“ฮึ้ม ลุงสวี่พูดถูกนะคะ” เว่ยถิงถิงกล่าวเสริม “พวกคุณกลับไปเถอะ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องอันตรายอย่างไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับพวกเราด้วย”หล่อนวิ่งไปยืนข้าง ๆ สวี่จื้อเจี๋ยวและกล่าวอย่างสนิทสนม “ลุงสวี่คะ ลุงเห็นด้วยกับหนูไหม?”สวี่จื้อเจี๋ยยิ้มแต่ไม่เอ่ยคำใด ท่าทางแบบนั้นแสดงถึงการยอมรับแต่โดยดีผู้อาวุโสเว่ยจ้องไปที่ถิงถิงพร้อมตวาดเสียงดัง “นังหนูนี่พูดถึงเรื่องเหลวไหลอะไรอยู่? ไปอยู่ห่าง ๆ ไป!”พูดจบเขาก็หันมาพูดกับจุนเหยาต่อ “ฉันซาบซึ้งในน้ำใจของทุกท่านเลยนะ แต่ยังไงทุกคนก็กลับไปก่อนเถอะ มีจื้อเจี๋ยอยู่ฉันไม่เป็นไรหรอก”ในสายตาของเขา ปรมาจารณ์ระดับหัวจินนั้นมีทรงพลังมาก ต่อให้คนของลัทธิหมอผีเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่มีวันสู้ระดับหัวจินได้ไม่ว่าเราจะอยู่หรือไป ไม่ว่าอยากจะรอคำอนุญาตจากเขาแค่ไหน แต่ถ้าหากว่าทำให้สวี่จื้อเจี๋ยไม่พอใจ มันก็ได้ไม่คุ้มกับเสียอยู่ดีเสี่ยวหลินเหมือนต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่มือเรียวจับไหล่ของเขาแล้วชิงเอ่ยปากก่อน “ผู้อาวุโส ถ้าท่านอยากให้พวกเราไป เราก็จะไปค่ะ แต่ก็เกรงว่าถ้าพวกเราไปแล้ว คนในครอบครัวของท่านจะได้รับอันตราย”สวี่จื้อเจี๋ยหรี่ตาพลันกล่าวด้วยน้ำ
ผิวหนังทั้งตัวของเว่ยถิงถิงโดนไฟไหม้ไปหลายที่และเกิดควันสีเขียวขึ้นเป็นระลอก ๆ เธอต้องอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างสาหัส สายตาของเธอดูดุร้ายมาก จู่ ๆ ในมือของเธอก็มีเข็มโผล่ขึ้นมาเล่มหนึ่ง ก่อนแทงมันเข้าไปที่ต้นขาของคุณปู่เว่ยทว่าความเร็วของสวี่จื้อเจี๋ยนั้นเร็วมาก ฉันรู้สึกว่ามือนั่นผ่านหน้าไปแค่แวบเดียว สวี่จื้อเจี๋ยก็ใช้ฝ่ามือตบไปที่หัวของถิงถิงอย่างแรงมือที่ถือเข็มยาพิษของเว่ยถิงถิงยังหยุดค้างอยู่กลางอากาศ เสี้ยววิเลือดก็พุ่งออกมาจากประสาทสัมผัสทั้งห้าและหลังจากนั้นเธอก็ล้มลงไป“ถิงถิง!” เว่ยซู่ซู่ตกใจร้องออกมา แต่ฉันพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “นั่นไม่ใช่เว่ยถิงถิง”ถังหมิงหลีเดินเข้าไป เขาจับที่หลังใบหูของศพผู้หญิงดูและฉีกหน้ากากเหมือนจริงออกฉันถึงกับตกตะลึง เดิมทีฉันคิดว่าการเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นแค่พล็อตในละครกำลังภายใน คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้ฉันจะได้เห็นกับตาเสียอย่างนั้นภายใต้หน้ากากเสมือนจริงคือใบหน้าคนธรรมดาคนหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นคนเอเชียเว่ยซู่ซู่พูดอย่างตื่นตูม “ถิงถิงของฉันล่ะ! พวกเขาจับถิงถิงของฉันไปไว้ที่ไหน?”“ซู่ซู่ ใจเย็นก่อน” คุณตาเว่ยพูดดุหล่อน หลังจากนั้นก็หันมาพูดกับฉั
