เรื่องนี้ ฉันลืมไปเสียสนิทเลยไม่คิดว่าเขาจะยังจำได้ฉันใช้ผ้าขนหนูซับใบหน้า "ไม่ต้องหรอก ฉันไม่เป็นไร"เขาขมวดคิ้ว "เมื่อคืนคุณไม่สบายไม่ใช่หรอ?""..."ฉันคงบอกหมอไม่ได้ ทั้งๆ ที่หมอกำชับแล้วว่าช่วงท้องสามเดือนแรกห้ามมีอะไรกันเลยตอบบ่ายเบี่ยง "ตอนนี้หายดีแล้ว"เขาสงสัย "จริงเหรอ?"ถ้าไปหาหมอ ฉันต้องไปโรงพยาบาลเอกชนของตระกูลฟู่แน่นอน บริการด้วยช่องทางพิเศษไม่ต้องรอคิว รายงานผลตรวจก็ออกไวแต่ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็จะไม่สามารถปกปิดเรื่องท้องได้ไม่ว่าไงฉันก็จะไม่ไปฉันหลบสายตาเขา "ไม่อยากไป ไม่ชอบไปโรงพยาบาล""หนานจือ"ฟู่ฉีชวนหรี่ตาลง "คุณไม่ได้ปิดบังอะไรผมใช่ไหม?""ตุบ!"เขาจู่ๆ ก็ถามขึ้นมา ฉันใจหายจนขวดครีมบำรุงผิวในมือหล่นกระทบพื้นกระเบื้องหิน ตกใจจนหัวใจเกือบหยุดเต้นท่าทางร้อนตัวเห็นชัดมากเขาเดินเข้ามาพยุงตัวฉัน ดวงสีดำราวกับมองทะลุทุกอย่าง "คุณมีเรื่องปิดบังผมจริงๆ สินะ?""ฟู่ฉีชวน..."เขาสงสัยพร้อมกับมุ่ยปาก "คุณ...ไม่สบายใช่ไหม?"ฉันถอนหายใจยาว "ใช่ ดังนั้นพวกเราควรรีบหย่า ต่างคนจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลา""ไม่มีทาง!"เขาจู่ๆ ก็ขึ้นเสียงใส่ เขาสั่นจนยากจะสังเก
สายตาของเขาลึกล้ำ "เป็นเหตุผลอื่นไม่ได้รึไง?""อย่างเช่น?"ฉันไม่ปฏิเสธว่ากำลังหยั่งเชิงเขาเขาเม้มริมฝรปากเล็กน้อย "ผมแค่หวังให้คุณมีสุขภาพดี""...เหมือนกับอวยพรผู้ใหญ่คนแก่ในบ้านเลย"จู่ๆ ความคิดก้ผุดขึ้นมา ทันใดนั้น ฉันก็หัวเราะ "คุรเก็บเอาไว้อวยพรวันเกิดให้ท่านปู่เดือนหน้าเถอะ"หวังให้ฉันสุขภาพดีสู้หวังให้ครองรักกับฟู่จินอันตลอดไปดีกว่าไหม?พยาบาลมาเจาะเลือดให้ฉัน ตอนเช็ดฆ่าเชื้อที่แขน ฉันก็เผลอหดแขน จนเกร็งไปทั้งตัวกลัวกลัวมาตั้งแต่เด็กตอนป่วยสมัยเด็กพ่อจะกอดฉันไว้ แม่จะจับมือฉันอีกข้าง คอยปลอมฉันทั้งตอนฉีดยาหรือเจาะเลือดบางครั้งก็มีรางวัลให้ด้วยต่อมาช่วงสิบปีมานี้ สุขภาพแข็งแรง ไข้หวัดทั่วไปแค่อดทนก็หาย ส่วนไข้หวัดใหญ่ก็แค่ซื้อยามากิน น้อยครั้งจะต้องเจาะเลือดดังนั้นความกลัวตอนเจาะเลือด จึงไม่ลดลงไปแม้แต่น้อยแต่ว่า ต่อให้กลัวแค่ไหน ตอนนี้ฉันก็โตแล้ว พ่อแม่ก็ไม่อยู่แล้ว"ไม่ต้องกลัว"ทันใดนั้น มือใหญ่หยาบกร้านอันอบอุ่นก็จับมือฉันไว้อีกข้าง หัวแม่มือเขาลูบหลังมือฉันอย่างค่อยๆ พร้อมกับพูดปลอบ "ผมอยู่เป็นเพื่อน""คุณอยู่เป็นเพื่อน แต่คนเจ็บก็เป็นฉันอยู่ดี""
