เมื่อมีสินค้าพร้อมที่จะจำหน่ายอยู่ในมือ ขั้นตอนต่อไปคือต้องหาตลาดที่จะกระจายสินค้า แต่สินค้าของนางมิใช่ผักมิใช่ปลาที่จะนำออกมาขายกันตามท้องตลาดได้ แต่มันคือชุดนอนไม่ได้นอนที่ผู้คนในที่แห่งนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน หากนำเอามาเร่ขายกันโต้งๆ นางคงได้ถูกประณามเละเทะ อีกทั้งสตรีในยุคนี้ก็ถูกพร่ำสอนให้อยู่ในจารีต สตรีที่ดีจะให้มาสวมใส่ชุดวาบหวิวเช่นนี้คงไม่มีใครใจกล้าพอที่จะเข้ามาซื้อเป็นแน่ ดังนั้นสถานที่ที่จะเปิดตัวสินค้าของนางได้ดีที่สุด ย่อมที่จะเป็นสถานที่ที่นางกำลังยืนอยู่ ณ ตอนนี้ถนนสายกามารมณ์ แหล่งรวบรวมหญิงงามมากมายทุกสารทิศเอาไว้ ถนนสายใหญ่ที่เต็มไปด้วยหอคณิกาอ่า มันช่างคึกคักดีแท้อิงอิงกวาดตามองสีสันยามค่ำคืนบนถนนสายที่เต็มไปด้วยแสงสีและกลิ่นคาวโลกีย์ หอนางโลมสถานเริงรมย์กิจการที่รุ่งเรืองและรุ่งโรจน์ที่สุดในยุคนี้ เม็ดเงินมากมายหลั่งไหลเข้ามาที่นี่ไม่ขาดสาย เช่นนั้นก็ถูกต้องที่สุดแล้วที่นางจะมาแสวงหากำไรกับสถานที่แห่งนี้ หากเป็นยุคที่นางจากมาคงเรียกที่แห่งนี้ว่าแหล่งอโคจรสถานที่ที่รวบรวมความโสมมทุกรูปแบบเอาไว้ แต่น่าแปลกที่กิจการสีเทาที่ผู้คนต่างเดียดฉันท์กลับเป็นที่ที่สร้างเม็ดเง
เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนตกอยู่ในสายตาของคนผู้หนึ่งตั้งแต่ต้น คนผู้นั้นจ้องมองไปยังสตรีผู้ที่เขาได้รับคำสั่งให้เฝ้าดูแลนางด้วยดวงตาเป็นประกายนางดูเปลี่ยนไปมากจริงๆ แต่ก็ยังขยันสร้างเรื่องให้ผู้อื่นเหนื่อยใจเช่นเดิม จึงได้แต่ยิ้มปลอบใจตัวเอง ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ต่อจากนี้ชีวิตของเขาคงจะมีแต่เรื่องน่าปวดหัวเป็นแน่ ก่อนจะติดตามนางต่อไปแล้วคนทั้งห้าก็มาหยุดยืนอยู่ด้านหน้า หอคณิกาชุ่ยเผิง หอคณิกาเลื่องชื่อหนึ่งในหอคณิกาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ หอคณิกาแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมายาวนานหลายชั่วอายุคน มีสตรีแซ่หม่านาม หม่าชุ่ยผิง สตรีวัยห้าสิบที่ยังคงเห็นเค้าโครงความงามเมื่อวัยสาวเป็นผู้สืบทอดคนปัจจุบัน สตรีผู้ที่จ้าวอี้หลันเคารพรักดุจดั่งมารดา อีกฝ่ายนั้นมีศักดิ์เป็นมารดาบุญธรรมของมารดาจ้าวอี้หลัน"ท่านยาย"จ้าวอี้หลันเอ่ยเรียกสตรีผู้นั้นทันทีที่มาถึงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเองก็กำลังรอนางอยู่ท่าทางร้อนใจไม่น้อย"หลันเอ๋อร์เจ้ามาแล้วหรือ ยายกำลังจะส่งคนออกไปตามอยู่เชียว"หม่าชุ่ยผิงที่กระวนกระวายใจอยู่นานปรี่เข้ามาหาพวกนางในทันทีที่เห็นผู้ที่ตนเฝ้ารอมาถึง นางรออีกฝ่ายอยู่นานแล้ว หลานสาวผู้นี
