พอฉันเห็นชื่อบนมือถือ รู้เหมือนว่าไม่ใช่ความจริง ฉันตกใจอยู่ครู่ก่อนจะรับสาย "ฮัลโหล""อยู่บ้านหรอ?"เสียงเขาเหมือนอยู่ในห้องโล่งๆ เสียงทุ้มของเขาแฝงด้วยความเหนื่อยล้าฉันลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียง พร้อมกับยืดเส้นยืดสายไปด้วย พยายามข่มใจพร้อมกับจงใจถาม "อืม คุณล่ะ? ยังยุ่งอยู่หรอ?"แค่คิดก็รู้ ฟู่จินอันเลือดไหลเยอะขนาดนั้นเขาคงไม่สบายใจอยู่แล้ว"ใกล้เสร็จแล้ว"ไม่รู้นึกถึงอะไร น้ำเสียงขอเขาอ่อนโยนขึ้น "บัตรคอนเสิร์ตอยู่ตรงชั้นวางตรงประตูบ้าน ก่อนคุณออกไปอย่าลืมเอาไปด้วย"แม้ว่าจะคาดการณ์ไว้แล้ว แต่พอพูดออกมาจากปากเขา ฉันยังคงรู้สึกไม่ดี "คุณไม่ไปแล้วหรอ?""คิดอะไรของคุณ? เจอกันหน้าสนามกีฬา..."เขาหัวเราะเบาๆ พูดยังไม่ทันจบ ทันใดนั้นเสียงอันอ่อนโยนแต่กลับถามอย่างขวานผ่าซากก็ดังขึ้น "อาชวน คุณโทรศัพท์หาใคร คุณสัญญากับฉันแล้ว..."เสียงขาดหายไปไม่ใช่ฟู่ฉีชวนห้ามเธอพูด แต่เขาตัดสายฉันทิ้งทำไมถึงทำเหมือนฉันกับเขาแอบคบกันอีกทั้งฉันยังเป็นมือที่สามฉันมองจอมือถืออย่างเหม่อลอย ในใจเจ็บปวดทรมานไร้ที่สิ้นสุด หัวใจเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นกำบีบเอาไว้ จุกอกจนแทบไม่อาจหายใจฉันคิดไม
บางที คนที่ฉันรอ คงไม่มาแล้วผู้หญิงคนนั้นมีไหวพริบ เธอยิ้มถาม "พี่สาว รอใครอยู่งั้นหรอ?""ใช่ค่ะ""เพื่อนคุณคงจะรถติดอยู่ บริเวณรอบสนามกีฬาตอนนี้รถติดเป็นพิเศษ"อาจเพราะเห็นฉันดูหดหู่ เธอเลยยิ้มเดินเข้ามาปลอบพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อย "เดี๋ยวฉันรอเป็นเพื่อนค่ะ""คุณไม่เข้าไปหรอ?""ฉันแย่งซื้อตั๋วไม่ทัน"ฉันยักไหล่พร้อมกับเบ้มุมปาก ท่าทางดูผิดหวังหมดหนทางเลือกฉันยิ้มอ่อนๆ "ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนรอนะคะ"เขาคงไม่มาแล้ว ฉันไม่ได้รอให้เขามาถึงแต่รอให้ตัวเองตัดใจยอมแพ้สักทีหลังจากรอมาหนึ่งชั่วโมง ผู้คนบริเวณนั้นไม่แออัดอีกต่อไป เบาบางลง มือฉันถือมือถือเกือบจะหนาวแข็งเสียงประกาศแจ้งว่าประตูใกล้จะปิดแล้ว"หนานจือ"ด้านหลัง ทันใดนั้นก็มีเสียงอ่อนโยนราวกับหยกดังขึ้นฉันหันกลับไปอย่างดีใจ เห็นลู่สือเยี่ยนสวมแจ็คเก็ตกันลมสีน้ำตาลเหมือนกับฉัน ฉันตกใจเล็กน้อยพร้อมกับเผยยิ้มจางๆ "รุ่นพี่ บังเอิญจังเลย"เขาเลิกคิ้ว "บังเอิญจริงๆ เจอกันอีกแล้ว"ผู้หญิงคนนั้นที่ไปซื้อเครื่องดื่มจากตู้กดอัตโนมัติก็กลับมาพอดี พอเธอเห็นลู่สือเยี่ยน แววตาก็ทอเป็นประกาย เธอยื่นขวดหนึ่งมาให้ฉันพร้อมกับกล่า
