Share

ตอนที่ 4 ผูกมิตร

last update Terakhir Diperbarui: 2025-01-22 13:48:53

จวนแม่ทัพที่แต่ก่อนนี้เคยเป็นจวนว่างเปล่า ทว่ายามนี้กลับคึกคักขึ้นมา เพราะว่าเจ้าของจวนคนใหม่นั้นมากด้วยบารมี ผู้คนต่างอยากที่จะเข้าหา เพื่อมาผูกมิตรกับเขา ทำให้ฮูหยินและลูกๆ ของเขา พลอยได้รับไมตรีไปด้วย ยามนี้ซูเยว่ซินรู้ดี ว่าทุกคนที่เข้ามาล้วนแล้วแต่ก็มีเป้าหมาย ผู้ใดบ้างหว่านพืชจะไม่หวังผล ค้าขายจะไม่หวังกำไร ขุนนางเหล่านี้เองก็เช่นกัน ชีวิตก่อนนางไร้เดียงสาและซื่อเซ่อจนเกินไป ทำให้ตามคนไม่ทัน ไม่เคยคิดว่าคนที่เข้ามานั้นจะหวังผลประโยชน์อันใดจากนาง ทว่าในชีวิตนี้นางมิใช่สตรีที่เคยซื่อเซ่อ และไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนเหล่านี้อีกแล้ว

“บุตรีของท่านจะเข้าวัยปักปิ่นแล้วกระมัง”

ใต้เท้าจ้ง เจ้ากรมการกลาโหมที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยือนท่านแม่ทัพซูเอ่ยถามออกมา เขามีบุตรชายคนรองในวัยไล่เลี่ยกันกับบุตรชายคนโตของท่านแม่ทัพ ทำให้เขานึกสนใจในตัวของบุตรีคนรองของท่านแม่ทัพขึ้นมา หากได้เกี่ยวดองกันจะดีเพียงใด

“อีกไม่กี่วันข้างหน้า ข้ากับฮูหยินก็จะจัดพิธีปักปิ่นให้นางแล้วขอรับ” ท่านแม่ทัพซูหารู้ไม่ ว่าท่านใต้เท้าจ้งนั้น แอบหมายตาบุตรีของเขาเอาไว้ให้บุตรชายคนรองของตน เขาจึงตอบออกมาตามความจริง

“โอ้…ดีจริง หากเป็นเช่นนั้น นางก็เตรียมตัวออกเรือนได้แล้วกระมัง” ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มอยู่ก่อนหน้าของท่านแม่ทัพซูเปลี่ยนไปในทันใด ก่อนที่จะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเคร่งขรึมเย็นชาขึ้นอยู่หลายส่วน

“ยังหรอกขอรับ หากเป็นเรื่องคู่ครอง ย่อมต้องให้บุตรชายคนโตแต่งภรรยาก่อน ข้าถึงจะวางใจให้บุตรีออกเรือนไป อีกทั้งยามนี้คงเอ๋อร์ก็หาได้สนใจในสตรีใดไม่ ข้าจึงคิดว่าเรื่องออกเรือนของซินเอ๋อร์คงจะยังอีกยาวไกล”

คนฟังเข้าใจในทันที ว่าท่านแม่ทัพนั้นรักและหวงแหนบุตรีของตนมากเพียงใด ใต้เท้าจ้งหาได้โกรธเคืองอีกฝ่ายไม่ ที่อีกฝ่ายตอบเขาออกมาเช่นนี้ เพราะตามหลักการแล้ว บุตรชายคนโตย่อมต้องแต่งภรรยาเข้าเรือนก่อน อย่างที่ท่านแม่ทัพกล่าวจริงๆ

เรื่องที่ท่านใต้เท้าจ้งหยิบยกมาพูดคุยในการพบปะครานี้ จึงถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีบุตรีอยู่ในวัยออกเรือน รีบเสนอตัวออกมาแทบจะทุกคน ทำให้ท่านแม่ทัพซูรู้สึกปวดศีรษะยิ่งนัก เขาจึงรีบบอกออกมาว่า เรื่องของคู่ครองไม่ว่าจะเป็นของบุตรชายหรือบุตรสาว เขาย่อมให้ลูกๆ เป็นผู้ที่ตัดสินใจเลือกด้วยตนเอง เขากับภรรยามีหน้าที่ให้คำปรึกษาและสนับสนุนลูกๆ เพียงเท่านั้น

คำพูดของท่านแม่ทัพทำให้ใต้เท้าทุกคนต่างพากันล่าถอยไป ทว่าภายในใจของแต่ละคน กลับรีบคิดแผนการที่จะทำอย่างไร ถึงจะให้บุตรสาวของพวกตน ได้อยู่ในสายตาของบุตรชายคนโตของท่านแม่ทัพ เพราะยามนี้คุณชายใหญ่สกุลซูนั้น ถือได้ว่าเป็นขุนนางหนุ่มอนาคตไกล วัยเพียงสิบหกปีก็ได้เป็นถึงรองแม่ทัพ ครั้นวัยสิบเจ็ดกลับได้รับตำแหน่งเป็นถึงรองหัวหน้าองครักษ์ในวังหลวงเสียแล้ว

หลังจากผู้มาเยือนทยอยกลับไปกันจนหมด ท่านแม่ทัพซูจึงได้โอกาสเดินกลับเข้าไปในเรือนซูอี้ ภาพของภรรยาที่นั่งพูดคุยกับบุตรีทำให้เขายิ้มแย้มออกมา ความขุ่นขึ้งพวกขุนนางจอมวุ่นวายก่อนหน้าค่อยๆ จางลงไป เขารีบเดินเข้าไปหาสตรีทั้งสอง ทว่ากลับต้องประหลาดใจที่มองเห็นชัดๆ ว่าบุตรีของเขา กำลังทำสิ่งใดอยู่ก็ทำให้เขานึกขัน จึงกล่าวหยอกเย้านางออกมา

“โอ้…มือเจ้าเปลี่ยนมาถือเข็มกับด้ายก็ดูเข้าทีอยู่ไม่น้อย ว่าแต่ซินเอ๋อร์ของพ่อ เจ้ากำลังปักลวดลายลูกเป็ดอยู่หรอกรึนั่น แต่เหตุใดถึงได้ขี้เหร่นักเล่า” ซูเยว่ซินได้ยินเช่นนั้นก็มองค้อนบิดา สาวรับใช้รอบกายพากันลอบยิ้มออกมา

แท้จริงแล้วงานเย็บปักเหล่านี้ ซูเยว่ซินมิได้มีฝีมืออ่อนด้อยอย่างที่แสดงออกมาเลยด้วยซ้ำ ในชีวิตก่อนนางนั้นมีฝีมือในด้านการเย็บปักอยู่ไม่น้อย เป็นเพราะมารดาที่คอยเคี่ยวกรำนางอย่างหนัก หลังจากที่นางหายป่วยกลับมาจากค่ายทหาร ทำให้นางสามารถเย็บปักลวดลายต่างๆ ออกมาได้อย่างงดงาม

แม้แต่งานจัดการดูแลธุระภายในเรือน นางก็ไม่เคยบกพร่องในหน้าที่เลยสักครั้ง ทว่ายามที่นางออกเรือนไปแล้ว กลับมิเคยได้แสดงฝีมือในการดูแลเรือนหลังเลย มีเพียงแม่สามีเท่านั้นที่คอยดูแลทุกอย่างให้แทน ยิ่งคิดถึงเรื่องราวในชีวิตก่อนก็ช่างน่าขันและรู้สึกสมเพชตนเองไม่น้อย นางหาได้เป็นคนในครอบครัวของพวกเขาสองแม่ลูกมาตั้งแต่ต้น คนพวกนั้นเพียงแค่ต้องการใช้ประโยชน์จากนาง นางที่เป็นบุตรีของท่านแม่ทัพผู้เรืองอำนาจ