วันนี้โฉมสะคราญตื่นนอนตั้งแต่แสงแรกของวันสาดส่องด้วยใบหน้าสะโหลสะเหล แต่เมื่อได้อาบน้ำชำระกาย ขัดผิวจนตัวหอมฟุ้งก็เรียกความสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง เรือนร่างสะโอดสะองอยู่ในอาภรณ์งดงามน่ามอง แต่ใบหน้าโฉมงามติดจะบูดบึ้งอารมณ์ไม่ใคร่จะเบิกบานนัก"เป็นอันใดไปเจ้าคะคุณหนู เมื่อคืนนี้นอนไม่หลับหรือเจ้าคะ"เสี่ยวมี่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามผู้เป็นนาย ในขณะที่มือเล็กเกล้าผมดำเงางามจัดเป็นทรงสวยด้วยความชำนาญ"อืม"อิงอิงเอ่ยตอบอีกฝ่ายเพียงเท่านั้นแล้วหลับตาลงเพื่อเป็นการตัดบทไม่ให้คนสนิทได้เอ่ยถามถึงสาเหตุ เพราะนางไม่คิดจะตอบออกไปเป็นแน่ ว่าเหตุที่ทำให้นางนอนไม่หลับนั้นเกิดจากความฝันแสนวาบหวามอันน่าอับอายของตนเมื่อไพล่คิดไปถึงฝันลามกที่ยังคงติดตาตรึงใจมาตั้งแต่เมื่อคืนใบหน้างามถึงกับร้อนผ่าวไปทั้งหน้า เลือดกำเดาแทบจะพุ่งกระฉูดไม่ไหว ไม่ไหว นางชักจะลามกขึ้นทุกวัน มีอย่างที่ไหนคิดถึงบุรุษจนเก็บไปฝัน และมิใช่จะฝันปกติแต่กลับฝันว่าได้ร่วมรักกับอีกฝ่ายอย่างดุเดือดเลือดพล่านถึงพริกถึงขิง สำหรับนางมันอาจจะเป็นความฝันที่ดีมากๆ หากนางจะไม่ตกใจตื่นขึ้นกลางคันทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้แตะขอบสวรรค์ ให้ตายเถอะ นั่นมั
ก๊อก ก๊อก ก๊อก"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูสามจ้าวมาถึงแล้วเจ้าค่ะ"เสียงของเสี่ยวมี่ที่เอ่ยดังขึ้นทำให้อิงอิงหันไปส่งค้อนให้คนที่เถียงคำไม่ตกฟากทีหนึ่งแล้วยังมีท่าทีข่มขู่นางอีกด้วย หากเป็นเด็กเล็กแดงนางคงได้เพ่นกบาลอีกฝ่ายเป็นแน่ โทษฐานไม่มีความเคารพยำเกรงต่อนางผู้เป็นว่าที่มารดา แต่ก็ทำได้เพียงคาดโทษอีกฝ่ายในใจ ก่อนจะเป็นคนลุกขึ้นไปเปิดประตูต้อนรับผู้เป็นสหายด้วยตัวเอง"หลันหลันเจ้ามาแล้วหรือ เข้ามาเลย"อิงอิงกล่าวกับจ้าวอี้หลันด้วยรอยยิ้มกว้างจับจูงมือเล็กที่หยาบกระด้างมิได้นุ่มละมุนเช่นมือของนางเดินเข้ามาด้านในด้วยกันจ้าวอี้หลันเดินตามแรงดึงของสหาย รอยยิ้มสว่างสดใสปรากฏบนดวงหน้างามกับความใส่ใจที่อีกฝ่ายมีให้ แต่ต้องชะงักแข็งค้างเมื่อเห็นว่าสหายของนางมิได้อยู่เพียงลำพัง แต่มีบุรุษอีกผู้หนึ่งร่วมอยู่ด้วย ยิ่งได้เห็นแผ่นหลังกำยำผึ่งผายของบุรุษรูปร่างสูงโปร่งตรงหน้าที่แสนจะคุ้นตาก็ราวกับโดนแช่แข็ง หัวใจของนางเต้นระรัวขึ้นดังรัวกลอง เหตุใดนางจะจำมิได้ว่าเขาเป็นใครในเมื่อทุกครั้งนางก็มักจะแอบมองเขาจากทางด้านหลังอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าจะเป็นการแอบมองจากระยะไกลแต่ก็กลับจดจำได้อย่างน่าอัศจรรย์ และเมื
บนท้องถนนที่ในตอนกลางวันนั้นคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเดินขวักไขว่สวนกันไปมาและส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจบัดนี้ดูเงียบสงัด ยามนี้ปรากฏเพียงเสียงรถม้าเคลื่อนมาตามเส้นทางทอดยาวจนได้ยินเสียงล้อรถม้าบดกับดินและหินได้อย่างชัดเจน แต่ค่ำคืนนี้เห็นทีว่าจะคึกคักกว่าทุกคืน เพราะได้ยินเสียงล้อรถม้าผ่านไปคันแล้วคันเล่าอยู่เป็นระยะไม่ขาดสาย หากจะมีใครนอนนับคาดว่าคงจะนับกันไม่หวาดไม่ไหว