Share

ตอนที่ 5 พบเจอ

last update Last Updated: 2025-01-22 13:49:26

เช้าวันต่อมาซูเยว่ซินขออนุญาตมารดาออกไปเที่ยวที่ตลาดตวนอี เพราะอยากจะหาซื้อของกำนัลให้แก่กู้ฮูหยินในวันงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศ ที่ตระกูลของนางได้รับเทียบเชิญให้ไปเข้าร่วม งานนี้จะเป็นงานแรกที่ครอบครัวของนางจะได้พบปะบรรดาขุนนางและฮูหยินของขุนนางเหล่านั้นเพื่อเป็นการผูกไมตรี ซูฮูหยินเห็นดีเห็นงามที่บุตรสาวจะออกไปหาเลือกซื้อของกำนัล จึงมอบเงินให้แก่บุตรสาวไป และกำชับสาวรับใช้คนสนิทของซูเยว่ซิน ว่าให้พวกนางดูแลคุณหนูรองให้ดี ทั้งนายทั้งบ่าวรวมสี่คน จึงนั่งรถม้าออกจากจวนตระกูลซูไปในปลายยามเซิน

ออกจากจวนมาได้ไม่นานเท่าใดนัก รถม้าก็หยุดนิ่งอยู่ที่หน้าโรงเตี๊ยมเซียงซี สตรีทั้งสี่ลงมาจากรถม้าตามลำดับ ซูเยว่ซินก็ไม่ถามไถ่ผู้ใดให้มากความ นางเดินตรงไปยังร้านขายเครื่องประดับชิวจี้ทันที สาวรับใช้ทั้งสามติดตามคุณหนูรองไปไม่ห่าง หญิงสาววัยแรกแย้มที่มีรูปโฉมงดงาม แต่งกายด้วยเป้ยจึสีชมพู ชายผ้าปลิวสไวยามที่นางเยื้องย่าง ทำให้ผู้คนที่กำลังผ่านไปผ่านมา อดที่จะเหลียวมองนางอย่างชื่นชมไม่ได้ และทุกย่างก้าวของนาง ตกอยู่ในสายตาของบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังนั่งจิบชาอยู่บนหอจิ่วซา เขามองตามนางไปด้วยแววตาสนใจ

“คุณชายใหญ่ขอรับ…นั่นใช่น้องสาวของคุณชายใหญ่ซูเยว่คงใช่หรือไม่ขอรับ” ตู้จิ้น บ่่าวรับใช้คนสนิทเอ่ยทักขึ้นมาหลังจากที่มองตามสายตาของผู้เป็นนายไป

วันนี้หลังออกมาจากสำนักศึกษา ตู้จิ้นก็นึกประหลาดใจ ว่าเหตุใดคุณชายใหญ่ถึงยังไม่กลับจวน แต่ทว่าเลือกมานั่งจิบชาพลางมองผู้คนที่เดินอยู่บนถนนในตลาดตวนอี หรือที่แท้คุณชายใหญ่มีแผนการใดอยู่ในใจ แต่ก่อนที่เขาจะคิดไปไกล คุณหนูรองที่มาพร้อมกับสาวรับใช้และผู้คุ้มกัน ก็เข้ามาภายในห้องรับรองของโรงน้ำชานี้อย่างไม่ทันตั้งตัว

“ท่านพี่ใหญ่ ท่านเรียกข้ามาที่หอจิ่วซาด้วยเหตุใดกันรึ” นั่งถามพี่ชายออกมา ก่อนที่จะนั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“เจ้าลืมไปแล้วหรือไร ว่าอีกไม่กี่วันจวนของเราก็จะจัดงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศแล้ว วันนั้นจะมีบรรดาฮูหยินและคุณหนูจากหลายตระกูลมาร่วมงานมากมาย เจ้าไม่อยากซื้อเครื่องประดับ หรืออาภรณ์ใหม่เพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้แก่ตระกูลกู้ของเราหรอกรึ”

คำตอบของพี่ชายทำให้นางรู้สึกประหลาดใจ ปกติเขาไม่เคยจะมาสนใจ หรือใส่ใจเรื่องหยุมหยิมเหล่านี้ ทว่าเหตุใดครานี้เขาถึงได้สนใจนางกันเล่า หรือว่าพี่ชายใหญ่มีสิ่งใดแอบแฝง นางมองเขาอย่างระแวดระวังก่อนที่จะกล่าวออกมา

“ท่านพี่ใหญ่ ท่านแปลกๆ ไปนะเจ้าคะ”

กู้มู่หรงยกน้ำชาขึ้นมาจิบพลางลอบสังเกตใบหน้าพี่ชาย ทว่าอีกฝ่ายกลับแสดงสีหน้าออกมาเป็นปกติ แม้พี่ชายของนางจะรูปงาม ทว่าใบหน้าของเขานั้นมองแล้วให้ความรู้สึกเยือกเย็นอยู่หลายส่วน ด้วยบุคลิกที่เป็นคนสุขุม สมกับเป็นบัณฑิตจิ้นซื่อที่มีอายุน้อย

“เจ้าเป็นน้องสาวพี่ พี่จึงไม่อยากให้เจ้าต้องน้อยหน้ากว่าผู้ใด อย่าคิดให้มันซับซ้อนวุ่นวาย พี่จะพาเจ้าไปเลือกเครื่องประดับที่ร้านชิวจี้เอง”

ครั้นได้ยินเช่นนั้น กู้มู่หรงก็พยักหน้าแล้วยิ้มออกมาให้กับความใจดีของพี่ชาย สองพี่น้องจึงออกจากหอจิ่วซา มุ่งหน้าไปยังร้านขายเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงของตลาดตวนฉีแห่งนี้ด้วยกัน

ร่างระหงในชุดเป้ยจึสีชมพูอ่อน กำลังยืนเลือกเครื่องประดับเป็นกำไลหยกจักรพรรดิ กับกำไลหยกเหอเถียนอยู่อย่างลังเล ด้วยในชีวิตก่อนนางพอจะได้รู้มาบ้างแล้วว่า กู้ฮูหยินนั้นชื่นชอบสะสมกำไลหยกมากเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นหยกเหอเถียน หรือหยกมิ่งจูล้วนถูกใจนางทั้งสิ้น ทำให้การมาเลือกของกำนัลในวันที่ครอบครัวของนาง ต้องไปร่วมงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศที่จวนตระกูลกู้ เป็นเรื่องที่ง่ายดายนัก ทว่าในยามนี้นางกลับตัดสินใจเลือกกำไลหยกสองชิ้นนี้ไม่ได้เสียที

“คุณหนูรู้จักร้านชิวจี้ด้วยหรือเจ้าคะ”

ชิงหลัวเอ่ยถามออกมาด้วยความประหลาดใจ เพราะนางรู้มาว่า คุณหนูรองไม่ได้มาเยือนเมืองหลวงนานนับสิบปีแล้ว หากเป็นเช่นนั้นแล้วเหตุใดคุณหนูรองถึงรู้จักร้านขายเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวงแห่งนี้ได้

“พี่ชายใหญ่บอกข้ามาน่ะ ข้าเป็นคนช่างสังเกต เดินตามหนทางที่เขาบอก ก็มาเจอร้านนี้”

ความเฉลียวฉลาดของคุณหนูรอง มีหรือที่ชิงหลวนซึ่งติดตามนางมานานจะไม่รู้ นางหาได้นึกแปลกใจเช่นเดียวกับสองสาวรับใช้รุ่นน้องไม่

