ริมฝีปากหนาผละออกจากเรียวปากอวบอิ่มอย่างอ้อยอิ่ง เมื่อเห็นว่าโฉมสะคราญผู้เก่งกล้าตอนนี้ปรับลมหายใจแทบไม่ทัน ใบหน้างดงามนั้นแดงก่ำ หัวใจของนางที่แนบไปกับแผงอกของเขาเต้นรัวแรงจนรู้สึกได้และมันกำลังเต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับหัวใจของเขาเซี่ยเยี่ยนเฉินจุมพิตลงบนริมฝีปากอวบอิ่มแผ่วเบาอีกครา ปลายจมูกโด่งคลอเคลียสัมผัสไปทั่วใบหน้านวล หลับตาลงสูดดมกลิ่นกายสาว ซึมซับความหอมหวานจากเนื้อนวล เขากำลังรู้สึกลุ่มหลง คลั่งไคล้ จนยากจะถอนตัวถอนใจ หน้าผากกว้างแนบลงบนหน้าผากเล็ก ลมหายใจหอบกระเส่าเป่าลดกันและกันมันให้ความรู้สึกรุ่มร้อนจนลำคอแห้งผาก ตาคมดุจ้องลึกลงไปในดวงตางดงามที่เขาหลงใหล อุ้งมือใหญ่ที่โอบประคองลำคอระหงเอาไว้ เคลื่อนมากอบกุมใบหน้างามแดงซ่าน ปลายนิ้วหัวแม่มือแข็งแกร่งไล้คลึงไปบนริมฝีปากอวบอิ่มที่บวมเจ่อขึ้น จนคนถูกกระทำท้องไส้ปั่นป่วน อ่อนระทวยราวขี้ผึ้งเหลว ทิ้งกายลงเอนซบบดเบียดลงบนแผงอกกำยำ"ข้าเชื่อเจ้า เชื่อทุกๆ คำที่เจ้าพูด"เสียงแหบพร่ากระซิบบอกสตรีที่กำลังแหงนเงยมองเขาด้วยประกายตาหวานหยาดเยิ้ม น้ำคำที่เขาเอ่ยออกไปคือความสัตย์จริงและถึงแม้ว่านางจะโกหก เขาก็ยินดีที่จะเชื่อ นั่นคือควา
เซี่ยเยี่ยนเฉินมองสตรีที่นั่งตัวสั่นให้เขาจัดอาภรณ์ให้อย่างเอ็นดู อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อแม่นางคนเก่งไม่กล้าแม้แต่จะเหงนเงยใบหน้าขึ้นมาสบตากับเขาเสียแล้ว"ไหวหรือไม่"เสียงแหบพร่าของบุรุษหนุ่มวัยฉกรรจ์เอ่ยถามดรุณีน้อยตรงหน้า ริมฝีปากหนายกยิ้มนัยน์ตาพราวระยับราวพยัคฆ์เฒ่าแสนเจ้าเล่ห์ที่กำลังหลอกล่อให้ลูกกวางตัวน้อยติดกับอิงอิงช้อนสายตามองบุรุษที่เข้ามานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้านาง ใบหน้างามแดงซ่านด้วยความอาย เกิดมายังไม่เคยอับอายเท่าครั้งนี้มาก่อน กึ่งกลางกายยังรู้สึกหนุบๆ หนับๆ จนต้องหนีบเรียวขาทั้งสองข้างหุบเข้าหากันแน่น ขาสั่น ขาชา ขาอ่อน มันรู้สึกวูบวาบไปหมด นางอยากจะมุดดินหนีเหลือเกิน จะบอกเขาได้อย่างไรว่านางไม่ไหว ตอนนี้ยังคล้ายกับว่านางกำลังล่องลอยอยู่เลย และขาของนางก็ยังสั่นไม่เลิก จึงเลือกที่จะใช้ความเงียบเป็นคำตอบ มีเพียงฝ่ามือเล็กเท่านั้นที่ยกขึ้นมาปิดบังใบหน้าที่ร้อนฉ่า บอกเขาให้รู้ว่านางกำลังรู้สึกเช่นไรหึหึหึเซี่ยเยี่ยนเฉินหลุดหัวเราะให้กับท่าทางน่าเอ็นดูนั้น เหลือบตามองไปยังประตูทีหนึ่ง เขามั่นใจว่าผู้เป็นบุตรชายจะไม่เสียมารยาทผลักประตูเข้ามาแน่หากเขาไม่อนุญาต จึงหัน
เซี่ยเยี่ยนเฉินขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นสายตาของบุตรชาย จึงเอ่ยถามอีกฝ่ายเสียงขรึม ร้อยวันพันปีมีหรือเจ้าลูกชายตัวดีจะเฉียดใกล้เข้ามาหาเขาก่อนหากเขาไม่เรียกหา วันนี้กลับวิ่งแจ้นมาเสียได้ ช่างเป็นบุตรชายที่ประเสริฐดีแท้"ว่าอย่างไรเทียนเอ๋อร์ มีธุระอันใดกับข้าอย่างนั้นหรือ"น้ำเสียงตึงๆ ของบิดาที่เอ่ยดังขึ้น พร้อมกับกลิ่นอายดุดันที่สัมผัสได้ ทำให้เซี่ยชิงเทียนจำต้องถอนสายตาจากสตรีตรงหน้าเซี่ยชิงเทียนละสายตามามองบิดาของตนที่เอ่ยวาจาห่างเหินเสียเหลือเกิน หากไม่มีธุระเขาจะมาหามิได้หรอกหรือ แล้วใบหน้าบึ้งตึงอึมครึม ดวงตาดุดันเช่นนั้นมันหมายความเช่นไรกัน บุรุษหนุ่มผู้มาใหม่หรี่ตามองบิดาของตนที สตรีอีกนางที ความแปลกใจระคนสงสัยมากมายประเดประดังเข้ามา เขารู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างคนทั้งคู่มันดูไม่ปกติ นี่เขาพลาดสิ่งใดไปหรือไม่คิ้วคมขมวดเข้าหากันแล้วคลายออก ส่งยิ้มกว้างให้บิดาของตน ไม่ว่าสตรีนางนี้คิดจะทำสิ่งใด จะคาบข่าวใดมาฟ้องบิดาหรือคิดจะเป่าหูบิดาของเขา นางวางแผนอะไรไว้วันนี้เขาจะต้องรู้ให้ได้"ลูกเพียงจะมาร่ำสุราเป็นเพื่อนท่านเท่านั้นขอรับ ไม่นึกเลยว่าจะเจออิงเอ๋อร์ที่นี่ด้วย"เซี่ยชิงเทียนเอ่
อิงอิงมองกาสุราและอาหารหลากหลายชนิดทั้งอาหารคาวและหวานที่ถูกลำเลียงเข้ามาวางเรียงรายบนโต๊ะจนละลานตาอย่างตกตะลึง ก่อนจะตวัดตามองคนต้นเรื่องที่สั่งมาราวกับตายอดตายอยากอย่างไม่พอใจนางอยากจะฆ่าคนตรงหน้าให้ตายคามือนัก เขาพูดจาหาเรื่องกระแนะกระแหนนางแล้วยังจะกลั่นแกล้งนางไม่เลิก"มีอะไรหรืออิงเอ๋อร์ ก็เจ้าบอกเองมิใช่หรือว่าจะเลี้ยง ให้สั่งได้เต็มที่"คิ้วคมเข้มเลิกสูงขึ้น น้ำเสียงของคนพูดมาพร้อมกับรอยยิ้มยียวน ทำให้คนฟังเลือดขึ้นหน้า ขึงตาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน"ข้าไม่ได้บอกว่าจะเลี้ยงเจ้า"อิงอิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยกับอีกฝ่าย เบือนหน้าไปหาบุรุษอีกคนที่กำลังนั่งคลึงขมับ ใบหน้างามพลันออดอ้อน"ข้าบอกท่านแม่ทัพของข้าต่างหาก เจ้าสั่งมาก็จ่ายเองเถอะ ข้าจะจ่ายส่วนของท่านแม่ทัพคนเดียวเท่านั้น""ได้อย่างไร เจ้านั่นแหละที่ต้องจ่ายทั้งหมด"เซี่ยชิงเทียนลุกพรวดขึ้นถลึงตามองสตรีที่นั่งลอยหน้าลอยตาเอ่ยออกมา มิหนำซ้ำตอนนี้นางยังตวัดสายตามาจ้องเขาโดยไม่คิดจะหลบ"ไม่ ใครสั่งคนนั้นก็จ่ายไปสิ""ไม่ เจ้านั่นแหละที่ต้องจ่าย""ไม่ ข้าไม่จ่าย""เจ้าต้องจ่าย""หยุด ไม่มีใครต้องจ่ายทั้งนั้น ข้าจะเป็นคนจ่ายทั้งหมดเอง"
เซี่ยเยี่ยนเฉินหันไปมองหน้าของบุตรชายทีหนึ่ง ก่อนจะวางสีหน้าเรียบเฉยเอ่ยอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามา"ให้นางเข้ามา"อิงอิงถึงกับกลอกตามองบน วันนี้ช่างคึกคักดีแท้ แต่นังดอกบัวเน่านั่นยอมโผล่หัวออกมาแล้วสินะหน็อย แสบใช่ย่อย กล้ามากนะที่ใส่ร้ายนาง อย่างนี้มันคงต้องมีเลือดตกยางออกกันบ้างหันไปมองพ่อคู่ตุนาหงันคู่เวรคู่กรรมของแม่นางเอกที่ทำหน้าราวกับกินยาขมก็ยิ้มเยาะอีกฝ่าย คงจะยังไม่อยากให้บิดาของตนรู้เรื่องล่ะสิท่าว่าแอบไปสานสัมพันธ์กับสตรีที่ไม่คู่ควร แต่ดูท่าอีกฝ่ายคงอยากจะเปิดตัวเสียจนเนื้อเต้นถึงได้วิ่งแจ้นมาเช่นนี้ หนทางรักของพระนางจากที่มันเต็มไปด้วยขวากหนามให้คนทั้งคู่ฟันฝ่าแล้ว นางนี่แหละจะเป็นอีกคนที่จะโปรยยาพิษไปบนหนามแหลมคมเหล่านั้น เดินลุยกันให้สนุกเถอะทีนี้"อย่าก่อเรื่อง"เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ดังขึ้นชิดใบหูทำให้คนที่กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องคิดแผนการกลั่นแกล้งผู้อื่นหุบยิ้มฉับ ดวงตางดงามเบิกกว้างหันมองคนข้างกายที่กำลังจ้องมองนางอยู่อย่างรู้ทันเกลียดจริงๆ คนรู้ทันเนี๊ยอิงอิงมุ่ยหน้ามองคนที่ส่งยิ้มรู้ทันมาให้นางอย่างขัดใจ ไม่คิดบ้างหรืออย่างไรว่าผู้อื่นจะหาเรื่องนางก่อน"เด็กดี"คนท
หลังจากวันนั้นอิงอิงและท่านแม่ทัพก็แทบจะตัวติดกัน ไปมาหาสู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแทบจะทุกวัน จนกระทั่งวันนี้อีกฝ่ายมีภารกิจด่วนจากฝ่าบาทจำต้องเดินทางไปต่างเมืองนั่นย่อมหมายถึงทั้งสองต้องห่างกันหลายวันหรืออาจจะนานแรมเดือน จึงทำให้โฉมสะคราญรู้สึกหงอยเหงาเศร้าซึมพอผู้เป็นบิดาติดภารกิจดูเหมือนว่าผู้เป็นบุตรชายก็หายหัวไปเช่นกัน นั่นยิ่งทำให้ชีวิตของอิงอิงในตอนนี้ยิ่งเงียบเหงาเพราะไม่ได้ลับฝีปากกับอีกฝ่าย ทุกครั้งที่นางและท่านแม่ทัพอยู่ด้วยกัน เจ้ามารหัวขนนั่นก็จะโผล่หัวมาเป็นก้างขว้างคอเสียทุกครั้ง ราวกับว่าอีกฝ่ายมีหน่วยลับคอยจับตามองและรายงานเขาอยู่ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้นางและท่านแม่ทัพไม่มีซัมติงกันเสียที แม้จะมีกอดๆ จูบๆ ลูบๆ คลำๆ ให้พอได้ฉ่ำหัวใจก็เถอะ มันจะไปเพียงพอเหมือนกับการคลุกวงในได้อย่างไรภาพของนายสาวที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนศาลาซึ่งเป็นมุมโปรดที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลาอยู่ที่นี่ทำให้เสี่ยวมี่สาวเท้าเข้าไปหา เห็นดวงตางดงามของผู้เป็นนายทอดมองสร้อยข้อมือที่ประดับด้วยไข่มุกราตรีถึงสิบเม็ดบนข้อมือขาวนวลก็รู้ได้ว่าผู้เป็นนายคงกำลังคิดถึงผู้ที่มอบให้อยู่เป็นแน่ เสี่ยวมี่จึงได้แต่ยกย
เมื่อมีสินค้าพร้อมที่จะจำหน่ายอยู่ในมือ ขั้นตอนต่อไปคือต้องหาตลาดที่จะกระจายสินค้า แต่สินค้าของนางมิใช่ผักมิใช่ปลาที่จะนำออกมาขายกันตามท้องตลาดได้ แต่มันคือชุดนอนไม่ได้นอนที่ผู้คนในที่แห่งนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน หากนำเอามาเร่ขายกันโต้งๆ นางคงได้ถูกประณามเละเทะ อีกทั้งสตรีในยุคนี้ก็ถูกพร่ำสอนให้อยู่ในจารีต สตรีที่ดีจะให้มาสวมใส่ชุดวาบหวิวเช่นนี้คงไม่มีใครใจกล้าพอที่จะเข้ามาซื้อเป็นแน่ ดังนั้นสถานที่ที่จะเปิดตัวสินค้าของนางได้ดีที่สุด ย่อมที่จะเป็นสถานที่ที่นางกำลังยืนอยู่ ณ ตอนนี้ถนนสายกามารมณ์ แหล่งรวบรวมหญิงงามมากมายทุกสารทิศเอาไว้ ถนนสายใหญ่ที่เต็มไปด้วยหอคณิกาอ่า มันช่างคึกคักดีแท้อิงอิงกวาดตามองสีสันยามค่ำคืนบนถนนสายที่เต็มไปด้วยแสงสีและกลิ่นคาวโลกีย์ หอนางโลมสถานเริงรมย์กิจการที่รุ่งเรืองและรุ่งโรจน์ที่สุดในยุคนี้ เม็ดเงินมากมายหลั่งไหลเข้ามาที่นี่ไม่ขาดสาย เช่นนั้นก็ถูกต้องที่สุดแล้วที่นางจะมาแสวงหากำไรกับสถานที่แห่งนี้ หากเป็นยุคที่นางจากมาคงเรียกที่แห่งนี้ว่าแหล่งอโคจรสถานที่ที่รวบรวมความโสมมทุกรูปแบบเอาไว้ แต่น่าแปลกที่กิจการสีเทาที่ผู้คนต่างเดียดฉันท์กลับเป็นที่ที่สร้างเม็ดเง
เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนตกอยู่ในสายตาของคนผู้หนึ่งตั้งแต่ต้น คนผู้นั้นจ้องมองไปยังสตรีผู้ที่เขาได้รับคำสั่งให้เฝ้าดูแลนางด้วยดวงตาเป็นประกายนางดูเปลี่ยนไปมากจริงๆ แต่ก็ยังขยันสร้างเรื่องให้ผู้อื่นเหนื่อยใจเช่นเดิม จึงได้แต่ยิ้มปลอบใจตัวเอง ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ต่อจากนี้ชีวิตของเขาคงจะมีแต่เรื่องน่าปวดหัวเป็นแน่ ก่อนจะติดตามนางต่อไปแล้วคนทั้งห้าก็มาหยุดยืนอยู่ด้านหน้า หอคณิกาชุ่ยเผิง หอคณิกาเลื่องชื่อหนึ่งในหอคณิกาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ หอคณิกาแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมายาวนานหลายชั่วอายุคน มีสตรีแซ่หม่านาม หม่าชุ่ยผิง สตรีวัยห้าสิบที่ยังคงเห็นเค้าโครงความงามเมื่อวัยสาวเป็นผู้สืบทอดคนปัจจุบัน สตรีผู้ที่จ้าวอี้หลันเคารพรักดุจดั่งมารดา อีกฝ่ายนั้นมีศักดิ์เป็นมารดาบุญธรรมของมารดาจ้าวอี้หลัน"ท่านยาย"จ้าวอี้หลันเอ่ยเรียกสตรีผู้นั้นทันทีที่มาถึงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเองก็กำลังรอนางอยู่ท่าทางร้อนใจไม่น้อย"หลันเอ๋อร์เจ้ามาแล้วหรือ ยายกำลังจะส่งคนออกไปตามอยู่เชียว"หม่าชุ่ยผิงที่กระวนกระวายใจอยู่นานปรี่เข้ามาหาพวกนางในทันทีที่เห็นผู้ที่ตนเฝ้ารอมาถึง นางรออีกฝ่ายอยู่นานแล้ว หลานสาวผู้นี
ผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนหลังจากงานมงคลสมรสของคุณชายน้อยตระกูลเซี่ย จวนตระกูลเซี่ยก็มีงานมงคลเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นงานมงคลสมรสของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินนายท่านของจวนกับคุณหนูว่านเย่วอิงคนงาม สตรีผู้อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน และครั้งนี้ก็คล้ายดังจะชื่นมื่นเสียยิ่งกว่างานมงคลของบุตรชาย เพราะแขกที่มาร่วมงานล้วนมีแต่เหล่าคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เคียงคู่กันมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว สหายของเจ้าสาวที่มาร่วมงานในวันนี้ล้วนไม่มีสตรีคนใดที่ไร้คู่อีกแล้ว เพราะหลังจากงานมงคลของเซี่ยชิงเทียนในวันนั้นภายในเดือนเดียวพวกนางต่างพากันขึ้นเกี้ยว ตบเท้าแต่งงานออกเรือนกันไปตามๆ กัน และเจ้าบ่าวของพวกนางก็หาใช่ใครที่ไหน บุรุษเหล่านั้นล้วนเป็นสหายของคุณชายเซี่ยชิงเทียนทั้งสิ้น ความดีความชอบนี้คงต้องยกให้เจ้าสาวของงานในวันนี้ที่เป็นผู้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในวันนั้นขึ้น