Share

ตอนที่ 3 จวนพระราชทาน

last update Last Updated: 2025-01-22 13:48:23

จากเมืองโหย่วถิง ขบวนรถม้าและเกวียนสัมภาระของตระกูลซู ต้องใช้เวลาเดินทางนานนับเดือน กว่าจะถึงเมืองหลวงของแคว้นต้าโจว ระหว่างทางซูเยว่ซินได้พบกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย แต่ทว่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เหมือนกับในชีวิตก่อนของนางแทบจะไม่มีผิดเพี้ยน เช่นรถม้าของจวนที่พวกสาวรับใช้โดยสารมา ล้อเกิดพังระหว่างทางจนเสีย หรือมีเหตุการณ์โจรป่าดักปล้นพวกพ่อค้า

ท่านพ่อและพี่ชายของนาง ได้ออกหน้าช่วยเหลือพวกพ่อค้าที่ถูกปล้น นำเหล่าทหารกล้าของตระกูลซูที่ติดตามขบวนมาด้วย จัดการปราบปรามกลุ่มโจรจนพวกมันไม่กล้าที่จะกลับมาก่อเหตุไปนานอีกหลายปี และระหว่างทางก่อนที่จะถึงเมืองหลวง ท่านแม่ของนางและสาวรับใช้อาวุโสบางคน ก็พากันเจ็บป่วยด้วยโรคไข้ป่า ดีที่นางเตรียมยารักษามาด้วย เพราะนางรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ทำให้ทั้งท่านแม่ และสาวรับใช้อาวุโส รอดพ้นจากปากประตูผีมาได้ ผิดกับชีวิตก่อนที่กว่าจะถึงเมืองหลวง ท่านแม่ของนางก็ต้องเสียสาวรับใช้อาวุโสไปถึงสองคน

“หากไม่ได้ซินเอ๋อร์ที่เตรียมยามาด้วย มีหวังแม่กับพวกสาวรับใช้อาวุโสเหล่านี้ คงไม่มีชีวิตรอดไปถึงเมืองหลวงแล้วเป็นแน่”

ซูฮูหยินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงภูมิใจ บุตรสาวของนางนั้นช่างรอบคอบยิ่งนัก สิ่งที่นางคิดไม่ถึงบุตรสาวของนางนั้นมักจะเตรียมเอาไว้อยู่เสมอ เห็นท่านางคงจะดูเบาบุตรสาวไม่ได้เสียแล้ว การที่ซูเยว่ซินไปอยู่ในค่ายทหารมานานถึงสามปี คงจะไม่ใช่เรื่องที่ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว

“นั่นน่ะสิเจ้าคะ คุณหนูรองช่างเป็นเด็กที่มองการณ์ไกลยิ่งนัก บ่าวเองยังไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าพวกเราจะได้มาเจอกับโรคภัยไข้เจ็บระหว่างทางเยี่ยงนี้ได้” ป้ากุย สาวใช้อาวุโสที่คอยรับใช้ข้างกายซูฮูหยิน แสดงความชื่นชมคุณหนูรองออกมาเช่นกัน

เป็นเพราะพวกสาวรับใช้ของตระกูลซู ต่างก็ไม่เคยมีผู้ใดที่ต้องออกเดินทางไกลเช่นนี้มาก่อน จึงไม่มีผู้ใดที่คิดว่าจะได้เจอกับเหตุการณ์เลวร้ายเช่นโรคไข้ป่าได้ ทว่าคุณหนูรองที่ไปอยู่ในค่ายทหารกับนายท่านและคุณชายใหญ่มานานเกือบสามปี กลับตระหนักได้ถึงเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายเหล่านี้

“เดินทางไกล ไร้โรงหมอ ข้าย่อมมิอาจมองข้ามได้อยู่แล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ป้ากุย" ซูเยว่ซินกล่าวออกมาด้วยท่าทีขัดเขิน

ชีวิตก่อนนางนั้นมักจะเมินเฉยต่อผู้คนรอบกาย นางจำได้ว่าในชีวิตก่อนเวลานี้ท่านแม่ของนางป่วยหนักจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ดีที่ท่านพ่อสั่งให้บ่าวรับใช้คนสนิทห้อม้าไปรับท่านหมอมาจากเมืองโหย่วติงซึ่งเป็นเมืองผ่านพอดี เสียเวลาไปไม่น้อยกว่าอาการของท่านแม่จะดีขึ้น แต่ทว่าก็มีสาวรับใช้อาวุโสถึงสองคน ที่ต้องมาสิ้นใจไปเพราะพิษไข้เล่นงาน ถูกฝังเอาไว้กลางทาง ก่อนที่จะเดินทางไปถึงจวนหลังใหม่เสียด้วยซ้ำ ทว่าชีวิตนี้เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นนั้นได้เปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว ซูเยว่ซินลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ

หลังจากซูฮูหยินและสาวรับใช้อาวุโสรักษาตัวจนมีอาการดีขึ้นแล้ว ขบวนรถม้ากับเกวียนสัมภาระของตระกูลซูจึงเคลื่อนขบวนกันต่อ และไม่ถึงสิบวันขบวนรถม้าและเกวียนสัมภาระของตระกูลซูก็ได้เดินทางเข้าสู่เขตเมืองหลวง ผู้คนสัญจรขวักไขว่ตลอดสองข้างทาง ต่างพากันมองมายังขบวนรถม้าและเกวียนสัมภาระของตระกูลซูกันอย่างสนอกสนใจ บ้างก็จับกลุ่มซุบซิบกัน บ้างก็ชี้ไม้ชี้มือชักชวนให้คนข้างกายมองมาเช่นกัน

ซูเยว่ซินมองผ่านผ้าม่านบนรถม้าออกไปก็เห็นเป็นภาพที่ชินตา ภาพเช่นนี้นางเคยพบเห็นมาแล้วในชีวิตก่อนนี้ เพราะเมืองหลวงนั้นเป็นสถานที่ที่มีความเจริญรุ่งเรือง ย่อมมีชาวเมืองอาศัยอยู่มากกว่าที่ใด ครั้นมีเรื่องราวแปลกตาย่อมเป็นจุดสนใจของผู้คน

“คุณหนูรอง ท่านดูนั่นสิเจ้าคะ”

ชิงหลวนรีบชักชวนให้คุณหนูรองของนางมองออกไปยังนอกรถม้า ที่มีร้านค้าข้างทางตั้งกันเรียงราย มีทั้งขายอาหาร เครื่องประดับ ขนม หรือแม้แต่เสื้อผ้าอาภรณ์ล้วนมีให้เลือกซื้ออย่างมากมาย ซูเยว่ซินยกมุมปากขึ้นเพียงเล็กน้อยพลางกล่าวออกมาอย่างไม่ใส่ใจ

“ก็ที่นี่คือเมืองหลวงของแคว้นต้าโจว ย่อมมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ชาวเมืองต้องการซื้อหากันอยู่แล้ว”

เมืองโหย่วถิงที่นางจากมานั้นเป็นเมืองที่อยู่ติดชายแดน อีกทั้งยังเกิดสงครามอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้ความเจริญรุ่งเรืองเทียบไม่ได้กับเมืองหลวงแห่งนี้ สาวรับใช้ของนางเกิดและเติบโตที่เมืองนั้น ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับสิ่งที่เพิ่งจะเคยเห็น ทว่าสำหรับนางที่เคยได้มาอาศัยอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้นานเกือบสี่ปี ความตื่นเต้นยินดีจึงน้อยกว่าสาวรับใช้คนสนิท

