……ฉันอดหัวเราะไม่ได้ฟู่ฉีชวนอยากรับผิดชอบเธอแล้วมาหาฉันเพื่ออะไร?ไปหาฟู่ฉีชวนสิฟู่จินอันลูบท้องของเธอ "เรื่องหย่าของพวกเธอรีบจัดการให้เสร้จล่ะ ไม่งั้นคงเสียเวลาแจ้งเข้าทะเบียนจองลูกฉัน""งั้นเธอก็ไปเร่งฟู่ฉีชวน"ตึกสำนักงานเครือบริษัทเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดทั้งปี ฉันถอดเสื้อตัวนอก หยิบบัวรดน้ำรดพืชที่ปลูกเรียงเป็นแถวใต้หน้าต่างในเมื่อฟู่ฉีชวนไม่ยอมขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจน งั้นฉันก็ไม่รีบร้อนให้ฟู่จินอันไปบีบคั้นเขาเองฟู่จินอันเยาะเย้ย "เธอเลิกเล่นลูกไม้ตีสองหน้ากับฉันสักที เดี๋ยวก็ทำเป็นเหมือนไม่สนใจ เดี๋ยวก็พัวพันอาชวนไม่ยอมลามือ""อันที่จริงฉันเข้าใจเธอ ถ้าม่มีพ่อไม่มีแม่ แค่เด็กกำพร้า ได้เกาะใบบุญของตระกูลฟู่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลจะไม่มีกินมีใช้ เลยไม่ยอมปล่อยมือ คนเราก็แบบนี้แหละ""แต่ว่าหร่วนหนานจือ เกิดเป็นผู้หญิงก็ควรจะมียางอาย"เธอสองมือกอดอกและหัวเราะเบาๆ "อย่าดันทุรังเพื่อผู้ชายเลย ใครรู้เข้าคงขายหน้า"ฉันเลิกคิ้ว "...เราไม่ได้เจอกันครั้งแรกนะ เธอทำไมต้องแนะนำตัวเองด้วย?"ฟู่จินอันสำลักคำพูดของฉัน เธอกระแอมเบาๆก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้ามา"อย่าคิดว่าตาแก่ไม้ใกล้
ฉันหวังดีแนะนำให้เธอ "ถ้าเธอหวังให้ลูกเธอเป็นลูกในสมรส เธอก็ไปหาฟู่ฉีชวน ให้เขามารีบหย่ากับฉัน เข้าใจไหม?""อย่ามาโวยวายที่นี่ เดี๋ยวเด็กก็แท้งพอดี แบบนั้นเธอคงขาดแต้มต่อในการแต่งเข้าตระกูลฟู่""พาบอสคุณออกไปได้แล้ว"ตอนท้ายฉันหันไปบอกกับผู้ช่วยเธอฟู่จินอันโกรธกระทืบเท้า แต่เธอคงรู้ว่าฉันพูดมีเหตุผล เธอเลยกลับไปอีกอย่างคำแนะนำของฉันได้ผลมากส่วนถ้าถามฉันว่ารู้ได้ไง ก้เพราะตอนบ่ายฉันได้รับสายของฟู่ฉีชวน"คุณไปพูดยั่วโมโหอะไรเธอ?"พอรับสายเขาก็ซักถามฉันฉันหยุดมือทำงาน "ไม่ได้พูดอะไร เธอแค่เร่งฉันให้หย่า ฉันก็เลยให้เธอไปหาคุณ"น้ำเสียงเขาทุ้มเล็กน้อย "คุณไม่ได้บอกให้เธอไปตายหรอ?""..."ใส่ร้ายฉันงั้นหรอฉันไม่แปลกใจฟู่จินอันจะทำแบบนี้ น้ำเสียงฉันเปลี่ยนเป็นนุ่มนวล "ฉันถูกบีบบังคับเลยต้องพูดแบบนั้น เธอด่าฉันว่าเป็นผู้หญิงขายตัวยังจะมีหน้ามาสลอน ตัวซวยทำให้พ่อแม่ต้องตาย ยังบอกด้วยว่าฉันตื้อผู้ชายไม่เลิก เธอจะหาคนมาทำร้ายฉัน..."พูดจบ ฉันก็นึกถึงคำพูดฟู่จินอันก่อนหน้านี้อืม เหมือนฉันก็ไม่ได้พูดมั่วปะ?ดีกว่าเธอกุเรื่องขึ้นมาตั้งเยอะ ฉันก็แค่ใส่สีตีไข่เท่านั้นฟู่ฉีชวนตกต