ขณะครุ่นคิด ก็นึกถึงครั้งสมัยก่อนตอนนั้นฉันกับฟู่ฉีชวนเพิ่งแต่งงานกันได้ครึ่งปี ประจำเดือนมาช้าไป 10 วัน ทุกครั้งเขาจะป้องกัน แต่ก็ยังแคลงใจว่าตัวเองท้องหรือเปล่าตอนซื้อชุดตรวจครรภ์ ฉันถึงขนาดอดคิดไม่ได้ว่าจะบอกเขาเรื่องตัวเองท้องยังไงตอนนี้ตั้งท้องขึ้นมาจริงๆ พอนึกถึงฟู่ฉีชวนซึ่งห่างแค่ประตูกั้นฉันกลับไม่มีอารมณ์ตื่นเต้นหรือดีใจมีแต่แค่ความกังวลหวาดกลัว รวมถึงความกระวนกระวายใจไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้นผลลัพธ์เลวร้ายที่สุด คือต้องเสียเด็กคนนี้ไปพอนึกถึงตรงนี้ ฉันก็รู้เย็บวาบที่หลังระยะเวลาสั้นๆ แค่ 2 ปี ไม่มีอะไรเหมือนเดิม ไม่มีใครไม่เปลี่ยนไป เหมือนข้ามยุคผ่านกาลเวลาสมัยขาสองข้างของฉันเหมือนหลอมด้วยตะกั่ว เดินมาถึงประตูด้วยอารมณ์ซับซ้อน ทว่าข้างนอกกลับไม่มีแม้แต่เงาของฟู่ฉีชวนเขาไปไหน?เหลือเพียงกระเป๋าสะพายของฉัน ถูกทิ้งไว้ตรงเก้าอี้เหล็กหน้าประตูใบเดียวเขา...ไปแล้ว?ฉันควานหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า ข้อความไลน์ปรากฎบนหน้าจอ"ผมบังเอิญมีธุระด่วน รายงานผลตรวจออกแล้ว ฉินเจ๋อจะเอาไปให้ผมที่บ้านเอง ผมคืนนี้กลับดึกหน่อย เป็นเด็กดีรอผมอยู่บ้านล่ะ"……ฉันถอนหายใจโล่งอก เดิ
เพื่อลูกและเพื่อตัวเองเจียงไหลหยุดโน้มน้าวฉัน เธอแค่ถาม "คิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาแล้วใช่ไหม?""อืม ฉันคิดแล้ว"หากสถานการณ์อยู่นอกเหนือการคาดเดา ฉันจะหายตัวไปอย่างสมบูรณ์เพื่อตัดความเป็นไปได้ที่อาจจะเสียลูกไปพอตัดสินใจได้แล้ว ฉันก็ไม่มีกะใจจะกลับบ้านไปทำกับข้าว หาบะหมี่เนื้อตรงร้านเล็กๆ ใต้คอนโดทาน แล้วค่อยกลับห้องซุกตัวอยู่บนโซฟาขณะรอฟู่ฉีชวนกลับบ้านก็ถือสมุดโน๊ตเล่มหนึ่งเขียนงานรอจนกระทั่งถึงบ่าย ตรงประตูยังคงไร้วี่แววการเคลื่อนไหวฉันทนรอไม่ไหวเลยส่งข้อความไปหาฟู่ฉีชวน "ใกล้กลับมารึยัง?"รอมาตั้งครึ่งวัน แต่ไม่ได้ข้อความตอบกลับเลยเรื่องด่วนอะไรขนาดนั้น ในสายก็ไม่เห็นเจียงไหลบอกว่าบริษัทมีธุระอะไรฤดูใบไม้ร่วงกลางวันสั้นกลางคืนยาว ประมาน 5 โมงอาทิตย์ก็เริ่มตกแล้วแสงอาทิตย์ตกสีส้มเข้มส่องเข้ามา ลมฤดูใบไม้ร่วงนอกหน้าต่างเย็นเฉียบ ในใจฉันจู่ๆ ก็เหงาอ้างว้างขึ้นมา การกระทำเร็วกว่าความคิดกว่าจะรู้สึกตัว ฉันก็หยิบมือถือขึ้นมาแล้วฉันเกลียดการรอคอยแบบนี้ รู้สึกเหมือนถูกปล่อยลอยเคว้งกลางอากาศขณะกำลังจะโทรหาฟู่ฉีชวน ฉินเจ๋อก็โทรมาพอดีพร้อมกล่าวอย่างละอายใจ "นายหญิง ขอโท
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน พยาบาลคนหนึ่งในห้องฉุกเฉินก็ออกมาเรียกชื่อ"ฟู่จินอัน สามีคุณฟู่จินอันอยู่ไหมคะ?"ฟู่ฉีชวนสาวเทาก้าวใหญ่เดินเข้าไปหา "หมอ! ผมอยู่นี่"คำง่ายๆ สี่พยางค์ ราวกับกริชบาดเฉือนลงไปในใจฉัน เลือดสดรินไหล ปวดร้าวจนไม่อาจสูดหายใจฉันเฝ้ารอเขามาทั้งวัน ไม่ง่ายเลยกว่าจะตัดสินใจได้ตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องตลกฉันยืนอยู่ตรงนั้น กลับยิ่งเหมือนตัวตลกยังไม่ทันทำเรื่องหย่าสามีฉันกลายเป็นสามีของคนอื่นต่อหน้าต่อตาห่างไม่ไกลนัก เขารลนลานรีบถาม "เธอเป็นยังไงบ้างครับ สาหัสไหม?""