ในขณะที่ซูเยว่ซินกำลังเลือกหยกเหอเถียนอยู่นั้น คุณชายใหญ่และคุณหนูรองสกุลกู้ พร้อมทั้งผู้ติดตามก็พากันเข้ามาภายในร้านเช่นกัน เสียงของเถ้าแก่เจ้าของร้านทักทายสองพี่น้องด้วยความนอบน้อมยินดี ซูเยว่ซินครั้นได้ยินว่าลูกค้าที่เข้ามาใหม่คือผู้ใด นางก็หันไปมองทั้งสองคนอย่างตกตะลึง ชีวิตก่อนนางหาได้พบเจอกับสองพี่น้องในร้านชิวจี้แห่งนี้ไม่ เหตุใดวันนี้ทั้งสองคนถึงมาเยือนที่นี่ได้ หัวใจของนางพลันเต้นแรง

นางสำรวจมองใบหน้าของชายหนุ่มที่กำลังยิ้มแย้มพูดคุยกับเจ้าของร้าน ก็ทำให้นางอดที่จะคิดถึงเรื่องราวในชีวิตก่อนไม่ได้ ความรู้สึกที่ทั้งเสียดาย และรู้สึกผิดตีกันจนทำให้นางรู้สึกสับสนวุ่นวายใจ กู้มู่เฉิน ทั้งเป็นคนดี สุภาพและรูปงามถึงเพียงนี้ เหตุใดชีวิตก่อนนางถึงได้มองข้ามเขาไปกัน ในระหว่างที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ สายตาคมของคุณชายใหญ่สกุลกู้ ก็สบเข้ากับนัยน์ตากลมโตของซูเยว่ซินพอดี นางจึงต้องรีบหลบตาเขา แล้วหันไปสนใจเลือกกำไลหยกตรงหน้าราวกับว่าไม่ได้สนใจอีกฝ่าย

“คุณชายใหญ่กู้กับคุณหนูรองกู้อยากได้เครื่องประดับแบบใดหรือขอรับ”

เจ้าของร้านสอบถามลูกค้าทั้งสองอย่างประจบเอาใจ เพราะผู้ใดก็รู้ว่าตระกูลกู้นั้นเป็นหนึ่งในตระกูลที่มั่งคั่งของเมืองหลวง เพราะฮูหยินใหญ่มาจากตระกูลคหบดีเก่า มีสินเดิมยามที่แต่งเข้าจวนตระกูลกู้มากมายก่ายกอง แล้วบุตรชายกับบุตรสาวแท้ๆ ของนาง จะถูกผู้คนมองข้ามได้เยี่ยงไร

“ท่านพี่ใหญ่…ข้าอยากได้ต่างหูเจ้าค่ะ” กู้มู่หรงออดอ้อนพี่ชายออกมา เขาหันกลับมามองหน้านาง ใบหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนโยนพลางกล่าว

“ถ้าเช่นนั้นพี่จะซื้อให้เจ้าสักสองคู่ดีหรือไม่” เด็กหญิงวัยสิบสามปีพยักหน้าขึ้นลงอย่างดีใจ ริมฝีปากจิ้มลิ้มก็ฉีกยิ้มกว้างออกมา

เจ้าของร้านเห็นเช่นนั้น จึงเดินนำหน้าสองพี่น้องไปยังตู้ที่มีต่างหูให้เลือกดูมากมาย กู้มู่เฉินลอบมองสตรีที่กำลังเลือกกำไลหยกอยู่โดยไม่มีผู้ใดได้ทันสังเกต กู้มู่หรงเลือกต่างหูไปพลางสอบถามความเห็นของเขาไป ทว่ากลับมีอยู่หลายคราที่นางมองตามสายตาของผู้เป็นพี่ชายไป จนได้พบว่าใจเขากำลังจดจ่ออยู่ที่ใด พี่ชายของนางกำลังสนใจสตรีที่มีรูปโฉมงดงามปานเทพธิดา แม้แต่นางเองก็ยังแทบจะละสายตาจากอีกฝ่ายไม่ได้ ริมฝีปากจิ้มลิ้มฉีกยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วจึงรีบผละจากพี่ชาย เดินไปยังโต๊ะที่มีกำไลหยกอยู่เรียงรายทันที

ซูเยว่ซินรู้สึกใจเต้นแรงจนแทบจะไม่มีสมาธิเลือกกำไลหยกตรงหน้า ในขณะที่นางตัดสินใจเลือกได้แล้ว ให้สาวรับใช้คนสนิทนำไปจ่ายเงิน และกำลังจะเดินออกจากร้านไป เสียงเล็กของคุณหนูรองสกุลกู้ ก็ดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้ซูเยว่ซินต้องชะงักเท้าแล้วหันกลับไปมอง กู้มู่เฉินกำลังจะเข้ามาหาน้องสาวเพื่อห้ามไม่ให้เสียมารยาท ทว่ากลับไม่ทันการณ์

“พี่สาวท่านนี้ ท่านเป็นคุณหนูจากตระกูลใดหรือเจ้าคะ”

ซูเยว่ซินไม่ถือสาน้องสาวของคุณชายใหญ่กู้ เพราะชีวิตก่อนนางเองก็รู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายเช่นกัน นางจึงส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน แล้วตอบคำถามของกู้มู่หรงออกมา

“น้องสาว… ข้ามาจากตระกูลซู เพิ่งจะย้ายมาอยู่ในเมืองหลวงนี้ได้ไม่นาน”

กู้มู่หรงรู้สึกชื่นชอบสตรีตรงหน้ายิ่งนัก แววตาของอีกฝ่ายแสดงออกมาถึงความจริงใจ รอยยิ้มก็ไม่เสแสร้งแกล้งทำ ทำให้นางนึกชื่นชมพี่ชายที่สายตาดี

“ตระกูลซู…พี่ชายใหญ่เจ้าคะ ตระกูลซูคือตระกูลของท่านแม่ทัพ ที่เพิ่งจะย้ายมาประจำการที่เมืองหลวงใช่หรือไม่เจ้าคะ” นางกล่าวทวนนามตระกูลของสตรีตรงหน้า ก่อนที่จะหันกลับไปถามพี่ชายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ขออภัยคุณหนูรองซู น้องสาวข้าเสียมารยาทต่อเจ้าแล้ว” กู้มู่เฉินไม่ตอบน้องสาว ทว่าหันไปกล่าวขออภัยต่อสตรีตรงหน้า ด้วยน้ำเสียงสุภาพแทน ซูเยว่ซินส่ายหน้าไปมาพลางกล่าว

“ไม่เสียมารยาทเลยเจ้าค่ะ อืม…ข้าขอบน้ำใจคุณชายใหญ่ เรื่องพู่หยกด้วยนะเจ้าคะ”

ไหนๆ วันนี้ก็ได้พบเขากับตัวแล้ว ซูเยว่ซินจึงถือโอกาสนี้ขอบน้ำใจเขาต่อหน้าเสียเลย สำหรับพู่หยกที่เขาฝากพี่ชายมามอบให้แก่นางในวันปักปิ่นที่ผ่านมา กู้มู่หรงรู้สึกงุนงง พลางมองหน้าทั้งสองสลับกัน

“ท่านทั้งสองรู้จักกันมาก่อนหรือเจ้าคะ” สองหนุ่มสาวส่ายหน้าพร้อมกัน ก่อนที่กู้มู่เฉินจะกล่าว

“พี่กับพี่ชายของคุณหนูรองสกุลซูเป็นสหายกัน เมื่อวานได้มีโอกาสไปเยือนจวนตระกูลซู จึงได้รู้ว่าแม่นางน้อยเข้าพิธีปักปิ่นเมื่อวาน พอดีว่ายามนั้นพี่ไม่มีสิ่งใดติดตัว จึงได้มอบพู่หยกที่มีอยู่ให้แก่นางเป็นของกำนัล”