จุดหมายปลายทางของพวกเขาคือสถานที่ที่ไม่เคยจะหลับใหลในยามค่ำคืนเช่นเดียวกัน สถานที่ที่เป็นดั่งสวรรค์บนดินของเหล่าบุรุษที่ไม่ต้องตายก็เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ รถม้าหลายสิบคันมุ่งตรงเคลื่อนมาตามเส้นทางทอดยาวเข้าสู่ถนนสายใหญ่อีกสายหนึ่ง บรรยากาศที่เงียบสงบวังเวงดูจะจางหายไปแล้วเมื่อเข้าสู่ถนนสายนี้ สองข้างทางดูสว่างไสวขึ้น โคมไฟหลากสีสันถูกจุดดูงดงามจับตา แว่วเสียงดนตรีบรรเลงไพเราะจับจิตคลอเคล้ามากับสายลมเป็นระยะ ในยามที่ท้องฟ้าไร้แสงอาทิตย์สถานที่แห่งนี้กลับจะยิ่งดูคึกคัก ยิ่งดึกผู้คนยิ่งหลั่งไหลเข้ามา อาคารในละแวกนี้ล้วนถูกประดับตกแต่งด้วยโคมสีแดงดูเร้าอารมณ์ ด้านหน้านั้นดูครึกครื้นด้วยเสียงหวานๆ ของเหล่าสาวงามในหอคณิกาที่ต่างก็พากันออก
รถม้าเคลื่อนเข้ามาจอดเทียบประตูจวนตระกูลว่านในยามจื่อ (23.00-24.59 น.) เสี่ยวมี่ประคองผู้เป็นนายของนางที่มีสภาพอ่อนล้าลงจากรถม้า คนเก่งของนางสิ้นฤทธิ์สิ้นเดชเสียแล้ว ดวงตาคู่งามหรี่ปรือลงเพราะความง่วงงุน แต่กว่าจะสงบลงได้เล่นเอาทุกคนปาดเหงื่อไปตามๆ กัน ส่วนคุณชายเซี่ยชิงเทียนที่แทบจะหักคอคุณหนูของนางอยู่หลายหน ตอนนี้แยกไปยังจวนตระกูลจ้าวเพื่อส่งยอดดวงใจของเขาให้ถึงเรือนโดยปลอดภัย"คุณหนู คุณหนูกลับมาแล้ว"บุรุษรูปร่างกำยำผู้เฝ้าประตูจวนรีบเปิดประตูจวนในทันทีเมื่อเห็นนายของตน โดยมีอาปี้ที่รีบตรงเข้ามาหานายสาวเอ่ยเรียกด้วยความยินดีระคนแตกตื่น ใบหน้าของเด็กหนุ่มจะยิ้มก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิงจนดูน่าขัน อิงอิงยิ้มอ่อนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมากับใบหน้าชวนตลกนั้นแม้จะง่วงเต็มทีแล้วก็ตาม ต้องดีใจขนาดนี้เชียวหรือที่เห็นหน้านาง"ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที เร็วเข้าเถิดขอรับ นายท่านกลับมาแล้ว รอคุณหนูอยู่นานมากแล้วขอรับ"อาปี้เอ่ยเร็วรี่ไม่คิดจะหยุดพักหายใจ เมื่อผู้เป็นนายใหญ่ของจวนกลับมาโดยไม่บอกไม่กล่าว แต่คุณหนูของพวกเขากลับไม่อยู่จวนอีกทั้งยังกลับมาเสียดึกดื่นค่อนคืน"นายท่าน"อิงอิงมุ่นหัว
จวินฟางตง บุรุษหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเช่นคุณชายเจ้าสำอาง ผิวพรรณของเขาขาวเปล่งประกายดูสุขภาพดีในแบบที่สตรีบางคนยังต้องอาย คุณชายหนุ่มหน้ามนรูปงามนามเพราะ อายุมากกว่าว่านเย่วอิงอยู่สองถึงสามปี เขาเป็นบุตรชายสหายรักของท่านหมอเทวดาว่านกู่ถิง บุรุษหนุ่มอนาคตไกลที่รักและชื่นชอบในวิชาการแพทย์ จนต้องติดสอยห้อยตามฝากตัวเป็นศิษย์ของอีกฝ่าย บัดนี้อาศัยอยู่ในจวนตระกูลว่านมาได้ร่วมเดือนแล้วสองหนุ่มสาวที่นั่งสนทนากันอย่างสนิทสนม สร้างความพออกพอใจให้กับท่านหมอว่านกู่ถิงเป็นอย่างมาก เขานั้นหมายมั่นอยากให้บุตรสาวได้ผูกวาสนากับบุตรชายของสหายรัก หากได้เกี่ยวดองกันคงจะดีไม่น้อย หลานชายผู้นี้ก็เป็นบุรุษที่ดีและมีความสามารถมากผู้หนึ่ง