เสียเลือดตั้งมากขนาดนั้น คุณว่าไงล่ะ? แต่ว่ายังดีคุณมาส่งทันเวลา ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว"พยาบาลพูดจบ กลัวว่าเขาจะไม่สบายใจเลยพูดต่อ "เด็กก็ปลอดภัย"เด็ก?ฟู่จินอันท้องงั้นเหรอ?พวกเขามีลูกกันแล้ว?ฉันแทบลืมหายใจ มองฟู่ฉีชวนอย่างลังเลเห็นเพียงเขาถอนหายใจ สีหน้าในที่สุดก็ไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้น "โล่งอกไปที"บางทีฉันอาจจ้องเขามากเกินไป หรืออาจเพราะเขาเบาใจจนสัมผัสได้ถึงสายตาของฉัน พอสิ้นเสียงพูด เขาก็หันหน้ามองมาทางฉันในขณะเดียวกัน ฉันก็หันหลังเดินหายเข้าไปในทางหนีไฟฉันทรุดตัวพิงกับกำแพง ในหัวปร
เขาสวมชุดสูทรสีขาวครีม เสริมให้ดูสง่ามากขึ้น ดูสุภาพเรียบร้อยเขายิ้มหัวเราะเบาๆ "เพื่อนผมต้องแอดมิท ผมเลยมาเยี่ยม""อ้อ ค่ะ""คุณล่ะ ทำไมมาโรงพยาบาลคนเดียว?"ฉันยกรายงานผลตรวจให้เขาดู "ฉันมาเอาผลตรวจสุขภาพ"ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเคร่งครึม "ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ?""ไม่มีค่ะ"ฉันก่อนหน้านี้ตรวจสุขภาพของบริษัทมาแล้ว ครั้งนี้ก็เหมือนครั้งก่อน ผลตรวจแต่ละรายการอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเว้นเสียแต่ในท้องมีเด็กเพิ่มมาอีกคนลู่สือเยี่ยนพยักหน้า "ทานข้าวรึยังครับ ไปทานข้าวด้วยกันมั๊ย?""เฮ่อถิงกับเจียงไหลก็มาด้วยเหมือนกัน"อาจเพราะกลัวฉันปฏิเสธ เขาเลยกล่าวเสริมฉันลูบไปที่ท้อง จริงๆ ก็หิวอยู่เล็กน้อย "ได้ค่ะ"กลับบ้านไปคนเดียวก็ไม่รู้จะกินอะไรอยู่กับหลายคนก็จะได้ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านด้วยลู่สือเยี่ยนเอารถให้ผู้ช่วยขับกลับไป จากนั้นก็นั่งรถฉันไปยังร้านอาหารที่พวกเขาจองไว้เป็นร้านซุปแกะเก่าแก่ต้นตำรับภายในร้านดูบ้านๆ ตั้งอยู่ตรงหัวมุมภายในซอย แต่กลับขายดีเทน้ำเทท่ารถจอดตรงปากซอยจำนวนไม่น้อย ทำเอารถติดมากเราได้แต่เอารถจอดข้างนอกและเดินเข้ามา เจียงไหลและเฮ่อถิงมาถึงก่อนแล้วพอเห็นฉัน
อาหารมื้อนี้ ฉันไม่รู้รสของอาหารเลยพอกลับถึงบ้าน ฉันนอนกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืน เหมือนกับว่าหลับไปแล้ว ก็ตื่นขึ้นมาอีกวันต่อมา ฉันนอนถึงเที่ยงกว่าจะตื่น ตอนเดินรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยหลังจากค้นตู้เย็น ฉันก็ทำมะเขือยาวผัดกระเทียมใส่พริกกับเต้าหู้ผัดกุ้ง ทานพร้อมกับข้าวสวยถ้วยหนึ่ง ทานเสร็จค่อยรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้างคอนเสิร์ตเริ่มตอนเย็น ตอนนี้ยังมีเวลาเหลือเฟือ แทนที่จะดิ่งอยู่กับอารมณ์ด้านลบ ฉันเลยเลือกเปิดคอมพิวเตอร์ทำงานอย่างแรกฉันจะเช็คโซเชียลเป็นกิจวัตรพอเห็นแอคเคาท์ทางการของ MS โพสต์ข้อความ ฉันก็อดตกใจไม่ได้ขณะกำลังเปิดอ่านรายละเอียด สายของเจียงไหลก้เด้งขึ้นมา "เพื่อนรัก เธอเป็นไงบ้าง?"