“ซินเอ่อร์….เจ้าเคืองพ่อหรือ” เสียงของท่านแม่ทัพเรียกสติของซูเยว่ซินให้กลับคืนมา นางฉีกยิ้มตาหยีให้บิดาพลางส่ายหน้าไปมาก่อนกล่าว

“ก็มือของลูกจับแต่ดาบอยู่ในสนามรบตั้งสองปีกว่า งานเย็บปักเหล่านี้ก็มีแต่ชิงหลวนที่เป็นผู้ทำให้ อีกทั้งเพิ่งจะได้ร่ำเรียนกับท่านแม่เพียงไม่กี่วัน พวกเราก็ต้องย้ายจวนเข้ามาในเมืองหลวงกันแล้วนี่เจ้าคะ จะให้ลูกปักลวดลายออกมางดงามได้เยี่ยงไรกัน” คำพูดของซูเยว่ซินทำให้มารดายิ้มกว้างออกมา ทว่าบิดากลับหัวเราะเสียงดัง

“ทำได้ถึงเพียงนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว ท่านพี่ล่ะก็…เหตุใดถึงต้องมาพูดจาหยอกเย้าให้ลูกต้องเขินอายด้วย" ซูฮูหยินกล่าวชมบุตรสาวออกมา พลางแสร้งตำหนิสามี ท่านแม่ทัพซูพยายามกลั้นหัวเราะ ก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งลงยังตั่งเตียงที่ยังว่างอยู่ สาวรับใช้รีบรินชาให้นายท่านอย่างรู้หน้าที่

ทั้งชิงหลัวและชิงหรงที่เพิ่งจะรู้ความจริงว่า คุณหนูรองเคยอยู่ในสนามรบกับท่านแม่ทัพนานเกือบสามปี อีกทั้งยังเคยจับดาบออกรบไม่ต่างจากบุรุษอีกด้วย ทำให้สาวรับใช้ทั้งสองรู้สึกตื่นเต้น พลางนึกชื่นชมอีกฝ่ายในใจ ว่าถึงแม้จะไม่ใช่สตรีที่เก่งเรื่องการเรือน ทว่ากลับมีความกล้าหาญเฉกเช่นบุรุษ สมกับที่มีสายเลือดของนักรบไหลเวียนอยู่ในกาย เห็นทีพวกนางคงดูเบาคุณหนูรองไม่ได้เสียแล้ว

“ท่านพ่อเจ้าคะ…พิธีปักปิ่นของลูก ท่านพี่ใหญ่จะได้กลับมาหรือไม่เจ้าคะ”

หากเป็นชีวิตก่อน พี่ชายของนางย่อมอยู่ร่วมพิธีปักปิ่นของนางด้วย เพราะว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ในตำแหน่งของรองแม่ทัพ หาได้รับตำแหน่งรองหัวหน้าองครักษ์เฉกเช่นในชีวิตนี้ไม่ เรื่องนี้คือเรื่องที่เปลี่ยนไปจากในชีวิตก่อนของนาง ในเมื่อเรื่องราวมันเปลี่ยนไปเช่นนี้แล้ว นางจะยังได้พบกับเขาตามที่เคยคาดหวังเอาไว้อยู่หรือ

“เห็นส่งคนมาบอกว่าจะกลับมา แต่ทว่ามิอาจอยู่ร่วมงานเลี้ยงในจวนได้ ก็เขาทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของเชื้อพระวงศ์ ไหนเลยจะออกมาได้ตามใจชอบ” ท่านแม่ทัพตอบบุตรสาวออกมา ในใจพลันนึกขุ่นเคือง

แม้ตระกูลซูของเขาจะดูเหมือนได้รับพระเมตตา แต่นี่ก็ไม่ต่างอันใดกับการที่ฮ่องเต้พาตัวบุตรชายของเขาไปเป็นตัวประกันอยู่ในวังหลวง คนภายนอกอาจจะมองว่า ซูเยว่คงได้รับพระเมตตาจากฝ่าบาท ถึงได้รับตำแหน่งรองหัวหน้าองครักษ์ในวังหลวงมา ทว่าผู้ใดเลยจะรู้ดีไปกว่าเขา ว่าฝ่าบาทกำลังคิดเห็นสิ่งใดอยู่ เพราะตระกูลซูเรืองอำนาจทางการทหารมายาวนาน มีชาวบ้านเคารพนับถืออยู่ทั่วแคว้น พระองค์ย่อมหวาดระแวงตระกูลซูเป็นเรื่องธรรมดา

เรื่องนี้เองซูเยว่ซินไม่ใคร่รู้นัก เพราะชีวิตก่อนนางไม่เคยสนใจเรื่องราวเหล่านี้ นางเองก็มองเห็นเป็นเช่นเดียวกับผู้อื่น ว่าเพราะความดีความชอบที่ตระกูลซูสร้างสมมา ทำให้ได้รับพระเมตตาจากฝ่าบาท ชีวิตก่อนนางใช้ชีวิตอย่างโง่งม ไม่คบหากับผู้ใดหลังจากได้คบหาสหายเพียงหนึ่งเดียว นางจึงทุ่มเทใจให้อีกฝ่าย โดยหารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายเข้ามาหานางเพราะแผนการ และคอยกีดกันผู้ที่อยากจะมาผูกไมตรีกับนางให้ห่างไกล ครานี้มีหรือที่นางจะยอมแืดหูปิดตาแล้วคล้อยตามอีกฝ่าย ชีวิตก่อนผูกมิตร ชีวิตนี้ผูกแค้น

พิธีปักปิ่นของซูเยว่ซินถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ตามความต้องการของนาง มีสตรีอาวุโสจากตระกูลสวี ซึ่งเป็นตระกูลเดิมของมารดา ตระกูลซู และญาติดองที่พำนักอาศัยอยู่ในเมืองหลวง ที่เดินทางมาร่วมพิธี วันนี้ซูเยว่ซินแต่งกายด้วยเป้ยจึสีเหลืองอร่าม ดูงดงามตา ราวกับดอกเบญจมาศที่เพิ่งเบ่งบาน พลอยให้ผู้พบเห็นรู้สึกเพลินตาไปด้วย รอยยิ้มและท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน ของคุณหนูรองสกุลซู ทำให้ผู้อาวุโสทั้งหลายรู้สึกเอ็นดูได้ไม่ยาก และพิธีปักปิ่นของนางก็ผ่านไปได้ด้วยดี

พี่ชายของนางมาเยือนตามที่เขาได้บอกบิดา ทว่าเขากลับพาบุรุษหนุ่มรูปงามกลับมายังจวนตระกูลซูด้วย ทั้งสองหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปในลานพิธีที่มีแต่สตรีอาวุโส แล้วหลบไปยังศาลากลางน้ำที่สามารถมองเห็นลานที่ใช้จัดพิธีอยู่แต่ไกลๆ เขาหันไปพูดคุยกับสหายข้างกายอย่างเป็นกันเอง

“นั่นคือน้องหญิงรองของข้าเอง”

บุรุษหนุ่มข้างกายมองตามมือที่ชี้ไป หัวใจของชายหนุ่มพลันเต้นแรง ยามที่ได้เห็นใบหน้าของสตรีวัยแรกแย้ม ที่ยามนี้กำลังถูกรายล้อมด้วยเหล่าสตรีอาวุโส ใบหน้านางประดับไปด้วยรอยยิ้ม คิ้วโก่ง จมูกโด่ง ริมฝีปากจิ้มลิ้ม สวมใส่อาภรณ์สีเหลืองอร่ามขับผิวพรรณของนางให้น่ามองยิ่งขึ้น

“พวกเจ้าห่างกันแค่สามปีเองรึ แล้วนอกจากเจ้าและน้องสาวของเจ้าแล้ว ท่านลุงกับท่านป้ายังมีทายาทผู้อื่นอีกหรือไม่” คุณชายใหญ่สกุลกู้ซักถามสหายออกมาด้วยความสนใจ ใคร่รู้