ย่อมที่จะดูแลบุตรสาวของเขาให้มีความสุขได้ หากบุตรสาวมีบุรุษที่ดีและไว้ใจได้เคียงข้างบิดาเช่นตนก็คงหมดห่วง ชีวิตของเขามีห่วงอยู่สิ่งเดียวก็คือบุตรสาวผู้นี้ และดูท่าแล้วความฝันของเขาคงจะเป็นจริงเพราะทั้งสองคนดูจะเข้ากันได้ดีมากเลยทีเดียวอิงอิงจ้องมองเจ้าของดวงหน้าเรียวสวย ผิวขาวผุดผ่องไร้ไฝฝ้าราคีให้ระคายตา ริมฝีปากได้รูปของอีกฝ่ายสีชมพูระเรื่อรับกับจมูกโ
การลืมเป็นกลไกการป้องกันตัวจากความเจ็บปวดที่ดีประการหนึ่ง แต่คนที่สาดสุราลงคอเพื่อให้เมามายแล้วลืมเลือนความเจ็บปวดกลับไม่อาจที่จะทำได้อย่างใจ ยิ่งอยากจะลืมกลับยิ่งจดจำ ยิ่งพยายามนิ่งเฉยกลับยิ่งรู้สึก ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางข้ามวันข้ามคืนแต่กลับไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ มันช่างเป็นช่วงเวลาที่สุดแสนทรมานโดยแท้ มุมปากได้รูปกดลึกเป็นรอยยิ้มเยาะหยัน ช่างน่าขันยิ่งนักที่บุรุษผู้ใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชน พบเจอเหตุการณ์ต่างๆ มามากมายหลายรูปแบบเช่นเขา จะมาทุกข์ใจแสนสาหัสเพราะสตรีรุ่นลูกเช่นนี้ บทจะมีความรักก็รักอย่างง่ายดายแต่กลับต้องพบกับความผิดหวัง เห็นทีเสร็จจากการถอนรากถอนโคนเหล่ากบฏที่แฝงตัวอยู่ในราชสำนักครานี้สำเร็จและตบแต่งสตรีที่คู่ควรให้บุตรชายเป็นที่เรียบร้อย เขาคงต้องระเห็จตัวเองกลับไปยังชายแดนไม่กลับมาที่นี่อีก พอกันทีกับความโลเลของใจคนชีวิตมันก็เพียงเท่านี้ ชีวิต สอนให้รู้จัก ความไม่แน่นอน สอนให้รู้ว่า มีความสุขก็ต้องมีความทุกข์ สอนให้มีสติกับสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบัน สอนให้รู้จักรอ เพราะไม่มีอะไรได้ดั่งใจทุกอย่าง อาจมีทั้งสมหวังและผิดหวังร่างสูงนอนเอามือก่ายหน้าผากระบายลมหาย
ผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนหลังจากงานมงคลสมรสของคุณชายน้อยตระกูลเซี่ย จวนตระกูลเซี่ยก็มีงานมงคลเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นงานมงคลสมรสของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินนายท่านของจวนกับคุณหนูว่านเย่วอิงคนงาม สตรีผู้อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน และครั้งนี้ก็คล้ายดังจะชื่นมื่นเสียยิ่งกว่างานมงคลของบุตรชาย เพราะแขกที่มาร่วมงานล้วนมีแต่เหล่าคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เคียงคู่กันมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว สหายของเจ้าสาวที่มาร่วมงานในวันนี้ล้วนไม่มีสตรีคนใดที่ไร้คู่อีกแล้ว เพราะหลังจากงานมงคลของเซี่ยชิงเทียนในวันนั้นภายในเดือนเดียวพวกนางต่างพากันขึ้นเกี้ยว ตบเท้าแต่งงานออกเรือนกันไปตามๆ กัน และเจ้าบ่าวของพวกนางก็หาใช่ใครที่ไหน บุรุษเหล่านั้นล้วนเป็นสหายของคุณชายเซี่ยชิงเทียนทั้งสิ้น