ฉันไม่อยากให้เธอกังวล "สบายดี""ฟู่ฉีชวนกลับบ้านมารึยัง?"ฉันเงียบ "ยังไม่กลับ""งั้นไม่ต้องพูดถึงเขา ผู้ชายเฮงซวย"เจียงไหลเปลี่ยนเรื่องคุย "ฉันโทรมามีเรื่องอยากบอก เธอรู้ข่าว MS ประกาศสร้างแบรนด์ร่วมกันรึยัง?""ฉันเห็นข่าวแล้ว"คอลเลคชั่นคอลแลป เป็นการตกลงร่วมระหว่างแบรนด์ แค่เซ็นสัญญาก็ไม่มีอะไรแล้วคอลเลคชั่นคอลแลปคริสต์มาสต์ของ MS ครั้งนี้ เตรียมดำเนินในรูปแบบข
พอฉันเห็นชื่อบนมือถือ รู้เหมือนว่าไม่ใช่ความจริง ฉันตกใจอยู่ครู่ก่อนจะรับสาย "ฮัลโหล""อยู่บ้านหรอ?"เสียงเขาเหมือนอยู่ในห้องโล่งๆ เสียงทุ้มของเขาแฝงด้วยความเหนื่อยล้าฉันลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียง พร้อมกับยืดเส้นยืดสายไปด้วย พยายามข่มใจพร้อมกับจงใจถาม "อืม คุณล่ะ? ยังยุ่งอยู่หรอ?"แค่คิดก็รู้ ฟู่จินอันเลือดไหลเยอะขนาดนั้นเขาคงไม่สบายใจอยู่แล้ว"ใกล้เสร็จแล้ว"ไม่รู้นึกถึงอะไร น้ำเสียงขอเขาอ่อนโยนขึ้น "บัตรคอนเสิร์ตอยู่ตรงชั้นวางตรงประตูบ้าน ก่อนคุณออกไปอย่าลืมเอาไปด้วย"แม้ว่าจะคาดการณ์ไว้แล้ว แต่พอพูดออกมาจากปากเขา ฉันยังคงรู้สึกไม่ดี "คุณไม่ไปแล้วหรอ?""คิดอะไรของคุณ? เจอกันหน้าสนามกีฬา..."เขาหัวเราะเบาๆ พูดยังไม่ทันจบ ทันใดนั้นเสียงอันอ่อนโยนแต่กลับถามอย่างขวานผ่าซากก็ดังขึ้น "อาชวน คุณโทรศัพท์หาใคร คุณสัญญากับฉันแล้ว..."เสียงขาดหายไปไม่ใช่ฟู่ฉีชวนห้ามเธอพูด แต่เขาตัดสายฉันทิ้งทำไมถึงทำเหมือนฉันกับเขาแอบคบกันอีกทั้งฉันยังเป็นมือที่สามฉันมองจอมือถืออย่างเหม่อลอย ในใจเจ็บปวดทรมานไร้ที่สิ้นสุด หัวใจเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นกำบีบเอาไว้ จุกอกจนแทบไม่อาจหายใจฉันคิดไม
ฉันไม่ได้คิดอะไรมากและหัวเราะ “เราออกไปนานแล้ว ฉันถึงบ้านแล้วและอาบน้ำแล้ว”"งั้นก็ดีแล้ว"“หลิน… ลุงของหลาน เขาไม่ได้ก่อเรื่องอีกแล้วใช่ไหม?”ก่อนที่ฉันจะไปกับลู่สือเยี่ยน เขาเตือนหลินกั๋วอันหลินกั๋วอันพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกือบจะคุกเข่าลงคุณป้าพยักหน้าแล้วพูดว่า "ไม่ ไม่ต้องห่วง เขาใบหย่าไปแล้วและเพิ่งกลับไป"ฉันแปลกใจเล็กน้อย "เซ็นต์ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?"ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวลู่สือเยี่ยนในระดับหนึ่งเมื่อคืนนี้เอง ยัวยืนกรานที่จะแบ่งทรัพย์สินของฉันคุณป้าถอนหายใจด้วยความโล่งใจ “ใช่แล้ว หลานต้องขอบคุณประธานลู่นะ เขาเป็นคนดีมาก”"โอเค ไม่ต้องกังวล ฉันจะหาโอกาสขอบคุณเขาเอง"ถ้าคุณป้าสามารถหย่าร้างได้อย่างราบรื่น ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขความกังวลในใจของฉันไปได้หนึ่งเปาะด้วยวิธีนี้ ฉันจะต้องดูแลคุณป้าของฉันเท่านั้นในอนาคต