"ไม่ต้องห่วง ฉันไม่หัวเราะคุณหรอก"ฉันตบไหล่เขาพร้อมกับยิ้มและเปลี่ยนเรื่องคุย "ที่แท้คุณก็ชอบ Eason เมื่อก่อนไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงเลย"ลู่สือเยี่ยนหันมองไปยังเวที น้ำเสียงดูหดหู่ "รักฉันก็ต้องรักหมาฉันด้วย ประมานนั้น""เธอชอบ Eason?""อืม สมัยมหาลัย เธอชอบมาก""บังเอิญเสียจริง"ฉันหัวเราะ "ฉันสมัยมหาลัยชอบฟังเพลงของ Eason มาก"เขายิ้มมุมปาก ดูมีเลศนัย "บังเอิญจริงๆ"เรานั่งโซน VIP ชมคอนเสิร์ตได้อย่างเต็มอรรถรส ไม่มีมุมอับสายตาเลยขณะทำนองคุ้นหูดังขึ้น ศิลปินก็ปรากฎขึ้นบนเวที บรรยากศคึกคักขึ้นมาทันที แฟนคลับนับไม่ถ้วนส่งเสียงกู่ก้องร้องตามฉันกับลู่สือเยี่ยนเหมือนกับเป็นอีกพวก ได้แต่ฟังอยู่เงียบๆภาพความทรงจำแต่ละฉากในช่วงหลายปีนี้ เหมือนกับวนฉายซ้ำขึ้นในหัวเมื่อสิบปีก่อนผมไม่รู้จักคุณคุณไม่ใช่ของผมเรายังคงเหมือนเดิมอยู่เคียงข้างคนแปลกหน้าเดินผ่านเส้นถนนคุ้นเคยสิบปีต่อมาพวกเราคือเพื่อนกันยังคอยถามไถ่เพียงแต่ความอบอุ่นนั้นไร้เหตุผลให้สวมกอดคนรักสุดท้ายก็เป็นได้แค่เพื่อน……พอได้ฟังประโยคท่านสุดท้ายของเพลง ฉันจู่ๆ ก็หลั่งน้ำตาร้องไห้เงียบๆ เป็นเวลาน
ใกล้แล้วคืออะไร?ฉันเหมือนถูกคำนั้นดีดกลางแสกหน้าอยากจะถามให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยแต่ก็รู้สึกว่าหากถามต่อไปคงจะเสียมารยาทก็เลยได้แต่ฟังเพลงในคอนเสิร์ตวันนี้ แต่ละเพลงล้วนอยู่ในรายการเพลงโปรดฉันหลังจากจบคอนเสิร์ต กลับยังรู้สึกไม่หนำใจหลังจากศิลปินลงจากเวที ฉันรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง เหมือนถูกปลุกตื่นจากฝันยาวนานฉันนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงที่นั่ง มองดูผู้คนรอบด้านทยอยเดินออกหลังจากสนุกสุดเหวี่ยงในใจรู้สึกว่างปล่าวจนน่ากลัวจนกระทั่งตอนนี้ ฉันยังคงกำมือถือไว้ในมือ ไม่มีการโทรมาหาหรือส่งข้อความอะไรมาจากฟู่ฉีชวนส่วนฉันเหม่อลอยว่างเปล่า ลู่สือเยี่ยนก็เคารพฉันอย่างมาก ไม่ได้เร่งเร้าฉันแค่รอเงียบๆ อยู่ข้างๆจนฉันตั้งสติได้ เราถึงจะเดินตามฝูงชนไปด้านนอกแม้จะมีสตาฟคอยดูแลระเบียบความเรียบร้อย ก็ยังมีคนดันเบียดเสียด ฉันขณะเดินอยู่ดีๆ ด้านหลังก็ออกแรงผลัก เท้าเดินสะดุดจนล้มกระแทกลู่สือเยี่ยนลู่สือเยี่ยนประคองใหล่ฉัน "ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?""ไม่เป็นไรค่ะ"ฉันอายเกินกว่าจะอธิบาย "ถูกคนผลัก ฉันเลยสะดุด"ลู่สือเยี่ยนปล่อยมือจากไหล่ฉันและไม่ได้พูดอะไรยังดีที่หลังจากนั้นไม่มี
พอไฟในรถสว่างขึ้น ฟู่ฉีชวนก็แทบจะลืมตาตื่นขึ้นในทันที ถูกคนขัดจังหวะนอนจนอารมณเสียเล็กน้อย วินาทีต่อมา เขาก็หันหน้ามาสบตากับฉันท่าทีของเขาผ่านคลายลงในทันที "คอนเสิร์ตจบแล้วหรอ?"เขาทำอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกับเขากำลังหลอกฉันไปอยู่กับฟู่จินอันสองวันหนึ่งคืน แล้วทำเหมือนกับฉันคิดไปเองฉันเหนื่อยจะเสแสร้ง "เมื่อวานคนที่คุณเห็นที่โรงพยาบาลคือฉันเอง""ฟู่ฉีชวน ตอนนั้นฉันยืนห่างจากคุณสิบเมตรได้ ไม่สิ อาจจะใกล้กว่านั้น""ฉันเห็นสามีของตัวเอง ทำเพื่อผู้หญิงอีกคนหนึ่งจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว""จนกระทั่งได้ยินคุณตอบกลับพยาบาล ว่าคุณคือสามีเธอ""ดังนั้น ตอนคุณโทรมาหาฉันเมื่อวาน ฉันรู้แล้วว่าคุณโกหกฉัน"ฉันกระตุกยิ้มมุมปาก ฉันจ้องเขาและพูดชัดถ้อยชัดคำ "อ้อ จริงด้วย เธอตั้งท้องแล้ว พวกคุณมีลูกด้วยกันใช่ไหม?"ทุกครั้งที่ฉันพูด สีหน้าเขาก็ยิ่งแย่และซับซ้อนขึ้น!ทว่าฉันยิ่งพูดยิ่งสะใจเห็นสีหน้าของเขาหมองจนแทบเหงื่อตก ฉันก็หัวเราะขึ้นมาทันที "ยินดีกับคุณด้วย ใกล้จะเป็นพ่อคนแล้ว"ทันใดนั้นเขาเขยิบตัวเข้ามา เอื้อมแขนลากฉันเข้าไปในรถ!พอฉันตั้งสติได้ ฉินเจ๋อก็ส่งสายขอโทษมาให้ฉัน
ฟู่ฉีชวนหรี่ตา เหลือบมองฉันอย่างไม่แยแสพร้อมกับยิ้มมุมปาก "หรือคุณอยากลอง?"เป็นรอยยิ้มที่เห็นได้ทุกวัน ทว่ากลับรู้สึกกลัวจนตัวสั่นเหมือนว่าถ้าฉันกล้า วินาทีต่อมาเขาคงหักคอฉัน"ลองก็ลอง"ฉันถืออคติว่าแพ้ได้แต่ต้องไม่เสียศักดิ์ศรีเขาใบหน้าเย็นเยือก หัวเราะเย็นชา ขณะกำลังจะลงมือ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นฟู่จินอันแวบแรกที่โผล่ที่ขึ้นในหัวคือชื่อนี้อดอุทานไม่ได้ว่าสัมผัสที่หกของผู้หญิงแม่นมากและก็เป็นฟู่จินอันจริงๆฟู่ฉีชวนเลิกคิ้ว เขาไม่รับสาย เสียงเรียกเข้ายังดังไม่หยุดเขาหากคิดจะปฏิเสธ ก็มีนับร้อยวิธีดังนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดปฏิเสธ"อาชวน คุณไปไหน ทำไมยังไม่กลับมา? ลูกในท้องฉันอยากกินเค้กสตรอเบอรี่ คุณรีบซื้อกลับมาให้ที!"พื้นที่ในรถค่อนข้างแคบ ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้อย่างสิ้นเชิง เสียงออดอ้อนของฟู่จินอันดังชัดจนได้ยินมาถึงหูฉันฉันสาบาน ฉันไม่ได้ตั้งใจแอบฟังฟู่ฉีชวนก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ เขาระงับอารมณ์และลงจากรถยืนอยู่ข้างถนน เห็นเพียงแต่ใบหน้าด้านข้างเขาทำสีหน้าประชดเล็กน้อยฉันเหลือบสายตากลับมา ไม่อยากสนใจเรื่องระหว่างเขากับฟู่จินอัน เลยก้มหน้าเล่
"ฉินเจ๋อ ออกรถ! พานายหญิงกลับไปส่ง"เขาพูดจบก็ปิดประตูรถฉินเจ๋อออกรถในทันที "นายหญิง ท่านทำเขาโกรธแล้ว"ประตูรถถูกล็อคฉันได้แต่มองฟู่ฉีชวนเดินออกไปขึ้นรถของบอดี้การ์ดรถสองคันเคลื่อนตัวออกพร้อมกัน แต่ตอนถึงแยกไฟแดง กลับขับแยกออกไปคนละทางฉันกับฟู่ฉีชวนเหมือนกับว่าไม่เคยเดินเคียงข้างกันได้ฉันเหมือนถูกสูบเรี่ยวแรงไปจนหมด นั่งลงที่เบาะอย่างหมดแรง อารมณ์ซับซนปนเปต้องถึงขนาดนั้นเลยหรอฉันขอให้เขากับฟู่จินอันสมหวังโดยไม่เรียกร้องอะไร ยังไม่ดีอีกหรอฟู่ฉีชวน คุณจะเอายังไงกับฉันกันแน่ฉินเจ๋อขณะขับรถก็ยังสังเกตสีหน้าของฉัน เขากล่าวอย่างระวัง "นายหญิง ท่านไม่เป็นต้องทะเลาะกับรองประธานแบบนี้ พูดตามตรง ท่านคือคุณนายฟู่ ส่วนเรื่องของฟู่จินอัน ท่านไม่จำเป็นต้องเอามาใส่ใจ"ฉินเจ๋อ"ฉันลดหน้าต่างลงให้ลมพัดเข้ามา ฉันเม้มปาก "นายเองก็รู้สึกว่าฉันขึ้นชื่อว่าเป็นคุณนายฟู่ ก็ควรสำนึกขอบคุณงั้นหรอ?""