ความดีความชอบนี้คงต้องยกให้เจ้าสาวของงานในวันนี้ที่เป็นผู้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในวันนั้นขึ้น หนุ่มสาวจึงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันแบบถึงพริกถึงขิง เพราะหลังจากที่พากันเต้นระบำคลอเคล้าจอกสุราอย่างที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน ตื่นมาอีกทีก็เนื้อตัวเปล่าเปลือยแนบชิดอยู่กับบุรุษเสียแล้วงานในวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีท่ามกลางความหวานชื่นของคู่บ่าวสาว และ
แล้ววันมงคลสมรสของเซี่ยชิงเทียนกับจ้าวอี้หลันก็มาถึง จวนแม่ทัพในวันนี้อบอวลไปด้วยความสุขและกลิ่นอายอันเป็นมงคล ภายในจวนนั้นดูมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ บ่าวไพร่ต่างมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า เพราะไม่ใช่เพียงแค่คู่บ่าวสาวที่ดูจะมีความสุขและหวานซึ้งต่อกัน แต่ดูจะมีหลายคู่ที่หวานชื่นไม่แพ้คู่บ่าวสาว บรรดาบุรุษจากจวนแม่ทัพต่างพากันหลงเสน่ห์สาวๆ จากจวนตระกูลว่าน ตบเท้าเข้าไปเกี้ยวพาจนประตูจวนท่านหมอว่านแทบจะสึกแต่ดูเหมือนผู้ที่ดูจะคลั่งรักกว่าใครคงจะเป็นนายท่านของจวน ที่ไม่ยอมออกห่างจากคนงามแม้เพียงครึ่งก้าว เพราะวันนี้คุณหนูว่านเย่วอิงงดงามมากเสียจนท่านแม่ทัพตามติดแจ โฉมงามผู้เป็นว่าที่มารดาของเจ้าบ่าว ใบหน้างามประดับไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตายังทอประกายแห่งความสุขจนยากที่จะละสายตาได้และยังมีรอยยิ้มหวานที่ถูกส่งไปให้บรรดาแขกที่มาร่วมงานก็ยังหวานหยดย้อย จนท่านแม่ทัพต้องคอยถลึงตามองเหล่าบุรุษหนุ่มๆ ที่เผลอไผลหันมาจ้องมองสตรีของตนจนใบหน้าเลิ่กลั่กไปตามๆ กันเซี่ยเยี่ยนเฉินทอดสายตามองว่าที่ฮูหยินของตนด้วยสายตารักใคร่ชื่นชม ภูมิอกภูมิใจในตัวคนรักอย่างมาก แม้นางจะซุกซนแต่กลับรู้ว่าเ
อิงอิงแอบย่องออกมาจากเรือนของตนด้วยฝีเท้าที่เบาและเงียบกริบ เรือนร่างกลมกลึงแฝงกายไปกับความมืด ใช้เงาไม้ช่วยอำพรางกาย นางต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อที่จะหลบให้พ้นสายตาของเหล่าเวรยามที่บิดาได้วางเอาไว้รอบเรือน เพื่อป้องกันมิให้ชายคนรักแอบลอบเข้ามาหานาง แต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้กลับเป็นเป็นบุตรสาวของตนเสียเองที่ลักลอบแอบออกมาหาบุรุษ แม้จะรู้สึกผิดต่อบิดาแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อตอนนี้ความรักความคิดถึงคนรักมันอึดอัดคับแน่นอยู่ในอก นึกเข้าข้างตัวเองว่าอย่างไรนางก็ต้องแต่งให้เขาอยู่แล้ว การกระทำเช่นนี้ก็คงจะไม่ผิดมากนัก เพราะถึงอย่างไรนางกับเขาก็กลายเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ยิ่งคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาที่มองนางด้วยสายตาตัดพ้อ นางยิ่งไม่อาจที่จะเมินเฉยปล่อยให้อีกฝ่ายแง่งอนได้นาน ยิ่งน้ำคำที่ชายคนรักฝากมากับเสี่ยวม่านม่าน ยิ่งทำให้โฉมงามหัวใจอ่อนยวบจนแทบจะล่องลอยไปหาเขาเสียเดี๋ยวนี้จะรอจนกว่าจะได้พบหน้า แนบชิดเนื้อนวลโถ โถ โถ โถ โถ...พ่อพยัคฆ์เฒ่าของอิงอิง พ่อยอดขมองอิ่ม ทูนหัวทูลกระหม่อมของเมีย คงคิดถึงเมียใจจะขาดแล้วกระมังท่านพ่อเจ้าขา อิงอิงขอโทษนะเจ้าคะ อื้อ...หนูรักเค้า หลงเค้า ให้เค้าไปหมดแล้