โดยไม่ต้องรับมือกับคนชั่วคนนี้……หนานซีเป็นแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว และธุรกิจของเราก็อยู่ในระดับปานกลางตามธรรมชาติแต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตารางงานที่ยุ่งของฉันฉันใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนในการทำชุดหมั้นของเสิ่นซิงหยูในที่สุดเพชร ไข่มุก ทับทิมตร
ฉันหันกลับมาทันทีและกำลังจะถาม แต่ลู่สือเยี่ยนเดินเข้ามาด้วยท่าทางไม่พอใจ"หนานจือ"ฉันพยักหน้าและพูดว่า "รุ่นพี่"ทันทีที่หลินกั๋วอันเห็นเขา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาตัวสั่นและพูดว่า "ประธานลู่ ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้?"เห็นได้ชัดว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนสายตาของลู่สือเยี่ยนมองมาที่ฉัน และหลังจากยืนยันว่าฉันปลอดภัยดี สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หลินกั๋วอัน “ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันบอกคุณอะไรไปเมื่อครั้งก่อน?”“ไม่ ไม่ ฉันไม่กล้า!”หลินกั๋วอันปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา โดยแสดงรอยยิ้มประจบประแจงและระมัดระวัง "ฉัน... ฉันเพียงมาพบภรรยาของฉัน บังเอิญว่าผู้หญิงคนนี้มาพอดี"ฉันเห็นว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนมาก ฉันจึงใช้โอกาสนี้ถามว่า "เกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไป? คุณเอาเรื่องนี้มาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่ามาบอกฉันนะ มันเป็นแค่การพูดลอยๆ"ประโยคนี้ ลู่สือเยี่ยนก็ได้ยินเช่นกันหลินกั๋วอันหดตัวลงชั่วขณะ หลบตาคุณป้าของฉัน กัดฟันแล้วพูดขึ้นมาว่า "ฉัน..."“คุณควรพูดความจริงดีกว่า”ลู่สือเยี่ยนขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงที่สงบแต่หนักแน่น ยิ้มอย่างสุภาพแต่แฝงไปด้วยความคุกคาม "ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันมัก
"หนานจือ ลุงของคุณได้รับจดหมายแจ้งการฟ้องหย่าของเราแล้ว"ทนายฟางอดไม่ได้ที่จะเตือนฉันว่า "แต่ตอนที่ฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ฉันก็ไปเจอลุงของคุณเข้า เขาหน้าซีดมาก และอาจทำให้คุณป้าของคุณเดือดร้อนได้""โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณ! ฉันจะไปดูทันที"คุณป้าของฉันอยู่ในระยะวิกฤตของการรักษา และกระเพาะอาหารเป็นอวัยวะที่อ่อนไหวและเต็มไปด้วยอารมณ์การทะเลาะกันใหญ่โต ไม่ดีต่อการฟื้นฟูร่างกายของเธอฉันวางสายโทรศัพท์และกลับไปที่ห้องส่วนตัว ฉันเอนตัวไปที่หูของเจียงไหลและพูด "ไหลไหล ฉันจะฝากเรื่องนี้ไว้กับเธอนะ มีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านคุณป้า