กู้มู่หรงตาโต ในใจตื่นเต้นยินดี ก่อนที่จะหันไปมองเจ้าของดวงหน้างาม ที่ยามนี้ใบหน้าของนางก็ยังคงมีแต่รอยยิ้มอย่างเป็นมิตรส่งมาให้ เรื่องนี้เห็นทีต้องนำไปเล่าให้มารดาฟังเสียแล้ว กู้มู่หรงเห็นว่าไหนๆ อีกฝ่ายก็เป็นน้องสาวของสหายสนิทพี่ชาย นางจึงรั้งซูเยว่ซินให้ช่วยนางเลือกต่างหูอย่างออดอ้อน พี่สาววัยสิบห้านึกเอ็นดูน้องสาววัยสิบสามอยู่ไม่น้อยจึงไม่ปฏิเสธ อยู่ช่วยอีกฝ่ายจนเลือกต่างหูเสร็จจึงกล่าวขอตัว

คราแรกกู้มู่หรงอยากจะรั้งให้อีกฝ่ายเดินเที่ยวชมตลาดด้วยกันก่อน ทว่าพี่ชายกลับตำหนินางว่าอย่าเสียมารยาท สุดท้ายกู้มู่หรงจึงตัดใจยอมปล่อยซูเยว่ซินให้กลับไป ก่อนจะจากกันซูเยว่ซินก็ไม่ลืมที่จะบอกคุณหนูรองสกุลกู้ ว่านางและครอบครัวจะไปเยือนที่จวน ในเทศกาลชมดอกเบญจมาศที่กู้ฮูหยินเป็นเจ้าภาพอย่างแน่นอน และนั่นยิ่งทำให้กู้มู่หรงรู้สึกยินดีและดีใจเป็นอย่างมาก จึงยอมปล่อยพี่สาวที่นางชอบไปแต่โดยดี

“หรงเอ๋อร์… วันนี้เจ้าเสียมารยาทกับคุณหนูรองซูยิ่งนัก เจ้ารู้ตัวหรือไม่”

กู้มู่เฉินตำหนิน้องสาวขณะที่นั่งอยู่บนรถม้าที่กำลังมุ่งหน้ากลับจวนตระกูลกู้ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดเช่นไร แม้การที่นางแสดงออกมา ว่ายินดีที่ได้ใช้เวลาร่วมกันกับน้องสาวของเขา ทว่าในใจของนางผู้ใดเล่าจะรู้

“เสียมารยาทอันใดกันเจ้าคะ ข้าไม่ได้บังคับนางเสียหน่อย อีกอย่างข้าชอบนางจึงอยากใช้เวลาเที่ยวเล่นกับนาง ข้าผิดด้วยหรือเจ้าคะ” น้ำเสียงที่ดังออกมาจากเจ้าของดวงหน้างามฟังดูแล้วให้ความรู้สึกปวดใจ

กู้มู่เฉินถอนหายใจออกมา เป็นเขาเองมิใช่หรอกหรือ ที่อยากจะเข้าไปอยู่ในสายตาของอีกฝ่าย ถึงได้ดึงให้น้องสาวมาร่วมเดินบนเส้นทางนี้ด้วย แล้วเขาจะตำหนินางได้เยี่ยงไร ในเมื่อใจจริงแล้ว เขาอยากให้น้องสาวและสตรีผู้นั้นมีไมตรีที่ดีต่อกัน

“เอาล่ะ…เอาล่ะ คราหน้า หากได้พบหน้านางอีก ก็มีมารยาทให้มากขึ้นหน่อย อย่ารบเร้านางให้มากนัก ข้าเกรงว่าจากที่นางรู้สึกเอ็นดูเจ้า อาจจะเปลี่ยนเป็นรู้สึกรำคาญเจ้าเอาได้”

กู้มู่หรงพยักหน้าขึ้นลงอย่างรู้ความ นางเชื่อว่านางมองคนไม่ผิด และถึงอย่างไรแล้ว พี่หญิงซูผู้นั้นก็คือหนึ่งในสตรีที่นางหมายตา ให้มาเป็นพี่สะใภ้ของนางในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน ส่วนพี่ชายต่างมารดาอีกคน นางไม่เคยคิดแม้แต่จะใส่ใจ ไม่ว่าเขาจะแต่งงานกับผู้ใด เขาก็เป็นเพียงได้แค่ผู้อาศัยอยู่ในจวนอยู่ดี

ทางด้านซูเยว่ซินก็รู้สึกประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้อยู่ไม่น้อย ในชีวิตก่อนนางหาได้พบกับสองพี่น้องในร้านชิวจี้ไม่ เหตุการณ์เปลี่ยนไปจากเดิมเยี่ยงนี้ทำให้นางรู้สึกสับสนอยู่ภายในใจไม่น้อย แล้วเหตุการณ์ที่สตรีผู้นั้นจะใส่ร้ายคุณหนูรองสกุลกู้จะยังเกิดขึ้นหรือไม่ นางก็ชักจะไม่แน่ใจเสียแล้ว ในขณะที่นางกำลังนั่งเงียบ สามสาวรับใช้ก็พูดคุยกันถึงคุณหนูรองสกุลกู้

“คุณหนูรองสกุลกู้ผู้นั้น นางเป็นเด็กนิสัยดีอยู่ไม่น้อยเจ้าค่ะ ข้าน้อยเคยได้พบนางตักข้าวต้มแจกผู้ยากไร้ในโรงทานของตระกูลกู้เมื่อปีก่อน ยามนั้นนางยังเด็กกว่านี้นัก” ชิงหรงเล่าถึงอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงชื่นชม

ทำไมซูเยว่ซินจะไม่รู้ว่าสองพี่น้องสกุลกู้นั้นเป็นคนดีมากเพียงใด หากในชีวิตก่อนนางได้พบกับคุณหนูรองกู้มู่หรงก่อนได้พบกับสตรีผู้นั้นเช่นในชีวิตนี้ บางทีนางอาจจะไม่เชื่อเรื่องที่หลูเจียงหลี ใส่ร้ายว่าคุณหนูรองกู้มู่หรง ตั้งใจผลักตนเองให้ตกน้ำ ในวันงานชมดอกเบญจมาศที่จวนตระกูลกู้ก็ได้ เพราะชีวิตก่อนนางถูกสตรีผู้นั้นปิดบังอำพราง อีกทั้งนางก็มีสายตาที่คับแคบ ครั้นได้คบหากับสตรีผู้นั้นก็ยิ่งถูกอีกฝ่ายปิดหูปิดตา ลองมาคิดๆ ดูแล้ว ชีวิตก่อนของนางก็ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก

“ข้าน้อยสังเกตเห็นสายตาของคุณชายใหญ่สกุลกู้ที่มองมายังคุณหนูรองของเรา ช่างสื่อได้หลากหลายอารมณ์เหลือเกินเจ้าค่ะ” ชิงหลวนหันมาบอกกับคุณหนูรองของนาง ซูเยว่ซินที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดก็พลันได้สติกลับคืนมา นางจ้องหน้าสาวรับใช้คนสนิท ก่อนที่จะถาม