[นังหนู เธอให้ของล้ำค่าอะไรแก่เขากัน? ครั้งหน้าเอามาให้ฉันดูหน่อย] นี่คือนางฟ้าหยุนเซี๋ยในหัวของฉันเต็มไปด้วยเส้นสีดำ ถ้าฉันเอาให้คุณดูจริง ๆ คุณต้องถอดกระดูกของฉันออกมาแน่ ๆและในตอนนั้นเอง ฉันก็เห็นจำนวนผู้ชมกลายเป็น “สี่” คน [เอ๊ะ? มีคนเข้ามาเพิ่มเหรอ? เขาคือใครกัน?] นางฟ้าหยุนเซี๋ยถามขึ้น [ฮ่า ฮ่า วันของพวกเราช่างน่าเบื่อขนาดนี้ พอมีละครดี ๆ ให้ดูอยู่ ก็ต้องเต็มใจเข้ามาดูอย่างแน่นอน] คำพูดไม่น่าฟังแบบนี้ต้องเป็นคำพูดของราชาแห่งหวางซานแน่ ๆ [ที่แท้คนที่เข้ามาก็คือ พลังที่เก้า นี่เอง นังหนู รีบเพิ่มเขาเป็นเพื่อนเร็ว หลังจากนั้นก็สร้างกลุ่มผู้ชมพิเศษกลุ่มหนึ่งไว้ด้วย] ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางกล่าวนี่ต้องเป็นนักปราชญ์อีกคนหนึ่งแน่ ๆ ฉันเข้าไปขอเขาเป็นเพื่อนและเขาก็กดรับเพื่อนแล้วในทีวีมีฟังก์ชันหนึ่งที่พิเศษคือ การไลฟ์สดสามารถสร้างกลุ่มแฟนคลับเวลาชมได้ ก็แค่ต้องลากเอาแฟนคลับตัวยงไปใส่ไว้ในกลุ่มคล้าย ๆ กับของวีแชทฉันลากผู้ชมทั้งสี่คนเข้ามาในกลุ่ม อีกทั้งยังเปิดการสนทนาผ่านเสียง“ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยาง ห้องไลฟ์สดนี้คืออะไร?” เสียงของพลังที่เก้าฟังดูไพเราะไม่ใช่น้อย เหมื
ฉันยิ้มมุมปากและใช้มือซ้ายหยิบซินนาบาร์ที่ทำพิเศษออกมาสาดเข้าไปที่ชายผู้น่าอนาถคนนั้น เขาตกใจจนรีบเอามือมาปิดตาใครจะรู้ว่าซินนาบาร์นั่นเมื่อโดนร่างกายของเขาก็กัดกร่อนผิวหนังของอีกฝ่ายราวกับโดนกรดกำมะถัน เขาร้องออกมาอย่างเกรี้ยวกราดและพูดด้วยความโกรธ “ก็นึกว่าเป็นคนใสใส ที่แท้ก็หาทางใช้วิธีที่คดโกงแบบนี้นี่เอง”“ใครบอกว่าฉันเป็นคนใสใส?”ราชาแห่งหวางซานกล่าว “ความจริงแล้ว ดาบเล่มนั้นของนังหนูคืออุบาย นังหนูนี่ช่างร้ายกาจมากจริง ๆ แต่ฉันชอบนะ”พลังที่เก้าพูดพลางถอนหายใจว่า “แต่ฉันไม่”ราชาแห่งหวางซานเอ่ยแหย่ทันที “พลังที่เก้า ใคร ๆ ก็ชอบแบบนี้กันทั้งนั้น มีแต่นายนั่นแหละที่เอาแต่เก็กท่า อย่าให้พูดเลย ตอนนายอยู่ที่โลกมนุษย์ มีอะไรที่นายไม่เคยทำบ้างเหรอ? แม้แต่ผู้ชายหล่อ ๆ เองก็คงถูกนาย...”“หุบปากไปเลย! “ริมฝีปากบางกระตุกยิ้ม นี่ฉันยังต้องสู้กับผู้บำเพ็ญเพียรพลังมืดอันดับสองอยู่นะ พวกคุณช่วยจริงจังกันหน่อยได้ไหม!ชายผู้น่าอนาถคำรามลั่น “ฉันจะจับเธอสับเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!” เขาหันกลับมาพูด ก่อนหายตัวลงไปในดินฉันพูดด้วยความตกใจ “นี่คือวิชาหายตัวเหรอ?”“วิชาหายตัวอะไรกัน เขาสามารถใช้
“นี่เธอให้ความสำคัญกับถังหมิงหลีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เขาถอนหายใจเบา ๆ และพูดว่า “เขาเข้าหาเธอก็เพราะจุดประสงค์บางอย่าง”ฉันกำต้นหญ้าป่าไว้แน่น ไม่พูดอะไรออกมาแต่แล้วจู่ ๆ เขาก็หยิบขวดหยกออกมาขวดหนึ่งและอุ้มฉันขึ้น มือหนาวางขวดไว้บนริมฝีปากของฉัน ฉันหันหน้าหนี แต่เขาดันพูดเสียงต่ำดุออกมา “ฟังฉันแล้วดื่มสิ่งนี้ลงไป มันมีประโยชน์สำหรับเธอ”ร่างเล็กยังคงปฏิเสธ อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง พลันยกขวดหยกอมเหลวไว้ในปาก จากนั้นก็ก้มหัวลงมาของเหลวในปากถูกส่งผ่านเข้ามาในปากของฉัน เนื่องจากศีรษะที่โดนเขากักขังเอาไว้ ทำให้ฉันขยับไม่ได้ และทำได้เพียงจำยอมกลืนมันเข้าไปกระแสน้ำอุ่นไหลเข้าสู่ภายในท้อง ทั่วทั้งร่างกายรู้สึกดีขึ้นมาก ไม่นานเขาก็พูดต่อ “นี่คือยาแก้พิษที่เป็นความลับของตระกูลเรา มันสามารถช่วยล้างพิษออกจากร่างกายของเธอได้”พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นและเดินจากไป ผ่านไปพักใหญ่ ฉันก็เริ่มรู้สึกหนักเปลือกตาและเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าตอนที่สติของฉันกำลังเบลอ เหมือนหูจะได้ยินนางฟ้าหยุนเซี๋ยพูดเบา ๆ ว่า “นังหนู ผู้ชายคนนี้ดูแลเธอได้ไม่เลวเลย”จุนเหยายิ้มเยาะเย้ยอยู่ใจ ดูแลฉันได้ไม่เลวเหรอ? ตอนนั้นเ
อันที่จริง ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรม มีเพียงสัจธรรมเท่านั้นที่ดำรงอยู่เสี่ยวหลินไม่ได้พูดถึงเรื่องของตำรับยาถอนพิษ อาจเป็นเพราะครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ทำอะไรมาก ก็เลยอายที่จะพูดขึ้นมาฉันขยับร่างกายดูเล็กน้อยและไม่ได้รู้สึกว่ามีตรงไหนบาดเจ็บแล้ว ดังนั้นจึงออกจากโรงพยาบาลแล้วมุ่งหน้ากลับบ้าน ไม่นานถังหมิงหลีก็ถามขึ้น “ในเมื่อเธอมีบ้านใหม่แล้ว งั้นก็ควรรีบย้ายบ้านเถอะ ที่นี่ไม่ได้ปลอดภัยขนาดนั้น”ฉันฟังคำพูดของเขาพลันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นายแอบส่งคนมาปกป้องฉันใช่ไหม?”ถังหมิงลีเลิกลักเล็กน้อยพลางเอ่ย “ใช่”“แถมยังช่วยไล่ขโมยออกไปให้ฉันด้วยใช่ไหม?”“...ใช่ และยังมีคนที่แอบเข้ามาเพื่อคิดทำอะไรที่ไม่ดีต่อเธอในตอนกลางดึกอีก”ฉันถอนหายใจเบา ๆ “หมิงหลี ขอบคุณนะ”ถังหมิงหลียิ้มเล็กน้อยอย่างพอใจ “ในที่สุดเธอก็เลิกเรียกฉันว่านายถังแล้วสินะ?”จุนเหยาหน้าแดงด้วยความเขินอาย “พวกเราเป็นเพื่อนกันหนิ”“แค่เพื่อนเท่านั้นเหรอ?” เสียงทุ้มเอ่ยพลางใช้สายตาที่อบอุ่นมองมาที่ฉันหน้าของฉันยิ่งแดงเข้าไปอีก “ก็เป็นเพื่อนไง จะเป็นอะไรไปได้อีก?”ถังหมิงหลีเอาแต่ยิ้ม ทว่าไม่พูดอะไรออกมา
พริบตาก็มีข้อความตอบกลับมาเร็วมาก “พอใช้ได้ เหมือนจะอยู่ในระดับกลาง ๆ แล้วเธอได้กลั่นวัตถุดิบยาไปกี่ชนิด?”“กลั่นไปสี่ชนิดค่ะ” ฉันพูดขึ้น “ฉันเตรียมวัตถุดิบสำหรับยาสิบเม็ด แต่มันออกมาแค่หกเม็ด”“...” เขาเงียบไปนานมากและพูดขึ้นว่า “เธอกลั่นได้สำเร็จภายในครั้งเดียวเหรอ? อีกทั้งยังบรรลุไปถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์ของอัตราความสำเร็จด้วย”“นี่...เหมือนจะเป็นอย่างนั้นมั้งคะ” ฉันพูดด้วยความลังเล“...” เขาเงียบไปอีกครั้ง ก่อนเอ่ย “เธอใช้เตาอะไรในการกลั่นยา? หรือว่าเธอได้รับอาวุธวิเศษระดับสูงมางั้นเหรอ?”“ฉันใช้แค่หม้ออัดแรงดันที่บ้านค่ะ”“...” พลังที่เก้าถึงกับพูดไม่ออก“นี่เธอหลุดมาจากภพไหนกันแน่?” เขากัดฟันเล็กน้อยเมื่อพูดคำนี้“...พ่อกับแม่ให้กำเนิดฉันค่ะ”พลังที่เก้าถึงชะงักค้าง ก่อนเอ่ย “ช่างเถอะ ช่างเถอะ จำไว้นะ ถ้าทำออกมาแล้วไม่มีลวดลายบนยา แสดงว่ามันเป็นยาระดับล่าง แต่ถ้ามีลวดลายก็คือยาระดับกลาง ทว่ายาที่มีลวดลายมากกว่าสี่เส้นจะเป็นยาระดับสูง และถ้ายาเรืองแสงออกมาก็จะถือว่าเป็นยาระดับสูงที่สุด”ลักษณะนิสัยของพลังที่เก้านั้นแปลกประหลาดมากจริง ๆ ฉันเอายาออกมาใส่ปากหนึ่งเม็ดแล้วกลืนล