ชิงหลวนรู้สึกประหลาดใจในท่าทีและความสุขุมของคุณหนูรอง ครั้นนึกไปว่าคุณหนูรองของนางนั้น เคยใช้ชีวิตที่ผ่านความเป็นความตายในสนามรบมาแล้ว สิ่งเหล่านี้คงจะไม่นับว่าน่าสนใจอันใด ชิงหลวนนึกเห็นใจที่คุณหนูรองของนางใช้ชีวิตที่แตกต่างจากคุณหนูจวนอื่นที่อยู่ในวัยเดียวกัน ที่ต่างรักสวยรักงาม ชอบแต่งกายด้วยอาภรณ์ใหม่เอี่ยม และชื่นชอบในเครื่องประดับ หากจะให้คุณหนูรองของนางเลือกระหว่างเครื่องประดับงามๆ สักอัน กับดาบคมๆ สักเล่ม นางคิดว่าคงจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า ในขณะที่ชิงหลวนกำลังคิดไปอีกอย่าง ซูเยว่ซินก็คิดไปอีกอย่าง

อีกไม่นานก็จะได้พบกันแล้ว การได้พบกับสตรีผู้นั้นต่างหาก ถึงจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับซูเยว่ซิน เพราะนางเฝ้านับวันคืนที่จะได้พบกับหญิงร้ายชายเลวคู่นั้นมานานถึงสามปี และแล้ววันที่นางรอคอยก็ใกล้เข้ามาทุกที ทว่าก่อนที่นางจะได้พบกับหลูเจียงหลี นางจะได้พบกับคุณชายใหญ่สกุลกู้ก่อน และนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขามีใจให้นาง ชีวิตก่อนเขาต้องมาตายเพราะความโลภของน้องชายต่างมารดาผู้นั้น ชีวิตนี้นางจึงอยากที่จะปกป้องเขา และตอบแทนในไมตรีที่เขาเคยมอบให้

ขบวนรถม้าและเกวียนสัมภาระที่มีทหารนับห้าสิบติดตามมาด้วย ย่อมเป็นที่สะดุดตาของชาวเมือง ทว่าข่าวเรื่องที่ท่านแม่ทัพซู ได้ย้ายมาประจำการอยู่ที่ค่ายทหารประจำเมืองหลวง ย่อมถูกกล่าวถึงก่อนที่เขาจะเดินทางมาถึงอยู่แล้ว การมาถึงของเขาและเหล่าทหารจึงไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าตระหนกตกใจอันใดสำหรับชาวเมืองมากนัก ซ้ำยังได้รับการต้อนรับจากพวกชาวเมืองอย่างอบอุ่นอีกด้วย

ในที่สุดรถม้าที่ซูเยว่ซินโดยสารมานานนับเดือน ก็หยุดนิ่งลงจริงๆ เสียที หน้าประตูจวนหลังใหญ่ติดป้ายตระกูลซูเอาไว้อย่างสมเกียรติ เป็นป้ายที่มีตัวอักษรสีทอง ซึ่งได้รับพระราชทานมาจากฝ่าบาท แสดงให้เห็นว่าตระกูลซูได้รับพระเมตตาจากฝ่าบาทถึงเพียงใด นอกจากมอบจวนพระราชทานให้แล้ว ยังมอบป้ายตระกูลพระราชทานให้อีกด้วย นับเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลซูยิ่ง หลังจากนี้มีหวังประตูจวนคงต้องเปิดอ้าเอาไว้เพื่อรับแขกไม่เว้นแต่ละวันเป็นแน่

“พ่อกับแม่จะอยู่ที่เรือนซูอี้ คงเอ๋อร์…อยู่ที่เรือนซูเอ้อร์ และลูกซินเอ๋อร์ เจ้าไปอยู่ที่เรือนซูซาน สาวรับใช้จากเรือนเดิมของพวกเจ้า ให้เพิ่มเข้าไปอีกเรือนละสิบคน” ท่านแม่ทัพซูแจกแจงเรือนสำหรับเข้าพำนักให้ตัวเขากับภรรยา บุตรชายและบุตรสาวตามลำดับ รวมไปถึงจำนวนสาวรับใช้ และบ่าวแรงงานที่จะคอยดูแลรับใช้เจ้านายของเรือนต่างๆ ด้วย

ทุกคนต่างก็ไม่คัดค้านอันใด ซูเยว่ซินมองไปรอบๆ จวนหลังนี้ก็รู้สึกว่า ฝ่าบาททรงเห็นความสำคัญของตระกูลซูยิ่งนัก คงเพราะเห็นว่าเป็นตระกูลแม่ทัพ ที่สร้างคุณงามความดีให้แก่แผ่นดิน จึงได้รับพระเมตตามากกว่าผู้ใด จวนแห่งนี้นับว่าฮวงจุ้ยดีมากทีเดียว ด้านหน้ามีน้ำตกจำลองขนาดกลางๆ

เสียงน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขาหินจำลอง กระทบผิวน้ำดังซ่าๆ ปลานานาพันธุ์แหวกว่ายไปมามองแล้วให้ความรู้สึกเพลิดเพลิน ทว่าความรู้สึกของซูเยว่ซินในยามนี้นั้นต่างจากชีวิตก่อนนัก มันไร้ความตื่นเต้นดีใจ อาจจะเป็นเพราะนางเคยได้อาศัยอยู่ในจวนหลังนี้มาในชีวิตก่อนแล้ว จึงทำให้เกิดความรู้สึกที่แตกต่าง

“คุณหนูรองเจ้าคะ พวกบ่าวที่ดูแลเรือนทำความสะอาดเรือนซูซานเอาไว้ก่อนที่พวกเราจะเดินทางมาถึงแล้ว คุณหนูอยากจะเข้าไปพักผ่อนที่เรือนก่อนหรือไม่เจ้าคะ”

ชิงหลวนถามคุณหนูรองออกมาด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ช่วยดึงสติของซูเยว่ซินที่เอาแต่จ้องมองปลาในน้ำราวกับตกอยู่ในภวังค์ นางหันมาตอบสาวรับใช้คนสนิท

“ก็ดีเหมือนกัน ชิงหลวน…เจ้าเองก็ไปพักผ่อนก่อนเถิด ให้ชิงหลัวกับชิงหรงคอยอยู่ปรนนิบัติรับใช้ข้าก็พอ”

ยามนี้นางได้สาวรับใช้ที่คอยติดตามมาเพิ่มอีกสองคน เป็นเด็กหญิงวัยสิบสามย่างสิบปีที่มีใบหน้าจิ้มลิ้ม เกลี้ยงเกลา เพราะเป็นบุตรหลานของอดีตขุนนางต้องโทษ ถูกลดบรรดาศักดิ์ให้มาเป็นชนชั้นทาส เท่าที่ซูเยว่ซินจำได้ ในชีวิตก่อนของนางนั้น ไม่ได้พาสาวรับใช้ทั้งสองติดตามออกเรือนไปด้วย ทำให้ทั้งสองคนไม่ได้พบกับจุดจบเช่นเดียวกับชิงหลวน ที่ต้องมาตายเพราะปกป้องผู้เป็นนายที่โง่เขลาเช่นนาง

เรือนซูซานที่บิดามอบให้นางใช้เป็นเรือนพักส่วนตัวนั้นเป็นเรือนขนาดกลาง มีห้องหับสำหรับผู้เป็นเจ้านายและสาวรับใช้ข้างกาย มีห้องอาบน้ำ ห้องเก็บตำรา ห้องรับรองผู้มาเยือนแยกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน และแน่นอนว่าซูเยว่ซินนั้นเคยชินกับเรือนหลังนี้เป็นอย่างดี เพราะในชีวิตก่อนนางเองก็ได้พำนักอยู่ในเรือนหลังนี้นานถึงสองปี ก่อนที่นางจะออกเรือนไป