หนุ่มสาวจึงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันแบบถึงพริกถึงขิง เพราะหลังจากที่พากันเต้นระบำคลอเคล้าจอกสุราอย่างที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน ตื่นมาอีกทีก็เนื้อตัวเปล่าเปลือยแนบชิดอยู่กับบุรุษเสียแล้วงานในวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีท่ามกลางความหวานชื่นของคู่บ่าวสาว และ
แล้ววันมงคลสมรสของเซี่ยชิงเทียนกับจ้าวอี้หลันก็มาถึง จวนแม่ทัพในวันนี้อบอวลไปด้วยความสุขและกลิ่นอายอันเป็นมงคล ภายในจวนนั้นดูมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ บ่าวไพร่ต่างมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า เพราะไม่ใช่เพียงแค่คู่บ่าวสาวที่ดูจะมีความสุขและหวานซึ้งต่อกัน แต่ดูจะมีหลายคู่ที่หวานชื่นไม่แพ้คู่บ่าวสาว บรรดาบุรุษจากจวนแม่ทัพต่างพากันหลงเสน่ห์สาวๆ จากจวนตระกูลว่าน ตบเท้าเข้าไปเกี้ยวพาจนประตูจวนท่านหมอว่านแทบจะสึกแต่ดูเหมือนผู้ที่ดูจะคลั่งรักกว่าใครคงจะเป็นนายท่านของจวน ที่ไม่ยอมออกห่างจากคนงามแม้เพียงครึ่งก้าว เพราะวันนี้คุณหนูว่านเย่วอิงงดงามมากเสียจนท่านแม่ทัพตามติดแจ โฉมงามผู้เป็นว่าที่มารดาของเจ้าบ่าว ใบหน้างามประดับไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตายังทอประกายแห่งความสุขจนยากที่จะละสายตาได้และยังมีรอยยิ้มหวานที่ถูกส่งไปให้บรรดาแขกที่มาร่วมงานก็ยังหวานหยดย้อย จนท่านแม่ทัพต้องคอยถลึงตามองเหล่าบุรุษหนุ่มๆ ที่เผลอไผลหันมาจ้องมองสตรีของตนจนใบหน้าเลิ่กลั่กไปตามๆ กันเซี่ยเยี่ยนเฉินทอดสายตามองว่าที่ฮูหยินของตนด้วยสายตารักใคร่ชื่นชม ภูมิอกภูมิใจในตัวคนรักอย่างมาก แม้นางจะซุกซนแต่กลับรู้ว่าเ
อิงอิงแอบย่องออกมาจากเรือนของตนด้วยฝีเท้าที่เบาและเงียบกริบ เรือนร่างกลมกลึงแฝงกายไปกับความมืด ใช้เงาไม้ช่วยอำพรางกาย นางต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อที่จะหลบให้พ้นสายตาของเหล่าเวรยามที่บิดาได้วางเอาไว้รอบเรือน เพื่อป้องกันมิให้ชายคนรักแอบลอบเข้ามาหานาง แต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้กลับเป็นเป็นบุตรสาวของตนเสียเองที่ลักลอบแอบออกมาหาบุรุษ แม้จะรู้สึกผิดต่อบิดาแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อตอนนี้ความรักความคิดถึงคนรักมันอึดอัดคับแน่นอยู่ในอก นึกเข้าข้างตัวเองว่าอย่างไรนางก็ต้องแต่งให้เขาอยู่แล้ว การกระทำเช่นนี้ก็คงจะไม่ผิดมากนัก เพราะถึงอย่างไรนางกับเขาก็กลายเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ยิ่งคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาที่มองนางด้วยสายตาตัดพ้อ นางยิ่งไม่อาจที่จะเมินเฉยปล่อยให้อีกฝ่ายแง่งอนได้นาน ยิ่งน้ำคำที่ชายคนรักฝากมากับเสี่ยวม่านม่าน ยิ่งทำให้โฉมงามหัวใจอ่อนยวบจนแทบจะล่องลอยไปหาเขาเสียเดี๋ยวนี้จะรอจนกว่าจะได้พบหน้า แนบชิดเนื้อนวลโถ โถ โถ โถ โถ...พ่อพยัคฆ์เฒ่าของอิงอิง พ่อยอดขมองอิ่ม ทูนหัวทูลกระหม่อมของเมีย คงคิดถึงเมียใจจะขาดแล้วกระมังท่านพ่อเจ้าขา อิงอิงขอโทษนะเจ้าคะ อื้อ...หนูรักเค้า หลงเค้า ให้เค้าไปหมดแล้