“อารมณ์เช่นไรรึ” ชิงหลวนยิ้มออกมาก่อนที่จะตอบเสียงอ้อมแอ้ม

“ตัดพ้อ อาวรณ์ ห่วงหา ลุ่มหลง” หัวใจของซูเยว่ซินเต้นแรงพลันใบหน้างามเห่อร้อน ความรู้สึกที่ชิงหลวนกล่าวออกมานั้น เป็นเขาที่แสดงออกมาจริงๆ น่ะหรือ แต่นางกับเขาเพิ่งจะได้พบกัน และเขายังไม่มีความรู้สึกใดๆ ให้นางเลยด้วยซ้ำ แล้วอารมณ์ที่แสดงออกมาผ่านแววตาเหล่านี้คือสิ่งใดกัน

“เหลวไหล!!! ข้ากับเขาเพิ่งจะพบหน้ากัน เจ้าทั้งสามอย่าได้เอาไปพูดที่ใดเชียว ผู้อื่นได้ยินแล้วจะพากันเข้าใจผิดเอาได้”

นางแสร้งตำหนิชิงหลวนออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกสับสนภายในใจของตนเอง สาวรับใช้ทั้งสามกลั้นยิ้มพลางรับคำ ซูเยว่ซินจึงเลิกสนใจแล้วมองออกไปยังหน้าต่างรถม้าผ่านผ้าม่านผืนบาง ถึงนางจะมีความหวังให้เขามีใจให้นางเช่นในชีวิตก่อนเยี่ยงไร

ทว่านางก็ยังคิดว่ามันเร็วเกินไป ที่เขาจะมามีใจให้แก่นางเช่นกัน ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย ว่าคนที่เพิ่งพบกัน จะแสดงแววตาเช่นเดียวกับที่ชิงหลวนได้กล่าว ต้องเป็นสาวรับใช้ของนางที่มองผิดไปเป็นแน่ ซูเยว่ซินรู้สึกสับสนอยู่ภายในใจ ก่อนที่นางจะพยายามทำจิตใจให้สงบ เลิกสนใจคุณชายใหญ่สกุลกู้ไปชั่วคราว และหันกลับไปสนใจคิดวิธีการล่มแผนการของสตรีผู้นั้น ในวันงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศที่ใกล้เข้ามาทุกทีแทน

Related chapters

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 6 ทำลายแผนการ

    หกวันหลังจากที่ซูเยว่ซินได้พบกับสองพี่น้องตระกูลกู้ที่ตลาดตวนอี เทศกาลชมดอกเบญจมาศประจำปีของเมืองหลวงก็เวียนมาถึง จวนใหญ่ๆ ต่างจัดงานชมดอกเบญจมาศอย่างไม่ให้น้อยหน้าผู้ใด จวนสกุลกู้เองก็เช่นกัน มีเพียงสองแม่ลูกที่กำลังนั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่ภายในเรือนของตน เพราะเป็นอนุภรรยาและบุตรที่เกิดจากอนุภรรยา จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปร่วมงาน กู้อี้เหวินรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา ทว่าเขากลับไม่เคยยอมแพ้ ที่จะป่ายปีนขึ้นไปยังตำแหน่งที่สูง“เหวินเอ๋อร์… เรื่องที่แม่บอกเจ้า เจ้านำไปบอกแม่นางสกุลหลูแล้วหรือยัง” อนุซิน หรือซินอี้ถงเอ่ยถามบุตรชายออกมา สายตาก็หาได้ละจากผ้าในมือไม่“บอกแล้วขอรับท่านแม่ เรื่องนั้นท่านโปรดจงวางใจ” เสียงทุ้มนุ่มฟังแล้วรื่นหูดังออกมาจากชายหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ที่โต๊ะไม่ห่างกัน“แล้วเจ้ามั่นใจได้เยี่ยงไรว่าแม่นางหลูผู้นั้นจะยอมทำตาม” อนุซินยังคงไม่ไว้ใจสตรีของบุตรชาย เพราะเรื่องนี้หากผิดพลาดมีแต่สตรีผู้นั้นที่ต้องเป็นฝ่ายอับอาย“สตรีผู้นั้นลุ่มหลงในหน้าตาและคำหวานของลูกจะตายไป นางย่อมทำตามสิ่งท

    Last Updated : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 6-1 ทำลายแผนการ

    “คารวะคุณหนูใหญ่เจียง คุณหนูรองกู้ เอ่อ…แม่นางใช่คุณหนูรองจวนแม่ทัพใช่หรือไม่เจ้าคะ”หลูเจียงหลีที่มาร่วมงานในวันนี้เช่นกันคำนับสตรีทั้งสามพร้อมทั้งกล่าวทักทายออกมา รอยยิ้มเสแสร้งไม่จริงใจที่นางแสดงออกมาทำให้ซูเยว่ซินรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันที เหตุใดชีวิตก่อนนางถึงได้มองอีกฝ่ายไม่ออกกัน หรือจะเป็นเพราะนางเป็นสตรีที่โง่งมจริงๆ“ตามสบายเถิดแม่นางหลู ใช่แล้วนี่คือพี่หญิงซู คุณหนูรองสกุลซู ตระกูลแม่ทัพที่เพิ่งย้ายเข้ามาประจำการในเมืองหลวงของเรา” กู้มู่หรงกล่าวออกมาอย่างไม่ถือตน นางรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ค่อยชอบหน้าตนนัก เพราะอีกฝ่ายมีไมตรีกับพี่ชายรอง พี่ชายต่างมารดาของนาง“ยินดีที่ได้พบเจ้าค่ะ” หลูเจียงหลีหันไปผูกมิตรกับคุณหนูรองสกุลซูทันที ทว่าสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายที่แสดงออกมานั้นช่างเย็นชายิ่งนัก เพราะสตรีผู้นี้ไม่แม้แต่จะมองหน้านาง หลูเจียงหลีนึกขุ่นเคืองอยู่ภายในใจ ทว่ากลับไม่กล้าที่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา“ท่านแม่ของพวกข้ารออยู่ เห็นทีต้องขอตัวก่อน” คุณหนูใหญ่สกุลเจียงกล่าวออกมา นางไม่อยากแม้แต่จะพูดคุยกับส

    Last Updated : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 7 พยายามตีสนิท

    หลังจากเกิดเหตุการณ์อันน่าอับอายที่สาวรับใช้ของหลูเจียงหลีทำงานผิดพลาด ทำให้ตกลงไปในสระน้ำกลางงานเลี้ยงแล้ว หลูเจียงหลีจึงไม่มีหน้าอยู่ร่วมงานเลี้ยงต่อ นางหาโอกาสแอบหลบเลี่ยงออกจากงานเลี้ยงไปก่อน เพราะเป็นคนที่ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ นางจึงสามารถออกมาจากงานเลี้ยงได้อย่างราบรื่น และพยายามขอพบกับคุณชายรองกู้ ทว่าเขากลับส่งบ่าวรับใช้คนสนิทให้มาบอกกับนางว่า‘ทำงานไม่สำเร็จยังหวังอยากจะพบหน้าข้าอยู่อีกหรือ หากอยากให้ข้าอภัยให้เจ้า ก็จงไปตีสนิทคุณหนูรองสกุลซูเสีย พยายามผูกมิตรกับนางให้จงได้ มิเช่นนั้นก็ไม่ต้องมาพบหน้ากันอีก’ คนสนิทของคุณชายรองกู้อี้เหวินกล่าวจบก็รีบหลบออกไปจากบริเวณนั้นทันทีหลูเจียงหลีรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ที่บุรุษที่นางมอบทั้งความรักและภักดีให้ กลับเห็นนางเป็นแค่เพียงหมากตัวหนึ่ง ที่จะช่วยให้เขามีอำนาจขึ้นมา แม้จะต้องใช้วิธีที่ต่ำช้าก็ตาม“เป็นเพราะเจ้า… หากข้าไม่เห็นว่าเจ้าเป็นสาวรับใช้เพียงหนึ่งเดียวที่ซื่อสัตย์ภักดีต่อข้า คอยปรนนิบัติรับใช้ข้ามาตั้งแต่เยาว์วัย ข้าจะให้ท่านแม่ขายเจ้าออกไปให้หอโคมเขียวเสียให้รู้แล้วรู้รอด”