ฉันต้องลองไปดู"สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปและเธอพูดอย่างวิตกกังวล "เป็นอะไรหรือเปล่า? ฉันพาเธอไปเอง""ไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่"ฉันตบไหล่เธอ “เธออยู่ที่นี่และทำให้ทุกคนสนุกสนาน อย่าปล่อยให้เรื่องนี้มาทำให้เสียบรรยากาศ”เมื่อพูดจบ ฉันก็คว้ากระเป๋าและบอกลาทุกคนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกไปลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นทันทีเช่นกัน “คุณดื่มแอลกอฮอล์มา ฉันจะพาคุณไปเอง”"โอเค"ฉันรู้ว่าเขามาทานอาหารเย็นนี้เพราะฉันเท่านั้น ถ้าฉันออกไป เขาก็คงไม่อยากอยู่เหมือนกันขณะที่ดินออกไป
ในขณะนั้นเอง มีคนจากภายในห้องดึงประตูเปิดออกพอดีตอนที่ฉันกำลังจะแอบดู พนักงานเสิร์ฟก้าวเข้ามา ทำให้ฉันไม่สามารถมองอะไรได้เลยสถานที่แห่งนี้ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของแขกเป็นอย่างยิ่งพนักงานเสิร์ฟถามว่า “สวัสดี คุณเป็นเพื่อนของคุณเซียวและกลุ่มของเขาหรือเปล่า?”แซ่นี้ฟังดูไม่คุ้นเลยฉันต้องส่ายหัวและบอกว่า "ไม่ ฉันเข้าห้องส่วนตัวผิด"เมื่อฉันหันหลังกลับและออกไป ดูเหมือนว่าใครบางคนกำลังจ้องมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง ทำให้ขนที่คอของฉันลุกชันเมื่อหันกลับไปมอง สิ่งที่ฉันเห็นก็คือประตูห้องส่วนตัวที่ปิดสนิทแล้วเมื่อกลับมาที่ห้องส่วนตัว เจียงไหลสั่งอาหารเสร็จแล้ว “เอาล่ะ เธอมีอะไรอยากสั่งไหม?”"ฉันไม่เลือกหรอก สั่งมาเลย"เมื่อคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ฉันรู้สึกหนักใจเล็กน้อยไม่ใช่ใครที่ฉันรู้จัก แต่สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันมากแทบจะเป็นสถานการณ์เดียวกันฉันไม่เคยได้ยินว่ามีเพื่อนสนิทแซ่เซียวจากฟู่ฉีชวนเลยเจียงไหลรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและโน้มตัวเข้ามาที่หูของฉัน "เธอกำลังคิดอะไรอยู่""ไม่มีอะไร"ฉันยิ้มอย่างอ่อนโยนตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่อ
เจียงไหลไม่เห็นด้วยกับความคิดของฉัน "อีกอย่าง ตอนนี้เธอก็หย่าแล้ว เธอคิดว่าเขาจะยอมแพ้ได้แค่พูดไม่กี่คำเหรอ? จะดีกว่าไหมที่จะกำหนดเส้นตายแบบนี้"ตอนนั้น ฉันก็คิดเหมือนกันตอนที่ฉันรู้ว่าลู่สือเยี่ยนแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นเวลา 20 ปี ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นโชคดีมากแต่เมื่อฉันรู้ว่าเป็นฉัน ฉันรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณมากกว่าเป็นหนี้บุญคุณ....