รอจนให้น้ำเกลือเสร็จ ขณะฉันกลับบ้านพร้อมเธอ ตอนนั้นฟ้าก็มืดสนิทแล้วฉันเป็นห่วงว่าเธอสองวันนี้จะดูแลตัวเองไม่ดี เลยตัดสินใจอยู่ที่บ้านเธอวันต่อมา ตอนทานอาหารเช้า เจียงไหลเหลือบมองฉันลับๆ ล่อๆ หลายครั้งฉันหัวเราะ "มีอะไร?""แค่กๆ ก็คือ คือว่า..."เจียงไหลลังเล ไม่กล้าพูดต่อ เธอทำสีหน้าจริงจัง "ก็คืนที่ฟู่ฉีชวนกินยาปลุกเซ็กส์ จู่ๆ มือถือของเธอก็ดับไป หลังจากนั้นฉันไม่ได้มีโอกาสถามเธอเลย"ฉันไม่เข้าใจ "เธอจะถามอะไร?"เธอเผยรอยยิ้ม เขยิบเข้ามาใกล้พร้อมกับถาม "ได้มีอะไรกันรึเปล่า? โดนยาแบบนั้นเข้าไป เขาคงทั้งอึดทั้งทนมากใช่ไหม?""..."ฉันกำลังกินวุ้นเส้นอยู่ถึงกับสำลัก แม้จะรู้นางมีนิสัยชอบพูดโผงผางไม่หยุดพัก แต่มักโพล่งขึ้นมาไม่ทันตั้งตัวทุกทีฉันสำลักไอหลายครั้ง แกล้งตีหน้าซื่อ "เปล่า ไม่ได้มีอะไรกัน"เธอสะกิดมือฉันหลายครั้งพร้อมสีหน้าสงสัย "ไม่มีอะไรกันจริงเหรอ?""ไม่มีจริงๆ ฉันท้องสามเดือนแล้วนะ จะมีอะไรกันได้ไง?"ฉันเช็ดปากและตอบกลับไปแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวเพียงแต่ พอคิดถึงภาพเหตุการณ์ในคืนนั้น ใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเจียงไหลยิ้มมีเลศนัย "แล้วมันยังไงล่ะ ถ้าอยากจะทำ ก็ม
ฉันประหลาดใจ "ทุกคนรู้ไงเธอท้อง?"เรื่องนี้ หากอ้างตามเหตุผลควรจะมีไม่กี่คนที่รู้"ใครจะไปรู้"เจียงไหลยกขาขึ้นมานั่งขัด "หลายคนพร้อมรุมประนามเมียน้อย คาดว่าทางฝั่งเธอคงเผยพิรุธจนเรื่องแดงขึ้นมา""เธอแค่ดูก็พอ อย่าเข้าไปยุ่ง"นางไม่ใช่พระแม่มาโปรดฟู่จินอันกับฟู่ฉีชวนนอกใจทั้งที่แต่งงานอยู่ ต่อให้พวกเขาเป็นใคร โดนด่าแบบนี้ก็ถือว่าสมควรแล้วเพียงแต่ ฟู่ฉีชวนคนนั้นนิสัยแย่มากหากเขาอยากจะปกป้องความถูกต้องให้กับฟู่จินอัน เกรงว่าเจียงไหลคงถูกลากเข้าไปเกี่ยวเจียงไหลเธอตัวคนเดียว การใช้ชีวิตรอดในเมืองเจียงเฉิงได้นับว่าพยายามเต็มที่แล้วคงรับแรงกดดันจากฟู่ฉีชวนไม่ไหวเจียงไหลคลำหูของเธอพร้อมกับตอบไม่คิด "ฉันรู้แล้ว"เธอพูดเร็วจนฉันฟังไม่ชัดหลังจากอื่มท้อง พอเห็นเธอทานยาเสร็จ เธอก็ไปหมกตัวบนโซฟาเล่นเกมส่วนฉันหมอบตรงโต๊ะชาออกแบบผลงานเข้าแข่งขันอย่างทรมานMS ให้เวลาออกแบบกระชั้นชิดมาก ส่วนไอเดียในหัวของฉัน ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง คงต้องรีบคิดตอนบ่าย มือถือซึ่งวางบนโต๊ะอาหารก็ดังขึ้นมาเจียงไหลเหลือบมองชื่อตรงหน้าจอ "เขาโทรหาเธอทำไม?""ไม่รู้"ฉันรับสายด้วยความอยากรู้ ปลายสาย
เจียงไหลอดทนฟังมานาน เธอคว้ามือถือในมือของฉันไป อาการป่วยไม่ได้ทำให้พลังด่าของเธอลดลงเลย"ฟู่จินอัน ถ้าไม่มีกระจก เธอก็ใช้ปัสสาวะตัวเองส่องแทนได้นะ คำว่า 'เมียน้อย' บนหน้าเธอมันกลบไม่มิดแล้ว ไม่เห็นรึไง?""แล้วก็ฟู่ฉีชวน ไอชาติหมาอย่างคุณ...."ฉันได้ยินจนขนลุกชันไปทั้งตัว ปลายสายยังไม่ทันได้ตอบโต้ ฉันก็กระโจนเข้าไปตัดสายทิ้ง!เจียงไหลด่ายังไม่สมใจ เธอยังหงุดหงิดฉุนเฉียว "เธอตัดสายทำไม ฉันจะด่าไอสองผัวเมียนั่นให้ยับเลย!""