    Last Updated : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 7 - 1 พยายามตีสนิท

    หลังจากเดินชมนกชมดอกไม้อยู่นานเกือบหนึ่งก้านธูป ซูเยว่ซินจึงไปคารวะมารดาที่เรือนซูอี้ ยามนี้บิดาและพี่ชายไม่อยู่ที่จวน บิดาออกไปสำนักบัญชาการตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนพี่ชายเข้าไปทำหน้าที่องครักษ์ในวังหลวงอยู่หลายวันแล้วยังไม่กลับมา ทำให้นางต้องหมั่นแวะเวียนไปหามารดาเพื่อไม่ให้มารดาต้องรู้สึกเหงาใจเฉกเช่นในชีวิตก่อน“คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ” ร่างระหงย่อกายคำนับมารดา ซูฮูหยินหรือสวีซูหลิงยิ้มแย้มให้บุตรสาวก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ตามสบายเถิดซินเอ๋อร์ ว่าแต่เจ้ากินมื้อเช้ามาแล้วหรือยัง” ซูเยว่ซินเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ แล้วจึงตอบมารดา“กินมาแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ นี่ท่านกำลังทำสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ”“แม่กำลังเย็บปักลายลงบนผ้าม่าน เจ้ามาก็ดีแล้ว มาช่วยแม่สักผืนสองผืนเถิด” เพราะไม่อยากให้มารดาเหงา ซูเยว่ซินจึงพยายามเข้ามามีส่วนร่วมในงานอดิเรกของมารดา“ท่านแม่แน่ใจหรือเจ้าคะ ว่าจะให้ข้าช่วยปักลวดลายลงบนผ้าม่านจริงๆ คราก่อนที่ข้าปักผ้า ท่านพ่อก็ทักว่าเป็ดของข้าขี้เหร่” ซูฮูหยินกับป้ากุยหัวเราะออกม

    Last Updated : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 8 เทศกาลชมจันทร์

    แสงจันทร์ที่ส่องสว่างในค่ำคืนนี้ บ่งบอกให้ได้รู้ว่ายามนี้ถึงเทศกาลชมจันทร์ที่ชาวเมืองต่างเฝ้ารอคอยแล้ว ปีนี้ตลาดตวนอีจัดงานเทศกาลชมจันทร์อย่างครึกครื้น มีทั้งการแสดงจากคณะอุปรากรที่มีชื่อเสียงของโยวโจว และละครหลังม่านจากเจียงซี เพราะยามนี้บ้านเมืองสงบสุข ทำให้ชาวเมืองได้อยู่เย็นเป็นสุข ซูเยว่ซินได้ออกมาเที่ยวชมงานเทศกาลในค่ำคืนนี้พร้อมกับคุณหนูใหญ่สกุลเจียง ทั้งสองอยู่ในวัยไล่เลี่ยกันจึงไม่ยากที่จะเปิดใจคบหากันอีกทั้งยังเป็นความตั้งใจเดิมของซูเยว่ซินอยู่แล้วด้วย ชีวิตก่อนนางไม่มีมิตรมากมายข้างกาย มีเพียงสตรีผู้นั้นผู้เดียวที่คอยอยู่เคียงข้าง นางจึงคิดว่านั่นคือมิตรแท้ ทำให้อีกฝ่ายหลอกใช้ความจริงใจของนาง แทงข้างหลังนางราวกับคนโง่ ชีวิตนี้หรือนางจะใช้ชีวิตเช่นเดิม ผู้ใดแสดงความจริงใจออกมา นางก็เปิดใจคบหาได้อย่างไม่ลังเล คุณหนูทั้งสองตระกูลเดินนำหน้าสาวรับใช้ที่ติดตามพวกตนมาเข้าไปภายในตลาดตวนอี ผู้คุ้มกันรอบกายของคุณหนูใหญ่เจียง ก็คอยระแวดระวังภัยให้คุณหนูทั้งสองไม่ห่าง“ซินเอ๋อร์…เจ้าไม่มีพวกผู้คุ้มกันคอยติดตามมาดูแลหรอกหรือ” คำถามนี้เจียงซีหรูเอ่ยถามซูเยว่ซินตั้งแต่อยู่บนรถม้า ระหว่าง

    Last Updated : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 8 - 1 เทศกาลชมจันทร์

    สตรีทั้งสองรีบออกจากงานเทศกาลไป โดยไม่สนใจบรรยากาศอันน่าสนุกสนานภายในงานอีก หลูเจียงหลีอยากเอาอกเอาใจกู้อี้เหวิน เพราะมีเพียงแต่เขาเท่านั้น ที่จะช่วยให้นางใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลหลูได้อย่างไม่ยากลำบาก และในภายภาคหน้านางก็อาจจะได้เป็นคนที่อยู่เคียงข้างกายของเขา กลายเป็นฮูหยินใหญ่ของสกุลกู้ก็เป็นได้รถม้าของตระกูลหลูถูกบังคับขับเคลื่อนให้ไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูจวนตระกูลกู้ นางให้เถียวเอ๋อร์ลงไปบอกบ่าวผู้คุ้นกันประตูจวน ให้ไปแจ้งคุณชายรองกู้อี้เหวิน ว่าคุณหนูสี่สกุลหลูมาขอพบ พร้อมกับหยิบเงินเพื่อเป็นรางวัลให้อีกฝ่ายไปสองเหวิน บ่าวผู้นั้นจึงรีบเข้าไปรายงานให้คุณชายรองทราบทันที ผ่านไปนานเกือบหนึ่งเค่ออีกฝ่ายจึงกลับออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด“คุณชายรองบอกว่า วันนี้เขาไม่สะดวกที่จะออกมาพบ แต่ว่าวันพรุ่งนี้ยามเซิน ขอเชิญคุณหนูสี่ไปพบคุณชายรองที่โรงเตี๊ยมเซียงซีแทนขอรับ”ครั้นได้ยินเช่นนั้น หลูเจียงหลีจึงยินยอมที่จะกลับไปแต่โดยดี นางรู้ว่ายามนี้อาจจะเป็นเพราะท่านใต้เท้ากู้นั้นกำลังพำนักอยู่ที่จวน ทำให้กู้อี้เหวินไม่สะดวกที่จะออกมาพบหน้านาง เพราะคุณชายรองกู้ไม่ใช่บุตรในภรรยาเอก อีกทั้งยังสอบไม่ติดร

    Last Updated : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 9 เพราะเหตุใดถึงต้องผูกไมตรีกับคุณหนูรองสกุลซู