ยากที่จะตอบแทนในช่วงเวลาที่ฉันเงียบๆ เจียงไหลนอนลงบนโต๊ะ เขย่าต่างหูของฉันด้วยนิ้วของเธอ "อาหร่วน ทำไมเธอไม่ลองคบกับลู่สือเยี่ยนดูล่ะ มีผู้ชายที่ทุ่มเทขนาดนี้เพียงไม่กี่คนในสมัยนี้""ก็เพราะว่าเขาดีมาก ฉันจึงต้องระมัดระวังมากขึ้น"ไม่เช่นนั้น มันก็จะกลายเป็นการเล่นกับอารมณ์ของคนอื่นเมื่อมีคนมอบใจให้ 100% ก็ควรให้ใจกลับไป100% ด้วยถ้าฉันทำไม่ได้ ฉันก็ควรปล่อยเขาไปเร็วกว่านี้ เพื่อที่เขาจะได้หาคนที่ทำได้เจียงไหลไม่สามารถโน้มน้าวฉันได้ เธอจึงยอมแพ้และพูดว่า "เอาล่ะ คืนนี้ไปกินข้าวเย็นที่ร้านประจำกันเถอะ"ร้านประจำที่เธอพูดถึงเป็นคลับเฮาส์ที่เธอเคยไปบ่อยๆฉันเดาะลิ้น “มันจะแพงเกินไปไหม?”“ไม่ต้องห่วง ฉันเลี้ยงเอง”"เงินขอเธอหล่นลงมาจากฟ้
ฉันสับสนมากไม่ใช่เขา แล้วใครส่งมา?การติดต่อครั้งเดียวที่เรามีกับRF กรุ๊ปก็ผ่านเขาเท่านั้น…ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด เสียงของเฉินเย่ที่นึกขึ้นได้ก็ดังขึ้นที่ปลายสาย "ใช่ ๆ ฉันจำได้แล้ว เป็นฉันเอง! จริงๆ แล้ว ฉันขอให้ผู้ช่วยของฉันสั่งให้ แต่เขาอาจจะสั่งผิด ฉันขอให้เขาสั่งตระกร้าดอกไม้ 99 ใบเพื่อบริษัทของคุณประสบความสำเร็จและรุ่งเรือง"เฉินเย่รู้สึกเสียใจเล็กน้อยและพูดว่า "ตะกร้าดอกไม้ 999 ใบมันมากเกินไปจริงๆ มันทำให้คุณเดือดร้อนอะไรหรือเปล่า?"“เข้าใจแล้ว…”ฉันยิ้มแห้งๆ เมื่อมองไปที่ช่อดอกไม้ที่เรียงรายเต็มไปหมดจนเต็มพื้นที่ตั้งแต่ลิฟต์ไปจนถึงออฟฟิศของเรา “ไม่ใช่ปัญหาจริงๆ… แต่บางทีฉันควรคุยกับร้านดอกไม้เกี่ยวกับการคืนดอกไม้บ้าง? ไม่งั้นมันจะฟุ่มเฟือยเกินไป”“ไม่จำเป็น ฉันไม่สนใจเรื่องค่าใช้จ่าย”เฉินเย่พูดออกไป แล้วกระแอมอีกครั้งแล้วพูดเสริมว่า "ผู้ช่วยของฉัน เขาแค่มาทำงาน เพื่อต้องการเปิดประสบการณ์ชีวิต เขาเป็นคนร่ำรวยมาก และฉันจะหักเงินนี้จากโบนัสของเขา"“…โอเค”ฉันขอบคุณอีกครั้ง แพูดคุยอย่างสุภาพอีกสองสามคำ จากนั้นก็วางสายเจียงไหลเอนตัวเข้ามาและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น เขาให้
ฉันรู้ดีว่าคงไม่ใช่ฉันหรอก แค่การตอบกลับตามวามเคยชินเขาหรี่ตาอย่างอันตราย แสดงให้เห็นถึงความไม่ต่อรับ "พวกที่รังแกคุณต้องชดใช้ยังไง"ฉันหัวเราะเบาๆ “แล้วไงต่อ”“ไม่มีแล้วไงต่อ”โจวฟางเม้มปากและเอนหลังพิงพนักพิงศีรษะ ขนตาของเขาปิดบังอารมณ์ทั้งหมดของเขาไว้ "ชื่อคุณอยู่ในสมุดทะเบียนบ้านของตระกูลหร่วน และก่อนที่ชิงหลี่จะจากไป คุณก็เป็นหร่วนหนานจือของตระกูลหร่วนไปแล้ว""แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไม ฉันเหมือนคุณย่าเลย บางครั้งก็ถูกดึงดูด""......"ฉันเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที และฉันก็เฝ้าดูเขาอย่างระมัดระวังเขาหัวเราะอย่างไม่เชื่อและกดลิ้นทับฟันกรามของเขา “ทำไมถึงมองแบบนั้น คุณคิดว่าฉันสิ้นหวังขนาดจะยอมคบกับใครก็ได้งั้นเหรอ?”“นั่นพูดยาก”ฉันยิ้มและดึงเสื้อโค้ทให้กระชับขึ้นโดยตั้งใจ หวังว่าจะช่วยคลายความตึงเครียดในรถได้เขาหาวและพูดออกมาสองคำอย่างไม่ใส่ใจว่า “เด็กน้อยจัง”จากนั้น เขาก็หยิบผ้าปิดตาออกมาจากที่ไหนสักแห่งโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า และหลับไปอย่างสงบ……วันรุ่งขึ้นเป็นวันเปิดตัวหนานซีอย่างเป็นทางการพนักงานใหม่หลายคนมาแต่เช้า เต็มไปด้วยพลังงาน ทำให้บรรยากาศของบริษัทดีขึ้นท