แม้เขาและอีกฝ่ายเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานมานี้ แต่ทว่ากลับรู้สึกสนิทใจยิ่งกว่าผู้ที่คบหากันมานานเสียอีก ประมาณสิบวันก่อน เขาได้พบเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นบนถนนตรอกซืออู้ ซึ่งอยู่ห่างจากจวนแม่ทัพแห่งนี้ไปเกือบห้าลี้ อีกฝ่ายได้ยื่นมือให้ความช่วยเหลือเขาเอาไว้ เขาจึงตัดสินใจตอบแทนสหายผู้นี้ ด้วยการเลี้ยงสุราชั้นดีจากหอจิ่วเซียนสองกา ทว่าพูดคุยกันไปพูดคุยกันมา จึงทำให้ได้รู้ว่า ผู้มีพระคุณคือคุณชายใหญ่จวนแม่ทัพที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงได้ไม่นาน เขารู้สึกว่าคุยกับอีกฝ่ายถูกคอยิ่งนัก จึงคบหากันเป็นสหายตั้งแต่นั้นมา

วันนี้อีกฝ่ายเชิญเขาให้มาเยือนที่จวนตระกูลซูด้วยกัน บอกว่าที่จวนทำพิธีปักปิ่นให้แก่น้องหญิงรองในวันนี้ แม้เขาอยากจะปฏิเสธ แต่ทว่ากลับทนการรบเร้าของอีกฝ่ายไม่ไหว และเห็นแก่ไมตรีที่มีต่อกัน ก่อนที่จะติดตามอีกฝ่ายมาจึงได้กล่าวว่า ‘ข้าติดตามไปได้ แต่ไม่ขอเข้าไปด้านใน เพราะว่าดูไม่เหมาะสม’ คุณชายใหญ่สกุลซูยิ้มรับด้วยความยินดี เขาจึงได้ติดตามสหายมา

“ท่านพ่อกับท่านแม่มีข้ากับน้องหญิงรองแค่สองคนนี่แหละ ตระกูลซูของเราถือเกียรติมีภรรยาเดียวมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ตระกูลของเราจึงมีญาติสายตรงอยู่เพียงน้อยนิด” ซูเยว่คงกล่าวออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“ช่างดีเหลือเกิน ข้าเองก็อยากให้ท่านพ่อของข้ามีเพียงแต่ท่านแม่บ้าง แต่ถึงกระนั้นมันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

น้ำเสียงที่ฟังดูแล้วรู้สึกหดหู่ ทำให้ซูเยว่คงหันไปมองสหายข้างกาย ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาวางลงไปบนบ่าของอีกฝ่าย แล้วตบเบาๆ กู้มู่เฉินหันมองอีกฝ่ายมุมปากพลันยกขึ้นเพียงเล็กน้อยอย่างซึ้งใจ เท่าที่ซูเยว่คงสืบเรื่องราวของสหายผู้นี้มา คุณชายใหญ่สกุลกู้มีบิดาเป็นถึงขุนนางในตำแหน่ง สิงปู้ เจ้ากรมตุลาการ ทำหน้าที่พิจารณาคดีความและการลงทัณฑ์อยู่ในศาลอู่จง นับได้ว่ามีเกียรติและน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย

อีกทั้งท่านใต้เท้ากู้ยังเป็นผู้นำของตระกูลกู้ มีบุตรชายและบุตรสาวจากภรรยาเอก มีบุตรชายจากอนุภรรยาอีกหนึ่งคน ทว่าบุตรชายที่เกิดจากอนุภรรยานั้น มีความทะเยอทะยานอยู่ไม่น้อย การที่กู้มู่เฉินถูกลอบทำร้ายในวันที่เขาได้พบกับอีกฝ่าย ก็อาจจะเป็นฝีมือของน้องชายต่างมารดาก็เป็นได้ เขาจึงรู้สึกไม่ค่อยชอบใจบุตรอนุผู้นัั้นยิ่งนัก

“ข้าฝากพู่หยกชิ้นนี้ให้แก่น้องสาวของเจ้าได้หรือไม่ ถือเสียว่ามอบให้น้องสาวของเจ้า เพื่อเป็นของกำนัลในวัยปักปิ่นของนาง”

คราแรกซูเยว่คงจะไม่ยอมรับ แต่ทว่าเห็นแววตาที่จริงใจเปิดเผยของอีกฝ่าย จึงยอมรับน้ำใจของกู้มู่เฉินเอาไว้แต่โดยดี เขาแอบลอบสำรวจใบหน้าของสหายหนุ่มอีกคราก็รู้สึกว่าพึงพอใจอยู่ไม่น้อย หากไม่ติดที่ว่าเรื่องราวภายในตระกูลของอีกฝ่ายค่อนข้างจะยุ่งเหยิง เขาก็คงจะยินดี หากอีกฝ่ายมาหมายตาน้องสาวของเขา

“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน พอดีว่าต้องรีบกลับไปเตรียมตำราเพื่อเข้าสำนักศึกษาโจวซื่อในวันพรุ่ง"

คุณชายใหญ่สกุลกู้กล่าวออกมา ซูเยว่คงไม่กล่าวรั้งเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นอาจารย์ของสำนักศึกษาโจวซื่อ ซึ่งเป็นสำนักศึกษาขนาดใหญ่ของเมืองหลวง ให้การอบรมศึกษาบรรดาลูกหลานขุนนาง ชนชั้นสูง เขาเดินนำหน้าพาสหายหนุ่มออกไปส่งที่หน้าประตูจวน ก่อนที่จะกลับเข้ามาเพื่อมอบของกำนัลให้น้องสาว จากนั้นเขาจึงเดินทางกลับเข้าวังหลวงทันที

ซูเยว่ซินก้มมองพู่หยกที่อยู่ในมือ พลันหัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ยามที่พี่ชายส่งมอบพู่หยกชิ้นนี้ให้แก่นาง แล้วบอกกับนางว่าสหายของเขาเป็นผู้ที่มอบให้ อีกฝ่ายเป็นสหายของเขาที่เพิ่งคบหากันได้ไม่นาน จึงยังไม่ได้แนะนำให้คนในตระกูลได้รู้จัก แต่ว่าอีกฝ่ายเป็นบุรุษที่มีจิตใจดี น่าคบหา

ครั้นนางถามพี่ชายใหญ่ว่า เขาคือคุณชายจากตระกูลใดหรือ พี่ชายก็ตอบกลับมาอย่างกระตือรือร้นว่า ตระกูลกู้ นางยังแอบนึกกังวลเกรงว่าจะเป็นกู้อี้เหวิน ที่ชีวิตนี้เข้าหานางเร็วกว่าในชีวิตก่อน ครั้นได้ยินว่าเป็นคุณชายใหญ่สกุลกู้ นั่นก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกประหลาดใจ ว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงได้กลายมาเป็นสหายของพี่ชายไปเสียได้ ทั้งที่ในชีวิตก่อนทั้งสองคนไม่เคยผูกมิตรกันเลยด้วยซ้ำ

หรือเรื่องราวในชีวิตนี้จะเปลี่ยนไปจากในชีวิตก่อน หากคนพวกนั้นไม่ใช่คนเลวขึ้นมา นางจะตัดใจทำร้ายพวกเขาได้ลงหรือ ทว่าความตั้งใจเดิมของนางย่อมไม่เปลี่ยนแปลง ชีวิตก่อนนางต้องทนทุกข์ทรมาน มองคนที่รักนางตายจากไปทีละคน ชีวิตนี้ได้รับโอกาสให้กลับมา นางจะยอมปล่อยวางหรือไม่มีทาง