    หลังจากที่กลับถึงเรือนซูซานแล้ว สาวรับใช้ก็ยกน้ำเข้ามาให้คุณหนูรองได้ล้างหน้าล้างตา ชิงหลวนทำหน้าที่สางผมให้ซูเยว่ซิน ส่วนชิงหลัวไปเตรียมอาภรณ์สำหรับใส่นอนให้คุณหนูรองเปลี่ยน ชิงหรงจัดเตรียมที่หลับที่นอน ครั้นทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ซูเยว่ซินจึงสั่งให้สาวรับใช้ของนางไปนอนเช่นกัน ชิงหลวนดับไฟจากโคมก่อนที่นางจะออกจากห้องนอนของคุณหนูรองไปเป็นคนสุดท้ายซูเยว่ซินที่แสร้งล้มตัวลงนอนแล้ว กลับมิอาจข่มตานอนให้หลับได้ นางกำลังสับสนและไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใด คุณชายใหญ่กู้มู่เฉิน ถึงได้กล้าแสดงความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางออกมาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ชีวิตก่อนเขาเป็นคนที่มีบุคลิกเคร่งขรึม จนตัวนางเองยังไม่กล้าเข้าใกล้ ยิ่งหลังจากที่เขาสูญเสียผู้เป็นมารดาและบิดาในเวลาไล่เลี่ยกัน ยิ่งทำให้เขากลายเป็นคนที่เย็นชายิ่งขึ้นไปอีก พลันคิดได้ว่าเรื่องทั้งหมดนั้นคือความผิดของผู้ใด ความแค้นที่คับแน่นอยู่ในอกก็ทำให้นางพึมพำออกมา“เจียงหลีผู้โง่เขลา ในเมื่อเจ้าทำงานให้เขาไม่สำเร็จ เจ้าคิดว่าเขาจะยังมีไมตรีต่อเจ้าอยู่อีกหรือ แท้จริงเจ้าก็เป็นสตรีที่โง่งมไม่ต่างไปจากตัวข้าในชีวิตก่อนเลย แต่เป็นเพราะชีวิตก่อนข้าหลงเชื่อ

    Last Updated : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 9 - 1 เพราะเหตุใดถึงต้องผูกไมตรีกับคุณหนูรองสกุลซู

    แขนเรียวเสลาทั้งสองข้างโอบกอดชายหนุ่มเอาไว้ราวกับต้องการปลอบใจ ใบหน้างามเห่อร้อน ใจก็เต้นโครมคราม ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมา มือหนาอีกข้างจับไปที่เรือนผมด้านหลังของหญิงสาว แล้วดึงใบหน้างามให้โน้มลงมา ริมฝีปากของทั้งสองแนบชิดก่อนที่ชายหนุ่มจะอุ้มหญิงสาวตรงไปยังเตียงนอนที่อยู่หลังม่านกั้น สองร่างโรมรันกันอย่างไร้ซึ่งความละอาย ไม่นานนักอาภรณ์ที่สวมใส่ติดกายก็หลุดลุ่ย เสียงครางต่ำของหญิงสาวดังขึ้นมา ยามที่ริมฝีปากหนาจุมพิตไปตามลำคอระหง ชายหนุ่มขบเม้มหนักเบาตามแรงอารมณ์ หญิงสาวเผยสีหน้าเย้ายวนชวนลุ่มหลงออกมาทันทีที่สองร่างสอดประสานกันดั่งฉินเส้อ เสียงครางต่ำก็ดังขึ้นปะปนไปกับเสียงของเตียงที่ดังเอี๊ยดอ๊าด กว่าเมฆจะเคลื่อน น้ำค้างจะพรมก็ทำเอาทั้งสองร่างพากันไร้เรี่ยวแรงกันเลยทีเดียว ชายหนุ่มถอดถอนตัวตน แล้วผละกายไปนอนแผ่หลาอยู่ข้างกายสตรีงาม เขายอมรับเลยว่าสตรีเช่นหลูเจียงหลีนั้น เหมาะสมยิ่งนักที่จะเป็นสตรีเพื่อให้เขาได้ระบายอารมณ์ ยามนี้ความขุ่นเคืองที่อีกฝ่ายทำงานล้มเหลวซ้ำๆ จึงค่อยๆ บางเบาลงไปหลังจากอาบน้ำและสวมใส่อาภรณ์เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองจึงกลับมานั่งคุยกันเช่นเดิม กู้อี้เหวินอารมณ์ดีข

    Last Updated : 2025-01-23

Latest chapter

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 9 - 1 เพราะเหตุใดถึงต้องผูกไมตรีกับคุณหนูรองสกุลซู

    แขนเรียวเสลาทั้งสองข้างโอบกอดชายหนุ่มเอาไว้ราวกับต้องการปลอบใจ ใบหน้างามเห่อร้อน ใจก็เต้นโครมคราม ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมา มือหนาอีกข้างจับไปที่เรือนผมด้านหลังของหญิงสาว แล้วดึงใบหน้างามให้โน้มลงมา ริมฝีปากของทั้งสองแนบชิดก่อนที่ชายหนุ่มจะอุ้มหญิงสาวตรงไปยังเตียงนอนที่อยู่หลังม่านกั้น สองร่างโรมรันกันอย่างไร้ซึ่งความละอาย ไม่นานนักอาภรณ์ที่สวมใส่ติดกายก็หลุดลุ่ย เสียงครางต่ำของหญิงสาวดังขึ้นมา ยามที่ริมฝีปากหนาจุมพิตไปตามลำคอระหง ชายหนุ่มขบเม้มหนักเบาตามแรงอารมณ์ หญิงสาวเผยสีหน้าเย้ายวนชวนลุ่มหลงออกมาทันทีที่สองร่างสอดประสานกันดั่งฉินเส้อ เสียงครางต่ำก็ดังขึ้นปะปนไปกับเสียงของเตียงที่ดังเอี๊ยดอ๊าด กว่าเมฆจะเคลื่อน น้ำค้างจะพรมก็ทำเอาทั้งสองร่างพากันไร้เรี่ยวแรงกันเลยทีเดียว ชายหนุ่มถอดถอนตัวตน แล้วผละกายไปนอนแผ่หลาอยู่ข้างกายสตรีงาม เขายอมรับเลยว่าสตรีเช่นหลูเจียงหลีนั้น เหมาะสมยิ่งนักที่จะเป็นสตรีเพื่อให้เขาได้ระบายอารมณ์ ยามนี้ความขุ่นเคืองที่อีกฝ่ายทำงานล้มเหลวซ้ำๆ จึงค่อยๆ บางเบาลงไปหลังจากอาบน้ำและสวมใส่อาภรณ์เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองจึงกลับมานั่งคุยกันเช่นเดิม กู้อี้เหวินอารมณ์ดีข

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 9 เพราะเหตุใดถึงต้องผูกไมตรีกับคุณหนูรองสกุลซู

    หลังจากที่กลับถึงเรือนซูซานแล้ว สาวรับใช้ก็ยกน้ำเข้ามาให้คุณหนูรองได้ล้างหน้าล้างตา ชิงหลวนทำหน้าที่สางผมให้ซูเยว่ซิน ส่วนชิงหลัวไปเตรียมอาภรณ์สำหรับใส่นอนให้คุณหนูรองเปลี่ยน ชิงหรงจัดเตรียมที่หลับที่นอน ครั้นทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ซูเยว่ซินจึงสั่งให้สาวรับใช้ของนางไปนอนเช่นกัน ชิงหลวนดับไฟจากโคมก่อนที่นางจะออกจากห้องนอนของคุณหนูรองไปเป็นคนสุดท้ายซูเยว่ซินที่แสร้งล้มตัวลงนอนแล้ว กลับมิอาจข่มตานอนให้หลับได้ นางกำลังสับสนและไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใด คุณชายใหญ่กู้มู่เฉิน ถึงได้กล้าแสดงความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางออกมาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ชีวิตก่อนเขาเป็นคนที่มีบุคลิกเคร่งขรึม จนตัวนางเองยังไม่กล้าเข้าใกล้ ยิ่งหลังจากที่เขาสูญเสียผู้เป็นมารดาและบิดาในเวลาไล่เลี่ยกัน ยิ่งทำให้เขากลายเป็นคนที่เย็นชายิ่งขึ้นไปอีก พลันคิดได้ว่าเรื่องทั้งหมดนั้นคือความผิดของผู้ใด ความแค้นที่คับแน่นอยู่ในอกก็ทำให้นางพึมพำออกมา“เจียงหลีผู้โง่เขลา ในเมื่อเจ้าทำงานให้เขาไม่สำเร็จ เจ้าคิดว่าเขาจะยังมีไมตรีต่อเจ้าอยู่อีกหรือ แท้จริงเจ้าก็เป็นสตรีที่โง่งมไม่ต่างไปจากตัวข้าในชีวิตก่อนเลย แต่เป็นเพราะชีวิตก่อนข้าหลงเชื่อ

