ฉันเอ่ยแทรก “เขาป่วยขนาดนี้ โรงพยาบาลก็รักษาไม่ได้หรอก ทำแบบนี้มันเสียเวลาเปล่า” ชายร่างสูงใหญ่ชะงักก่อนเอ่ย “เธอรู้เหรอว่านี่คือโรคอะไร?”จุนเหยาเดินไปข้างหน้าและคว้าแขนชายชราไว้ จากนั้นก็ม้วนแขนเสื้อขึ้น ทันใดนั้นใบหน้าของวิญญาณก็ปรากฏขึ้นบนแขนของเขาราวกับว่าเป็นรอยสักที่มีชีวิตนี่มันคือคำสาปมารที่กล่าวถึงในสมุดของราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยาง!นี่เป็นคาถาที่โบราณมาก ๆ ใช้สำหรับลอบสังหารพวกตระกูลสูงศักดิ์ที่เก่าแก่โดยเฉพาะ นึกไม่ถึงว่าปัจจุบันยังมีคนใช้คาถาแบบนี้อยู่อีก?เด็กสาวผลักฉันอีกครั้งแล้วพูดอย่างโกรธเคือง “เธอจับมือจับแขนเพื่ออะไร คุณปู่ของฉันเป็นผู้สูงศักดิ์ เธอสมควรที่จะสัมผัสตัวเขาหรือไง?”ตาคมหันไปมองด้วยความไม่พอใจ คาถานี้ ในสมุดมีวิธีแก้คำสาปอยู่ แต่คนอื่นไม่เชื่อฉันเลย ถ้าอย่างนั้น ทำไมฉันจะต้องคนพวกนี้ด้วยล่ะ?คิดแบบนั้น ร่างเล็กก็กลับหลังหันเดินออกไปทันที“รอเดี๋ยวสิ” ชายร่างสูงโพล่งขึ้น “ถ้าเธอรู้ว่านี่มันคือโรคอะไร ได้โปรดบอกให้ฉันรู้เถอะ ถึงยังไงนี่ก็เป็นชีวิตชายชราคนหนึ่งเลยนะ”ฉันลังเลสองจิตสองใจ ถ้าไม่ช่วยก็รู้สึกผิด แต่ถ้าช่วยก็มีบทเรียนของเว้ยหลานให้เห
ทันใดนั้นร่างของผู้อาวุโสก็โก่งงอขึ้น พลันอาเจียนสิ่งของเน่าเหม็นออกมามากมายสิ่งที่เขาอาเจียนออกมานั้นเต็มไปด้วยงู แมลง หนูและมด หญิงร่างสูงดึงถิงถิงถอยหลัง มืออีกข้างปิดจมูกไว้พลางกล่าว “เมื่อไหร่คุณตาจะได้สติเหรอ?”“ประมาณสองถึงสามชั่วโมง” จุนเหยาตอบ “ฉันถอนคำสาปมารออกจากร่างกายของเขาแล้วซะส่วนใหญ่ ส่วนที่เหลือก็แค่บำรุงร่างกายด้วยอาหารตุ๋นยาจีน พวกคุณพาเขากลับไปที่ห้องก่อนเถอะ”สีดำบนใบหน้าของผู้อาวุโสค่อย ๆ จางหายไป ผิวพรรณเริ่มมีเลือดฝาดและกลับคืนสู่สภาพเดิม จวินย่าวจึงให้คนพาเขากลับห้องพักฉันเพิ่งรู้ว่าเด็กสาวคนนั้นมีชื่อว่า เว่ยถิงถิง ส่วนแม่ของหล่อนชื่อว่า เว่ยซู่ซู่ ผู้อาวุโสมีลูกสาวเพียงสองคน อีกทั้งยังหวังอยากมีลูกเขยมาสืบทอดมรดกของตัวเองแต่แม่ของจวินย่าวมีคนต้องตาต้องใจอยู่แล้ว แถมฝ่ายตรงข้ามก็เป็นลูกคนเดียวด้วย จึงไม่ยินยอมที่จะแต่งเข้าสกุลเว่ย ก็เลยต้องใช้นามสกุลของฝ่ายนั้นแทนแต่คุณป้าซู่ซู่ท่านนี้แต่งลูกเขยเข้าบ้านและให้กำเนิดเว่ยถิงถิง ถิงถิงจึงใช้นามสกุลเว่ยของคุณปู่ แต่ไม่ได้เรียกว่าผู้อาวุโส เธอเรียกท่านว่าคุณปู่หลังจากเข้าไปในห้องพร้อมกับวางชายชราลงบนเ