“คุณหนูรองเจ้าคะ บ่าวให้คนไปสืบเรื่องของสหายคุณชายใหญ่มาแล้วเจ้าค่ะ” ชิงหลัวรีบเข้ามารายงานคุณหนูรองทันที หลังจากที่ซูเยว่ซินมอบหมายงานสำคัญงานแรกให้นางทำ

“ได้เรื่องว่าเยี่ยงไรบ้าง”

“พี่ซูจ้วนบอกว่า เมื่อสิบวันก่อนยามที่คุณชายใหญ่กลับออกมาจากไปรายงานตัวที่ในวังหลวง พวกเขาได้ผ่านตรอกซืออู้ ทว่าระหว่างนั้นกลับได้พบชายชุดดำกำลังจะทำร้ายคุณชายใหญ่สกุลกู้เข้าพอดี คุณชายใหญ่จึงได้ให้ความช่วยเหลืออีกฝ่าย คุณชายใหญ่สกุลกู้ซาบซึ้งใจและนับว่าเป็นพระคุณ จึงตอบแทนคุณชายใหญ่ด้วยการพาไปเลี้ยงสุราที่หอจุ้ยเซียน ทั้งสองพูดคุยกันอย่างถูกคอ และตัดสินใจคบหาเป็นสหายที่ดีต่อกันเจ้าค่ะ”

สิ่งที่ชิงหลัวเล่าออกมาทำให้ซูเยว่ซินประหลาดใจนัก ชีวิตก่อนกู้มู่เฉินได้เผชิญเหตุการณ์เช่นนี้หรือไม่ นางก็มิอาจรู้ได้ เพราะยามนี้นางกับเขายังไม่รู้จักกัน แต่ที่นางจดจำได้พี่ชายไม่เคยให้ความช่วยเหลือผู้ใด แท้จริงแล้วนางกับคุณชายใหญ่กู้มู่เฉินจะพบกันที่จวนของเขาโดยบังเอิญ ในวันเทศกาลชมดอกเบญจมาศที่กู้ฮูหยินเป็นผู้จัดขึ้น

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตนี้ เหตุใดถึงได้ต่างออกไปจนทำให้นางรู้สึกฉงนใจได้เช่นนี้ ซูเยว่ซินสลัดความคิดของตน ก่อนที่จะหยิบเงินสองอีแปะส่งให้แก่ชิงหลัว เพื่อเป็นรางวัลในการทำงานให้แก่นาง คราแรกชิงหลัวไม่กล้ารับ ทว่าชิงหลวนกลับกล่าวว่า น้ำใจของเจ้านาย พวกนางควรรับไว้ด้วยความยินดี

ชิงหลัวรู้สึกดีใจยิ่งนักที่คุณหนูรองเป็นคนใจกว้าง นางจึงยื่นมือไปรับเงินมา ก่อนที่จะเก็บซ่อนเอาไว้อย่างดี ชิงหลวนได้แต่นึกขันในท่าทางของสาวรับใช้รุ่นน้อง หากซื่อสัตย์และภักดีกับคุณหนูรอง ภายภาคหน้าย่อมได้มากกว่านี้อีก เพราะคุณหนูรองของนางนั้นทั้งใจกว้าง และเป็นผู้ที่มีน้ำใจให้สาวรับใช้เสมอมา

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 5 พบเจอ

    เช้าวันต่อมาซูเยว่ซินขออนุญาตมารดาออกไปเที่ยวที่ตลาดตวนอี เพราะอยากจะหาซื้อของกำนัลให้แก่กู้ฮูหยินในวันงานเทศกาลชมดอกเบญจมาศ ที่ตระกูลของนางได้รับเทียบเชิญให้ไปเข้าร่วม งานนี้จะเป็นงานแรกที่ครอบครัวของนางจะได้พบปะบรรดาขุนนางและฮูหยินของขุนนางเหล่านั้นเพื่อเป็นการผูกไมตรี ซูฮูหยินเห็นดีเห็นงามที่บุตรสาวจะออกไปหาเลือกซื้อของกำนัล จึงมอบเงินให้แก่บุตรสาวไป และกำชับสาวรับใช้คนสนิทของซูเยว่ซิน ว่าให้พวกนางดูแลคุณหนูรองให้ดี ทั้งนายทั้งบ่าวรวมสี่คน จึงนั่งรถม้าออกจากจวนตระกูลซูไปในปลายยามเซินออกจากจวนมาได้ไม่นานเท่าใดนัก รถม้าก็หยุดนิ่งอยู่ที่หน้าโรงเตี๊ยมเซียงซี สตรีทั้งสี่ลงมาจากรถม้าตามลำดับ ซูเยว่ซินก็ไม่ถามไถ่ผู้ใดให้มากความ นางเดินตรงไปยังร้านขายเครื่องประดับชิวจี้ทันที สาวรับใช้ทั้งสามติดตามคุณหนูรองไปไม่ห่าง หญิงสาววัยแรกแย้มที่มีรูปโฉมงดงาม แต่งกายด้วยเป้ยจึสีชมพู ชายผ้าปลิวสไวยามที่นางเยื้องย่าง ทำให้ผู้คนที่กำลังผ่านไปผ่านมา อดที่จะเหลียวมองนางอย่างชื่นชมไม่ได้ และทุกย่างก้าวของนาง ตกอยู่ในสายตาของบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังนั่งจิบชาอยู่บนหอจิ่วซา เขามองตามนางไปด้วยแววตาสนใจ“คุณชายให

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-22
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 6 ทำลายแผนการ

    หกวันหลังจากที่ซูเยว่ซินได้พบกับสองพี่น้องตระกูลกู้ที่ตลาดตวนอี เทศกาลชมดอกเบญจมาศประจำปีของเมืองหลวงก็เวียนมาถึง จวนใหญ่ๆ ต่างจัดงานชมดอกเบญจมาศอย่างไม่ให้น้อยหน้าผู้ใด จวนสกุลกู้เองก็เช่นกัน มีเพียงสองแม่ลูกที่กำลังนั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่ภายในเรือนของตน เพราะเป็นอนุภรรยาและบุตรที่เกิดจากอนุภรรยา จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปร่วมงาน กู้อี้เหวินรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา ทว่าเขากลับไม่เคยยอมแพ้ ที่จะป่ายปีนขึ้นไปยังตำแหน่งที่สูง“เหวินเอ๋อร์… เรื่องที่แม่บอกเจ้า เจ้านำไปบอกแม่นางสกุลหลูแล้วหรือยัง” อนุซิน หรือซินอี้ถงเอ่ยถามบุตรชายออกมา สายตาก็หาได้ละจากผ้าในมือไม่“บอกแล้วขอรับท่านแม่ เรื่องนั้นท่านโปรดจงวางใจ” เสียงทุ้มนุ่มฟังแล้วรื่นหูดังออกมาจากชายหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ที่โต๊ะไม่ห่างกัน“แล้วเจ้ามั่นใจได้เยี่ยงไรว่าแม่นางหลูผู้นั้นจะยอมทำตาม” อนุซินยังคงไม่ไว้ใจสตรีของบุตรชาย เพราะเรื่องนี้หากผิดพลาดมีแต่สตรีผู้นั้นที่ต้องเป็นฝ่ายอับอาย“สตรีผู้นั้นลุ่มหลงในหน้าตาและคำหวานของลูกจะตายไป นางย่อมทำตามสิ่งท