ผม ไม่ได้หมายความอย่างงั้น นายหญิง ท่านอย่าเข้าใจผิด ก็แค่ท่านรองประธานชอบให้ใช้ไม้อ่อน นายหญิงยิ่งทำแบบนี้ ก็มีแต่จะเสีย...""ไม่เป็นไร นายเป็นผู้ช่วยเขา นายจะช่วยพูดแทนเขาก็เป็นเรื่องสมควร
……ฉันอดหัวเราะไม่ได้ฟู่ฉีชวนอยากรับผิดชอบเธอแล้วมาหาฉันเพื่ออะไร?ไปหาฟู่ฉีชวนสิฟู่จินอันลูบท้องของเธอ "เรื่องหย่าของพวกเธอรีบจัดการให้เสร้จล่ะ ไม่งั้นคงเสียเวลาแจ้งเข้าทะเบียนจองลูกฉัน""งั้นเธอก็ไปเร่งฟู่ฉีชวน"ตึกสำนักงานเครือบริษัทเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดทั้งปี ฉันถอดเสื้อตัวนอก หยิบบัวรดน้ำรดพืชที่ปลูกเรียงเป็นแถวใต้หน้าต่างในเมื่อฟู่ฉีชวนไม่ยอมขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจน งั้นฉันก็ไม่รีบร้อนให้ฟู่จินอันไปบีบคั้นเขาเองฟู่จินอันเยาะเย้ย "เธอเลิกเล่นลูกไม้ตีสองหน้ากับฉันสักที เดี๋ยวก็ทำเป็นเหมือนไม่สนใจ เดี๋ยวก็พัวพันอาชวนไม่ยอมลามือ""อันที่จริงฉันเข้าใจเธอ ถ้าม่มีพ่อไม่มีแม่ แค่เด็กกำพร้า ได้เกาะใบบุญของตระกูลฟู่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลจะไม่มีกินมีใช้ เลยไม่ยอมปล่อยมือ คนเราก็แบบนี้แหละ""แต่ว่าหร่วนหนานจือ เกิดเป็นผู้หญิงก็ควรจะมียางอาย"เธอสองมือกอดอกและหัวเราะเบาๆ "อย่าดันทุรังเพื่อผู้ชายเลย ใครรู้เข้าคงขายหน้า"ฉันเลิกคิ้ว "...เราไม่ได้เจอกันครั้งแรกนะ เธอทำไมต้องแนะนำตัวเองด้วย?"ฟู่จินอันสำลักคำพูดของฉัน เธอกระแอมเบาๆก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้ามา"อย่าคิดว่าตาแก่ไม้ใกล้
ฉันไม่ได้คิดอะไรมากและหัวเราะ “เราออกไปนานแล้ว ฉันถึงบ้านแล้วและอาบน้ำแล้ว”"งั้นก็ดีแล้ว"“หลิน… ลุงของหลาน เขาไม่ได้ก่อเรื่องอีกแล้วใช่ไหม?”ก่อนที่ฉันจะไปกับลู่สือเยี่ยน เขาเตือนหลินกั๋วอันหลินกั๋วอันพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกือบจะคุกเข่าลงคุณป้าพยักหน้าแล้วพูดว่า "ไม่ ไม่ต้องห่วง เขาใบหย่าไปแล้วและเพิ่งกลับไป"ฉันแปลกใจเล็กน้อย "เซ็นต์ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?"ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวลู่สือเยี่ยนในระดับหนึ่งเมื่อคืนนี้เอง ยัวยืนกรานที่จะแบ่งทรัพย์สินของฉันคุณป้าถอนหายใจด้วยความโล่งใจ “ใช่แล้ว หลานต้องขอบคุณประธานลู่นะ เขาเป็นคนดีมาก”"โอเค ไม่ต้องกังวล ฉันจะหาโอกาสขอบคุณเขาเอง"ถ้าคุณป้าสามารถหย่าร้างได้อย่างราบรื่น ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขความกังวลในใจของฉันไปได้หนึ่งเปาะด้วยวิธีนี้ ฉันจะต้องดูแลคุณป้าของฉันเท่านั้นในอนาคต