แชร์

บทที่ 62

ผู้เขียน: เล่อเอิน
บางที คนที่ฉันรอ คงไม่มาแล้ว

ผู้หญิงคนนั้นมีไหวพริบ เธอยิ้มถาม "พี่สาว รอใครอยู่งั้นหรอ?"

"ใช่ค่ะ"

"เพื่อนคุณคงจะรถติดอยู่ บริเวณรอบสนามกีฬาตอนนี้รถติดเป็นพิเศษ"

อาจเพราะเห็นฉันดูหดหู่ เธอเลยยิ้มเดินเข้ามาปลอบพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อย "เดี๋ยวฉันรอเป็นเพื่อนค่ะ"

"คุณไม่เข้าไปหรอ?"

"ฉันแย่งซื้อตั๋วไม่ทัน"

ฉันยักไหล่พร้อมกับเบ้มุมปาก ท่าทางดูผิดหวังหมดหนทางเลือก

ฉันยิ้มอ่อนๆ "ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนรอนะคะ"

เขาคงไม่มาแล้ว ฉันไม่ได้รอให้เขามาถึง

แต่รอให้ตัวเองตัดใจยอมแพ้สักที

หลังจากรอมาหนึ่งชั่วโมง ผู้คนบริเวณนั้นไม่แออัดอีกต่อไป เบาบางลง มือฉันถือมือถือเกือบจะหนาวแข็ง

เสียงประกาศแจ้งว่าประตูใกล้จะปิดแล้ว

"หนานจือ"

ด้านหลัง ทันใดนั้นก็มีเสียงอ่อนโยนราวกับหยกดังขึ้น

ฉันหันกลับไปอย่างดีใจ เห็นลู่สือเยี่ยนสวมแจ็คเก็ตกันลมสีน้ำตาลเหมือนกับฉัน ฉันตกใจเล็กน้อยพร้อมกับเผยยิ้มจางๆ "รุ่นพี่ บังเอิญจังเลย"

เขาเลิกคิ้ว "บังเอิญจริงๆ เจอกันอีกแล้ว"

ผู้หญิงคนนั้นที่ไปซื้อเครื่องดื่มจากตู้กดอัตโนมัติก็กลับมาพอดี พอเธอเห็นลู่สือเยี่ยน แววตาก็ทอเป็นประกาย เธอยื่นขวดหนึ่งมาให้ฉันพร้อมกับกล่า
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
พี่ชายใจร้าย ใสใส หัวใจไม่มีสีดํา
ไม่ชอบที่มันเน่าเกินไป ไม่เหลือค่าความเป็นคนให้เหลืออยู่ในตัวละครเลย เหมือนเหยียดศักดิ์ศรีของผู้หญิง ว่าตัองโง่ต้องไร้สมอง ถึงจะเป็นคนดีน่าเห็นใจเป็นนางเอกได้ รู้สึกถูกด้อยค่าศิลปะงานเขียนมากเลย
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 63

    "ไม่ต้องห่วง ฉันไม่หัวเราะคุณหรอก"ฉันตบไหล่เขาพร้อมกับยิ้มและเปลี่ยนเรื่องคุย "ที่แท้คุณก็ชอบ Eason เมื่อก่อนไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงเลย"ลู่สือเยี่ยนหันมองไปยังเวที น้ำเสียงดูหดหู่ "รักฉันก็ต้องรักหมาฉันด้วย ประมานนั้น""เธอชอบ Eason?""อืม สมัยมหาลัย เธอชอบมาก""บังเอิญเสียจริง"ฉันหัวเราะ "ฉันสมัยมหาลัยชอบฟังเพลงของ Eason มาก"เขายิ้มมุมปาก ดูมีเลศนัย "บังเอิญจริงๆ"เรานั่งโซน VIP ชมคอนเสิร์ตได้อย่างเต็มอรรถรส ไม่มีมุมอับสายตาเลยขณะทำนองคุ้นหูดังขึ้น ศิลปินก็ปรากฎขึ้นบนเวที บรรยากศคึกคักขึ้นมาทันที แฟนคลับนับไม่ถ้วนส่งเสียงกู่ก้องร้องตามฉันกับลู่สือเยี่ยนเหมือนกับเป็นอีกพวก ได้แต่ฟังอยู่เงียบๆภาพความทรงจำแต่ละฉากในช่วงหลายปีนี้ เหมือนกับวนฉายซ้ำขึ้นในหัวเมื่อสิบปีก่อนผมไม่รู้จักคุณคุณไม่ใช่ของผมเรายังคงเหมือนเดิมอยู่เคียงข้างคนแปลกหน้าเดินผ่านเส้นถนนคุ้นเคยสิบปีต่อมาพวกเราคือเพื่อนกันยังคอยถามไถ่เพียงแต่ความอบอุ่นนั้นไร้เหตุผลให้สวมกอดคนรักสุดท้ายก็เป็นได้แค่เพื่อน……พอได้ฟังประโยคท่านสุดท้ายของเพลง ฉันจู่ๆ ก็หลั่งน้ำตาร้องไห้เงียบๆ เป็นเวลาน