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 6-1 ทำลายแผนการ

    “คารวะคุณหนูใหญ่เจียง คุณหนูรองกู้ เอ่อ…แม่นางใช่คุณหนูรองจวนแม่ทัพใช่หรือไม่เจ้าคะ”หลูเจียงหลีที่มาร่วมงานในวันนี้เช่นกันคำนับสตรีทั้งสามพร้อมทั้งกล่าวทักทายออกมา รอยยิ้มเสแสร้งไม่จริงใจที่นางแสดงออกมาทำให้ซูเยว่ซินรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาทันที เหตุใดชีวิตก่อนนางถึงได้มองอีกฝ่ายไม่ออกกัน หรือจะเป็นเพราะนางเป็นสตรีที่โง่งมจริงๆ“ตามสบายเถิดแม่นางหลู ใช่แล้วนี่คือพี่หญิงซู คุณหนูรองสกุลซู ตระกูลแม่ทัพที่เพิ่งย้ายเข้ามาประจำการในเมืองหลวงของเรา” กู้มู่หรงกล่าวออกมาอย่างไม่ถือตน นางรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ค่อยชอบหน้าตนนัก เพราะอีกฝ่ายมีไมตรีกับพี่ชายรอง พี่ชายต่างมารดาของนาง“ยินดีที่ได้พบเจ้าค่ะ” หลูเจียงหลีหันไปผูกมิตรกับคุณหนูรองสกุลซูทันที ทว่าสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายที่แสดงออกมานั้นช่างเย็นชายิ่งนัก เพราะสตรีผู้นี้ไม่แม้แต่จะมองหน้านาง หลูเจียงหลีนึกขุ่นเคืองอยู่ภายในใจ ทว่ากลับไม่กล้าที่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา“ท่านแม่ของพวกข้ารออยู่ เห็นทีต้องขอตัวก่อน” คุณหนูใหญ่สกุลเจียงกล่าวออกมา นางไม่อยากแม้แต่จะพูดคุยกับส

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 7 พยายามตีสนิท

    หลังจากเกิดเหตุการณ์อันน่าอับอายที่สาวรับใช้ของหลูเจียงหลีทำงานผิดพลาด ทำให้ตกลงไปในสระน้ำกลางงานเลี้ยงแล้ว หลูเจียงหลีจึงไม่มีหน้าอยู่ร่วมงานเลี้ยงต่อ นางหาโอกาสแอบหลบเลี่ยงออกจากงานเลี้ยงไปก่อน เพราะเป็นคนที่ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ นางจึงสามารถออกมาจากงานเลี้ยงได้อย่างราบรื่น และพยายามขอพบกับคุณชายรองกู้ ทว่าเขากลับส่งบ่าวรับใช้คนสนิทให้มาบอกกับนางว่า‘ทำงานไม่สำเร็จยังหวังอยากจะพบหน้าข้าอยู่อีกหรือ หากอยากให้ข้าอภัยให้เจ้า ก็จงไปตีสนิทคุณหนูรองสกุลซูเสีย พยายามผูกมิตรกับนางให้จงได้ มิเช่นนั้นก็ไม่ต้องมาพบหน้ากันอีก’ คนสนิทของคุณชายรองกู้อี้เหวินกล่าวจบก็รีบหลบออกไปจากบริเวณนั้นทันทีหลูเจียงหลีรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ที่บุรุษที่นางมอบทั้งความรักและภักดีให้ กลับเห็นนางเป็นแค่เพียงหมากตัวหนึ่ง ที่จะช่วยให้เขามีอำนาจขึ้นมา แม้จะต้องใช้วิธีที่ต่ำช้าก็ตาม“เป็นเพราะเจ้า… หากข้าไม่เห็นว่าเจ้าเป็นสาวรับใช้เพียงหนึ่งเดียวที่ซื่อสัตย์ภักดีต่อข้า คอยปรนนิบัติรับใช้ข้ามาตั้งแต่เยาว์วัย ข้าจะให้ท่านแม่ขายเจ้าออกไปให้หอโคมเขียวเสียให้รู้แล้วรู้รอด”

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 7 - 1 พยายามตีสนิท

    หลังจากเดินชมนกชมดอกไม้อยู่นานเกือบหนึ่งก้านธูป ซูเยว่ซินจึงไปคารวะมารดาที่เรือนซูอี้ ยามนี้บิดาและพี่ชายไม่อยู่ที่จวน บิดาออกไปสำนักบัญชาการตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนพี่ชายเข้าไปทำหน้าที่องครักษ์ในวังหลวงอยู่หลายวันแล้วยังไม่กลับมา ทำให้นางต้องหมั่นแวะเวียนไปหามารดาเพื่อไม่ให้มารดาต้องรู้สึกเหงาใจเฉกเช่นในชีวิตก่อน“คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ” ร่างระหงย่อกายคำนับมารดา ซูฮูหยินหรือสวีซูหลิงยิ้มแย้มให้บุตรสาวก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ตามสบายเถิดซินเอ๋อร์ ว่าแต่เจ้ากินมื้อเช้ามาแล้วหรือยัง” ซูเยว่ซินเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ แล้วจึงตอบมารดา“กินมาแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ นี่ท่านกำลังทำสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ”“แม่กำลังเย็บปักลายลงบนผ้าม่าน เจ้ามาก็ดีแล้ว มาช่วยแม่สักผืนสองผืนเถิด” เพราะไม่อยากให้มารดาเหงา ซูเยว่ซินจึงพยายามเข้ามามีส่วนร่วมในงานอดิเรกของมารดา“ท่านแม่แน่ใจหรือเจ้าคะ ว่าจะให้ข้าช่วยปักลวดลายลงบนผ้าม่านจริงๆ คราก่อนที่ข้าปักผ้า ท่านพ่อก็ทักว่าเป็ดของข้าขี้เหร่” ซูฮูหยินกับป้ากุยหัวเราะออกม

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 8 เทศกาลชมจันทร์

    แสงจันทร์ที่ส่องสว่างในค่ำคืนนี้ บ่งบอกให้ได้รู้ว่ายามนี้ถึงเทศกาลชมจันทร์ที่ชาวเมืองต่างเฝ้ารอคอยแล้ว ปีนี้ตลาดตวนอีจัดงานเทศกาลชมจันทร์อย่างครึกครื้น มีทั้งการแสดงจากคณะอุปรากรที่มีชื่อเสียงของโยวโจว และละครหลังม่านจากเจียงซี เพราะยามนี้บ้านเมืองสงบสุข ทำให้ชาวเมืองได้อยู่เย็นเป็นสุข ซูเยว่ซินได้ออกมาเที่ยวชมงานเทศกาลในค่ำคืนนี้พร้อมกับคุณหนูใหญ่สกุลเจียง ทั้งสองอยู่ในวัยไล่เลี่ยกันจึงไม่ยากที่จะเปิดใจคบหากันอีกทั้งยังเป็นความตั้งใจเดิมของซูเยว่ซินอยู่แล้วด้วย ชีวิตก่อนนางไม่มีมิตรมากมายข้างกาย มีเพียงสตรีผู้นั้นผู้เดียวที่คอยอยู่เคียงข้าง นางจึงคิดว่านั่นคือมิตรแท้ ทำให้อีกฝ่ายหลอกใช้ความจริงใจของนาง แทงข้างหลังนางราวกับคนโง่ ชีวิตนี้หรือนางจะใช้ชีวิตเช่นเดิม ผู้ใดแสดงความจริงใจออกมา นางก็เปิดใจคบหาได้อย่างไม่ลังเล คุณหนูทั้งสองตระกูลเดินนำหน้าสาวรับใช้ที่ติดตามพวกตนมาเข้าไปภายในตลาดตวนอี ผู้คุ้มกันรอบกายของคุณหนูใหญ่เจียง ก็คอยระแวดระวังภัยให้คุณหนูทั้งสองไม่ห่าง“ซินเอ๋อร์…เจ้าไม่มีพวกผู้คุ้มกันคอยติดตามมาดูแลหรอกหรือ” คำถามนี้เจียงซีหรูเอ่ยถามซูเยว่ซินตั้งแต่อยู่บนรถม้า ระหว่าง