ร่างระหงเดินตรงไปยังห้องนอนอย่างลืมตน ท่ามกลางสายตางุนงงของสองสาวรับใช้ที่เพิ่งได้รับมาใหม่จากบิดา พวกนางอยู่ที่นี่มาก่อนหลายเดือน คอยดูแลจวนหลังนี้มาก่อนที่ตระกูลซูจะได้เข้ามาครอบครองเสียอีก ทว่าพวกนางยังมิอาจจดจำห้องหับได้ทั้งหมด เพราะจวนหลังนี้นั้นมีพื้นที่กว้างขวาง และมีเรือนอยู่หลายเรือน แต่เหตุใดคุณหนูรองสกุลซูที่เพิ่งจะเดินทางมาถึงจวนหลังนี้ได้ไม่นาน ถึงได้เดินเข้าห้องนอนของนางไปได้อย่างถูกทิศทาง

“พวกเจ้าทั้งสองหาสิ่งใดทำอยู่แถวนี้ก่อนเถิด ข้าจะเข้าไปนอนกลางวันสักพัก”

ก่อนที่นางจะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ซูเยว่ซินชะงักเท้าแล้วหันกลับมาสั่งสาวรับใช้ทั้งสอง ทั้งชิงหลัวและชิงหรงต่างพากันคำนับรับคำสั่งของนางอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน ริมฝีปากบางจึงเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา จากนั้นร่างระหงจึงเดินเข้าไปภายในห้องนอน

“เหตุใดคุณหนูรองนางถึงได้รู้ว่า ที่นี่คือห้องนอนของเรือนหลังนี้ได้เล่า นางเพิ่งจะมาถึงจวนเองมิใช่หรอกหรือ” ชิงหรงเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ

“นั่นสิ…หรือแม้แต่จวนแม่ทัพที่เมืองโหย่วถิงก็เป็นเช่นนี้”

ชิงหลัวเห็นด้วย ทว่ากลับคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเรือนหลังนี้ไม่ต่างไปจากเรือนเดิมของเจ้านายคนใหม่ สองสาวรับใช้ขจัดความประหลาดใจออกไป ก่อนที่จะออกไปหาสิ่งใดทำ เพื่อรอเวลาให้คุณหนูรองตื่นมาก่อนมื้ออาหารเย็น

วันนี้ครอบครัวกินมื้อเย็นอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน ตลาดของเมืองหลวงอยู่ไม่ไกลจากจวนหลังนี้มากนัก ทำให้แม่บ้านและสาวรับใช้ของจวน สามารถออกไปหาซื้อวัตถุดิบมาเตรียมอาหารให้แก่ท่านแม่ทัพ ฮูหยิน คุณชายใหญ่และคุณหนูรองได้ไม่ยาก แม้มื้อนี้จะเป็นอาหารที่สุดแสนจะเรียบง่าย แต่ทว่ากลับมิมีผู้ใดปริปากบ่น อาจจะเป็นเพราะนี่คืออาหารมื้อแรกในจวนหลังใหม่ก็เป็นได้

และข่าวที่ท่านแม่ทัพพร้อมทั้งครอบครัว เดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้วก็ได้แพร่สะพัดออกไป แน่นอนว่าย่อมมีเหล่าขุนนาง และพ่อค้าจากหลากหลายตระกูลในเมืองหลวง ที่อยากจะมาผูกไมตรีกับจวนแม่ทัพ จึงได้พากันส่งของกำนัลต้อนรับมาให้ท่านแม่ทัพซูไม่ขาดสาย บ้างก็ส่งเทียบขอมาเยี่ยมเยือน บ้างก็ส่งเทียบเชิญซูฮูหยินให้ออกไปชื่นชมงานเลี้ยงต่างๆ ที่บรรดาฮูหยินของจวนนั้นๆ เป็นผู้จัดงาน เพื่ออยากทำความรู้จักและผูกไมตรีกับสตรีเรือนหลังเอาไว้

ทว่าเดิมทีซูฮูหยินนั้นหาใช่คนที่ชื่นชอบการพบปะผู้คนไม่ นางจึงเลือกที่จะปฏิเสธไป โดยให้เหตุผลว่านางเพิ่งจะเดินทางมาถึงเมืองหลวง อีกทั้งธุระงานเรือนก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง และอีกห้าวันหลังจากนี้ ที่จวนยังจะต้องจัดเตรียมพิธีปักปิ่นให้แก่บุตรีอีก จึงขอรับไมตรีเหล่านั้นเอาไว้ด้วยใจก็พอ หากมีโอกาสคราหน้านางย่อมไปร่วมงานอย่างแน่นอน

ทำให้ฮูหยินเหล่านั้นพากันยอมถอยไปเอง เพราะต่างคิดดูแล้วพวกนางก็ค่อนข้างที่จะเสียมารยาท ในเมื่อตระกูลแม่ทัพเพิ่งจะเดินทางมาถึงเมืองหลวง พวกตนก็เสนอหน้าเข้าไปประจบประแจงเสียแล้ว แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมเกิดจากผู้เป็นสามีของพวกนางทั้งนั้น ผู้ที่มีอำนาจในมือไม่ต่างจากพยัคฆ์ติดปีก ผู้ใดบ้างที่ไม่อยากจะขอพึ่งพาบารมี

เหตุการณ์เหล่านี้ซูเยว่ซินล้วนรู้อยู่ก่อนแล้ว นางหาได้สนใจบรรดาฮูหยินจากสกุลต่างๆ ที่ล้วนแล้วแต่อยากเข้ามาผูกไมตรีกับมารดา เพียงอำนาจของบิดาและพี่ชายของนางไม่ ทว่าสิ่งที่นางสนใจคืองานเทศกาลชมดอกเบญจมาศที่จวนสกุลกู้จะจัดขึ้นหลังจากพิธีปักปิ่นของนางมากกว่า เพราะที่นั่นเป็นสถานที่ที่นางจะได้พบกับผู้คนที่ทั้งดีและไม่ดีกับนางในอดีต

“ท่านแม่เจ้าคะ หลังผ่านพิธีปักปิ่นของข้าไปแล้ว ข้าว่าพวกเราตอบรับเทียบเชิญ ไปร่วมงานเลี้ยงของจวนอื่นกันสักสองสามจวนเถิดเจ้าค่ะ อย่างน้อยการที่เราเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองหลวง จำเป็นต้องผูกไมตรีกับสตรีจวนอื่นเอาไว้บ้างย่อมเป็นเรื่องที่ดี”

นางไม่อยากให้มารดาต้องถูกฮูหยินตระกูลอื่นดูแคลน และถูกพวกนางเหล่านั้นทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว ในยามที่ได้พบเจอกับปัญหา เฉกเช่นในชีวิตก่อนที่มารดาไร้ที่พึ่งพาทางใจ เพราะนางออกเรือนไปแล้ว ก็หาได้กลับมาเยือนสกุลเดิมบ่อยๆ ได้ ในชีวิตก่อนมีเพียงฮูหยินใหญ่สกุลกู้เท่านั้น ที่ท่านแม่ของนางคบหาและมีไมตรีด้วย

ทว่าอีกฝ่ายกลับต้องมาด่วนจากไปเสียก่อน หลังจากนางแต่งเข้าตระกูลกู้ไปเพียงแค่สามเดือน นางรู้ดีว่าฮูหยินใหญ่สกุลกู้นั้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตใจดีมากเพียงใด พอลองมาคิดๆ ดูแล้ว การจากไปของจางซินอี๋ หรือกู้ฮูหยินในยามนั้น อาจจะเป็นฝีมือของแม่สามีของนางในชีวิตก่อนก็เป็นได้ เพราะแม่ร้ายฉันใด ลูกย่อมร้ายไม่ต่างกัน