ผู้อาวุโสเว่ยถอนหายใจพลางกล่าว “ตระกูลเว่ยของเราเป็นผู้ผลิตเครื่องประดับจำพวกอัญมณี และทุก ๆ ปีเราจะนำเข้าหยกหายากมาจากประเทศพม่า เมื่อสามปีก่อนฉันไปเข้าร่วมการประมูลหยกมรกตที่ประเทศพม่าและถูกใจหยกชิ้นหนึ่ง แต่มีนักธุรกิจชาวพม่าคนหนึ่งก็ถูกใจหยกชิ้นนั้นเช่นกัน เราสองคนต่างยืนกรานไม่มีใครยอมอ่อนข้อต่อกันอยู่นาน แต่ท้ายที่สุดฉันก็ชนะ”ความโกรธเดือดดาลอยู่ในดวงตาของเขา “แต่คิดไม่ถึงว่านักธุรกิจคนนั้นจะให้หมอผีของลัทธิหมอผีสาปแช่งฉัน! ฉันไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย จนกระทั่งคำสาปกัดกินร่างกายถึงจะยอมเชื่อ”ลัทธิหมอผี?ลัทธิหมอผีอีกแล้ว!นี่ฉันมีวาสนาอะไรถึงมาเจอแต่ลัทธิหมอผีนะ?ผู้อาวุโสเว่ยถอนหายใจพลางกล่าว “ได้ยินมาว่าลัทธิหมอผีเป็นลัทธิที่ใจแคบมาก แม้แต่ความคับข้องใจเล็กน้อยก็ต้องแก้แค้น คุณหยวน ต้องขอโทษจากใจจริงที่ทำให้เธอเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้”จุนหยวนยิ้มเจื่อน ๆ ในใจ ฉันทุบรูปปั้นเทพเจ้าของลัทธิหมอผี เลยทำให้พวกมันขุ่นเคืองใจมาตั้งนานแล้วใบหน้าเรียวยังคงนิ่งเฉย “ฉันแค่ผ่านมาเห็นความไม่เป็นธรรม จึงยื่นมือเข้าช่วยก็เท่านั้นเอง คุณปู่ไม่ต้องเป็นกังวลนะคะ”ฉันไ
เมื่อฉันทำหมูเส้นผัดหน่อไม้ฝรั่งเสร็จ เสี่ยวหลินก็รีบวิ่งเข้ามายกมันออกไป จากนั้นทั้งสองคนก็กินจนหมดจานอย่างรวดเร็วและพอฉันทำอาหารทั้งหมดเสร็จแล้ว พวกเขาก็เข้ามายกอาหารทุกจานออกไปทันที ตอนที่ฉันยกซุปไก่ชามสุดท้ายออกไป บนโต๊ะก็เหลือไว้เพียงแต่จานเปล่า“อร่อยมากเลยครับ ผมนี่กินจนอิ่มแปล้เลย” เสี่ยวหลินกล่าว “อีกอย่างผมรู้สึกว่าอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการฝึกศิลปะการต่อสู้ที่สั่งสมมานานหลายปีก็ดีขึ้นด้วย คุณหยวน ผมรู้แล้วว่าทำไมร่างกายของคุณถังถึงได้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”เสี่ยวหลินหันไปมองเย่เซียนหลัวพลางเอ่ย “ดูสิ น้องเย่เห็นหรือยัง พี่บอกแล้วว่างานนี้มันดี”ใบหน้าของเย่เซียนหลัวเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย ก่อนก้มหน้าก้มตาดื่มซุปต่อหลังจากทานอาหารมื้อนี้หมด ฉันคิดว่าบอดี้การ์ดทั้งสองคนคงมีกำลังใจในการทำงานเต็มเปี่ยมเย็นวันนั้น ถังหมิงหลีมาหาตอนที่เราเพิ่งทานอาหารค่ำเสร็จพอดี ทว่าจู่ ๆ ก็มีสายเรียกเข้าจากหมอฉินอ๋าย น้ำเสียงของเขาเป็นกังวลเล็กน้อย “คุณหยวนหรือเปล่าครับ? อาการป่วยของน้องชายของคุณมีบางอย่างเปลี่ยนไป รบกวนรีบมานะครับ”จุนเหยาหน้าเปลี่ยนสี ในใจเกิ