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 8 - 1 เทศกาลชมจันทร์

    สตรีทั้งสองรีบออกจากงานเทศกาลไป โดยไม่สนใจบรรยากาศอันน่าสนุกสนานภายในงานอีก หลูเจียงหลีอยากเอาอกเอาใจกู้อี้เหวิน เพราะมีเพียงแต่เขาเท่านั้น ที่จะช่วยให้นางใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลหลูได้อย่างไม่ยากลำบาก และในภายภาคหน้านางก็อาจจะได้เป็นคนที่อยู่เคียงข้างกายของเขา กลายเป็นฮูหยินใหญ่ของสกุลกู้ก็เป็นได้รถม้าของตระกูลหลูถูกบังคับขับเคลื่อนให้ไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูจวนตระกูลกู้ นางให้เถียวเอ๋อร์ลงไปบอกบ่าวผู้คุ้นกันประตูจวน ให้ไปแจ้งคุณชายรองกู้อี้เหวิน ว่าคุณหนูสี่สกุลหลูมาขอพบ พร้อมกับหยิบเงินเพื่อเป็นรางวัลให้อีกฝ่ายไปสองเหวิน บ่าวผู้นั้นจึงรีบเข้าไปรายงานให้คุณชายรองทราบทันที ผ่านไปนานเกือบหนึ่งเค่ออีกฝ่ายจึงกลับออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด“คุณชายรองบอกว่า วันนี้เขาไม่สะดวกที่จะออกมาพบ แต่ว่าวันพรุ่งนี้ยามเซิน ขอเชิญคุณหนูสี่ไปพบคุณชายรองที่โรงเตี๊ยมเซียงซีแทนขอรับ”ครั้นได้ยินเช่นนั้น หลูเจียงหลีจึงยินยอมที่จะกลับไปแต่โดยดี นางรู้ว่ายามนี้อาจจะเป็นเพราะท่านใต้เท้ากู้นั้นกำลังพำนักอยู่ที่จวน ทำให้กู้อี้เหวินไม่สะดวกที่จะออกมาพบหน้านาง เพราะคุณชายรองกู้ไม่ใช่บุตรในภรรยาเอก อีกทั้งยังสอบไม่ติดร

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-23
  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 9 เพราะเหตุใดถึงต้องผูกไมตรีกับคุณหนูรองสกุลซู

    หลังจากที่กลับถึงเรือนซูซานแล้ว สาวรับใช้ก็ยกน้ำเข้ามาให้คุณหนูรองได้ล้างหน้าล้างตา ชิงหลวนทำหน้าที่สางผมให้ซูเยว่ซิน ส่วนชิงหลัวไปเตรียมอาภรณ์สำหรับใส่นอนให้คุณหนูรองเปลี่ยน ชิงหรงจัดเตรียมที่หลับที่นอน ครั้นทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ซูเยว่ซินจึงสั่งให้สาวรับใช้ของนางไปนอนเช่นกัน ชิงหลวนดับไฟจากโคมก่อนที่นางจะออกจากห้องนอนของคุณหนูรองไปเป็นคนสุดท้ายซูเยว่ซินที่แสร้งล้มตัวลงนอนแล้ว กลับมิอาจข่มตานอนให้หลับได้ นางกำลังสับสนและไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใด คุณชายใหญ่กู้มู่เฉิน ถึงได้กล้าแสดงความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางออกมาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ชีวิตก่อนเขาเป็นคนที่มีบุคลิกเคร่งขรึม จนตัวนางเองยังไม่กล้าเข้าใกล้ ยิ่งหลังจากที่เขาสูญเสียผู้เป็นมารดาและบิดาในเวลาไล่เลี่ยกัน ยิ่งทำให้เขากลายเป็นคนที่เย็นชายิ่งขึ้นไปอีก พลันคิดได้ว่าเรื่องทั้งหมดนั้นคือความผิดของผู้ใด ความแค้นที่คับแน่นอยู่ในอกก็ทำให้นางพึมพำออกมา“เจียงหลีผู้โง่เขลา ในเมื่อเจ้าทำงานให้เขาไม่สำเร็จ เจ้าคิดว่าเขาจะยังมีไมตรีต่อเจ้าอยู่อีกหรือ แท้จริงเจ้าก็เป็นสตรีที่โง่งมไม่ต่างไปจากตัวข้าในชีวิตก่อนเลย แต่เป็นเพราะชีวิตก่อนข้าหลงเชื่อ

    Terakhir Diperbarui : 2025-01-23

Bab terbaru

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนพิเศษ 1 ชีวิตนี้เราเลือกเอง (จบ)

    “เจ้าพูดจริงหรือไม่” กู้มู่อวิ๋นถามตู้ชวนออกมาเพื่อความแน่ใจ เด็กชายตัวน้อยที่อายุน้อยกว่าเขาหนึ่งปีกว่าๆ พยักหน้าขึ้นลง“ตู้ชวน ข้าให้เจ้าคิดดูให้ดี ว่าเจ้าจะทิ้งท่านแม่ของเจ้าไปได้แน่รึ สามปีเชียวนะ…หาใช่สามวัน” กู้มู่อวิ๋นถามย้ำตู้ชวนหันไปมองหน้ามารดา นางมองมายังเขาด้วยแววตาอาวรณ์ ทว่าเขาตระหนักถึงคำสอนของบิดา ว่าพวกเขาเป็นบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์ต่อตระกูลกู้มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษไม่ว่าเจ้านายจะไปที่ใด หากเป็นที่ที่พวกตนสามารถติดตามเข้าไปได้ ก็ต้องติดตามไปรับใช้พวกเขาทุกที่ เด็กชายจดจำคำสอนของบิดาอย่างขึ้นใจ เขาจึงตอบออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนที่จะหันไปคำนับขออนุญาตมารดา“ข้าคิดดีแล้วขอรับ ท่านแม่…โปรดอนุญาตให้ลูกติดตามไปรับใช้คุณชายใหญ่ด้วยเถิดขอรับ”ชิงหลวนน้ำตาซึม บุตรชายยังเยาว์วัยนัก แต่ถ้าหากนางอยากจะให้บุตรชายแข็งแรง และสามารถปกป้องคุณชายใหญ่ได้ในภายภาคหน้า นางก็จำต้องให้เขาไป“แม่อนุญาต” ชิงหลวนตอบบุตรชายกลั้นสะอื้นซูเยว่ซินมองสาวรับใช้คนสนิทด้วยแววตาขอบคุณ กู้มู่เฉินหันไ

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนพิเศษ ชีวิตนี้เราเลือกเอง

    ในช่วงเหมันตฤดู มีหิมะโปรยปรายร่วงหล่นลงมาบนพื้นดิน จนปรากฏให้เห็นภาพขาวโพลน บริเวณลานกว้างในจวนสกุลกู้ ยามนี้มีเด็กชายตัวน้อยสองคน กำลังวิ่งเล่นกันอยู่กลางลานกว้างหน้าเรือน ด้านหลังมีสตรีวัยยี่สิบต้นๆ กับสตรีวัยแรกแย้มอีกสองคนคอยวิ่งตามหลังจนเหนื่อยหอบเสียงหัวเราะสดใสตามวัยดังขึ้นเป็นระยะ บัดนี้กู้มู่อวิ๋น บุตรชายคนโตของท่านราชครูกู้มู่เฉิน กับฮูหยินใหญ่ซูเยว่ซิน ก็ได้เติบโตเข้าสู่วัยเจ็ดปีแล้ว เด็กน้อยเกิดในฤดูหนาว ทำให้เขาคุ้นชินกับสภาพอากาศเช่นนี้และเด็กน้อยอีกคนที่กำลังวิ่งตามหลังเขา นั่นก็คือบุตรชายของตู้จิ้นและชิงหลวน ซึ่งเป็นบ่าวและสาวรับใช้คนสนิทของท่านราชครูและฮูหยินใหญ่ ทั้งคู่แต่งงานกันหลังจากที่ฮูหยินใหญ่ให้กำเนิดคุณชายใหญ่ได้เพียงสามเดือน และไม่นานนัก ชิงหลวนก็ตั้งครรภ์ ทันใช้สมใจของผู้เป็นบิดามารดา ที่ต้องการจะให้ทายาทของตน มาคอยรับใช้คุณชายน้อยต่อไปเช่นกัน“คุณชายใหญ่ ระวังลื่นนะเจ้าคะ” แม่นมกุ้ยร้องตามหลังคุณชายตัวน้อย“ไม่ล้ม…ข้าเก่ง ตู้ชวนเร็วเข้า”กู้มู่อวิ๋นร้องบอกแม่นมขณะที่ยังคงวิ่งวนอยู่บริเวณลานกว้าง