ณ เวลานี้คงไม่มีใครไม่กล่าวถึงเรื่องราวของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินบุรุษผู้กล้าแกร่ง ผู้เป็นยอดบุรุษแห่งแผ่นดิน บุรุษผู้ที่ขณะนี้กลายเป็นที่อิจฉาของบรรดาบุรุษทั่วทั้งเมืองหลวง เพราะนอกจากจะเป็นผู้ที่ฝ่าบาทให้ความไว้วางพระทัยแล้ว อีกฝ่ายยังได้ครอบครองโฉมสะคราญผู้งดงามเป็นหนึ่ง สตรีผู้มีความงามอันเย้ายวนแล้วยังอ่อนเยาว์เป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มที่อายุรุ่นราวคราวลูกมาเป็นว่าที่ฮูหยินความสุขใดเล่าจะเทียบเท่าการได้ครอบครองหญิงงาม มันช่างน่าอิจฉาเสียยิ่งนัก ชีวิตคงจะกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาไม่ใช่น้อย ไม่รู้ว่าพวกตนต้องทำบุญอีกกี่ชาติจึงจะมีวาสนาเช่นอีกฝ่ายแต่ไหนเลยใครเล่าจะรู้ ว่าบุรุษผู้ที่ทุกคนต่างก็อิจฉาอยู่นั้น ตอนนี้กำลังนั่งใบหน้างอง้ำอย่างคนอดอยากปากแห้ง เนื้อขาวๆ หวานๆ ฉ่ำๆ อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ไม่อาจที่จะกัดกินได้ ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมจึงดูหม่นเศร้าหงอยเหงาราวคนกำลังตรอมใจอย่างหนัก คร่ำครวญอย่างชอกช้ำอยู่ได้เพียงในใจ ไม่อาจที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ไหนล่ะรางวัลที่เขาสมควรจะได้รับ รางวัลความดีความชอบของเขาอยู่ที่ใดกัน เพราะตั้งแต่งานเลี้ยงในวังหลวงวันนั้น นี่ก็ผ่านมากว่าสิบวันแ
ตึก ตึก ตึก ตึกเสียงหัวใจภายใต้อกอิ่มเต้นอย่างรุนแรงจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมา เสียงตุบๆ ดังอื้ออึงอยู่ในหัวจนกลบเสียงรอบกายไปเสียสนิท อิงอิงจ้องมองบุรุษผู้ที่หันมาสบตานาง เฝ้ารอคำตอบของอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อมากกว่าผู้ใดนางกำลังตื่นเต้น ตื่นเต้นมากๆ ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้ที่อีกฝ่ายขอสมรสพระราชทานให้บุตรชายเสียอีก สองมือของนางรู้สึกได้ว่ามันเย็นเฉียบและสั่นเทา นางรู้สึกยินดีอย่างมากที่เขายอมให้บุตรชายและคนรักได้ครองคู่กัน ยินดีจนอยากจะตกรางวัลให้อย่างงาม และตอนนี้หัวใจของนางก็กำลังเต้นกระหน่ำรอคอยคำตอบของเขา รอคอยว่าคำตอบนั้นมันจะใช่อย่างที่นางคิดหรือไม่ แม้ตอนนี้สายตาของเขาที่มองมาจะสื่อถึงความในใจทั้งหมด จนสามารถบอกนางให้มั่นใจ แต่นางก็ยังอยากได้ยินจากปากของเขา เซี่ยเยี่ยนเฉินมองสบดวงตาคู่งามของสตรีคนรัก สตรีที่เขามั่นใจแล้วว่าไม่อาจที่จะปล่อยมือจากนางได้ สตรีที่เขายอมให้นางหมดทุกอย่างโดยไร้เงื่อนไข ยอมมอบให้ได้แม้แต่ชีวิต เขาค้นพบแล้วว่าความสุขของเขาคือนาง ถึงแม้จะมีใครกล่าวว่าเขานั้นเป็นบุรุษโง่งมหลงใหลในตัวสตรีเขาก็พร้อมที่จะน้อมรับ เขาจะยืดอกรับอย่างเต็มภาคภูมิ คำกล่า