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 64

    ใกล้แล้วคืออะไร?ฉันเหมือนถูกคำนั้นดีดกลางแสกหน้าอยากจะถามให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยแต่ก็รู้สึกว่าหากถามต่อไปคงจะเสียมารยาทก็เลยได้แต่ฟังเพลงในคอนเสิร์ตวันนี้ แต่ละเพลงล้วนอยู่ในรายการเพลงโปรดฉันหลังจากจบคอนเสิร์ต กลับยังรู้สึกไม่หนำใจหลังจากศิลปินลงจากเวที ฉันรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง เหมือนถูกปลุกตื่นจากฝันยาวนานฉันนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงที่นั่ง มองดูผู้คนรอบด้านทยอยเดินออกหลังจากสนุกสุดเหวี่ยงในใจรู้สึกว่างปล่าวจนน่ากลัวจนกระทั่งตอนนี้ ฉันยังคงกำมือถือไว้ในมือ ไม่มีการโทรมาหาหรือส่งข้อความอะไรมาจากฟู่ฉีชวนส่วนฉันเหม่อลอยว่างเปล่า ลู่สือเยี่ยนก็เคารพฉันอย่างมาก ไม่ได้เร่งเร้าฉันแค่รอเงียบๆ อยู่ข้างๆจนฉันตั้งสติได้ เราถึงจะเดินตามฝูงชนไปด้านนอกแม้จะมีสตาฟคอยดูแลระเบียบความเรียบร้อย ก็ยังมีคนดันเบียดเสียด ฉันขณะเดินอยู่ดีๆ ด้านหลังก็ออกแรงผลัก เท้าเดินสะดุดจนล้มกระแทกลู่สือเยี่ยนลู่สือเยี่ยนประคองใหล่ฉัน "ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?""ไม่เป็นไรค่ะ"ฉันอายเกินกว่าจะอธิบาย "ถูกคนผลัก ฉันเลยสะดุด"ลู่สือเยี่ยนปล่อยมือจากไหล่ฉันและไม่ได้พูดอะไรยังดีที่หลังจากนั้นไม่มี

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 65

    พอไฟในรถสว่างขึ้น ฟู่ฉีชวนก็แทบจะลืมตาตื่นขึ้นในทันที ถูกคนขัดจังหวะนอนจนอารมณเสียเล็กน้อย วินาทีต่อมา เขาก็หันหน้ามาสบตากับฉันท่าทีของเขาผ่านคลายลงในทันที "คอนเสิร์ตจบแล้วหรอ?"เขาทำอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกับเขากำลังหลอกฉันไปอยู่กับฟู่จินอันสองวันหนึ่งคืน แล้วทำเหมือนกับฉันคิดไปเองฉันเหนื่อยจะเสแสร้ง "เมื่อวานคนที่คุณเห็นที่โรงพยาบาลคือฉันเอง""ฟู่ฉีชวน ตอนนั้นฉันยืนห่างจากคุณสิบเมตรได้ ไม่สิ อาจจะใกล้กว่านั้น""ฉันเห็นสามีของตัวเอง ทำเพื่อผู้หญิงอีกคนหนึ่งจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว""จนกระทั่งได้ยินคุณตอบกลับพยาบาล ว่าคุณคือสามีเธอ""ดังนั้น ตอนคุณโทรมาหาฉันเมื่อวาน ฉันรู้แล้วว่าคุณโกหกฉัน"ฉันกระตุกยิ้มมุมปาก ฉันจ้องเขาและพูดชัดถ้อยชัดคำ "อ้อ จริงด้วย เธอตั้งท้องแล้ว พวกคุณมีลูกด้วยกันใช่ไหม?"ทุกครั้งที่ฉันพูด สีหน้าเขาก็ยิ่งแย่และซับซ้อนขึ้น!ทว่าฉันยิ่งพูดยิ่งสะใจเห็นสีหน้าของเขาหมองจนแทบเหงื่อตก ฉันก็หัวเราะขึ้นมาทันที "ยินดีกับคุณด้วย ใกล้จะเป็นพ่อคนแล้ว"ทันใดนั้นเขาเขยิบตัวเข้ามา เอื้อมแขนลากฉันเข้าไปในรถ!พอฉันตั้งสติได้ ฉินเจ๋อก็ส่งสายขอโทษมาให้ฉัน