โดยไม่ต้องรับมือกับคนชั่วคนนี้……หนานซีเป็นแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว และธุรกิจของเราก็อยู่ในระดับปานกลางตามธรรมชาติแต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตารางงานที่ยุ่งของฉันฉันใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนในการทำชุดหมั้นของเสิ่นซิงหยูในที่สุดเพชร ไข่มุก ทับทิมตร
ฉันหันกลับมาทันทีและกำลังจะถาม แต่ลู่สือเยี่ยนเดินเข้ามาด้วยท่าทางไม่พอใจ"หนานจือ"ฉันพยักหน้าและพูดว่า "รุ่นพี่"ทันทีที่หลินกั๋วอันเห็นเขา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาตัวสั่นและพูดว่า "ประธานลู่ ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้?"เห็นได้ชัดว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนสายตาของลู่สือเยี่ยนมองมาที่ฉัน และหลังจากยืนยันว่าฉันปลอดภัยดี สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หลินกั๋วอัน “ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันบอกคุณอะไรไปเมื่อครั้งก่อน?”“ไม่ ไม่ ฉันไม่กล้า!”หลินกั๋วอันปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา โดยแสดงรอยยิ้มประจบประแจงและระมัดระวัง "ฉัน... ฉันเพียงมาพบภรรยาของฉัน บังเอิญว่าผู้หญิงคนนี้มาพอดี"ฉันเห็นว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนมาก ฉันจึงใช้โอกาสนี้ถามว่า "เกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไป? คุณเอาเรื่องนี้มาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่ามาบอกฉันนะ มันเป็นแค่การพูดลอยๆ"ประโยคนี้ ลู่สือเยี่ยนก็ได้ยินเช่นกันหลินกั๋วอันหดตัวลงชั่วขณะ หลบตาคุณป้าของฉัน กัดฟันแล้วพูดขึ้นมาว่า "ฉัน..."“คุณควรพูดความจริงดีกว่า”ลู่สือเยี่ยนขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงที่สงบแต่หนักแน่น ยิ้มอย่างสุภาพแต่แฝงไปด้วยความคุกคาม "ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันมัก
"หนานจือ ลุงของคุณได้รับจดหมายแจ้งการฟ้องหย่าของเราแล้ว"ทนายฟางอดไม่ได้ที่จะเตือนฉันว่า "แต่ตอนที่ฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ฉันก็ไปเจอลุงของคุณเข้า เขาหน้าซีดมาก และอาจทำให้คุณป้าของคุณเดือดร้อนได้""โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณ! ฉันจะไปดูทันที"คุณป้าของฉันอยู่ในระยะวิกฤตของการรักษา และกระเพาะอาหารเป็นอวัยวะที่อ่อนไหวและเต็มไปด้วยอารมณ์การทะเลาะกันใหญ่โต ไม่ดีต่อการฟื้นฟูร่างกายของเธอฉันวางสายโทรศัพท์และกลับไปที่ห้องส่วนตัว ฉันเอนตัวไปที่หูของเจียงไหลและพูด "ไหลไหล ฉันจะฝากเรื่องนี้ไว้กับเธอนะ มีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านคุณป้า