อิงอิงกวาดตามองหาบุรุษผู้ที่ส่งสายตาบอกให้นางออกมาหาอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะนางออกมาตามหาเขาอยู่นานแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมโผล่หัวออกมาเสียทีเซี่ยชิงเทียนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกอุ๊ย!!!คนงามหลุดอุทานขึ้น ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อจู่ๆ เอวบางก็ถูกโอบรัดจากทางด้านหลังด้วยลำแขนแข็งแกร่ง ก่อนร่างของนางจะถูกยกจนตัวลอยขึ้นจากพื้น แต่เพราะสัมผัสและกลิ่นหอมอันคุ้นเคยของอีกฝ่ายจึงทำให้นางหาได้มีความตระหนกตกใจ รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มมาหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ลับตาคนเสียแล้ว เซี่ยชิงเทียนหายขุ่นเคืองบิดาของเขาแล้วหรืออย่างไรจึงปล่อยให้อีกฝ่ายมาใกล้ชิดนางเช่นนี้เมื่อเท้าแตะพื้นจึงหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ใบหน้างามงอง้ำเตรียมจะเอ่ยถ้อยคำต่อว่าคนที่เมินเฉยใส่นางมาหลายวันแต่วันนี้กลับมาทำตัวรุ่มร่ามอุกอาจราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หึ พอนางเมินเฉยใส่บ้างก็มาทำตาขุ่นเขียวใส่นาง อย่าคิดนะว่านางจะยอมใจอ่อนง่ายๆ ปล่อยให้นางต้องเสียน้ำตาเศร้าซึมเสียหลายวัน ความรู้สึกที่เสียไปใช่จะเรียกคืนกันโดยง่าย มันคงต้องมีการแลกเปลี่ยนกันบ้าง"นี่ท่าน..."อื้อ...แต่ทว่านางยังไม่ทันจะได้เอ่ยสิ่งใดจอมเผด็จการก็ใช้ริมฝี
เสียงล้อรถม้าของคุณหนูสามจ้าวอี้หลันบดมาบนท้องถนนตามเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่จวนตระกูลจ้าว สองข้างทางที่เต็มไปด้วยร้านค้าบ้านเรือนเริ่มบางตาลง จนมีเพียงแนวต้นไม้ขึ้นหนาแน่น เสียงจอแจของผู้คนที่ดังมาตลอดทางตอนนี้เงียบสงัดมีเพียงเสียงเสียดสีของกิ่งไม้ที่พัดไหวตามแรงลม เพราะมัวแต่สนทนากับสหายจนลืมเวลา ตอนนี้รอบกายจึงโอบล้อมไปด้วยความอึมครึมของเวลาเย็นย่ำโพล้เพล้แม้อากาศยามนี้จะเย็นสบายแต่ใจของสตรีภายในรถม้ากลับร้อนรุ่ม นางกลับบ้านมืดค่ำเช่นนี้คงไม่ดีแน่ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครมาคอยจับตามองเช่นเก่า แต่นางก็จำต้องกลับจวนให้ตรงเวลา มิเช่นนั้นคราวหน้าผู้เป็นพี่ชายคงไม่อนุญาตให้นางออกมาอีกเป็นแน่ และดีไม่ดีอาจจะโดนฮูหยินใหญ่เล่นงานเอาได้หลังจากที่พี่สาวต่างมารดาของนางทั้งสองออกเรือนไป ดูเหมือนชีวิตของคุณหนูคนงามจะมีอิสระมากขึ้น แต่ถึงแม้ฮูหยินใหญ่จะขังตัวเองอยู่เพียงในเรือนเพราะยังทำใจไม่ได้กับเรื่องงามหน้าของบุตรสาวทั้งสอง ตรอมใจจนล้มป่วย แต่ก็ยังคอยส่งคนมาสอดส่องนาง หากมีโอกาสคงเล่นงานนางอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนบิดาแม้จะรู้สึกอับอายแต่ก็ยังคงเอาแต่ทำงานไม่มีเวลามาสนใจในตัวนางเช่นเดิมท่ามกลาง