เธอใจเย็น"ฉันเดิมทีรู้สึกอัดอั้นตันใจ ตอนนี้ใจเย็นลงแล้ว ฉันเทน้ำให้เจียงไหล "อันที่จริง ฟู่ฉีชวนฟังฟู่จินอันบอกก็ดีเหมือนกัน พอหย่าแล้ว ทุกคนจะได้เลิกตึงเครียด"สถานการณ์ของฉันกับฟู่ฉีชวนตอนนี้ การปล่อยอีกฝ่ายไปถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด"เธอรับได้หรอ?"เจียงไหลดื่มน้ำอุ่นไปอึกใหญ่ ยิ่งดื่มก็ยิ่งโมโห "ฉันสนับสนุนให้เธอหย่า แต่ไม่ได้สนับสนุนให้เธอหย่าแบบแพ้หมดรูป เมียน้อยกล้าดียังไงมาเหยียบหัวเมียหลวง ยอมได้ที่ไหน!""ทำไมฉันต้องรับได้หรือรับไม่ได้ดด้วย?"ฉันพิงเบาะพนักโซฟาและยื่นมือกุมท้องของตัวเอง ราวกับรับพลังงานพร้อมกับกล่าวเรียบเฉย "ขอเพียงแค่ลูกปลอดภัย
"อย่าทำทุเรศอุจจาดตา!""เอ๋?"เฮ่อถิงลืมตาขึ้นมอง สีหน้าตกใจ "พี่สะใภ้ ? ! เป็นพี่ได้ไง แค่ก..."จากนั้นก็เกาหัวแก้เขิน "พี่ พี่ก็มาเยี่ยมด้วยเหรอ""อืม ฉันมาขอหอมแก้มเจียงไหล"ฉันแซวเขา จากนั้นก็ชี้ไปที่ตู้รองเท้า "ตามสบายเลยนะ"เห็นท่าทีของเขา เขาคงไม่ได้มาครั้งแรก ไม่จำเป็นต้องหยิบรองเท้าให้เขาพอหันกลับมา ฉันก็ส่งสายตาสงสัยไปให้เจียงไหลเจียงไหลยักใหล่ "ไม่ใช่อย่างที่เะอคิดแน่นอน ฉันยังเป็นผู้หญิงโสดจ๊ะ""พี่สะใภ้ พี่รอฟังข่าวดีของผมได้เลย!"เฮ่อถิงจากท่าทางขวยเขินกลับมาเป็นปกติ เปลี่ยนรองเท้าเสร็จก็ฉีกยิ้มรับไม้พูดต่อจากฉันเจียงไหล "บ้าเอ๊ย นายมาได้ไง?""เธอบอกว่าป่วยไม่ใช่เหรอ ฉันก็มาเยี่ยมเธอไง""มาเยี่ยมมือเปล่าเนี่ยนะ?""เธอบอกฉัน ฉันก็ไม่ทันตั้งตัว เลยไม่ได้ซื้ออะไรติดมือมา เดี๋ยวฉันสั่งตอนนี้เลย"……ฉันขนเอากระดานวาดภาพย้ายเข้าไปในห้องนอน นั่งลงตรงหน้าต่างจดจ่อกับงานอีกครั้งตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมของเด็กอนุบาล ชั้นที่อยู่ไม่สูงนัก เสียงเด็กวิ่งเล่นดังขึ้นมาทำฉันเสียสมาธิอยู่บ่อยๆอดคิดไม่ได้ว่าลูกของฉันเองอนาคตจะเป็นยังไงหากเป็นเด็กผู้ชาย หน้าตาขอเหมือน
ฉันอึ้งเล็กน้อย "ก็อาจจะ"โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว อีกทั้งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ การกระทำคำพูดของอีกฝ่าย ใครต่างก็รู้แก่ใจเพียงแต่ สิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่การตบหัวลูบหลังมันน่าเบื่อไม่อาจเข้าใจกันและกันได้ งั้นก็ต่างคนต่างอยู่ นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดวันนี้เราไม่ได้นัดดื่ม แต่นัดเล่นไพ่ตอนไปถึงหน้าห้องวีไอพี ฉันอยากเข้าห้องน้ำ เลยบอกกับเจียงไหล จากนั้นก็เดินไปเข้าห้องน้ำหลังจากจัดการธุระส่วนตัว ขณะเดินออกจากห้องน้ำเลี้ยวตรงมุมก็หันไปเห็นลู่สือเยี่ยนเขาก็บังเอิญเห็นฉันพอดีและเลิกคิ้วยิ้มกล่าว "ผมเห็นแซ่ฟู่กรุ๊ปเสนอรายชื่อเข้าแข่งแล้ว มีคุณอยู่ด้วย ผมรอวันที่เราจะได้ทำงานด้วยกันอยู่นะ"ฉันรู้สึกเกรงใจและยิ้มกลับ "รุ่นพี่ ฉันแค่ได้มีโอกาสเข้าแข่ง ส่วนจะได้หรือไม่..."พูดมาได้ครึ่งนึง มือใหญ่ข้างหนึ่งจู่ๆ ก็โอบวางบนไหล่ฉัน กอดฉันไว้แน่นชายคนนั้นจ้องลู่สือเยี่ยนด้วยแววตาดุดันแข็งกร้าว แสร้งทำเป็นยิ้ม"คุณมีนิสัยชอบร่วมงานกับภรรยาคนอื่นหรอ?""คุณพูดบ้าอะไร?"ฉันถลึงตามองเขา มองลู่สือเยี่ยนอย่างขอโทษ "รุ่นพี่ เขาแค่ล้อเล่น อย่าเอาไปใส่ใจ""ผมล้อเล่นรึเปล่า เรารู้ดีแก่ใจ"