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนพิเศษ 1 จุดจบของผู้ที่ทำชั่ว

    เช้าวันรุ่งขึ้น มีชาวเมืองพบศพของสตรีนางหนึ่ง ที่ลอยไปติดอยู่กับเรือบรรทุกสินค้าของพ่อค้า ที่เดินทางมาค้าขายในเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อคืน ทว่าเขาจอดเรือเทียบท่าเอาไว้ แล้วตนเองไปเข้าพักที่หอชิวเซียน ยามเช้ากลับมาสำรวจเรือตนเอง จึงได้พบศพของสตรี เขาจึงรีบแจ้งให้แก่ทางการได้ทราบครั้นทางการนำศพขึ้นมาแล้วก็พบว่า ผู้ตายเป็นอดีตฮูหยินของกู้อี้เหวิน คุณชายรองสกุลกู้ที่เพิ่งจะป่วยตายจากไปได้ไม่นาน ชาวเมืองหลายคนต่างพากันนึกเวทนา หญิงสาวที่ก่อนหน้าเคยเป็นสตรีที่เพียบพร้อมนางหนึ่ง อยู่ ๆ ก็กลายเป็นคนสติไม่ดี ผู้ใดเลยจะคิดว่าคุณหนูสี่ผู้เย่อหยิ่งแห่งจวนตระกูลหลู จะได้มาพบกับจุดจบที่น่าสังเวชเช่นนี้ซูเยว่ซินนั่งมองดอกบัวหลากสีที่กำลังเบ่งบานอยู่ในสระกลางจวนตระกูลกู้ นางกำลังขบคิดว่า จุดจบที่ชายหญิงสารเลวทั้งสองได้พบเจอ นั้นสาสมกับสิ่งที่พวกเขาเคยกระทำต่อนางและผู้คนที่รักนางในชีวิตก่อนแล้วหรือ ทว่าพอกลับมาคิดดูอีกที หากเรื่องที่นางย้อนเวลากลับมาไม่เคยเกิดขึ้น จะไม่เท่ากับว่านางเองก็เป็นสตรีร้ายกาจ ไม่ต่างจากคนพวกนั้นหรือในระหว่างที่ซูเยว่ซินกำลังว้าวุ่นใจอยู่นั้น กู้มู่เฉินก็เดินเ

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนพิเศษ จุดจบของผู้ที่ทำชั่ว

    หลังจากที่กู้อี้เหวินถูกใต้เท้ากู้ลงโทษตามกฎของตระกูล เขาก็ทนมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน ทว่าก่อนที่เขาจะจากไป เขากลับได้ฝันเห็นเรื่องราวบางอย่าง ช่างเป็นความฝันที่ทำให้เขามีความสุขยิ่งนัก เป็นความฝันที่เขาไม่อาจสัมผัสในชีวิตนี้ในฝันนั้นเขาได้แต่งงานกับซูเยว่ซิน และได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลสมดังใจปรารถนา แต่ทว่าสุดท้ายเขาก็เป็นผู้ที่หยิบยื่นความตายให้แก่นางผู้เป็นภรรยา เพียงเพราะมีสตรีที่คอยช่วยเหลือเขามาตั้งแต่ต้น อย่างหลูเจียงหลีคอยยุยงเขายืมมือมารดาเพื่อกำจัดท่านแม่ใหญ่ เขาหลอกใช้พี่ชายของซูเยว่ซินเพื่อกำจัดกู้มู่เฉิน ครั้นคุณชายใหญ่ซูผู้นั้นกำจัดพี่ชายของเขาสำเร็จ เขาก็จ้างให้นักฆ่าไปสังหารอีกฝ่ายเพื่อปิดปากบิดาของซูเยว่ซินก็เป็นเขา ที่สั่งให้นักฆ่าลอบสังหาร ยามที่อีกฝ่ายต้องเข้าไปปราบโจรในป่า เขาบีบน้องสาวต่างมารดาให้ออกเรือนไปกับขุนนางเฒ่า เพื่อผลประโยชน์ของตระกูล สิ่งที่เขากระทำนั้นช่างชั่วช้ายิ่งนักหากภาพที่เขาเห็นเหล่านี้ เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง ที่อาจจะเป็นชาติภพใดชาติภพหนึ่ง เขาก็ไม่นึกประหลาดใจเลย ว่าเหตุใดชีวิตนี้ซูเยว่ซินถึงได้เลือกที่จะเมินเฉย

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 30 - 1 ก็รับกรรมกันไป

    เช้าวันต่อมา ข่าวการถูกปล้นฆ่าของพ่อลูกตระกูลหลู ก็ถูกเล่าลือเข้ามาในเมืองหลวง หลูเจียงหลีที่ได้ยินข่าวมาจากพวกสาวรับใช้ก็ถึงกับเป็นลมล้มพับไป ยามที่นางฟื้นขึ้นมานางก็ได้แต่นั่งซึม พลางขบคิดอยู่เพียงลำพัง บิดาของนางกับพี่ชายสามถูกลอบสังหาร ฝีมือของผู้ใดกัน กล้าสังหารขุนนางของราชสำนักได้เยี่ยงไร พลันนางก็คิดไปถึงความบาดหมางระหว่างสามีกับบิดา หรือจะเป็นเขากัน หลูเจียงหลีโกรธจนตัวสั่น ทว่านางต้องพยายามทำใจให้สงบ หากนางจะจัดการกับกู้อี้เหวิน นางจะต้องใช้ความเงียบแทนการส่งเสียงให้อีกฝ่ายรู้ตัว“ฟู่เอ๋อร์… เจ้าอยากเป็นภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้าหรือไม่” กู้อี้เหวินเอ่ยถามสตรีที่นอนอยู่ข้างกาย“อยากสิเจ้าคะ ผู้ใดบ้างที่อยากจะให้สามีมีภรรยาหลายคน” นางตอบเขาออกมาอย่างกระตือรือร้น“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องช่วยข้า…จัดการสตรีที่ขวางทางเจ้าอยู่”“น่ะ…นายท่าน…กะ…กล่าวถึง ฮูหยินเล็กรองน่ะหรือเจ้าคะ” ฟู่เอ๋อร์ลุกขึ้น เอ่ยถามเขาออกมาอย่างละล่ำละลัก“ในเรือนนี้จะยังมีผู้ใดอีกเล่า” เขาเอ