“ถ้าเช่นนั้น…แม่ให้เจ้าเลือกดีหรือไม่ ว่าเจ้าอยากจะไปงานของตระกูลใดบ้าง”

การตัดสินใจของซูฮูหยินเข้าทางซูเยว่ซินทันที ชีวิตก่อนนางไม่เคยที่จะแสดงความเห็นออกมาเยี่ยงนี้ แต่ทว่ามารดาก็ยังตัดสินใจเลือกไปงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศของจวนตระกูลกู้ด้วยตัวนางเองอยู่ดี ทว่าครานี้นางเป็นคนเลือกโชคชะตานี้ด้วยตนเอง ซูเยว่ซินฉีกยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย ก่อนที่นางจะหยิบเอาเทียบเชิญมากมายก่ายกองที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาเลือก สุดท้ายนางก็ส่งเทียบเชิญที่นางเลือกไปให้แก่มารดา

มีงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศของจวนสกุลกู้ และมีงานชมบุปผาที่จวนสกุลเจียง สองเทียบเชิญเท่านั้นที่นางเลือกให้แก่มารดา ทั้งสองตระกูลล้วนแล้วแต่มีฮูหยินใหญ่ที่เป็นสตรีที่ดี น่าคบหาด้วยทั้งสิ้น ชีวิตนี้นางไม่เพียงแค่จะช่วยให้คนที่นางรักไม่ต้องตายไปก่อนวัยอันควร นางยังมีความคิดที่จะช่วยเหลือมารดาของกู้มู่เฉินให้อยู่รอดปลอดภัยด้วยอีกคน

ซูฮูหยินเงยหน้ามองบุตรสาวแล้วส่งยิ้มจางๆ ออกมา นางได้ให้คนไปลองสืบดูมาแล้ว สตรีจากสองตระกูลนี้น่าคบหาอยู่ไม่น้อย อีกทั้งท่านผู้เฒ่าตระกูลจาง ซึ่งเป็นบิดาของกู้ฮูหยิน ก็ยังนับว่าเป็นสหายเก่าของท่านพ่อของนางที่ล่วงลับไปแล้วอีกด้วย แสดงว่าบุตรสาวของนาง ก็คงจะมีสายตากว้างไกล หาใช่เด็กที่นางจะดูเบาได้

สองแม่ลูกนั่งสนทนากันอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่ซูเยว่ซินจะเอ่ยขอตัว…อีกไม่กี่วันก็จะถึงพิธีปักปิ่นของนางแล้ว และหลังจากนั้นอีกเจ็ดวัน นางก็จะได้พบกับคนที่นางรอคอย นางเดินออกจากเรือนใหญ่ไป พลันใบหน้างามกลับปรากฏรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา โดยที่ไม่มีผู้ใดได้ทันสังเกตเห็น

Related chapters

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 4 ผูกมิตร

    จวนแม่ทัพที่แต่ก่อนนี้เคยเป็นจวนว่างเปล่า ทว่ายามนี้กลับคึกคักขึ้นมา เพราะว่าเจ้าของจวนคนใหม่นั้นมากด้วยบารมี ผู้คนต่างอยากที่จะเข้าหา เพื่อมาผูกมิตรกับเขา ทำให้ฮูหยินและลูกๆ ของเขา พลอยได้รับไมตรีไปด้วย ยามนี้ซูเยว่ซินรู้ดี ว่าทุกคนที่เข้ามาล้วนแล้วแต่ก็มีเป้าหมาย ผู้ใดบ้างหว่านพืชจะไม่หวังผล ค้าขายจะไม่หวังกำไร ขุนนางเหล่านี้เองก็เช่นกัน ชีวิตก่อนนางไร้เดียงสาและซื่อเซ่อจนเกินไป ทำให้ตามคนไม่ทัน ไม่เคยคิดว่าคนที่เข้ามานั้นจะหวังผลประโยชน์อันใดจากนาง ทว่าในชีวิตนี้นางมิใช่สตรีที่เคยซื่อเซ่อ และไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนเหล่านี้อีกแล้ว“บุตรีของท่านจะเข้าวัยปักปิ่นแล้วกระมัง”ใต้เท้าจ้ง เจ้ากรมการกลาโหมที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยือนท่านแม่ทัพซูเอ่ยถามออกมา เขามีบุตรชายคนรองในวัยไล่เลี่ยกันกับบุตรชายคนโตของท่านแม่ทัพ ทำให้เขานึกสนใจในตัวของบุตรีคนรองของท่านแม่ทัพขึ้นมา หากได้เกี่ยวดองกันจะดีเพียงใด“อีกไม่กี่วันข้างหน้า ข้ากับฮูหยินก็จะจัดพิธีปักปิ่นให้นางแล้วขอรับ” ท่านแม่ทัพซูหารู้ไม่ ว่าท่านใต้เท้าจ้งนั้น แอบหมายตาบุตรีของเขาเอาไว้ให้บุตรชายคนรองของตน เขาจึงตอบออกมาตามความจริง“โอ้…ดีจริง หา

    Last Updated : 2025-01-22
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 5 พบเจอ

    เช้าวันต่อมาซูเยว่ซินขออนุญาตมารดาออกไปเที่ยวที่ตลาดตวนอี เพราะอยากจะหาซื้อของกำนัลให้แก่กู้ฮูหยินในวันงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศ ที่ตระกูลของนางได้รับเทียบเชิญให้ไปเข้าร่วม งานนี้จะเป็นงานแรกที่ครอบครัวของนางจะได้พบปะบรรดาขุนนางและฮูหยินของขุนนางเหล่านั้นเพื่อเป็นการผูกไมตรี ซูฮูหยินเห็นดีเห็นงามที่บุตรสาวจะออกไปหาเลือกซื้อของกำนัล จึงมอบเงินให้แก่บุตรสาวไป และกำชับสาวรับใช้คนสนิทของซูเยว่ซิน ว่าให้พวกนางดูแลคุณหนูรองให้ดี ทั้งนายทั้งบ่าวรวมสี่คน จึงนั่งรถม้าออกจากจวนตระกูลซูไปในปลายยามเซินออกจากจวนมาได้ไม่นานเท่าใดนัก รถม้าก็หยุดนิ่งอยู่ที่หน้าโรงเตี๊ยมเซียงซี สตรีทั้งสี่ลงมาจากรถม้าตามลำดับ ซูเยว่ซินก็ไม่ถามไถ่ผู้ใดให้มากความ นางเดินตรงไปยังร้านขายเครื่องประดับชิวจี้ทันที สาวรับใช้ทั้งสามติดตามคุณหนูรองไปไม่ห่าง หญิงสาววัยแรกแย้มที่มีรูปโฉมงดงาม แต่งกายด้วยเป้ยจึสีชมพู ชายผ้าปลิวสไวยามที่นางเยื้องย่าง ทำให้ผู้คนที่กำลังผ่านไปผ่านมา อดที่จะเหลียวมองนางอย่างชื่นชมไม่ได้ และทุกย่างก้าวของนาง ตกอยู่ในสายตาของบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังนั่งจิบชาอยู่บนหอจิ่วซา เขามองตามนางไปด้วยแววตาสนใจ“คุณชายให

    Last Updated : 2025-01-22
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 6 ทำลายแผนการ