“อันที่จริงมีหลายวิธีในการถอนพิษงูผี” ถังหมิงหลีเอ่ยแทน “เพียงแค่พิษงูผีมันแพร่กระจายเร็วเกินไปทำให้หายาถอนพิษไม่ทัน”เสี่ยวหลินพยักหน้า จากนั้นก็หันมามองฉันด้วยสายตาร้อนผ่าว “คุณหยวนครับ คุณจะขายสูตรยาถอนพิษให้ผมได้ไหมครับ? ส่วนราคา คุณหยวนคิดมาได้ตามใจชอบเลยครับ”พลันนัยน์ตาของจุนเหยาก็มีแสงเย็นวาบฉายชัดขึ้นมา “ถ้าพวกคุณช่วยจับคนของลัทธิหมอผีมาให้ฉันจัดการได้ล่ะก็ ฉันจะให้สูตรยาถอนพิษกับพวกคุณฟรี”เสี่ยวหลินตาลุกเป็นประกายแล้วตอบกลับทันที “ไม่มีปัญหาครับคุณหยวน สบายใจได้เลย เจ้าสองคนนั้นเป็นของคุณแล้ว”เขารีบโทรหาหน่วยงานพิเศษทันที เพื่อให้หัวหน้าทีมจินส่งผู้มีพลังวิเศษมาปกป้องน้องชายของฉันเพิ่มอีกสองคนพวกเราดึงข้อมูลกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลเพื่อสังเกตการณ์ พบว่าเมื่อตอนเที่ยงมีชายรูปร่างผอมเตี้ยคนหนึ่งหอบช่อดอกไม้เข้ามาในห้องผู้ป่วย และแผนกต้อนรับเองไม่เคยเห็นบุคคลนี้มาก่อนครั้งนี้พวกมันวางพิษอันอี้ไม่สำเร็จ และคงรู้ตัวแล้วว่าแหวกหญ้าให้งูตื่น เกรงว่าอาจจะไม่ลงมือทำอะไรในระยะเวลาสั้น ๆ อีกแน่ จุนเหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าว “ฉันรู้ว่าพวกมันจะไปที่ไหนต่อ”ณ ตอนนี้ที่โร
“ฮึ้ม ลุงสวี่พูดถูกนะคะ” เว่ยถิงถิงกล่าวเสริม “พวกคุณกลับไปเถอะ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องอันตรายอย่างไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับพวกเราด้วย”หล่อนวิ่งไปยืนข้าง ๆ สวี่จื้อเจี๋ยวและกล่าวอย่างสนิทสนม “ลุงสวี่คะ ลุงเห็นด้วยกับหนูไหม?”สวี่จื้อเจี๋ยยิ้มแต่ไม่เอ่ยคำใด ท่าทางแบบนั้นแสดงถึงการยอมรับแต่โดยดีผู้อาวุโสเว่ยจ้องไปที่ถิงถิงพร้อมตวาดเสียงดัง “นังหนูนี่พูดถึงเรื่องเหลวไหลอะไรอยู่? ไปอยู่ห่าง ๆ ไป!”พูดจบเขาก็หันมาพูดกับจุนเหยาต่อ “ฉันซาบซึ้งในน้ำใจของทุกท่านเลยนะ แต่ยังไงทุกคนก็กลับไปก่อนเถอะ มีจื้อเจี๋ยอยู่ฉันไม่เป็นไรหรอก”ในสายตาของเขา ปรมาจารณ์ระดับหัวจินนั้นมีทรงพลังมาก ต่อให้คนของลัทธิหมอผีเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่มีวันสู้ระดับหัวจินได้ไม่ว่าเราจะอยู่หรือไป ไม่ว่าอยากจะรอคำอนุญาตจากเขาแค่ไหน แต่ถ้าหากว่าทำให้สวี่จื้อเจี๋ยไม่พอใจ มันก็ได้ไม่คุ้มกับเสียอยู่ดีเสี่ยวหลินเหมือนต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่มือเรียวจับไหล่ของเขาแล้วชิงเอ่ยปากก่อน “ผู้อาวุโส ถ้าท่านอยากให้พวกเราไป เราก็จะไปค่ะ แต่ก็เกรงว่าถ้าพวกเราไปแล้ว คนในครอบครัวของท่านจะได้รับอันตราย”สวี่จื้อเจี๋ยหรี่ตาพลันกล่าวด้วยน้ำ