ฉันต้องลองไปดู"สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปและเธอพูดอย่างวิตกกังวล "เป็นอะไรหรือเปล่า? ฉันพาเธอไปเอง""ไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่"ฉันตบไหล่เธอ “เธออยู่ที่นี่และทำให้ทุกคนสนุกสนาน อย่าปล่อยให้เรื่องนี้มาทำให้เสียบรรยากาศ”เมื่อพูดจบ ฉันก็คว้ากระเป๋าและบอกลาทุกคนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกไปลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นทันทีเช่นกัน “คุณดื่มแอลกอฮอล์มา ฉันจะพาคุณไปเอง”"โอเค"ฉันรู้ว่าเขามาทานอาหารเย็นนี้เพราะฉันเท่านั้น ถ้าฉันออกไป เขาก็คงไม่อยากอยู่เหมือนกันขณะที่ดินออกไป
ในขณะนั้นเอง มีคนจากภายในห้องดึงประตูเปิดออกพอดีตอนที่ฉันกำลังจะแอบดู พนักงานเสิร์ฟก้าวเข้ามา ทำให้ฉันไม่สามารถมองอะไรได้เลยสถานที่แห่งนี้ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของแขกเป็นอย่างยิ่งพนักงานเสิร์ฟถามว่า “สวัสดี คุณเป็นเพื่อนของคุณเซียวและกลุ่มของเขาหรือเปล่า?”แซ่นี้ฟังดูไม่คุ้นเลยฉันต้องส่ายหัวและบอกว่า "ไม่ ฉันเข้าห้องส่วนตัวผิด"เมื่อฉันหันหลังกลับและออกไป ดูเหมือนว่าใครบางคนกำลังจ้องมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง ทำให้ขนที่คอของฉันลุกชันเมื่อหันกลับไปมอง สิ่งที่ฉันเห็นก็คือประตูห้องส่วนตัวที่ปิดสนิทแล้วเมื่อกลับมาที่ห้องส่วนตัว เจียงไหลสั่งอาหารเสร็จแล้ว “เอาล่ะ เธอมีอะไรอยากสั่งไหม?”"ฉันไม่เลือกหรอก สั่งมาเลย"เมื่อคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ฉันรู้สึกหนักใจเล็กน้อยไม่ใช่ใครที่ฉันรู้จัก แต่สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันมากแทบจะเป็นสถานการณ์เดียวกันฉันไม่เคยได้ยินว่ามีเพื่อนสนิทแซ่เซียวจากฟู่ฉีชวนเลยเจียงไหลรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและโน้มตัวเข้ามาที่หูของฉัน "เธอกำลังคิดอะไรอยู่""ไม่มีอะไร"ฉันยิ้มอย่างอ่อนโยนตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่อ
เจียงไหลไม่เห็นด้วยกับความคิดของฉัน "อีกอย่าง ตอนนี้เธอก็หย่าแล้ว เธอคิดว่าเขาจะยอมแพ้ได้แค่พูดไม่กี่คำเหรอ? จะดีกว่าไหมที่จะกำหนดเส้นตายแบบนี้"ตอนนั้น ฉันก็คิดเหมือนกันตอนที่ฉันรู้ว่าลู่สือเยี่ยนแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นเวลา 20 ปี ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นโชคดีมากแต่เมื่อฉันรู้ว่าเป็นฉัน ฉันรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณมากกว่าเป็นหนี้บุญคุณ....