เป็นแบบนี้อีกแล้วพอเถียงแพ้ก็จูบฉันเขาจับปลายคางของฉัน จูบดูดดื่มรุนแรง มือสองข้างลงมาจับเอวฉัน ลูบไล้จนสั่นไปทั้งตัวฉันรู้ดี หากขืนปล่อยให้เขาทำต่อไป ตอนฉันออกไปจากห้องนี้ สภาพฉันคงไปเจอใครไม่ได้แล้วแต่ว่า ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นกับฉันเขาเป็นคนจอมบงการ ชอบใช้กำลัง พละกำลังของผู้หญิงกับผู้ชายต่างกันราวฟ้ากับเหวพอขัดขืนสู้ไม่ไหว ฉันก็นึกได้เขาชอบไม้อ่อนไม่ชอบไม้แข็ง เลยได้แต่ก้มหน้าขอร้องเขา "ฟู่ฉีชวน คุณอย่าทำแบบนี้ ไม่งั้นฉันจะไปเจอคนอื่นยังไง...""เจอใคร? ลู่สือเยี่ยน?"เขาทั้งจูบและพูดไปด้วย เสียงที่เล็ดลอดออกมาจากฟันและริมฝีปากช่างเซ็กซี่น่าค้นหามาถึงขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่าฉันไม่ได้ขัดขืนเขา ได้แต่ถูกบังคับให้เขาจูบฉัน พยายามหาช่วงโอกาสพูดอธิบาย "ฉัน ฉันกับเขาไม่มีอะไรจริงๆ...ก็แค่การแข่งออกแบบของ MS เลยถึง....อื้อ....""คุณแค่ใช้ประโยชน์เขา?"ความคิดของเขาชัดเจนมาก ฉันได้ยินน้ำเสียงเขาฟังดูไม่ได้หงุดหงิดแล้วต้องรีบหนีออกจากที่นี่ ฉันเลยได้แต่ตามน้ำเขาไป "คุณจะเข้าใจแบบนั้นก็ได้..."เขาค่อยๆ คลายกอด ให้พื้นที่ฉันได้หายใจ แววตาดูอันตรายแต่อ่อนโยน นิ้วโป้งลูบไล้ตรงริมฝี
หรือจะบอกได้ว่า ตั้งแต่ปู่ของเขาตายไป เวินฟางอาจกลายเป็นความอบอุ่นเพียงอย่างเดียวที่ฟู่ฉีชวนได้รับจากความรักในครอบครัวแต่ตอนนี้... หากสิ่งที่ฟู่จินอันพูดเป็นความจริง ทัศนคติของเขาเกี่ยวกับความรักในครอบครัวก็จะพังทลายลงอย่างสิ้นเชิงความผูกพันทางอารมณ์หลายปี หลายทศวรรษ จะขาดสะบั้นลงพร้อมๆ กันสำหรับคนที่เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ การต้องประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีกครั้งอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เลวร้ายอย่างไรก็ตาม ฉันไม่เห็นด้วยกับแนวทางของลุงเฉิง มีบางสิ่งที่ความเจ็บปวดในระยะสั้นดีกว่าความเจ็บปวดในระยะยาวฉันมองฟู่ฉี่ชวนอย่างมั่นคงและพูดว่า "คุณจะเชื่อสิ่งที่ฉันพูดไหมล่ะ?"น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน "เชื่อ"คงต้องใช้เวลาคิดนานก่อนที่จะตัดสินใจถามฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่ลังเลที่จะตอบนั่นทำให้ฉันสบายใจ ฉันจิบกาแฟแล้วเริ่มพูดว่า “ถ้าฉันบอกคุณว่าวันนั้นที่โรงพยาบาล ฉันพูดอะไร....”“พี่ฉีชวน!”ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดออกโดยไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับเสียงผู้หญิงที่สดใสและชัดเจนซึ่งขัดจังหวะฉันอย่างหยาบคายวินาทีต่อมา เสิ่นซิงหยูเดินเข้ามาโดยชุดชาแนลรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นและรองเท้าบู๊