ผิวหนังทั้งตัวของเว่ยถิงถิงโดนไฟไหม้ไปหลายที่และเกิดควันสีเขียวขึ้นเป็นระลอก ๆ เธอต้องอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างสาหัส สายตาของเธอดูดุร้ายมาก จู่ ๆ ในมือของเธอก็มีเข็มโผล่ขึ้นมาเล่มหนึ่ง ก่อนแทงมันเข้าไปที่ต้นขาของคุณปู่เว่ยทว่าความเร็วของสวี่จื้อเจี๋ยนั้นเร็วมาก ฉันรู้สึกว่ามือนั่นผ่านหน้าไปแค่แวบเดียว สวี่จื้อเจี๋ยก็ใช้ฝ่ามือตบไปที่หัวของถิงถิงอย่างแรงมือที่ถือเข็มยาพิษของเว่ยถิงถิงยังหยุดค้างอยู่กลางอากาศ เสี้ยววิเลือดก็พุ่งออกมาจากประสาทสัมผัสทั้งห้าและหลังจากนั้นเธอก็ล้มลงไป“ถิงถิง!” เว่ยซู่ซู่ตกใจร้องออกมา แต่ฉันพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “นั่นไม่ใช่เว่ยถิงถิง”ถังหมิงหลีเดินเข้าไป เขาจับที่หลังใบหูของศพผู้หญิงดูและฉีกหน้ากากเหมือนจริงออกฉันถึงกับตกตะลึง เดิมทีฉันคิดว่าการเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นแค่พล็อตในละครกำลังภายใน คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้ฉันจะได้เห็นกับตาเสียอย่างนั้นภายใต้หน้ากากเสมือนจริงคือใบหน้าคนธรรมดาคนหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นคนเอเชียเว่ยซู่ซู่พูดอย่างตื่นตูม “ถิงถิงของฉันล่ะ! พวกเขาจับถิงถิงของฉันไปไว้ที่ไหน?”“ซู่ซู่ ใจเย็นก่อน” คุณตาเว่ยพูดดุหล่อน หลังจากนั้นก็หันมาพูดกับฉั
[นังหนู เธอให้ของล้ำค่าอะไรแก่เขากัน? ครั้งหน้าเอามาให้ฉันดูหน่อย] นี่คือนางฟ้าหยุนเซี๋ยในหัวของฉันเต็มไปด้วยเส้นสีดำ ถ้าฉันเอาให้คุณดูจริง ๆ คุณต้องถอดกระดูกของฉันออกมาแน่ ๆและในตอนนั้นเอง ฉันก็เห็นจำนวนผู้ชมกลายเป็น “สี่” คน [เอ๊ะ? มีคนเข้ามาเพิ่มเหรอ? เขาคือใครกัน?] นางฟ้าหยุนเซี๋ยถามขึ้น [ฮ่า ฮ่า วันของพวกเราช่างน่าเบื่อขนาดนี้ พอมีละครดี ๆ ให้ดูอยู่ ก็ต้องเต็มใจเข้ามาดูอย่างแน่นอน] คำพูดไม่น่าฟังแบบนี้ต้องเป็นคำพูดของราชาแห่งหวางซานแน่ ๆ [ที่แท้คนที่เข้ามาก็คือ พลังที่เก้า นี่เอง นังหนู รีบเพิ่มเขาเป็นเพื่อนเร็ว หลังจากนั้นก็สร้างกลุ่มผู้ชมพิเศษกลุ่มหนึ่งไว้ด้วย] ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางกล่าวนี่ต้องเป็นนักปราชญ์อีกคนหนึ่งแน่ ๆ ฉันเข้าไปขอเขาเป็นเพื่อนและเขาก็กดรับเพื่อนแล้วในทีวีมีฟังก์ชันหนึ่งที่พิเศษคือ การไลฟ์สดสามารถสร้างกลุ่มแฟนคลับเวลาชมได้ ก็แค่ต้องลากเอาแฟนคลับตัวยงไปใส่ไว้ในกลุ่มคล้าย ๆ กับของวีแชทฉันลากผู้ชมทั้งสี่คนเข้ามาในกลุ่ม อีกทั้งยังเปิดการสนทนาผ่านเสียง“ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยาง ห้องไลฟ์สดนี้คืออะไร?” เสียงของพลังที่เก้าฟังดูไพเราะไม่ใช่น้อย เหมื