ณ เวลานี้คงไม่มีใครไม่กล่าวถึงเรื่องราวของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินบุรุษผู้กล้าแกร่ง ผู้เป็นยอดบุรุษแห่งแผ่นดิน บุรุษผู้ที่ขณะนี้กลายเป็นที่อิจฉาของบรรดาบุรุษทั่วทั้งเมืองหลวง เพราะนอกจากจะเป็นผู้ที่ฝ่าบาทให้ความไว้วางพระทัยแล้ว อีกฝ่ายยังได้ครอบครองโฉมสะคราญผู้งดงามเป็นหนึ่ง สตรีผู้มีความงามอันเย้ายวนแล้วยังอ่อนเยาว์เป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มที่อายุรุ่นราวคราวลูกมาเป็นว่าที่ฮูหยินความสุขใดเล่าจะเทียบเท่าการได้ครอบครองหญิงงาม มันช่างน่าอิจฉาเสียยิ่งนัก ชีวิตคงจะกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาไม่ใช่น้อย ไม่รู้ว่าพวกตนต้องทำบุญอีกกี่ชาติจึงจะมีวาสนาเช่นอีกฝ่ายแต่ไหนเลยใครเล่าจะรู้ ว่าบุรุษผู้ที่ทุกคนต่างก็อิจฉาอยู่นั้น ตอนนี้กำลังนั่งใบหน้างอง้ำอย่างคนอดอยากปากแห้ง เนื้อขาวๆ หวานๆ ฉ่ำๆ อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ไม่อาจที่จะกัดกินได้ ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมจึงดูหม่นเศร้าหงอยเหงาราวคนกำลังตรอมใจอย่างหนัก คร่ำครวญอย่างชอกช้ำอยู่ได้เพียงในใจ ไม่อาจที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ไหนล่ะรางวัลที่เขาสมควรจะได้รับ รางวัลความดีความชอบของเขาอยู่ที่ใดกัน เพราะตั้งแต่งานเลี้ยงในวังหลวงวันนั้น นี่ก็ผ่านมากว่าสิบวันแ
ตึก ตึก ตึก ตึกเสียงหัวใจภายใต้อกอิ่มเต้นอย่างรุนแรงจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมา เสียงตุบๆ ดังอื้ออึงอยู่ในหัวจนกลบเสียงรอบกายไปเสียสนิท อิงอิงจ้องมองบุรุษผู้ที่หันมาสบตานาง เฝ้ารอคำตอบของอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อมากกว่าผู้ใดนางกำลังตื่นเต้น ตื่นเต้นมากๆ ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้ที่อีกฝ่ายขอสมรสพระราชทานให้บุตรชายเสียอีก สองมือของนางรู้สึกได้ว่ามันเย็นเฉียบและสั่นเทา นางรู้สึกยินดีอย่างมากที่เขายอมให้บุตรชายและคนรักได้ครองคู่กัน ยินดีจนอยากจะตกรางวัลให้อย่างงาม และตอนนี้หัวใจของนางก็กำลังเต้นกระหน่ำรอคอยคำตอบของเขา รอคอยว่าคำตอบนั้นมันจะใช่อย่างที่นางคิดหรือไม่ แม้ตอนนี้สายตาของเขาที่มองมาจะสื่อถึงความในใจทั้งหมด จนสามารถบอกนางให้มั่นใจ แต่นางก็ยังอยากได้ยินจากปากของเขา เซี่ยเยี่ยนเฉินมองสบดวงตาคู่งามของสตรีคนรัก สตรีที่เขามั่นใจแล้วว่าไม่อาจที่จะปล่อยมือจากนางได้ สตรีที่เขายอมให้นางหมดทุกอย่างโดยไร้เงื่อนไข ยอมมอบให้ได้แม้แต่ชีวิต เขาค้นพบแล้วว่าความสุขของเขาคือนาง ถึงแม้จะมีใครกล่าวว่าเขานั้นเป็นบุรุษโง่งมหลงใหลในตัวสตรีเขาก็พร้อมที่จะน้อมรับ เขาจะยืดอกรับอย่างเต็มภาคภูมิ คำกล่า