    หกวันหลังจากที่ซูเยว่ซินได้พบกับสองพี่น้องตระกูลกู้ที่ตลาดตวนอี เทศกาลชมดอกเบญจมาศประจำปีของเมืองหลวงก็เวียนมาถึง จวนใหญ่ๆ ต่างจัดงานชมดอกเบญจมาศอย่างไม่ให้น้อยหน้าผู้ใด จวนสกุลกู้เองก็เช่นกัน มีเพียงสองแม่ลูกที่กำลังนั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่ภายในเรือนของตน เพราะเป็นอนุภรรยาและบุตรที่เกิดจากอนุภรรยา จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปร่วมงาน กู้อี้เหวินรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา ทว่าเขากลับไม่เคยยอมแพ้ ที่จะป่ายปีนขึ้นไปยังตำแหน่งที่สูง“เหวินเอ๋อร์… เรื่องที่แม่บอกเจ้า เจ้านำไปบอกแม่นางสกุลหลูแล้วหรือยัง” อนุซิน หรือซินอี้ถงเอ่ยถามบุตรชายออกมา สายตาก็หาได้ละจากผ้าในมือไม่“บอกแล้วขอรับท่านแม่ เรื่องนั้นท่านโปรดจงวางใจ” เสียงทุ้มนุ่มฟังแล้วรื่นหูดังออกมาจากชายหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ที่โต๊ะไม่ห่างกัน“แล้วเจ้ามั่นใจได้เยี่ยงไรว่าแม่นางหลูผู้นั้นจะยอมทำตาม” อนุซินยังคงไม่ไว้ใจสตรีของบุตรชาย เพราะเรื่องนี้หากผิดพลาดมีแต่สตรีผู้นั้นที่ต้องเป็นฝ่ายอับอาย“สตรีผู้นั้นลุ่มหลงในหน้าตาและคำหวานของลูกจะตายไป นางย่อมทำตามสิ่งท

    Last Updated : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 6-1 ทำลายแผนการ

    “คารวะคุณหนูใหญ่เจียง คุณหนูรองกู้ เอ่อ…แม่นางใช่คุณหนูรองจวนแม่ทัพใช่หรือไม่เจ้าคะ”หลูเจียงหลีที่มาร่วมงานในวันนี้เช่นกันคำนับสตรีทั้งสามพร้อมทั้งกล่าวทักทายออกมา รอยยิ้มเสแสร้งไม่จริงใจที่นางแสดงออกมาทำให้ซูเยว่ซินรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันที เหตุใดชีวิตก่อนนางถึงได้มองอีกฝ่ายไม่ออกกัน หรือจะเป็นเพราะนางเป็นสตรีที่โง่งมจริงๆ“ตามสบายเถิดแม่นางหลู ใช่แล้วนี่คือพี่หญิงซู คุณหนูรองสกุลซู ตระกูลแม่ทัพที่เพิ่งย้ายเข้ามาประจำการในเมืองหลวงของเรา” กู้มู่หรงกล่าวออกมาอย่างไม่ถือตน นางรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ค่อยชอบหน้าตนนัก เพราะอีกฝ่ายมีไมตรีกับพี่ชายรอง พี่ชายต่างมารดาของนาง“ยินดีที่ได้พบเจ้าค่ะ” หลูเจียงหลีหันไปผูกมิตรกับคุณหนูรองสกุลซูทันที ทว่าสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายที่แสดงออกมานั้นช่างเย็นชายิ่งนัก เพราะสตรีผู้นี้ไม่แม้แต่จะมองหน้านาง หลูเจียงหลีนึกขุ่นเคืองอยู่ภายในใจ ทว่ากลับไม่กล้าที่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา“ท่านแม่ของพวกข้ารออยู่ เห็นทีต้องขอตัวก่อน” คุณหนูใหญ่สกุลเจียงกล่าวออกมา นางไม่อยากแม้แต่จะพูดคุยกับส

    Last Updated : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 7 พยายามตีสนิท

    หลังจากเกิดเหตุการณ์อันน่าอับอายที่สาวรับใช้ของหลูเจียงหลีทำงานผิดพลาด ทำให้ตกลงไปในสระน้ำกลางงานเลี้ยงแล้ว หลูเจียงหลีจึงไม่มีหน้าอยู่ร่วมงานเลี้ยงต่อ นางหาโอกาสแอบหลบเลี่ยงออกจากงานเลี้ยงไปก่อน เพราะเป็นคนที่ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ นางจึงสามารถออกมาจากงานเลี้ยงได้อย่างราบรื่น และพยายามขอพบกับคุณชายรองกู้ ทว่าเขากลับส่งบ่าวรับใช้คนสนิทให้มาบอกกับนางว่า‘ทำงานไม่สำเร็จยังหวังอยากจะพบหน้าข้าอยู่อีกหรือ หากอยากให้ข้าอภัยให้เจ้า ก็จงไปตีสนิทคุณหนูรองสกุลซูเสีย พยายามผูกมิตรกับนางให้จงได้ มิเช่นนั้นก็ไม่ต้องมาพบหน้ากันอีก’ คนสนิทของคุณชายรองกู้อี้เหวินกล่าวจบก็รีบหลบออกไปจากบริเวณนั้นทันทีหลูเจียงหลีรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ที่บุรุษที่นางมอบทั้งความรักและภักดีให้ กลับเห็นนางเป็นแค่เพียงหมากตัวหนึ่ง ที่จะช่วยให้เขามีอำนาจขึ้นมา แม้จะต้องใช้วิธีที่ต่ำช้าก็ตาม“เป็นเพราะเจ้า… หากข้าไม่เห็นว่าเจ้าเป็นสาวรับใช้เพียงหนึ่งเดียวที่ซื่อสัตย์ภักดีต่อข้า คอยปรนนิบัติรับใช้ข้ามาตั้งแต่เยาว์วัย ข้าจะให้ท่านแม่ขายเจ้าออกไปให้หอโคมเขียวเสียให้รู้แล้วรู้รอด”

    Last Updated : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 7 - 1 พยายามตีสนิท

    หลังจากเดินชมนกชมดอกไม้อยู่นานเกือบหนึ่งก้านธูป ซูเยว่ซินจึงไปคารวะมารดาที่เรือนซูอี้ ยามนี้บิดาและพี่ชายไม่อยู่ที่จวน บิดาออกไปสำนักบัญชาการตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนพี่ชายเข้าไปทำหน้าที่องครักษ์ในวังหลวงอยู่หลายวันแล้วยังไม่กลับมา ทำให้นางต้องหมั่นแวะเวียนไปหามารดาเพื่อไม่ให้มารดาต้องรู้สึกเหงาใจเฉกเช่นในชีวิตก่อน“คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ” ร่างระหงย่อกายคำนับมารดา ซูฮูหยินหรือสวีซูหลิงยิ้มแย้มให้บุตรสาวก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ตามสบายเถิดซินเอ๋อร์ ว่าแต่เจ้ากินมื้อเช้ามาแล้วหรือยัง” ซูเยว่ซินเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ แล้วจึงตอบมารดา“กินมาแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ นี่ท่านกำลังทำสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ”“แม่กำลังเย็บปักลายลงบนผ้าม่าน เจ้ามาก็ดีแล้ว มาช่วยแม่สักผืนสองผืนเถิด” เพราะไม่อยากให้มารดาเหงา ซูเยว่ซินจึงพยายามเข้ามามีส่วนร่วมในงานอดิเรกของมารดา“ท่านแม่แน่ใจหรือเจ้าคะ ว่าจะให้ข้าช่วยปักลวดลายลงบนผ้าม่านจริงๆ คราก่อนที่ข้าปักผ้า ท่านพ่อก็ทักว่าเป็ดของข้าขี้เหร่” ซูฮูหยินกับป้ากุยหัวเราะออกม

    Last Updated : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 8 เทศกาลชมจันทร์