ระหว่างทางไปบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ฉันคิดว่าในที่สุดฟู่ฉีชวนก็เต็มใจที่จะเริ่มสงสัยเวินฟางและลูกสาวของเธอ ฉันควรจะถอนหายใจด้วยความโล่งใจบางทีสาเหตุการตายของปู่ของเขาและการตายของแม่ของเขาอาจอธิบายได้ในครั้งนี้แต่ในใจของฉันยังคงรู้สึกไม่สบายใจฉันไม่สามารถบอกสาเหตุได้เมื่อฉันมาถึงแซ่ฟู่กรุ๊ป ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทุกคนเร่งรีบและดูจริงจังทันทีที่ฉันก้าวออกจากลิฟต์ที่ชั้นบนสุด ความตึงเครียดก็ถึงจุดสูงสุดฉินเจ๋อรอฉันในลิฟต์เป็นการส่วนตัวและพาฉันไปที่สำนักงานของรองประธาน เมื่อเห็นคำถามในสีหน้าของฉัน เขาก็ถอนหายใจและพูดว่า "สถานการณ์ออนไลน์ส่งผลกระทบอย่างมากต่อกลุ่มบริษัท มีโครงการหลายโครงการเพียงก้าวเดียวก็จะลุล่วง และอีกฝ่ายกำลังใช้ท่าทีรอและดู"ฉันขมวดคิ้วและพูด "มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?"ดูเหมือนว่าโจวฟางจะชำนาญในกลยุทธ์ของเขาจริงๆ เพียงแค่การเคลื่อนไหวครั้งเดียว เขาก็สร้างวิกฤตที่แซ่ฟู่กรุ๊ปไม่เคยเจอในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา"ใช่แล้ว ไม่มีใครคาดคิด"ฉินเจ๋อเหลือบมองไปทางสำนักงานของรองประธานอีกครั้งแล้วพูดว่า "ประธานฟู่ไม่ได้พักเลยตั้งแต่เหตุการณ์เ
".....หยุด หยุดขู่ฉันได้แล้ว!"หลินกั๋วอันตะโกนประโยคนี้ แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความกลัว ก่อนที่ฉันจะตอบได้ เขาก็วิ่งหนีไปในพริบตา!"โอเคไหลไหล ฉันมีบางอย่างต้องทำตอนนี้ ฉันจะติดต่อกลับในภายหลัง"ฉันวางสายโทรศัพท์ของเจียงไหลและมองไปที่หลินเฟิง ซึ่งมักจะเป็นคนที่จืดจางเสมอมา "คุณแค่มองดูพ่อของนายทุบตีแม่ของนายแบบนี้เหรอ?"หลินเฟิงยักไหล่และพูดว่า "ผมไม่แข็งแร็งเท่าเขา และเขาเองก็ไม่ฟังผมเหมือนกัน""..."ฉันโกรธมากและไม่รู้จะพูดอะไรคุณป้าของฉันพูดด้วยความเจ็บปวด "หลินเฟิง ออกไปก่อน ฉันอยากคุยกับลูกพี่ลูกน้องของแก""อ้อ"หลังจากหลินเฟิงออกไป ฉันก็ดึงเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง "แผลทั้งหมดบนตัวของคุณรักษาแล้วหรือยัง? มีจุดไหนที่พวกเขาพลาดไปหรือเปล่า?'"ไม่หรอก อาการบาดเจ็บพวกนี้ไม่ได้ร้ายแรงมาก มีหมอและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาห้ามไว้ เลยไม่ได้ร้ายแรงมาก"คุณป้าของฉันส่ายหัว ราวกับว่าเธออ่อนแอกว่าตอนที่ฉันเจอเธอครั้งล่าสุดมาก น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ "ฉันอยากหย่ากับเขา แต่เขาไม่เห็นด้วย..."ฉันถอนหายใจแล้วพูดว่า "ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเอง"หลินกั๋วอันไม่ใช่ฟู่ฉีชวน ไม่ใช่เร