อิงอิงกวาดตามองหาบุรุษผู้ที่ส่งสายตาบอกให้นางออกมาหาอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะนางออกมาตามหาเขาอยู่นานแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมโผล่หัวออกมาเสียทีเซี่ยชิงเทียนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกอุ๊ย!!!คนงามหลุดอุทานขึ้น ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อจู่ๆ เอวบางก็ถูกโอบรัดจากทางด้านหลังด้วยลำแขนแข็งแกร่ง ก่อนร่างของนางจะถูกยกจนตัวลอยขึ้นจากพื้น แต่เพราะสัมผัสและกลิ่นหอมอันคุ้นเคยของอีกฝ่ายจึงทำให้นางหาได้มีความตระหนกตกใจ รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มมาหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ลับตาคนเสียแล้ว เซี่ยชิงเทียนหายขุ่นเคืองบิดาของเขาแล้วหรืออย่างไรจึงปล่อยให้อีกฝ่ายมาใกล้ชิดนางเช่นนี้เมื่อเท้าแตะพื้นจึงหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ใบหน้างามงอง้ำเตรียมจะเอ่ยถ้อยคำต่อว่าคนที่เมินเฉยใส่นางมาหลายวันแต่วันนี้กลับมาทำตัวรุ่มร่ามอุกอาจราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หึ พอนางเมินเฉยใส่บ้างก็มาทำตาขุ่นเขียวใส่นาง อย่าคิดนะว่านางจะยอมใจอ่อนง่ายๆ ปล่อยให้นางต้องเสียน้ำตาเศร้าซึมเสียหลายวัน ความรู้สึกที่เสียไปใช่จะเรียกคืนกันโดยง่าย มันคงต้องมีการแลกเปลี่ยนกันบ้าง"นี่ท่าน..."อื้อ...แต่ทว่านางยังไม่ทันจะได้เอ่ยสิ่งใดจอมเผด็จการก็ใช้ริมฝี
เสียงล้อรถม้าของคุณหนูสามจ้าวอี้หลันบดมาบนท้องถนนตามเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่จวนตระกูลจ้าว สองข้างทางที่เต็มไปด้วยร้านค้าบ้านเรือนเริ่มบางตาลง จนมีเพียงแนวต้นไม้ขึ้นหนาแน่น เสียงจอแจของผู้คนที่ดังมาตลอดทางตอนนี้เงียบสงัดมีเพียงเสียงเสียดสีของกิ่งไม้ที่พัดไหวตามแรงลม เพราะมัวแต่สนทนากับสหายจนลืมเวลา ตอนนี้รอบกายจึงโอบล้อมไปด้วยความอึมครึมของเวลาเย็นย่ำโพล้เพล้แม้อากาศยามนี้จะเย็นสบายแต่ใจของสตรีภายในรถม้ากลับร้อนรุ่ม นางกลับบ้านมืดค่ำเช่นนี้คงไม่ดีแน่ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครมาคอยจับตามองเช่นเก่า แต่นางก็จำต้องกลับจวนให้ตรงเวลา มิเช่นนั้นคราวหน้าผู้เป็นพี่ชายคงไม่อนุญาตให้นางออกมาอีกเป็นแน่ และดีไม่ดีอาจจะโดนฮูหยินใหญ่เล่นงานเอาได้หลังจากที่พี่สาวต่างมารดาของนางทั้งสองออกเรือนไป ดูเหมือนชีวิตของคุณหนูคนงามจะมีอิสระมากขึ้น แต่ถึงแม้ฮูหยินใหญ่จะขังตัวเองอยู่เพียงในเรือนเพราะยังทำใจไม่ได้กับเรื่องงามหน้าของบุตรสาวทั้งสอง ตรอมใจจนล้มป่วย แต่ก็ยังคอยส่งคนมาสอดส่องนาง หากมีโอกาสคงเล่นงานนางอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนบิดาแม้จะรู้สึกอับอายแต่ก็ยังคงเอาแต่ทำงานไม่มีเวลามาสนใจในตัวนางเช่นเดิมท่ามกลาง