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 30 ก็รับกรรมกันไป

    ข่าวที่ฮูหยินเล็กมีครรภ์ถูกกล่าวถึงไปทั่วทั้งจวนตระกูลกู้ เพราะถือเป็นข่าวที่น่ายินดีไม่น้อย ต่างจากเรือนหลงจู้ที่ยังไม่ข่าวดีในเรื่องนี้เสียที จนกู้อี้เหวินทนไม่ไหว สองเดือนก่อนเขาจึงได้ใช้เงินสินเดิมของมารดา ไปไถ่ตัวฟู่เอ่อร์ออกมาจากหอชิวโหรว และซื้อเรือนให้นางอยู่แถวตรอกซืออู้ อีกทั้งยังส่งสาวรับใช้ในเรือนไปคอยรับใช้นางอีกสองสามคน“เจ้าได้ยินมาเช่นนั้นจริงๆ รึ”ตั้งแต่แต่งเข้าจวนตระกูลกู้มา หลูเจียงหลีพยายามตีสนิทพี่สะใภ้ กับแม่เลี้ยงของสามีมาตลอด ทว่าพวกนางกลับแสดงท่าทีเมินเฉยต่อนาง ราวกับว่าไม่อยากทำตัวสนิทสนมกับนางไม่ นางจนใจจึงคิดว่าต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด อีกทั้งนางก็รู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ยามที่นางได้อยู่ใกล้กับพี่สะใภ้ใหญ่ ซึ่งนางก็ไม่รู้ว่าสาเหตุใดที่ทำให้นางรู้สึกเช่นนั้น“ไม่ผิดแน่เจ้าค่ะ สาวรับใช้และบ่าวรับใช้ทุกขั้นได้รับของกำนัลจากนายท่านกันทุกคน ที่เรือนเราก็ได้รับเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ” นางหยิบเหรียญเงินสองเหรียญที่ได้รับมาเป็นรางวัลเช่นกัน ชูให้แก่หลูเจียงหลีดู“เหตุใดข้าถึงได้ไม่ท้องก่อนนาง อืม…แล้ว

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 29 - 1 ชีพจรมงคล

    สองเดือนต่อมาภายในเรือนใหญ่ ท่านใต้เท้ากู้ กู้ฮูหยิน กู้มู่เฉินและสะใภ้ใหญ่ซูเยว่ซิน กำลังนั่งกินมื้อเช้ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ส่วนกู้มู่หรงยามนี้นางยังไม่ตื่นนอน ท่านใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินล้วนแต่ตามใจบุตรี เพราะนางกำลังอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน ให้นอนตื่นสายสักหน่อย ก็ไม่ถือว่าไม่ดีแต่อย่างใด ขอเพียงกู้มู่หรงรู้ถึงสิ่งที่สตรีพึงปฏิบัติ ยามที่นางออกเรือนไปก็เป็นพอยามนี้ที่โต๊ะอาหารทรงกลมจึงมีเพียงใต้เท้ากู้ กู้ฮูหยิน กู้มู่เฉินและซูเยว่ซิน สะใภ้ใหญ่ ที่กำลังนั่งล้อมวงกินอาหารกันอยู่พร้อมหน้า กู้มู่เฉินคอยคีบอาหารใส่ชามของภรรยาอย่างเอาใจ ทั้งท่านใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินต่างพากันยิ้มแย้มออกมาด้วยความสุขใจ ทว่าลึกๆ ในใจต่างคนต่างก็ยังคงมีความรู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อยก็บุตรชายกับสะใภ้ใหญ่ก็แต่งงานกันมานานหลายเดือนแล้ว ทว่าซูเยว่ซินกลับยังไม่มีวี่แววว่าจะมีครรภ์เช่นสะใภ้จวนอื่นเสียที หากความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ไม่ดีเช่นเดียวกับคู่ของกู้อี้เหวินและหลูเจียงหลี ที่เอาแต่ทะเลาะกันอยู่ทุกวัน ทั้งท่านใต้เท้ากู้และกู้ฮูหยินก็จะไม่หวังเรื่องทายาทสืบสกุลจากทั้งคู่เลย ทว่าบุตรชา

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 29 ชีพจรมงคล

    ในช่วงเวลานี้ของชีวิตก่อน เป็นช่วงเวลาที่บิดาและพี่ชายของซูเยว่ซินถูกสังหาร ทว่ายามนี้ผู้ที่ได้รับกรรมนั้นไป กลับกลายเป็นท่านใต้เท้าซิน และคุณชายใหญ่ซินอี้ฉู ผู้ที่เป็นท่านตาและท่านลุงของกู้อี้เหวินนั่นเอง นางได้ยินมาว่าสองพ่อลูกใช้อำนาจ จากการแอบอ้างชื่อเสียงของท่านใต้เท้ากู้ ไปรับเงินติดสินบนจากพวกผู้กระทำผิด และรีดไถเงินของพวกชาวบ้าน พวกเขาทำกันมานานจนในที่สุด ท่านใต้เท้ากู้ก็อดทนต่อความโลภมากของพวกเขาไม่ไหว จึงได้รวบรวมหลักฐานแล้วแจ้งเรื่องนี้ให้แก่ทางการ จนสองพ่อลูกริบทรัพย์และเนรเทศออกจากเมืองหลวงไปยังเมืองโหย่วชิงระหว่างทางกลุ่มของผู้ถูกเนรเทศก็พยายามหลบหนี สองพ่อลูกโชคดีที่หลบหนีไปได้ แต่ทว่าโชคไม่ดีที่พวกเขาไปเจอกับพวกโจรเข้า ทั้งสองต่างก็ไม่มีทรัพย์สมบัติใดให้พวกโจรปล้นชิง จึงถูกพวกโจรปล้นชิงชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกเขาไปแทน สองพ่อลูกสิ้นใจตายอย่างอนาถ เป็นอันจบสิ้นคนตระกูลซิน เหลือเพียงกู้อี้เหวิน ที่ถึงขั้นยอมตัดขาดกับตระกูลเดิมของมารดา เพียงเพราะฝั่งนั้นมีคดีติดตัวพ่อสามีของซูเยว่ซินที่ยามนี้ยังมีชีวิตอยู่ดี ก็คงจะเป็นเพราะภรรยาไม่ได้จากไปเฉกเช่นในชีวิตก่อน คน

  • ไม่มีอีกแล้ว...สตรีที่เคยโง่งมผู้นั้น   ตอนที่ 28 - 1 ค่อยๆคืนสนอง

    หลูเจียงหลีมองหญิงคณิกาที่นั่งตัวสั่นอยู่บนเตียงด้วยแววตาดูถูก ทว่าเพียงแวบเดียวนางกลับเห็นแววตาเย้ยหยันของอีกฝ่ายที่มองมายังนาง ก่อนที่หญิงคณิกาผู้นั้นจะก้มหน้าลงร่ำไห้ออกมา หลูเจียงหลีรู้แล้วว่านางผู้นี้หาใช่สตรีที่จะรับมือด้วยได้ง่าย ขอแค่ให้ผ่านค่ำคืนนี้ไป สถานะของนางในจวนตระกูลกู้มั่นคง มีหรือที่นางจะจัดการแม้กระทั่งหญิงคณิกาที่ต่ำต้อยเพียงนางเดียวไม่ได้กู้อี้เหวินจ้องบ่าวรับใช้คนสนิทด้วยสายตาตำหนิ ครานี้อีกฝ่ายทำงานผิดพลาด เห็นทีผ่านคืนนี้ไปเขาต้องสั่งโบยเพื่อให้หลาบจำ จะได้ไม่ปล่อยให้เขาได้พบเจอกับเรื่องที่อับอายเช่นนี้อีก ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่บนรถม้าที่มีหลูเจียงหลีนั่งมองมายังเขา กู้อี้เหวินทอดถอนใจออกมา ก่อนที่จะเอ่ยปากบอกนางตรงๆ“ไหนๆ เจ้าก็แต่งเข้ามาเป็นภรรยาเอกของข้าแล้ว หลังจากนี้ไป ข้าจะรับอนุภรรยาเข้ามา” หลูเจียงหลีถึงกับตะลึงในคำพูดของผู้เป็นสามี“แต่เราเพิ่งจะแต่งงานกันนะเจ้าคะ พี่ชายใหญ่ของท่านแต่งก่อนท่านตั้งหลายเดือนด้วยซ้ำ แต่เขายังไม่มีวี่แววที่จะรับอนุภรรยาเลย นอกเสียจากว่าข้ามีครรภ์ นั่นถึงจะเป็นเหตุผลที่ดีหากท่านต้องการจะรับ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status