"ฉันได้ยินมาว่าโจวฟางมาที่เมืองเจียงเฉิงครั้งนี้ เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับอดีตคู่หมั้นของเขา""ฉันคิดไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นคนทุ่มเทขนาดนั้น"ฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะมีคนอย่างลู่สือเยี่ยนอยู่จริงๆ ที่ทั้งคู่ยึดติดกับใครบางคนที่พวกเขาพบตอนเป็นเด็กยึดมั่นในความผูกพันนั้นมาหลายปีลู่สือเยี่ยนยิ้มและไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่พูดว่า "พรุ่งนี้คุณอยู่บ้านไหม ฉันจะนำของขวัญมาฝากคุณหลังเลิกงาน""ของขวัญ?"ฉันใช้เวลาสักครู่เพื่อนึกถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืน ฉันพยักหน้า "แน่นอน ฉันจะกลับบ้านในอีกไม่กี่วันนี้ เว้นแต่จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น"……วันรุ่งขึ้น ฉันนอนหลับจนกระทั่งตื่นขึ้นมาเองและสัมผัสขอบเตียงที่ว่างเปล่าเจียงไหลหายไปฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู จึงเห็นไลน์ที่เธอส่งมาให้ฉัน [ไปก่อนนะ ถ้าเฮ่อถิงเป็นโรคประสาทอีกเมื่อไหร่ ฉันจะกลับมาใหม่][นังตัวดี นอนกับฉันเสร็จก็หนีไปเลย]ฉันตอบด้วยรอยยิ้ม ขณะนอนเล่นโทรศัพท์อย่างขี้เกียจบนเตียงเหตุการณ์ระหว่างฟู่จินอันกับฟู่เหวินไห่ รวมถึงการเปิดเผยความขัดแย้งระหว่างเธอและเวินฟางที่อำเภอ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ทำให้รา
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับเศรษฐีรุ่นสองที่พูดเรื่องเงินตลอดเวลา"ช่างมันเถอะ ฉันจะไปถามคนอื่น"ทันทีที่ฉันพูดจบ ฉันก็ก้าวเดินเข้าไปข้างในฉันเพิ่งกลับมาถึง เจียงไหลก็ก้าวออกมาจากห้องส่วนตัว ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดจากการร้องไห้ “กลับบ้านกันเถอะ”"ทุกอย่างเรียบร้อยไหม?"ฉันหยิบเสื้อคลุมจากมือของเธอแล้วพาดไว้บนไหล่ของเธอเธอสูดหายใจและดวงตาของเธอแจ่มใส "อืม จากนี้ไป ไม่ว่าเขาจะแต่งงานหรือไม่ก็ตาม มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉันก็ชื่นชมความเด็ดขาดของเธอ ความสามารถในการปล่อยวางอย่างหมดจดของเธอขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้าน เจียงไหลกำลังรับผิดชอบการขับรถอยู่ ทันใดนั้น ฉันก็ได้รับสายจากลู่สือเยี่ยนหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นและถามว่า "หนานจือ คุณคือคนที่อยู่กับโจวฟางเมื่อกี้ใช่ไหม?"ฉันตกใจไปครู่หนึ่ง แต่ฉันไม่ได้โกหกเขา "ใช่ ฉันเอง... คุณรู้ได้ยังไง"โจวฟางปิดบังฉันไว้อย่างมิดชิดแม้แต่ฟู่ฉีชวนก็ถามแค่เรื่องรองเท้าเท่านั้นและถึงอย่างนั้น น้ำเสียงของเขาก็ยังไม่แน่ใจแต่ลู่สือเยี่ยนเดาได้จริงๆ ว่าเป็นฉันทางโทรศัพท์ ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นค