ยากที่จะตอบแทนในช่วงเวลาที่ฉันเงียบๆ เจียงไหลนอนลงบนโต๊ะ เขย่าต่างหูของฉันด้วยนิ้วของเธอ "อาหร่วน ทำไมเธอไม่ลองคบกับลู่สือเยี่ยนดูล่ะ มีผู้ชายที่ทุ่มเทขนาดนี้เพียงไม่กี่คนในสมัยนี้""ก็เพราะว่าเขาดีมาก ฉันจึงต้องระมัดระวังมากขึ้น"ไม่เช่นนั้น มันก็จะกลายเป็นการเล่นกับอารมณ์ของคนอื่นเมื่อมีคนมอบใจให้ 100% ก็ควรให้ใจกลับไป100% ด้วยถ้าฉันทำไม่ได้ ฉันก็ควรปล่อยเขาไปเร็วกว่านี้ เพื่อที่เขาจะได้หาคนที่ทำได้เจียงไหลไม่สามารถโน้มน้าวฉันได้ เธอจึงยอมแพ้และพูดว่า "เอาล่ะ คืนนี้ไปกินข้าวเย็นที่ร้านประจำกันเถอะ"ร้านประจำที่เธอพูดถึงเป็นคลับเฮาส์ที่เธอเคยไปบ่อยๆฉันเดาะลิ้น “มันจะแพงเกินไปไหม?”“ไม่ต้องห่วง ฉันเลี้ยงเอง”"เงินขอเธอหล่นลงมาจากฟ้
ฉันสับสนมากไม่ใช่เขา แล้วใครส่งมา?การติดต่อครั้งเดียวที่เรามีกับRF กรุ๊ปก็ผ่านเขาเท่านั้น…ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด เสียงของเฉินเย่ที่นึกขึ้นได้ก็ดังขึ้นที่ปลายสาย "ใช่ ๆ ฉันจำได้แล้ว เป็นฉันเอง! จริงๆ แล้ว ฉันขอให้ผู้ช่วยของฉันสั่งให้ แต่เขาอาจจะสั่งผิด ฉันขอให้เขาสั่งตระกร้าดอกไม้ 99 ใบเพื่อบริษัทของคุณประสบความสำเร็จและรุ่งเรือง"เฉินเย่รู้สึกเสียใจเล็กน้อยและพูดว่า "ตะกร้าดอกไม้ 999 ใบมันมากเกินไปจริงๆ มันทำให้คุณเดือดร้อนอะไรหรือเปล่า?"“เข้าใจแล้ว…”ฉันยิ้มแห้งๆ เมื่อมองไปที่ช่อดอกไม้ที่เรียงรายเต็มไปหมดจนเต็มพื้นที่ตั้งแต่ลิฟต์ไปจนถึงออฟฟิศของเรา “ไม่ใช่ปัญหาจริงๆ… แต่บางทีฉันควรคุยกับร้านดอกไม้เกี่ยวกับการคืนดอกไม้บ้าง? ไม่งั้นมันจะฟุ่มเฟือยเกินไป”“ไม่จำเป็น ฉันไม่สนใจเรื่องค่าใช้จ่าย”เฉินเย่พูดออกไป แล้วกระแอมอีกครั้งแล้วพูดเสริมว่า "ผู้ช่วยของฉัน เขาแค่มาทำงาน เพื่อต้องการเปิดประสบการณ์ชีวิต เขาเป็นคนร่ำรวยมาก และฉันจะหักเงินนี้จากโบนัสของเขา"“…โอเค”ฉันขอบคุณอีกครั้ง แพูดคุยอย่างสุภาพอีกสองสามคำ จากนั้นก็วางสายเจียงไหลเอนตัวเข้ามาและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น เขาให้
ฉันรู้ดีว่าคงไม่ใช่ฉันหรอก แค่การตอบกลับตามวามเคยชินเขาหรี่ตาอย่างอันตราย แสดงให้เห็นถึงความไม่ต่อรับ "พวกที่รังแกคุณต้องชดใช้ยังไง"ฉันหัวเราะเบาๆ “แล้วไงต่อ”“ไม่มีแล้วไงต่อ”โจวฟางเม้มปากและเอนหลังพิงพนักพิงศีรษะ ขนตาของเขาปิดบังอารมณ์ทั้งหมดของเขาไว้ "ชื่อคุณอยู่ในสมุดทะเบียนบ้านของตระกูลหร่วน และก่อนที่ชิงหลี่จะจากไป คุณก็เป็นหร่วนหนานจือของตระกูลหร่วนไปแล้ว""แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไม ฉันเหมือนคุณย่าเลย บางครั้งก็ถูกดึงดูด""......"ฉันเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที และฉันก็เฝ้าดูเขาอย่างระมัดระวังเขาหัวเราะอย่างไม่เชื่อและกดลิ้นทับฟันกรามของเขา “ทำไมถึงมองแบบนั้น คุณคิดว่าฉันสิ้นหวังขนาดจะยอมคบกับใครก็ได้งั้นเหรอ?”“นั่นพูดยาก”ฉันยิ้มและดึงเสื้อโค้ทให้กระชับขึ้นโดยตั้งใจ หวังว่าจะช่วยคลายความตึงเครียดในรถได้เขาหาวและพูดออกมาสองคำอย่างไม่ใส่ใจว่า “เด็กน้อยจัง”จากนั้น เขาก็หยิบผ้าปิดตาออกมาจากที่ไหนสักแห่งโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า และหลับไปอย่างสงบ……วันรุ่งขึ้นเป็นวันเปิดตัวหนานซีอย่างเป็นทางการพนักงานใหม่หลายคนมาแต่เช้า เต็มไปด้วยพลังงาน ทำให้บรรยากาศของบริษัทดีขึ้นท