เซี่ยชิงเทียนจ้าวอี้หลันจวินฟางตงคนทั้งสามนั่งมองสตรีเจ้าของเรือนที่ไม่ว่าพวกตนจะมาเยือนสักกี่ครั้ง สภาพของเจ้าของเรือนก็จะเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง นั่นคือนั่งเหม่อไม่พูดไม่จา ถามอะไรก็ตอบเพียง อืม อื้อ อือ อยู่เช่นนั้นจนคนมองรู้สึกผิดและเจ็บปวดใจ โดยเฉพาะเซี่ยชิงเทียนที่ละอายใจเหลือเกินที่เรื่องของตนทำให้อีกคนเป็นเช่นนี้ เขาไม่ชอบเลยที่อีกฝ่ายคล้ายดังมีลมหายใจแต่ไร้วิญญาณส่วนผู้เป็นบิดา เฮ้อ...เมื่อนึกถึงอีกฝ่ายก็รู้สึกขุ่นเคืองใจไม่น้อย เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมีแผนการบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าบิดาจะใช้เล่ห์กลใดให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการก็เท่านั้น เขารู้ว่าบิดาของตนรักและหวงแหนสตรีนางนี้มากมายเพียงใด และไม่มีวันปล่อยมือจากนางเป็นอันขาด ถ้าหากไม่ใช่เพราะเรื่องของเขา ทั้งสองคงได้ครองคู่กันไปเสียตั้งนานแล้ว บิดาไม่มีทางปล่อยให้สตรีนางนี้อยู่ห่างกายอยู่แบบนี้เป็นแน่ และเป็นไปไม่ได้ที่บิดาของเขาจะยอมหันหลังให้นางง่ายดายถึงเพียงนี้ บุรุษเฒ่าผู้นั้นมากเล่ห์และเจ้าแผนการเหนือผู้ใด เขานั้นรู้ดีที่สุด ที่แสร้งหันหลังให้ว่านเย่วอิงในครั้งนี้ก็เป็นเพียงมารยาของอีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย คงคิดจะกดดันว่านเ
"โอ๊ย...หายใจไม่ทัน"เสียงบ่นกระปอดกระแปดคละเคล้าเสียงลมหายใจหอบเหนื่อยของชายหญิงผู้ที่พากันวิ่งหน้าตั้งอย่างไม่คิดชีวิต หลังจากที่กระโดดขึ้นรถม้าได้สำเร็จคนทั้งสองก็ทิ้งกายลงพิงผนังรถม้าอย่างหมดแรงทันทีที่ล้อรถม้าเคลื่อนตัวออกห่างจากบริเวณสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตราย อิงอิงระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อชะโงกใบหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าแล้วไม่เห็นว่ามีใครตามมา"อ่า...นึกว่าจะไม่รอดเสียแล้ว""อิงอิง ต่อไปถ้าบิดาของเจ้าจะดุขนาดนี้ ไม่ต้องชวนข้ามากับเจ้าแล้วนะ ข้าเหนื่อยเกือบตาย"จวินฟางตงยกมือเรียวของตนขึ้นทาบแผ่นอกที่ตอนนี้ภายในนั้นกำลังเต้นแรงดั่งรัวกลอง เขาใจหายใจคว่ำไปหมดแล้ว ลำคอของเขาตอนนี้แห้งผากเป็นผุยผง เหนื่อยก็เหนื่อย กลัวก็กลัว สายตาของแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินที่ใช้มองเขาทำให้รู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง หากสายตาของคนผู้นั้นสามารถฆ่าคนได้ เขาคงได้ตายไปแล้ว"เจ้าจะบ้าหรือตงตง นั่นไม่ใช่พ่อ นั่นน่ะผัว"แค่ก แค่ก แค่กจวินฟางตงสำลักลมหายใจตัวเองหน้าดำหน้าแดงจนเกือบจะตายอีกครั้ง เพราะคำพูดตรงไปตรงมาของสตรีที่ทิ้งกายลงนอนแผ่หลาอย่างไร้ความเป็นกุลสตรีที่คุณหนูในห้องหอพึ