ดูเหมือนว่าคนที่ตกลงกับฉันเมื่อวานไม่ใช่เขาฉันโกรธ และพูดไม่ออก "คุณไม่ได้สัญญากับฉันว่าจะไม่บอกใครหรอกเหรอ?""?"โจวฟางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "สิ่งที่ฉันสัญญากับคุณคือจะไม่บอกใครว่าคุณกำลังแอบดูและยังบันทึกวิดีโอด้วย""..."ไม่เป็นไรตามตรรกะนั้น เขาก็ไม่ได้ผิดเลย ดังนั้นเป็นความผิดของฉันที่ไม่อธิบายตัวเองให้ชัดเจนงั้นเหรอ?"คุณมีความแค้นต่อตระกูลฟู่หรือเปล่า?""ก็ไม่หนิ"โจวฟางมองฉันด้วยความสับสนแล้วพูดว่า "คุณไม่เข้าใจสงครามธุรกิจที่โหดร้ายเหรอ หลังจากติดตามฟู่ฉีชวนมาสามปี เขาก็ไม่ได้สอนเรื่องพวกนี้ให้คุณเลยเหรอ?"ฉันอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะความตรงไปตรงมาของเขาช่างน่ากลัว และยังเป็นเพราะคำถามที่สองของเขาด้วยฉันบีบฝ่ามือแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่สงบ "ไม่"หลังจากติดตามฟู่ฉีชวนมาสามปี เขาสอนอะไรฉันบ้าง? ความเป็นอิสระ ความอดทน ความอดกลั้น และความทุ่มเท....นอกจากการรักษาระยะห่างอย่างสุภาพแล้ว เราไม่เคยมีบทสนทนาที่จริงจังเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกลอุบายของโลกธุรกิจคราวนี้ถึงคราวของโจวฟางที่ต้องตกตะลึง เขายกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจและพูดว่า "คุณน่าสนใจเลยทีเดียว""คุณก็น่าสนใจเหมื
ขอร้องเขาเหรอ?หัวเขากระแทกประตูหรือไง!ฉันปล่อยมือเขา ไม่สนใจอีกต่อไปว่าฟู่ฉีชวนหรือลู่สือเยี่ยนจะเห็นฉันหรือไม่ ฉันยอมแพ้และหันหลังเดินจากไปทันใดนั้น ดวงตาของฉันก็มืดลง เสื้อคลุมยาวของผู้ชายพร้อมฮู้ดถูกสวมทับตัวฉัน และฉันถูกนำทางอย่างชาญฉลาดกลับไปที่ราวบันได เพื่อหลีกเลี่ยงการมองเห็นโดยคนสองคนนั้นกลิ่นมิ้นต์สดชื่นลอยเข้าจมูกของฉันฉันค่อนข้างเข้ากันได้กับโจวฟางฝีเท้าของฟู่ฉีชวนดูเหมือนจะหยุดชะงักชั่วขณะ และฉันได้ยินเสียงที่ไม่สุภาพของโจวฟาง "ประธานฟู่ สนใจเรื่องส่วนตัวระหว่างคู่รักหนุ่มสาวมาก"ฟู่ฉีชวนดูเหมือนจะกำลังพินิจพิเคราะห์ เสียงของเขาทุ้มและอ่อนโยน "รองเท้าของแฟนคุณ ภรรยาของฉันดูเหมือนจะมีคู่เดียวกัน"หัวใจของฉันเต้นแรงนี่เป็นรุ่นลิมิเต็ดของแบรนด์หนึ่ง ในเมืองเจียงเฉิงมีเพียงไม่กี่คู่เท่านั้น ซึ่งสามารถนับได้ด้วยมือเดียวแม้ว่าฉันจะไม่ได้แอบฟังความลับใดๆ เลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปอย่างเปิดเผย แต่ตอนนี้ที่โจวฟางเล่นกับฉันแบบนี้ ฉันรู้สึกผิดเล็กน้อยฉันไม่กล้าขยับเลย"งั้นเหรอ?"โจวฟางหัวเราะเยาะเย้ย “ดูเหมือนว่าประธานฟู่จะไม่ค่อยสนใจภรรยาคน