แน่นอนว่า คิดว่าฃคู่ควรไม่อย่างนั้นฟู่ฉีชวนจะเปลี่ยนทัศนคติของเขาได้อย่างรวดเร็ว รีบหมั้นและหย่าได้ยังไงความคิดของเสิ่นซิงหยูก็สอดคล้องกับของฉันเธอมั่นใจมากขึ้นอีก เธอเงยคางขึ้นและพูดว่า "อะไรอีก? ฉันคงแย่ไปกว่าหร่วนหนานจือไม่ได้หรอกใช่ไหม?”……Thank youทำไมต้องให้ฉันโดนลูกหลงแบบนี้ด้วยโชคดีที่คนรับใช้วิ่งเข้ามาในไม่ช้า “คุณหญิง คุณหญิงรอง คุณนายกลับมาแล้ว”กำลังเสริมของเสิ่นซิงหยูมาถึงแล้วเสิ่นซิงหยูหยิบกระดาษสองสามแผ่นแล้วเช็ดหน้า เธอจับแขนของฟู่ฉีชวนอย่างภาคภูมิใจและอดใจที่จะออกไป 'บ่น' ไม่ไหวมีเพียงหกคำที่ก้องอยู่ในใจของฉัน: ที่นี่ไม่ปลอดภัยที่จะอยู่แค่เสิ่นซิงหยูก็เหนื่อยพอแล้ว และตอนนี้ยังมีแม่เสิ่นที่ต้องจัดการด้วยฉันยืดตัวขึ้น หันไปหาคุณหญิงเซินแล้วพูดเบาๆ ว่า “คุณย่า วันนี้ฉันต้องกลับเมืองเจียงเฉิง ฉันจะไปเยี่ยมคุณย่าที่เมืองจิงเฉิงอีกครั้งเมื่อมีโอกาส”คุณย่าเสิ่นดูผิดหวังเล็กน้อย แต่เธอไม่ได้กดดันฉัน เธอเพียงแค่ขอให้พ่อบ้านพาฉันไปเอาของบางอย่างเธอให้โจวฟางอยู่ต่อ เพื่อคุยกันเมื่อฉันเก็บของเสร็จแล้วและกลับมา โจวฟางก็ออกมาจากห้องรับรองพอดีโจวฟางเดิน
เหมือนกับกำลังทำเรื่องใหญ่อยู่เขารู้แค่ว่าปิดประตูกับเปลี่ยนรหัสผ่านเท่านั้น แต่คนที่ไม่รู้ อาจจะนึกว่าเขากำลังสวดมนต์ไหว้พระอยู่ฉันได้สติกลับมา “เดี๋ยวนะ... นี่คือห้องของคู่หมั้นตัวของคุณงั้นเหรอ?”ขนตาหนาดกของโจวฟางสั่นเล็กน้อย และเขาหันมามองฉัน "คุณรู้ก็ยังจะถามอีก?""คุณ..."ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา "คุณเคยคิดเรื่องนี้ไหม? แล้วถ้าคุณหาเธอไม่เจอจริงๆ ล่ะ?"เขาจ้องมาที่ฉัน หรี่ตาลง และยิ้มเยาะในแบบที่อยากจะเอากำปั้นไปกระแทกหน้านั่น “ฉันก็จะไม่ยอมลดตัวเองให้ใครง่ายๆ รวมถึงคุณด้วย”“….....คุณนี่คิดมากไปจริงๆ”ฉันแทบจะหมดคำพูด “ถึงจะมีคนยกคนอย่างคุณให้ฉัน ฉันก็ไม่ต้องการ”เคยเจ็บปวดให้รักแรกในใจของฟู่ฉีชวนครั้งเดียว นั่นก็เพียงพอแล้วหลังจากนี้ ผู้ชายที่ยังลืมรักแรกไม่ได้ ฉันจะขออยู่ให้ห่างไว้ดีกว่ายิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นใคร? ทายาสายตรงคนเดียว 5 รุ่นของตระกูลโจวฉันเป็นผู้หญิงที่หย่า ฉันจะคิดที่จะก้าวเข้าไปในคฤหาสน์ประจำตระกูลของเขาได้อย่างไรไม่ต้องพูดถึงเขา แค่ครอบครัวของเขาจะไล่ฉันออกไปด้วยไม้กวาดก่อนที่ฉันจะผ่านประตูเข้าไปด้วยซ้ำ“นายน้อยโจว คุณหร่วน”พ่อบ้านวิ่งมา