    แสงจันทร์ที่ส่องสว่างในค่ำคืนนี้ บ่งบอกให้ได้รู้ว่ายามนี้ถึงเทศกาลชมจันทร์ที่ชาวเมืองต่างเฝ้ารอคอยแล้ว ปีนี้ตลาดตวนอีจัดงานเทศกาลชมจันทร์อย่างครึกครื้น มีทั้งการแสดงจากคณะอุปรากรที่มีชื่อเสียงของโยวโจว และละครหลังม่านจากเจียงซี เพราะยามนี้บ้านเมืองสงบสุข ทำให้ชาวเมืองได้อยู่เย็นเป็นสุข ซูเยว่ซินได้ออกมาเที่ยวชมงานเทศกาลในค่ำคืนนี้พร้อมกับคุณหนูใหญ่สกุลเจียง ทั้งสองอยู่ในวัยไล่เลี่ยกันจึงไม่ยากที่จะเปิดใจคบหากันอีกทั้งยังเป็นความตั้งใจเดิมของซูเยว่ซินอยู่แล้วด้วย ชีวิตก่อนนางไม่มีมิตรมากมายข้างกาย มีเพียงสตรีผู้นั้นผู้เดียวที่คอยอยู่เคียงข้าง นางจึงคิดว่านั่นคือมิตรแท้ ทำให้อีกฝ่ายหลอกใช้ความจริงใจของนาง แทงข้างหลังนางราวกับคนโง่ ชีวิตนี้หรือนางจะใช้ชีวิตเช่นเดิม ผู้ใดแสดงความจริงใจออกมา นางก็เปิดใจคบหาได้อย่างไม่ลังเล คุณหนูทั้งสองตระกูลเดินนำหน้าสาวรับใช้ที่ติดตามพวกตนมาเข้าไปภายในตลาดตวนอี ผู้คุ้มกันรอบกายของคุณหนูใหญ่เจียง ก็คอยระแวดระวังภัยให้คุณหนูทั้งสองไม่ห่าง“ซินเอ๋อร์…เจ้าไม่มีพวกผู้คุ้มกันคอยติดตามมาดูแลหรอกหรือ” คำถามนี้เจียงซีหรูเอ่ยถามซูเยว่ซินตั้งแต่อยู่บนรถม้า ระหว่าง

    Last Updated : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 8 - 1 เทศกาลชมจันทร์

    สตรีทั้งสองรีบออกจากงานเทศกาลไป โดยไม่สนใจบรรยากาศอันน่าสนุกสนานภายในงานอีก หลูเจียงหลีอยากเอาอกเอาใจกู้อี้เหวิน เพราะมีเพียงแต่เขาเท่านั้น ที่จะช่วยให้นางใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลหลูได้อย่างไม่ยากลำบาก และในภายภาคหน้านางก็อาจจะได้เป็นคนที่อยู่เคียงข้างกายของเขา กลายเป็นฮูหยินใหญ่ของสกุลกู้ก็เป็นได้รถม้าของตระกูลหลูถูกบังคับขับเคลื่อนให้ไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูจวนตระกูลกู้ นางให้เถียวเอ๋อร์ลงไปบอกบ่าวผู้คุ้นกันประตูจวน ให้ไปแจ้งคุณชายรองกู้อี้เหวิน ว่าคุณหนูสี่สกุลหลูมาขอพบ พร้อมกับหยิบเงินเพื่อเป็นรางวัลให้อีกฝ่ายไปสองเหวิน บ่าวผู้นั้นจึงรีบเข้าไปรายงานให้คุณชายรองทราบทันที ผ่านไปนานเกือบหนึ่งเค่ออีกฝ่ายจึงกลับออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด“คุณชายรองบอกว่า วันนี้เขาไม่สะดวกที่จะออกมาพบ แต่ว่าวันพรุ่งนี้ยามเซิน ขอเชิญคุณหนูสี่ไปพบคุณชายรองที่โรงเตี๊ยมเซียงซีแทนขอรับ”ครั้นได้ยินเช่นนั้น หลูเจียงหลีจึงยินยอมที่จะกลับไปแต่โดยดี นางรู้ว่ายามนี้อาจจะเป็นเพราะท่านใต้เท้ากู้นั้นกำลังพำนักอยู่ที่จวน ทำให้กู้อี้เหวินไม่สะดวกที่จะออกมาพบหน้านาง เพราะคุณชายรองกู้ไม่ใช่บุตรในภรรยาเอก อีกทั้งยังสอบไม่ติดร

    Last Updated : 2025-01-23

Latest chapter

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนพิเศษ 1 ชีวิตนี้เราเลือกเอง (จบ)

    “เจ้าพูดจริงหรือไม่” กู้มู่อวิ๋นถามตู้ชวนออกมาเพื่อความแน่ใจ เด็กชายตัวน้อยที่อายุน้อยกว่าเขาหนึ่งปีกว่าๆ พยักหน้าขึ้นลง“ตู้ชวน ข้าให้เจ้าคิดดูให้ดี ว่าเจ้าจะทิ้งท่านแม่ของเจ้าไปได้แน่รึ สามปีเชียวนะ…หาใช่สามวัน” กู้มู่อวิ๋นถามย้ำตู้ชวนหันไปมองหน้ามารดา นางมองมายังเขาด้วยแววตาอาวรณ์ ทว่าเขาตระหนักถึงคำสอนของบิดา ว่าพวกเขาเป็นบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์ต่อตระกูลกู้มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษไม่ว่าเจ้านายจะไปที่ใด หากเป็นที่ที่พวกตนสามารถติดตามเข้าไปได้ ก็ต้องติดตามไปรับใช้พวกเขาทุกที่ เด็กชายจดจำคำสอนของบิดาอย่างขึ้นใจ เขาจึงตอบออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนที่จะหันไปคำนับขออนุญาตมารดา“ข้าคิดดีแล้วขอรับ ท่านแม่…โปรดอนุญาตให้ลูกติดตามไปรับใช้คุณชายใหญ่ด้วยเถิดขอรับ”ชิงหลวนน้ำตาซึม บุตรชายยังเยาว์วัยนัก แต่ถ้าหากนางอยากจะให้บุตรชายแข็งแรง และสามารถปกป้องคุณชายใหญ่ได้ในภายภาคหน้า นางก็จำต้องให้เขาไป“แม่อนุญาต” ชิงหลวนตอบบุตรชายกลั้นสะอื้นซูเยว่ซินมองสาวรับใช้คนสนิทด้วยแววตาขอบคุณ กู้มู่เฉินหันไ

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนพิเศษ ชีวิตนี้เราเลือกเอง

    ในช่วงเหมันตฤดู มีหิมะโปรยปรายร่วงหล่นลงมาบนพื้นดิน จนปรากฏให้เห็นภาพขาวโพลน บริเวณลานกว้างในจวนสกุลกู้ ยามนี้มีเด็กชายตัวน้อยสองคน กำลังวิ่งเล่นกันอยู่กลางลานกว้างหน้าเรือน ด้านหลังมีสตรีวัยยี่สิบต้นๆ กับสตรีวัยแรกแย้มอีกสองคนคอยวิ่งตามหลังจนเหนื่อยหอบเสียงหัวเราะสดใสตามวัยดังขึ้นเป็นระยะ บัดนี้กู้มู่อวิ๋น บุตรชายคนโตของท่านราชครูกู้มู่เฉิน กับฮูหยินใหญ่ซูเยว่ซิน ก็ได้เติบโตเข้าสู่วัยเจ็ดปีแล้ว เด็กน้อยเกิดในฤดูหนาว ทำให้เขาคุ้นชินกับสภาพอากาศเช่นนี้และเด็กน้อยอีกคนที่กำลังวิ่งตามหลังเขา นั่นก็คือบุตรชายของตู้จิ้นและชิงหลวน ซึ่งเป็นบ่าวและสาวรับใช้คนสนิทของท่านราชครูและฮูหยินใหญ่ ทั้งคู่แต่งงานกันหลังจากที่ฮูหยินใหญ่ให้กำเนิดคุณชายใหญ่ได้เพียงสามเดือน และไม่นานนัก ชิงหลวนก็ตั้งครรภ์ ทันใช้สมใจของผู้เป็นบิดามารดา ที่ต้องการจะให้ทายาทของตน มาคอยรับใช้คุณชายน้อยต่อไปเช่นกัน“คุณชายใหญ่ ระวังลื่นนะเจ้าคะ” แม่นมกุ้ยร้องตามหลังคุณชายตัวน้อย“ไม่ล้ม…ข้าเก่ง ตู้ชวนเร็วเข้า”กู้มู่อวิ๋นร้องบอกแม่นมขณะที่ยังคงวิ่งวนอยู่บริเวณลานกว้าง