ฉันอิ่มแล้ว ฉันเลยวางตะเกียบลงแล้วพูดว่า "เธอตกลงที่จะพบเขาเหรอ?"“ใช่ ฉันตกลง”เจียงไหลช่วยฉันเก็บกล่องอาหารเดลิเวอรี่ “วันก่อนเขายังไม่โตเลย เขาไม่ฟังคำพูดของฉัน บางอย่างก็อธิบายทางโทรศัพท์ได้ยาก ฉันเลยคิดว่าจะพบเขาอีกครั้งแล้วค่อยเคลียร์กันให้เรียบร้อย”ฉันพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันสนับสนุนเธอ”"คุณจะไปกับฉันไหม?""ไปสิ"ฉันยิ้มและพูดเล่น: "ถ้าฉันไม่ไป แล้วถ้าเขามัดคุณแล้วขายคุณล่ะ"สถานที่ที่พวกเขานัดกันไว้ยังคงเป็นคลับเฮาส์เจียงไหลพาฉันเข้าไปในห้องส่วนตัวอย่างสบายๆ หลังจากคิดอยู่สักพัก ฉันก็พูดว่า "เธอเข้าไปเถอะ ถ้าฉันอยู่ด้วย เธอจะพูดอะไรไม่ได้ ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันได้เลย ฉันจะเข้าไปทันที""โอเค"เจียงไหลพยักหน้าและผลักประตูเปิดออกฉันยืนอยู่หน้าประตู มองดูพนักงานเสิร์ฟถือจานผลไม้และจานเดินไปมา ฉันรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในที่ที่ดีนัก จึงเดินช้าๆ ไปที่สวนลอยฟ้าใกล้ๆเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ค่ำคืนในเมืองเจียงเฉิงจะชื้นและหนาวเย็นอย่างไรก็ตาม คลับเฮาส์แห่งนี้ได้ลงทุนครั้งใหญ่ด้วยการออกแบบสวนลอยฟ้าที่สวยงามและหรูหราสวนหินไหลด้วยน้ำที่ไหลเอื่อยๆ และมีพืชหายากมากมายในฤดูใบไม้ร่วงแล
เจียงไหลจ้องมองอย่างว่างเปล่า"ไม่ได้งั้นเหรอ?""เป็นแบบนั้นนั่นแหละ"ฉันไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงเมื่อไหร่ถึงจะโน้มน้าวชายคนนั้นให้ไปเอาใบหย่ามาได้เจียงไหลเห็นว่าฉันอารมณ์ไม่ดี เธอก็ปลอบใจฉัน: "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตราบใดที่ฝ่ายหนึ่งมีเจตนาที่จะจากไป มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น นอกจากนี้ คุณได้บรรลุข้อตกลงในทุกสิ่งแล้ว ยกเว้นใบหย่า มันก็ถือว่าคุณหย่าแล้ว"ฉันยิ้มและคุยกับเธอสักพัก จากนั้นการสนทนาก็เปลี่ยนไป “แล้วเธอล่ะ เฮ่อถิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อตามหาเธอเหรอ?”ตอนที่เราย้ายบ้าน เฮ่อถิงช่วยเราย้ายบ้าน พูดถึงเรื่องนี้ พอนึกดูดีๆ ฉันยังติดเลี้ยงข้าวเขาอยู่เลยเขาคงยังจำที่อยู่นี้ได้ถึงแม้จะไม่รู้ แค่ถามฟู่ฉีชวนก็คงรู้แล้วเจียงไหลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เสียงของเธอแผ่วเบา "ไม่ เขาไม่กล้ามาบ้านคุณหรอก""ทำไมล่ะ?""เขากลัวฟู่ฉีชวนที่สุด""......"……ต่อมา ฉันไม่อยากทำอาหาร แต่ทักษะการทำอาหารของเจียงไหลน่าประทับใจมาก ฉันเลยสั่งอาหารเดลิเวอรี่แทนเจียงไหลกินข้าวและคุยเล่นในขณะที่ปัดโทรศัพท์เป็นครั้งคราวทันใดนั้นเขาก็พูดด้วยสีหน้าตะลึงงันว่า “โอ้พระเจ้า แม่ลูกคู่นั้นทะเลาะกันที