จุนเหยาก้มมองดูกระโปรงที่อยู่ในมือ ก็แค่กระโปรงตัวหนึ่งเอง ใช่ว่าจะซื้อไม่ได้เสียหน่อยฉันเดินเข้าไปลองใส่ในห้องลองชุด พลางถอดหมวกและหน้ากากออก ก่อนเปลี่ยนเป็นสวมชุดกระโปรงแล้วปล่อยผมลงมาตาคมมองดูตัวเองในกระจก ชุดกระโปรงตัวนี้สวยมาก การตัดเย็บก็เหมาะสมกับราคา เมื่อสวมใส่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าเอวเล็กลง ขาเรียวยาวขึ้น ราวกับว่ามันถูกทำมาเพื่อฉันโดยเฉพาะแต่อีกใจก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ความจริง นี่คือฉันจริง ๆ เหรอ? ที่แท้สิ่งที่อยู่ภายใต้เนื้องอกพวกนั้นก็คือหญิงสาวผู้มีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามอย่างคาดไม่ถึงนี่เองแม่ของฉันก็ไม่ได้สวยมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ถูกผู้ชายทิ้งไป แล้วรูปร่างหน้าตาของฉันได้รับการถ่ายทอดมาจากใครกันแน่?ขณะกำลังสำรวจตัวเอง จู่ ๆ ก็มีเงาของคนคนหนึ่งโผล่เข้ามาด้านหลังฉัน ฉันตกใจมากและรีบหันหลังกลับไปทันที พลันพูดด้วยความโมโห “หยินเฉิงเหยา นี่นายจะทำอะไร? ฉันกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นะ!”พูดแล้วฉันก็เดินออกไป แต่เขาดันคว้าไหล่ฉันแล้วดึงกลับมา“ปล่อยมือ!” เสียงเล็กตวาดลั่น “ไม่งั้นฉันจะเรียกให้คนช่วย!”เขาจ้องมาที่ดวงตาของฉันและพูดด้วยเสียงเรียบ “แม้แต่เสื้อผ้าสักชุด ถังห
เธอหยุดชั่วคราวและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ อีกครั้งว่า “ฉันยังมีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลอีกข้อหนึ่ง หวังว่าคุณหยวนจะตกลง”“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ฉันไม่พอใจเล็กน้อยกับสายตาที่มีความดูถูกเหยียดหยามของเธอ แต่ฉันก็ยังถามอย่างเก็บอารมณ์เธอพูดว่า “ในการไลฟ์สดครั้งนี้ มีบางฉากที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย ฉันอยากให้คุณหยวนได้โปรดอธิบายให้ผู้ชมฟังในการไลฟ์สดครั้งต่อไปด้วย เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจลูกเทียนของเราผิด”ใจของฉันสงบลงและรอยยิ้มบนใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นไม่เต็มใจเล็กน้อย “คุณนายเสวีย การไลฟ์สดของฉันเป็นการไลฟ์สดจับผีไม่ใช่การไลฟ์สดเกี่ยบกับความรู้สึก”คุณนายเสวียพูดอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมปฏิเสธ “ฉันก็กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหยาเหมือนกัน ถึงอย่างไรคุณก็เข้าใจสถานะของตระกูลเราในเมืองจินหลิงชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเกิดทำให้คนอื่นเข้าใจคุณเหยาผิดว่าประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”สีหน้าของฉันเย็นลงมา นี่เป็นการเปลี่ยนวิธีที่จะบอกว่าฉันกำลังประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลฉันยิ้มจาง ๆ “คุณนายเสวีย ไม่รู้ว่าคุณชายเสวียเคยบอกคุณไหมว่าฉันเป็นคนรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดี”คุณนายเสวียตะลึงไปคร