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 8 - 1 เทศกาลชมจันทร์

    สตรีทั้งสองรีบออกจากงานเทศกาลไป โดยไม่สนใจบรรยากาศอันน่าสนุกสนานภายในงานอีก หลูเจียงหลีอยากเอาอกเอาใจกู้อี้เหวิน เพราะมีเพียงแต่เขาเท่านั้น ที่จะช่วยให้นางใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลหลูได้อย่างไม่ยากลำบาก และในภายภาคหน้านางก็อาจจะได้เป็นคนที่อยู่เคียงข้างกายของเขา กลายเป็นฮูหยินใหญ่ของสกุลกู้ก็เป็นได้รถม้าของตระกูลหลูถูกบังคับขับเคลื่อนให้ไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูจวนตระกูลกู้ นางให้เถียวเอ๋อร์ลงไปบอกบ่าวผู้คุ้นกันประตูจวน ให้ไปแจ้งคุณชายรองกู้อี้เหวิน ว่าคุณหนูสี่สกุลหลูมาขอพบ พร้อมกับหยิบเงินเพื่อเป็นรางวัลให้อีกฝ่ายไปสองเหวิน บ่าวผู้นั้นจึงรีบเข้าไปรายงานให้คุณชายรองทราบทันที ผ่านไปนานเกือบหนึ่งเค่ออีกฝ่ายจึงกลับออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด“คุณชายรองบอกว่า วันนี้เขาไม่สะดวกที่จะออกมาพบ แต่ว่าวันพรุ่งนี้ยามเซิน ขอเชิญคุณหนูสี่ไปพบคุณชายรองที่โรงเตี๊ยมเซียงซีแทนขอรับ”ครั้นได้ยินเช่นนั้น หลูเจียงหลีจึงยินยอมที่จะกลับไปแต่โดยดี นางรู้ว่ายามนี้อาจจะเป็นเพราะท่านใต้เท้ากู้นั้นกำลังพำนักอยู่ที่จวน ทำให้กู้อี้เหวินไม่สะดวกที่จะออกมาพบหน้านาง เพราะคุณชายรองกู้ไม่ใช่บุตรในภรรยาเอก อีกทั้งยังสอบไม่ติดร

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 8 เทศกาลชมจันทร์

    แสงจันทร์ที่ส่องสว่างในค่ำคืนนี้ บ่งบอกให้ได้รู้ว่ายามนี้ถึงเทศกาลชมจันทร์ที่ชาวเมืองต่างเฝ้ารอคอยแล้ว ปีนี้ตลาดตวนอีจัดงานเทศกาลชมจันทร์อย่างครึกครื้น มีทั้งการแสดงจากคณะอุปรากรที่มีชื่อเสียงของโยวโจว และละครหลังม่านจากเจียงซี เพราะยามนี้บ้านเมืองสงบสุข ทำให้ชาวเมืองได้อยู่เย็นเป็นสุข ซูเยว่ซินได้ออกมาเที่ยวชมงานเทศกาลในค่ำคืนนี้พร้อมกับคุณหนูใหญ่สกุลเจียง ทั้งสองอยู่ในวัยไล่เลี่ยกันจึงไม่ยากที่จะเปิดใจคบหากันอีกทั้งยังเป็นความตั้งใจเดิมของซูเยว่ซินอยู่แล้วด้วย ชีวิตก่อนนางไม่มีมิตรมากมายข้างกาย มีเพียงสตรีผู้นั้นผู้เดียวที่คอยอยู่เคียงข้าง นางจึงคิดว่านั่นคือมิตรแท้ ทำให้อีกฝ่ายหลอกใช้ความจริงใจของนาง แทงข้างหลังนางราวกับคนโง่ ชีวิตนี้หรือนางจะใช้ชีวิตเช่นเดิม ผู้ใดแสดงความจริงใจออกมา นางก็เปิดใจคบหาได้อย่างไม่ลังเล คุณหนูทั้งสองตระกูลเดินนำหน้าสาวรับใช้ที่ติดตามพวกตนมาเข้าไปภายในตลาดตวนอี ผู้คุ้มกันรอบกายของคุณหนูใหญ่เจียง ก็คอยระแวดระวังภัยให้คุณหนูทั้งสองไม่ห่าง“ซินเอ๋อร์…เจ้าไม่มีพวกผู้คุ้มกันคอยติดตามมาดูแลหรอกหรือ” คำถามนี้เจียงซีหรูเอ่ยถามซูเยว่ซินตั้งแต่อยู่บนรถม้า ระหว่าง

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 7 - 1 พยายามตีสนิท

    หลังจากเดินชมนกชมดอกไม้อยู่นานเกือบหนึ่งก้านธูป ซูเยว่ซินจึงไปคารวะมารดาที่เรือนซูอี้ ยามนี้บิดาและพี่ชายไม่อยู่ที่จวน บิดาออกไปสำนักบัญชาการตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนพี่ชายเข้าไปทำหน้าที่องครักษ์ในวังหลวงอยู่หลายวันแล้วยังไม่กลับมา ทำให้นางต้องหมั่นแวะเวียนไปหามารดาเพื่อไม่ให้มารดาต้องรู้สึกเหงาใจเฉกเช่นในชีวิตก่อน“คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ” ร่างระหงย่อกายคำนับมารดา ซูฮูหยินหรือสวีซูหลิงยิ้มแย้มให้บุตรสาวก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ตามสบายเถิดซินเอ๋อร์ ว่าแต่เจ้ากินมื้อเช้ามาแล้วหรือยัง” ซูเยว่ซินเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ แล้วจึงตอบมารดา“กินมาแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ นี่ท่านกำลังทำสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ”“แม่กำลังเย็บปักลายลงบนผ้าม่าน เจ้ามาก็ดีแล้ว มาช่วยแม่สักผืนสองผืนเถิด” เพราะไม่อยากให้มารดาเหงา ซูเยว่ซินจึงพยายามเข้ามามีส่วนร่วมในงานอดิเรกของมารดา“ท่านแม่แน่ใจหรือเจ้าคะ ว่าจะให้ข้าช่วยปักลวดลายลงบนผ้าม่านจริงๆ คราก่อนที่ข้าปักผ้า ท่านพ่อก็ทักว่าเป็ดของข้าขี้เหร่” ซูฮูหยินกับป้ากุยหัวเราะออกม