แน่นอนว่า คิดว่าฃคู่ควรไม่อย่างนั้นฟู่ฉีชวนจะเปลี่ยนทัศนคติของเขาได้อย่างรวดเร็ว รีบหมั้นและหย่าได้ยังไงความคิดของเสิ่นซิงหยูก็สอดคล้องกับของฉันเธอมั่นใจมากขึ้นอีก เธอเงยคางขึ้นและพูดว่า "อะไรอีก? ฉันคงแย่ไปกว่าหร่วนหนานจือไม่ได้หรอกใช่ไหม?”……Thank youทำไมต้องให้ฉันโดนลูกหลงแบบนี้ด้วยโชคดีที่คนรับใช้วิ่งเข้ามาในไม่ช้า “คุณหญิง คุณหญิงรอง คุณนายกลับมาแล้ว”กำลังเสริมของเสิ่นซิงหยูมาถึงแล้วเสิ่นซิงหยูหยิบกระดาษสองสามแผ่นแล้วเช็ดหน้า เธอจับแขนของฟู่ฉีชวนอย่างภาคภูมิใจและอดใจที่จะออกไป 'บ่น' ไม่ไหวมีเพียงหกคำที่ก้องอยู่ในใจของฉัน: ที่นี่ไม่ปลอดภัยที่จะอยู่แค่เสิ่นซิงหยูก็เหนื่อยพอแล้ว และตอนนี้ยังมีแม่เสิ่นที่ต้องจัดการด้วยฉันยืดตัวขึ้น หันไปหาคุณหญิงเซินแล้วพูดเบาๆ ว่า “คุณย่า วันนี้ฉันต้องกลับเมืองเจียงเฉิง ฉันจะไปเยี่ยมคุณย่าที่เมืองจิงเฉิงอีกครั้งเมื่อมีโอกาส”คุณย่าเสิ่นดูผิดหวังเล็กน้อย แต่เธอไม่ได้กดดันฉัน เธอเพียงแค่ขอให้พ่อบ้านพาฉันไปเอาของบางอย่างเธอให้โจวฟางอยู่ต่อ เพื่อคุยกันเมื่อฉันเก็บของเสร็จแล้วและกลับมา โจวฟางก็ออกมาจากห้องรับรองพอดีโจวฟางเดิน
เหมือนกับกำลังทำเรื่องใหญ่อยู่เขารู้แค่ว่าปิดประตูกับเปลี่ยนรหัสผ่านเท่านั้น แต่คนที่ไม่รู้ อาจจะนึกว่าเขากำลังสวดมนต์ไหว้พระอยู่ฉันได้สติกลับมา “เดี๋ยวนะ... นี่คือห้องของคู่หมั้นตัวของคุณงั้นเหรอ?”ขนตาหนาดกของโจวฟางสั่นเล็กน้อย และเขาหันมามองฉัน "คุณรู้ก็ยังจะถามอีก?""คุณ..."ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา "คุณเคยคิดเรื่องนี้ไหม? แล้วถ้าคุณหาเธอไม่เจอจริงๆ ล่ะ?"เขาจ้องมาที่ฉัน หรี่ตาลง และยิ้มเยาะในแบบที่อยากจะเอากำปั้นไปกระแทกหน้านั่น “ฉันก็จะไม่ยอมลดตัวเองให้ใครง่ายๆ รวมถึงคุณด้วย”“….....คุณนี่คิดมากไปจริงๆ”ฉันแทบจะหมดคำพูด “ถึงจะมีคนยกคนอย่างคุณให้ฉัน ฉันก็ไม่ต้องการ”เคยเจ็บปวดให้รักแรกในใจของฟู่ฉีชวนครั้งเดียว นั่นก็เพียงพอแล้วหลังจากนี้ ผู้ชายที่ยังลืมรักแรกไม่ได้ ฉันจะขออยู่ให้ห่างไว้ดีกว่ายิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นใคร? ทายาสายตรงคนเดียว 5 รุ่นของตระกูลโจวฉันเป็นผู้หญิงที่หย่า ฉันจะคิดที่จะก้าวเข้าไปในคฤหาสน์ประจำตระกูลของเขาได้อย่างไรไม่ต้องพูดถึงเขา แค่ครอบครัวของเขาจะไล่ฉันออกไปด้วยไม้กวาดก่อนที่ฉันจะผ่านประตูเข้าไปด้วยซ้ำ“นายน้อยโจว คุณหร่วน”พ่อบ้านวิ่งมา