉินอวิ๋นฟานพัฒนาในระยะนี้ ไม่ว่าจะเป็นกำลังทางทหารหรือทางเศรษฐกิจก็รุดหน้าอย่างรวดเร็วทั้งนั้น และยังมีแนวโน้มว่าจะล้ำหน้า!ดังนั้นการเดินในแต่ละก้าวหลังจากนี้ต้อ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1019

ครั้นกล่าวจบ เหลียงเทียนอี้ก็ทำหน้าเศร้าหมอง สีหน้าแดงซ่าน เส้นผมยุ่งเหยิง ดูภาพรวมแล้วเหมือนกับนักโทษที่ถูกกักขังอยู่ในเรือนจำ เนื้อตัวแผ่กลิ่นอายเก็บกดกลัดกลุ้มเขาปรายตามาเล็กน้อย สายตาเหม่อลอยถ้อยคำที่ออกมาจากปากของเขาเมื่อครู่ประหนึ่งเมฆดำมวลหนึ่งที่ปกคลุมอยู่ทั่วห้องหนังสือใหญ่“ปัญหายาก?”ฉินอวิ๋นฟานนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “คือปัญหาอันใดถึงทำให้เสด็จน้าเครียดถึงเพียงนี้? มิสู้ลองบอกมา บางทีข้าอาจมีวิธีก็ได้?”ถึงขั้นทำให้เสด็จน้าผู้ทำงานได้อย่างมีสติเป็นระเบียบที่เสด็จตาบอกมีสภาพเช่นนี้ได้...คาดว่าต้องเป็นปัญหายากที่เกี่ยวกับความเป็นความตายแน่“นี่...”เหลียงเทียนอี้นั่งลง ถอนหายใจหนัก ๆ อยากจะพูดแต่ก็ส่ายหน้าเงียบไปอีกวิธีการของเหลียงเทียนจื้อชั่วช้านัก บวกกับความกดดันจากภายนอก ทำให้เขาแทบจะหายใจไม่ออกปัญหายากในตอนนี้ทำให้เขาไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใครดี“เสด็จน้า อย่างไรพวกเราก็มีสายเลือดเดียวกัน อีกอย่างเสด็จตาก็ให้ข้ามาหาท่านโดยเฉพาะ เห็นท่านอย่างนี้แล้ว ข้าก็รู้สึกทุกข์ใจเหมือนกัน”เห็นเหลียงเทียนอี้เศร้าสร้อยเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานมิได้ละความพยายาม ยิ่งไม่จ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 1020

ด้วยเหตุนี้เหลียงเทียนอี้จึงปวดเศียรเวียนเกล้า ลำบากใจมาก“เฮ้อ...”เหลียงเทียนอี้ถอนหายใจหนัก ๆ “เพราะเรื่องนี้ หลายวันนี้ข้าไปมากรมราชทัณฑ์หลายรอบ กระทั่งอยากไปหาแม่นางตั่วเอ๋อร์เพื่อทำความเข้าใจกับเหตุที่เกิด แต่ก็ยังช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี”“แม้เฉินเหมี่ยนจะมีนิสัยรักสนุกไปบ้าง ไม่สำรวมอยู่บ้าง คอแข็งใช้ได้ ดังนั้นข้ามักรู้สึกแปลก ๆ จึงอยากทำความเข้าใจว่าขณะนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่”รู้จักมานานหลายปี ทำไมเขาจะไม่รู้นิสัยน้องชายภรรยาของตัวเอง แต่เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ผิดปกติ“ท่านพ่อตาก็เป็นขุนนางในราชสำนักเหมือนกัน เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของต้าเหลียง บุตรชายเพียงคนเดียวเก้ารุ่น พยายามแทรกแซงเรื่องนี้มาตลอด ต้องการใช้ผลประโยชน์และอำนาจในหน้าที่ซื้อเส้นสาย ฝืนปกป้องเฉินเหมี่ยน แต่เช่นนี้กลับทำให้ยิ่งทำก็ยิ่งยุ่ง...”“ตอนนี้กรมราชทัณฑ์กำลังหาทางเอาตัวคน แต่พ่อตาไม่ยอมถอย แทบจะแตกหักกันอยู่แล้ว...”“ตอนนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตทั้งเมืองหลวง ชาวบ้านก็กำลังรอดูเรื่องขบขัน”เหลียงเทียนอี้ยิ่งพูดก็ยิ่งท้อแท้ ทั้งคนราวกับกำลังจะพังทลาย อารมณ์เศร้าหมองปราศจากความสดใส “ข้าไม่รู้จะทำยังไง
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
100101102103104
...
107
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status