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 7 พยายามตีสนิท

    หลังจากเกิดเหตุการณ์อันน่าอับอายที่สาวรับใช้ของหลูเจียงหลีทำงานผิดพลาด ทำให้ตกลงไปในสระน้ำกลางงานเลี้ยงแล้ว หลูเจียงหลีจึงไม่มีหน้าอยู่ร่วมงานเลี้ยงต่อ นางหาโอกาสแอบหลบเลี่ยงออกจากงานเลี้ยงไปก่อน เพราะเป็นคนที่ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ นางจึงสามารถออกมาจากงานเลี้ยงได้อย่างราบรื่น และพยายามขอพบกับคุณชายรองกู้ ทว่าเขากลับส่งบ่าวรับใช้คนสนิทให้มาบอกกับนางว่า‘ทำงานไม่สำเร็จยังหวังอยากจะพบหน้าข้าอยู่อีกหรือ หากอยากให้ข้าอภัยให้เจ้า ก็จงไปตีสนิทคุณหนูรองสกุลซูเสีย พยายามผูกมิตรกับนางให้จงได้ มิเช่นนั้นก็ไม่ต้องมาพบหน้ากันอีก’ คนสนิทของคุณชายรองกู้อี้เหวินกล่าวจบก็รีบหลบออกไปจากบริเวณนั้นทันทีหลูเจียงหลีรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ที่บุรุษที่นางมอบทั้งความรักและภักดีให้ กลับเห็นนางเป็นแค่เพียงหมากตัวหนึ่ง ที่จะช่วยให้เขามีอำนาจขึ้นมา แม้จะต้องใช้วิธีที่ต่ำช้าก็ตาม“เป็นเพราะเจ้า… หากข้าไม่เห็นว่าเจ้าเป็นสาวรับใช้เพียงหนึ่งเดียวที่ซื่อสัตย์ภักดีต่อข้า คอยปรนนิบัติรับใช้ข้ามาตั้งแต่เยาว์วัย ข้าจะให้ท่านแม่ขายเจ้าออกไปให้หอโคมเขียวเสียให้รู้แล้วรู้รอด”

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 6-1 ทำลายแผนการ

    “คารวะคุณหนูใหญ่เจียง คุณหนูรองกู้ เอ่อ…แม่นางใช่คุณหนูรองจวนแม่ทัพใช่หรือไม่เจ้าคะ”หลูเจียงหลีที่มาร่วมงานในวันนี้เช่นกันคำนับสตรีทั้งสามพร้อมทั้งกล่าวทักทายออกมา รอยยิ้มเสแสร้งไม่จริงใจที่นางแสดงออกมาทำให้ซูเยว่ซินรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันที เหตุใดชีวิตก่อนนางถึงได้มองอีกฝ่ายไม่ออกกัน หรือจะเป็นเพราะนางเป็นสตรีที่โง่งมจริงๆ“ตามสบายเถิดแม่นางหลู ใช่แล้วนี่คือพี่หญิงซู คุณหนูรองสกุลซู ตระกูลแม่ทัพที่เพิ่งย้ายเข้ามาประจำการในเมืองหลวงของเรา” กู้มู่หรงกล่าวออกมาอย่างไม่ถือตน นางรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ค่อยชอบหน้าตนนัก เพราะอีกฝ่ายมีไมตรีกับพี่ชายรอง พี่ชายต่างมารดาของนาง“ยินดีที่ได้พบเจ้าค่ะ” หลูเจียงหลีหันไปผูกมิตรกับคุณหนูรองสกุลซูทันที ทว่าสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายที่แสดงออกมานั้นช่างเย็นชายิ่งนัก เพราะสตรีผู้นี้ไม่แม้แต่จะมองหน้านาง หลูเจียงหลีนึกขุ่นเคืองอยู่ภายในใจ ทว่ากลับไม่กล้าที่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา“ท่านแม่ของพวกข้ารออยู่ เห็นทีต้องขอตัวก่อน” คุณหนูใหญ่สกุลเจียงกล่าวออกมา นางไม่อยากแม้แต่จะพูดคุยกับส

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 6 ทำลายแผนการ

    หกวันหลังจากที่ซูเยว่ซินได้พบกับสองพี่น้องตระกูลกู้ที่ตลาดตวนอี เทศกาลชมดอกเบญจมาศประจำปีของเมืองหลวงก็เวียนมาถึง จวนใหญ่ๆ ต่างจัดงานชมดอกเบญจมาศอย่างไม่ให้น้อยหน้าผู้ใด จวนสกุลกู้เองก็เช่นกัน มีเพียงสองแม่ลูกที่กำลังนั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่ภายในเรือนของตน เพราะเป็นอนุภรรยาและบุตรที่เกิดจากอนุภรรยา จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปร่วมงาน กู้อี้เหวินรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา ทว่าเขากลับไม่เคยยอมแพ้ ที่จะป่ายปีนขึ้นไปยังตำแหน่งที่สูง“เหวินเอ๋อร์… เรื่องที่แม่บอกเจ้า เจ้านำไปบอกแม่นางสกุลหลูแล้วหรือยัง” อนุซิน หรือซินอี้ถงเอ่ยถามบุตรชายออกมา สายตาก็หาได้ละจากผ้าในมือไม่“บอกแล้วขอรับท่านแม่ เรื่องนั้นท่านโปรดจงวางใจ” เสียงทุ้มนุ่มฟังแล้วรื่นหูดังออกมาจากชายหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ที่โต๊ะไม่ห่างกัน“แล้วเจ้ามั่นใจได้เยี่ยงไรว่าแม่นางหลูผู้นั้นจะยอมทำตาม” อนุซินยังคงไม่ไว้ใจสตรีของบุตรชาย เพราะเรื่องนี้หากผิดพลาดมีแต่สตรีผู้นั้นที่ต้องเป็นฝ่ายอับอาย“สตรีผู้นั้นลุ่มหลงในหน้าตาและคำหวานของลูกจะตายไป นางย่อมทำตามสิ่งท

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 5 พบเจอ

    เช้าวันต่อมาซูเยว่ซินขออนุญาตมารดาออกไปเที่ยวที่ตลาดตวนอี เพราะอยากจะหาซื้อของกำนัลให้แก่กู้ฮูหยินในวันงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศ ที่ตระกูลของนางได้รับเทียบเชิญให้ไปเข้าร่วม งานนี้จะเป็นงานแรกที่ครอบครัวของนางจะได้พบปะบรรดาขุนนางและฮูหยินของขุนนางเหล่านั้นเพื่อเป็นการผูกไมตรี ซูฮูหยินเห็นดีเห็นงามที่บุตรสาวจะออกไปหาเลือกซื้อของกำนัล จึงมอบเงินให้แก่บุตรสาวไป และกำชับสาวรับใช้คนสนิทของซูเยว่ซิน ว่าให้พวกนางดูแลคุณหนูรองให้ดี ทั้งนายทั้งบ่าวรวมสี่คน จึงนั่งรถม้าออกจากจวนตระกูลซูไปในปลายยามเซินออกจากจวนมาได้ไม่นานเท่าใดนัก รถม้าก็หยุดนิ่งอยู่ที่หน้าโรงเตี๊ยมเซียงซี สตรีทั้งสี่ลงมาจากรถม้าตามลำดับ ซูเยว่ซินก็ไม่ถามไถ่ผู้ใดให้มากความ นางเดินตรงไปยังร้านขายเครื่องประดับชิวจี้ทันที สาวรับใช้ทั้งสามติดตามคุณหนูรองไปไม่ห่าง หญิงสาววัยแรกแย้มที่มีรูปโฉมงดงาม แต่งกายด้วยเป้ยจึสีชมพู ชายผ้าปลิวสไวยามที่นางเยื้องย่าง ทำให้ผู้คนที่กำลังผ่านไปผ่านมา อดที่จะเหลียวมองนางอย่างชื่นชมไม่ได้ และทุกย่างก้าวของนาง ตกอยู่ในสายตาของบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังนั่งจิบชาอยู่บนหอจิ่วซา เขามองตามนางไปด้วยแววตาสนใจ“คุณชายให

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status