ยังไม่ถึงสองวัน ชาวเน็ตผู้หญิงที่ซื้อสบู่ทำมือเหล่านี้ไปก็มาโพสต์ที่หมวดยา พวกเธอพูดอย่างตื่นเต้นว่าสบู่ทำมือนี้ใช้ดีมาก ๆ พึ่งจะใช้ไปไม่กี่วันสภาพผิวก็ดีขึ้นมาก ริ้วรอยตรงขอบตาและมุมปากต่างก็ตื้นขึ้นเยอะด้วยมีหญิงสาวนักรบสายขาวคนหนึ่งบอกว่าบนใบหน้าของเธอมีสิวเยอะมาก เมื่อก่อนนี้เธอใช้เครื่องประทินผิวเยอะเยอะหลายชนิด แต่ก็ไม่ได้ผล และนั่นทำให้เธอเป็นทุกข์มาก ๆ แต่หลังจากที่เธอได้ใช้สบู่ทำมือ สิวบนใบหน้าของเธอก็หายไป และไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นมาอีก เธอยังปล่อยภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังออกมาเป็นพิเศษอีกด้วยในไม่ช้า สบู่ทำมือนี้ก็ถูกอัปโหลดลงบนนักเล่นแร่แปรธาตุเน็ตเวิร์กทั้งหมด และนักเล่นแร่แปลธาตุผู้หญิงจำนวนมากต่างก็ฝากข้อความต้องการจะซื้อไว้ทางบริษัทเครื่องสำอางก็มีผลตอบรับกลับมาว่าได้กำหนดสูตรสบู่ทำมือแล้วสามชนิด ชนิดที่หนึ่งคือ กลิ่นหอมของหอมหมื่นลี้ที่ใช้สำหรับขาวใส ชนิดที่สองคือกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่ใช้สำหรับป้องกันสิว และอีกหนึ่งชนิดก็คือกลิ่นหอมของว่านหางจระเข้ที่ใช้สำหรับให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษผลลัพธ์ของทั้งสามชนิดต่างก็ดีมาก ๆ และทีมผู้บริหารของบริษัทก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อมองดูรถของพวกเขาหายไป ฉันก็แอบถอนหายใจในใจ ถึงแม้ว่าคุณนายเสวียจะลืมช่วงความตายของคุณชายเสวียไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนกรวยแหลมคมแทงทะลุเข้าไปในใจก็ยังฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอฉันยักไหล่ ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถขอให้ทุกคนมาชอบตัวเองได้หรอกร่างบางกลับมาถึงห้องก็นอนหลับอย่างสบายใจ จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็โดนปลุกให้ตื่นโดยเสียงเคาะประตูอย่างแรงฉันหาวหวอดพลางเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็เห็นถังหมิงหลียืนอยู่นอกประตู เขาถือกระเป๋าสัมภาระธรรมดาใบหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือดมาก ราวกับว่าไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเพราะรีบกลับมาเมื่อเขาเห็นฉันก็รีบโผเข้ามากอดไว้แน่น ทำให้ใบหน้าของฉันฝังอยู่ที่คอของเขาอย่างแรงและเขาก็พูดขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ฉันอยู่บนเกาะหิมะตลอด ฉันไม่รู้เลยว่าเธอว่าได้เจอกับอันตรายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นฉันต้องรีบกลับมาช่วยเธอโดยเร็วที่สุดแน่นอน”ฉันยิ้มออกมา “เป็นเพราะอย่างนี้เองเหรอ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”เขาจับหน้าของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงจูบอย่างเร็วฉันตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วรีบผลักเขาออก พลันพูดอย่างร้อนใจ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”“ใช่ ฉันบ้าไปแ