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนพิเศษ 1 จุดจบของผู้ที่ทำชั่ว

    เช้าวันรุ่งขึ้น มีชาวเมืองพบศพของสตรีนางหนึ่ง ที่ลอยไปติดอยู่กับเรือบรรทุกสินค้าของพ่อค้า ที่เดินทางมาค้าขายในเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อคืน ทว่าเขาจอดเรือเทียบท่าเอาไว้ แล้วตนเองไปเข้าพักที่หอชิวเซียน ยามเช้ากลับมาสำรวจเรือตนเอง จึงได้พบศพของสตรี เขาจึงรีบแจ้งให้แก่ทางการได้ทราบครั้นทางการนำศพขึ้นมาแล้วก็พบว่า ผู้ตายเป็นอดีตฮูหยินของกู้อี้เหวิน คุณชายรองสกุลกู้ที่เพิ่งจะป่วยตายจากไปได้ไม่นาน ชาวเมืองหลายคนต่างพากันนึกเวทนา หญิงสาวที่ก่อนหน้าเคยเป็นสตรีที่เพียบพร้อมนางหนึ่ง อยู่ ๆ ก็กลายเป็นคนสติไม่ดี ผู้ใดเลยจะคิดว่าคุณหนูสี่ผู้เย่อหยิ่งแห่งจวนตระกูลหลู จะได้มาพบกับจุดจบที่น่าสังเวชเช่นนี้ซูเยว่ซินนั่งมองดอกบัวหลากสีที่กำลังเบ่งบานอยู่ในสระกลางจวนตระกูลกู้ นางกำลังขบคิดว่า จุดจบที่ชายหญิงสารเลวทั้งสองได้พบเจอ นั้นสาสมกับสิ่งที่พวกเขาเคยกระทำต่อนางและผู้คนที่รักนางในชีวิตก่อนแล้วหรือ ทว่าพอกลับมาคิดดูอีกที หากเรื่องที่นางย้อนเวลากลับมาไม่เคยเกิดขึ้น จะไม่เท่ากับว่านางเองก็เป็นสตรีร้ายกาจ ไม่ต่างจากคนพวกนั้นหรือในระหว่างที่ซูเยว่ซินกำลังว้าวุ่นใจอยู่นั้น กู้มู่เฉินก็เดินเ

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนพิเศษ จุดจบของผู้ที่ทำชั่ว

    หลังจากที่กู้อี้เหวินถูกใต้เท้ากู้ลงโทษตามกฎของตระกูล เขาก็ทนมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน ทว่าก่อนที่เขาจะจากไป เขากลับได้ฝันเห็นเรื่องราวบางอย่าง ช่างเป็นความฝันที่ทำให้เขามีความสุขยิ่งนัก เป็นความฝันที่เขาไม่อาจสัมผัสในชีวิตนี้ในฝันนั้นเขาได้แต่งงานกับซูเยว่ซิน และได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลสมดังใจปรารถนา แต่ทว่าสุดท้ายเขาก็เป็นผู้ที่หยิบยื่นความตายให้แก่นางผู้เป็นภรรยา เพียงเพราะมีสตรีที่คอยช่วยเหลือเขามาตั้งแต่ต้น อย่างหลูเจียงหลีคอยยุยงเขายืมมือมารดาเพื่อกำจัดท่านแม่ใหญ่ เขาหลอกใช้พี่ชายของซูเยว่ซินเพื่อกำจัดกู้มู่เฉิน ครั้นคุณชายใหญ่ซูผู้นั้นกำจัดพี่ชายของเขาสำเร็จ เขาก็จ้างให้นักฆ่าไปสังหารอีกฝ่ายเพื่อปิดปากบิดาของซูเยว่ซินก็เป็นเขา ที่สั่งให้นักฆ่าลอบสังหาร ยามที่อีกฝ่ายต้องเข้าไปปราบโจรในป่า เขาบีบน้องสาวต่างมารดาให้ออกเรือนไปกับขุนนางเฒ่า เพื่อผลประโยชน์ของตระกูล สิ่งที่เขากระทำนั้นช่างชั่วช้ายิ่งนักหากภาพที่เขาเห็นเหล่านี้ เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง ที่อาจจะเป็นชาติภพใดชาติภพหนึ่ง เขาก็ไม่นึกประหลาดใจเลย ว่าเหตุใดชีวิตนี้ซูเยว่ซินถึงได้เลือกที่จะเมินเฉย

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 30 - 1 ก็รับกรรมกันไป

    เช้าวันต่อมา ข่าวการถูกปล้นฆ่าของพ่อลูกตระกูลหลู ก็ถูกเล่าลือเข้ามาในเมืองหลวง หลูเจียงหลีที่ได้ยินข่าวมาจากพวกสาวรับใช้ก็ถึงกับเป็นลมล้มพับไป ยามที่นางฟื้นขึ้นมานางก็ได้แต่นั่งซึม พลางขบคิดอยู่เพียงลำพัง บิดาของนางกับพี่ชายสามถูกลอบสังหาร ฝีมือของผู้ใดกัน กล้าสังหารขุนนางของราชสำนักได้เยี่ยงไร พลันนางก็คิดไปถึงความบาดหมางระหว่างสามีกับบิดา หรือจะเป็นเขากัน หลูเจียงหลีโกรธจนตัวสั่น ทว่านางต้องพยายามทำใจให้สงบ หากนางจะจัดการกับกู้อี้เหวิน นางจะต้องใช้ความเงียบแทนการส่งเสียงให้อีกฝ่ายรู้ตัว“ฟู่เอ๋อร์… เจ้าอยากเป็นภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้าหรือไม่” กู้อี้เหวินเอ่ยถามสตรีที่นอนอยู่ข้างกาย“อยากสิเจ้าคะ ผู้ใดบ้างที่อยากจะให้สามีมีภรรยาหลายคน” นางตอบเขาออกมาอย่างกระตือรือร้น“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องช่วยข้า…จัดการสตรีที่ขวางทางเจ้าอยู่”“น่ะ…นายท่าน…กะ…กล่าวถึง ฮูหยินเล็กรองน่ะหรือเจ้าคะ” ฟู่เอ๋อร์ลุกขึ้น เอ่ยถามเขาออกมาอย่างละล่ำละลัก“ในเรือนนี้จะยังมีผู้ใดอีกเล่า” เขาเอ