เซี่ยชิงเทียนจ้าวอี้หลันจวินฟางตงคนทั้งสามนั่งมองสตรีเจ้าของเรือนที่ไม่ว่าพวกตนจะมาเยือนสักกี่ครั้ง สภาพของเจ้าของเรือนก็จะเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง นั่นคือนั่งเหม่อไม่พูดไม่จา ถามอะไรก็ตอบเพียง อืม อื้อ อือ อยู่เช่นนั้นจนคนมองรู้สึกผิดและเจ็บปวดใจ โดยเฉพาะเซี่ยชิงเทียนที่ละอายใจเหลือเกินที่เรื่องของตนทำให้อีกคนเป็นเช่นนี้ เขาไม่ชอบเลยที่อีกฝ่ายคล้ายดังมีลมหายใจแต่ไร้วิญญาณส่วนผู้เป็นบิดา เฮ้อ...เมื่อนึกถึงอีกฝ่ายก็รู้สึกขุ่นเคืองใจไม่น้อย เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมีแผนการบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าบิดาจะใช้เล่ห์กลใดให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการก็เท่านั้น เขารู้ว่าบิดาของตนรักและหวงแหนสตรีนางนี้มากมายเพียงใด และไม่มีวันปล่อยมือจากนางเป็นอันขาด ถ้าหากไม่ใช่เพราะเรื่องของเขา ทั้งสองคงได้ครองคู่กันไปเสียตั้งนานแล้ว บิดาไม่มีทางปล่อยให้สตรีนางนี้อยู่ห่างกายอยู่แบบนี้เป็นแน่ และเป็นไปไม่ได้ที่บิดาของเขาจะยอมหันหลังให้นางง่ายดายถึงเพียงนี้ บุรุษเฒ่าผู้นั้นมากเล่ห์และเจ้าแผนการเหนือผู้ใด เขานั้นรู้ดีที่สุด ที่แสร้งหันหลังให้ว่านเย่วอิงในครั้งนี้ก็เป็นเพียงมารยาของอีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย คงคิดจะกดดันว่านเ
"โอ๊ย...หายใจไม่ทัน"เสียงบ่นกระปอดกระแปดคละเคล้าเสียงลมหายใจหอบเหนื่อยของชายหญิงผู้ที่พากันวิ่งหน้าตั้งอย่างไม่คิดชีวิต หลังจากที่กระโดดขึ้นรถม้าได้สำเร็จคนทั้งสองก็ทิ้งกายลงพิงผนังรถม้าอย่างหมดแรงทันทีที่ล้อรถม้าเคลื่อนตัวออกห่างจากบริเวณสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตราย อิงอิงระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อชะโงกใบหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าแล้วไม่เห็นว่ามีใครตามมา"อ่า...นึกว่าจะไม่รอดเสียแล้ว""อิงอิง ต่อไปถ้าบิดาของเจ้าจะดุขนาดนี้ ไม่ต้องชวนข้ามากับเจ้าแล้วนะ ข้าเหนื่อยเกือบตาย"จวินฟางตงยกมือเรียวของตนขึ้นทาบแผ่นอกที่ตอนนี้ภายในนั้นกำลังเต้นแรงดั่งรัวกลอง เขาใจหายใจคว่ำไปหมดแล้ว ลำคอของเขาตอนนี้แห้งผากเป็นผุยผง เหนื่อยก็เหนื่อย กลัวก็กลัว สายตาของแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินที่ใช้มองเขาทำให้รู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง หากสายตาของคนผู้นั้นสามารถฆ่าคนได้ เขาคงได้ตายไปแล้ว"เจ้าจะบ้าหรือตงตง นั่นไม่ใช่พ่อ นั่นน่ะผัว"แค่ก แค่ก แค่กจวินฟางตงสำลักลมหายใจตัวเองหน้าดำหน้าแดงจนเกือบจะตายอีกครั้ง เพราะคำพูดตรงไปตรงมาของสตรีที่ทิ้งกายลงนอนแผ่หลาอย่างไร้ความเป็นกุลสตรีที่คุณหนูในห้องหอพึ