พลังที่เก้าเอ่ยแทรก “หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่จริงผีตัวนี้มีชีวิตและมีเนื้อหนัง แค่เนื้อหนังของมันก็คือทั้งหมดของโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นเอง”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางยังกล่าวอีกว่า “ฉันไม่ได้เจอผีที่มีเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์แบบนี้มาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอยู่ในโลกมนุษย์”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถึงแม้ว่าในตอนนี้ในโลกมนุษย์จะขาดแคลนพลังปราณ แต่อารมณ์เจ็ดอายตนะหกของผู้คนก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้น” พลังที่เก้าพูดขึ้น “ผีก็มากขึ้นเรื่อย ๆ”หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ก้อนนั้นเริ่มเผาไหม้และควันหนาค่อย ๆ ลอยออกมา ผีใบหน้าสีดำตัวนั้นเผยหน้าตาที่แสนเจ็บปวดออกมา พลันกำแพงรอบ ๆ ก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา เปลวไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและพวกเราก็ได้วิ่งออกมาจากโรงเรียนแห่งนั้น อาคารร้างทั้งหลังล้วนจมลงไปในเปลวไฟ ริ้วลิ้นแห่งเปลวไฟยังกระโจมอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยแสงไฟ“อ๊าก!” ในที่สุดผีใบหน้าสีดำก็ปรากฏขึ้นมาในเปลวไฟ มันโดนไฟเผาจนเล็กลงเรื่อย ๆ และมองไม่เห็นอีกต่อไปฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ ในที่สุดก็จบลงแล้ว จะไม่มีเกมส์แห่งความตายอีกต่อไปแล้ว และก
เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เปื้อนเลือดของคุณชายเสวีย ในใจของฉันก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาเป็นพัก ๆ[เป็นไปไม่ได้มั้ง คุณเสวียตายแล้ว?][จะเป็นไปได้ยังไง ถึงแม้ว่าคุณเสวียจะมาเข้าร่วมไลฟ์สดแค่ชั่วคราว แต่จะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เชียวนะ][ใครบอกว่าจะไม่มีคนตาย? ทุกครั้งที่แอดมินไลฟ์สดล้วนอันตรายมาก แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้หลายครั้ง เมื่อก่อนที่จอมเผด็จการไม่ตายก็แค่โชคดีมากเท่านั้นเอง พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะมีรัศมีของตัวเอกจริง ๆ เหรอ?][แอดมิน ฉันคือคนใช้ของครอบครัวคุณเสวีย เมื่อสักครู่แม่ของเขาก็ดูไลฟ์สดอยู่ แต่ตอนนี้ได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คุณเตรียมใจรอรับความโกรธของตระกูลเสวียได้เลย][คนข้างบนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งชาวบ้าน ถ้าพวกคุณมีความสามารถก็ไปจัดการกับผีใบหน้าเองสิ จะระบายอารมณ์ใส่แอดมินทำไม?][แอดมิน...จะมีชีวิตกลับมาไหม?]ขณะนี้ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันคุกเข่าลงบนพื้นและกอดหัวของเสวียห้าวเทียนไว้ ทั้งยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายฉันและคุณชายเสวียไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เขากับฉันได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในเกมส์แห
เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ไฟในเมรุเผาศพดังขึ้นและลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารวมตัวกันในมือของฉันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ [ว้าว ใช้กระแสไฟฟ้าหนึ่งแสนโวลต์ควบแน่นเป็นสายฟ้าก้อนกลม แอดมินเธอเก่งขั้นเทพเลยอ่ะ] [แรงดันไฟฟ้าสูงเท่าหนึ่งแสนโวลต์ที่ไหนกัน!] [ฉันพูดเกินจริงไม่ได้เหรอ? คุณจะยุ่งเกินไปแล้ว?] “คุณเสวีย หลบไปเร็วเข้า!” ฉันตะโกนเสียงดังแล้วโยนกระแสไฟฟ้าในมือออกไป ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของผีกองกอย ร่างของมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า แต่สุดท้ายร่างกายก็ไหม้กลายเป็นศพไหม้เกรียม “เร็วเข้า เอามันเข้าไปในเตาเผาศพ!” ฉันและเสวียห้าวเทียนอดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อยกผีกองกอยขึ้น แล้วรีบเข้าไปในห้อง พร้อมเปิดเตาเผาศพและโยนศพเข้าไป บึ้ม! ในเตาเผามีเปลวไฟลุกโชนออกมา ผีกองกอยดิ้นทุรนทุรายอย่างดุเดือด ฉันตะโกน “ปิดประตู!” ประตูเตาเผาได้ปิดลงเสียงดังปัง เสียงดิ้นรนดังออกมาจากด้านใน ศพถูกเผาเป็นเวลานานมากก่อนที่จะหยุดลง และท้ายที่สุดก็มีเศษกระดูกออกมาจากรูด้านหลัง กระดูกไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด แต่เผาแล้วกลายเป็นเศษเล็ก ๆ พวกมัน
[เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับฆ่าพ่อของตัวเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ] [มีลูกชายแบบนี้ มิน่าล่ะพ่อของเขาถึงได้โกรธทะยานขึ้นจนศพเปลี่ยนไป] [จะไปโทษใครได้? นอกจากตัวเขาเอง ใครบอกให้เขารักลูกชายมากเกินไปล่ะ? รู้จักแต่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักอบรม นั่นเป็นความผิดขอพ่อแม่] ในห้องไลฟ์สดมีการโต้เถียงทุกแบบอย่าง ผีดิบฟางเหวินตัวนั้นกระโดดออกมาจากโลงศพ โลงศพเป็นโลงไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม และสูงพอ ๆ กับไหล่ของผู้ใหญ่ แต่มันสามารถมันกระโดดออกมาได้ในพริบตา ในตอนนั้นเอง ร่างกายของฟางเหวินก็เริ่มมีขนงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เขามีขนปุกปุยราวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นบรรพบุรุษ [ผีกองกอย! นี่มันผีกองกอยจริง ๆ!] [ผีกองกอยเป็นกระดูกเหล็กทองแดงในตํานาน! มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดขึ้นอาคารบ้านเรือนไปบนต้นไม้ กระโดดโลดเต้นราวกับบิน ไม่กลัวไฟธรรมดา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์] [ข้างบนมีความรู้เยอะจัง] [ไร้สาระ เว็บไป๋ตู้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้น] ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถูกลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองฆ่าตาย ลูกชายก็อกตัญญู และมักจะด่าทอเขา เขามีความคับข้องใจมาเป็นเวลานาน แถมลูกชายก็ไม่ได้จัดงานศพให้ หลังจ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