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 30 ก็รับกรรมกันไป

    ข่าวที่ฮูหยินเล็กมีครรภ์ถูกกล่าวถึงไปทั่วทั้งจวนตระกูลกู้ เพราะถือเป็นข่าวที่น่ายินดีไม่น้อย ต่างจากเรือนหลงจู้ที่ยังไม่ข่าวดีในเรื่องนี้เสียที จนกู้อี้เหวินทนไม่ไหว สองเดือนก่อนเขาจึงได้ใช้เงินสินเดิมของมารดา ไปไถ่ตัวฟู่เอ่อร์ออกมาจากหอชิวโหรว และซื้อเรือนให้นางอยู่แถวตรอกซืออู้ อีกทั้งยังส่งสาวรับใช้ในเรือนไปคอยรับใช้นางอีกสองสามคน“เจ้าได้ยินมาเช่นนั้นจริงๆ รึ”ตั้งแต่แต่งเข้าจวนตระกูลกู้มา หลูเจียงหลีพยายามตีสนิทพี่สะใภ้ กับแม่เลี้ยงของสามีมาตลอด ทว่าพวกนางกลับแสดงท่าทีเมินเฉยต่อนาง ราวกับว่าไม่อยากทำตัวสนิทสนมกับนางไม่ นางจนใจจึงคิดว่าต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด อีกทั้งนางก็รู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ยามที่นางได้อยู่ใกล้กับพี่สะใภ้ใหญ่ ซึ่งนางก็ไม่รู้ว่าสาเหตุใดที่ทำให้นางรู้สึกเช่นนั้น“ไม่ผิดแน่เจ้าค่ะ สาวรับใช้และบ่าวรับใช้ทุกขั้นได้รับของกำนัลจากนายท่านกันทุกคน ที่เรือนเราก็ได้รับเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ” นางหยิบเหรียญเงินสองเหรียญที่ได้รับมาเป็นรางวัลเช่นกัน ชูให้แก่หลูเจียงหลีดู“เหตุใดข้าถึงได้ไม่ท้องก่อนนาง อืม…แล้ว

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 29 - 1 ชีพจรมงคล

    สองเดือนต่อมาภายในเรือนใหญ่ ท่านใต้เท้ากู้ กู้ฮูหยิน กู้มู่เฉินและสะใภ้ใหญ่ซูเยว่ซิน กำลังนั่งกินมื้อเช้ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ส่วนกู้มู่หรงยามนี้นางยังไม่ตื่นนอน ท่านใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินล้วนแต่ตามใจบุตรี เพราะนางกำลังอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน ให้นอนตื่นสายสักหน่อย ก็ไม่ถือว่าไม่ดีแต่อย่างใด ขอเพียงกู้มู่หรงรู้ถึงสิ่งที่สตรีพึงปฏิบัติ ยามที่นางออกเรือนไปก็เป็นพอยามนี้ที่โต๊ะอาหารทรงกลมจึงมีเพียงใต้เท้ากู้ กู้ฮูหยิน กู้มู่เฉินและซูเยว่ซิน สะใภ้ใหญ่ ที่กำลังนั่งล้อมวงกินอาหารกันอยู่พร้อมหน้า กู้มู่เฉินคอยคีบอาหารใส่ชามของภรรยาอย่างเอาใจ ทั้งท่านใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินต่างพากันยิ้มแย้มออกมาด้วยความสุขใจ ทว่าลึกๆ ในใจต่างคนต่างก็ยังคงมีความรู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อยก็บุตรชายกับสะใภ้ใหญ่ก็แต่งงานกันมานานหลายเดือนแล้ว ทว่าซูเยว่ซินกลับยังไม่มีวี่แววว่าจะมีครรภ์เช่นสะใภ้จวนอื่นเสียที หากความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ไม่ดีเช่นเดียวกับคู่ของกู้อี้เหวินและหลูเจียงหลี ที่เอาแต่ทะเลาะกันอยู่ทุกวัน ทั้งท่านใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินก็จะไม่หวังเรื่องทายาทสืบสกุลจากทั้งคู่เลย ทว่าบุตรชา

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 29 ชีพจรมงคล

    ในช่วงเวลานี้ของชีวิตก่อน เป็นช่วงเวลาที่บิดาและพี่ชายของซูเยว่ซินถูกสังหาร ทว่ายามนี้ผู้ที่ได้รับกรรมนั้นไป กลับกลายเป็นท่านใต้เท้าซิน และคุณชายใหญ่ซินอี้ฉู ผู้ที่เป็นท่านตาและท่านลุงของกู้อี้เหวินนั่นเอง นางได้ยินมาว่าสองพ่อลูกใช้อำนาจ จากการแอบอ้างชื่อเสียงของท่านใต้เท้ากู้ ไปรับเงินติดสินบนจากพวกผู้กระทำผิด และรีดไถเงินของพวกชาวบ้าน พวกเขาทำกันมานานจนในที่สุด ท่านใต้เท้ากู้ก็อดทนต่อความโลภมากของพวกเขาไม่ไหว จึงได้รวบรวมหลักฐานแล้วแจ้งเรื่องนี้ให้แก่ทางการ จนสองพ่อลูกริบทรัพย์และเนรเทศออกจากเมืองหลวงไปยังเมืองโหย่วชิงระหว่างทางกลุ่มของผู้ถูกเนรเทศก็พยายามหลบหนี สองพ่อลูกโชคดีที่หลบหนีไปได้ แต่ทว่าโชคไม่ดีที่พวกเขาไปเจอกับพวกโจรเข้า ทั้งสองต่างก็ไม่มีทรัพย์สมบัติใดให้พวกโจรปล้นชิง จึงถูกพวกโจรปล้นชิงชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกเขาไปแทน สองพ่อลูกสิ้นใจตายอย่างอนาถ เป็นอันจบสิ้นคนตระกูลซิน เหลือเพียงกู้อี้เหวิน ที่ถึงขั้นยอมตัดขาดกับตระกูลเดิมของมารดา เพียงเพราะฝั่งนั้นมีคดีติดตัวพ่อสามีของซูเยว่ซินที่ยามนี้ยังมีชีวิตอยู่ดี ก็คงจะเป็นเพราะภรรยาไม่ได้จากไปเฉกเช่นในชีวิตก่อน คน

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 28 - 1 ค่อยๆคืนสนอง

    หลูเจียงหลีมองหญิงคณิกาที่นั่งตัวสั่นอยู่บนเตียงด้วยแววตาดูถูก ทว่าเพียงแวบเดียวนางกลับเห็นแววตาเย้ยหยันของอีกฝ่ายที่มองมายังนาง ก่อนที่หญิงคณิกาผู้นั้นจะก้มหน้าลงร่ำไห้ออกมา หลูเจียงหลีรู้แล้วว่านางผู้นี้หาใช่สตรีที่จะรับมือด้วยได้ง่าย ขอแค่ให้ผ่านค่ำคืนนี้ไป สถานะของนางในจวนตระกูลกู้มั่นคง มีหรือที่นางจะจัดการแม้กระทั่งหญิงคณิกาที่ต่ำต้อยเพียงนางเดียวไม่ได้กู้อี้เหวินจ้องบ่าวรับใช้คนสนิทด้วยสายตาตำหนิ ครานี้อีกฝ่ายทำงานผิดพลาด เห็นทีผ่านคืนนี้ไปเขาต้องสั่งโบยเพื่อให้หลาบจำ จะได้ไม่ปล่อยให้เขาได้พบเจอกับเรื่องที่อับอายเช่นนี้อีก ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่บนรถม้าที่มีหลูเจียงหลีนั่งมองมายังเขา กู้อี้เหวินทอดถอนใจออกมา ก่อนที่จะเอ่ยปากบอกนางตรงๆ“ไหนๆ เจ้าก็แต่งเข้ามาเป็นภรรยาเอกของข้าแล้ว หลังจากนี้ไป ข้าจะรับอนุภรรยาเข้ามา” หลูเจียงหลีถึงกับตะลึงในคำพูดของผู้เป็นสามี“แต่เราเพิ่งจะแต่งงานกันนะเจ้าคะ พี่ชายใหญ่ของท่านแต่งก่อนท่านตั้งหลายเดือนด้วยซ้ำ แต่เขายังไม่มีวี่แววที่จะรับอนุภรรยาเลย นอกเสียจากว่าข้ามีครรภ์ นั่นถึงจะเป็นเหตุผลที่ดีหากท่านต้องการจะรับ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status