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 66

    ฟู่ฉีชวนหรี่ตา เหลือบมองฉันอย่างไม่แยแสพร้อมกับยิ้มมุมปาก "หรือคุณอยากลอง?"เป็นรอยยิ้มที่เห็นได้ทุกวัน ทว่ากลับรู้สึกกลัวจนตัวสั่นเหมือนว่าถ้าฉันกล้า วินาทีต่อมาเขาคงหักคอฉัน"ลองก็ลอง"ฉันถืออคติว่าแพ้ได้แต่ต้องไม่เสียศักดิ์ศรีเขาใบหน้าเย็นเยือก หัวเราะเย็นชา ขณะกำลังจะลงมือ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นฟู่จินอันแวบแรกที่โผล่ที่ขึ้นในหัวคือชื่อนี้อดอุทานไม่ได้ว่าสัมผัสที่หกของผู้หญิงแม่นมากและก็เป็นฟู่จินอันจริงๆฟู่ฉีชวนเลิกคิ้ว เขาไม่รับสาย เสียงเรียกเข้ายังดังไม่หยุดเขาหากคิดจะปฏิเสธ ก็มีนับร้อยวิธีดังนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดปฏิเสธ"อาชวน คุณไปไหน ทำไมยังไม่กลับมา? ลูกในท้องฉันอยากกินเค้กสตรอเบอรี่ คุณรีบซื้อกลับมาให้ที!"พื้นที่ในรถค่อนข้างแคบ ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้อย่างสิ้นเชิง เสียงออดอ้อนของฟู่จินอันดังชัดจนได้ยินมาถึงหูฉันฉันสาบาน ฉันไม่ได้ตั้งใจแอบฟังฟู่ฉีชวนก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ เขาระงับอารมณ์และลงจากรถยืนอยู่ข้างถนน เห็นเพียงแต่ใบหน้าด้านข้างเขาทำสีหน้าประชดเล็กน้อยฉันเหลือบสายตากลับมา ไม่อยากสนใจเรื่องระหว่างเขากับฟู่จินอัน เลยก้มหน้าเล่

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 67

    "ฉินเจ๋อ ออกรถ! พานายหญิงกลับไปส่ง"เขาพูดจบก็ปิดประตูรถฉินเจ๋อออกรถในทันที "นายหญิง ท่านทำเขาโกรธแล้ว"ประตูรถถูกล็อคฉันได้แต่มองฟู่ฉีชวนเดินออกไปขึ้นรถของบอดี้การ์ดรถสองคันเคลื่อนตัวออกพร้อมกัน แต่ตอนถึงแยกไฟแดง กลับขับแยกออกไปคนละทางฉันกับฟู่ฉีชวนเหมือนกับว่าไม่เคยเดินเคียงข้างกันได้ฉันเหมือนถูกสูบเรี่ยวแรงไปจนหมด นั่งลงที่เบาะอย่างหมดแรง อารมณ์ซับซนปนเปต้องถึงขนาดนั้นเลยหรอฉันขอให้เขากับฟู่จินอันสมหวังโดยไม่เรียกร้องอะไร ยังไม่ดีอีกหรอฟู่ฉีชวน คุณจะเอายังไงกับฉันกันแน่ฉินเจ๋อขณะขับรถก็ยังสังเกตสีหน้าของฉัน เขากล่าวอย่างระวัง "นายหญิง ท่านไม่เป็นต้องทะเลาะกับรองประธานแบบนี้ พูดตามตรง ท่านคือคุณนายฟู่ ส่วนเรื่องของฟู่จินอัน ท่านไม่จำเป็นต้องเอามาใส่ใจ"ฉินเจ๋อ"ฉันลดหน้าต่างลงให้ลมพัดเข้ามา ฉันเม้มปาก "นายเองก็รู้สึกว่าฉันขึ้นชื่อว่าเป็นคุณนายฟู่ ก็ควรสำนึกขอบคุณงั้นหรอ?""ผม ไม่ได้หมายความอย่างงั้น นายหญิง ท่านอย่าเข้าใจผิด ก็แค่ท่านรองประธานชอบให้ใช้ไม้อ่อน นายหญิงยิ่งทำแบบนี้ ก็มีแต่จะเสีย...""ไม่เป็นไร นายเป็นผู้ช่วยเขา นายจะช่วยพูดแทนเขาก็เป็นเรื่องสมควร

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 68

    ……ฉันอดหัวเราะไม่ได้ฟู่ฉีชวนอยากรับผิดชอบเธอแล้วมาหาฉันเพื่ออะไร?ไปหาฟู่ฉีชวนสิฟู่จินอันลูบท้องของเธอ "เรื่องหย่าของพวกเธอรีบจัดการให้เสร้จล่ะ ไม่งั้นคงเสียเวลาแจ้งเข้าทะเบียนจองลูกฉัน""งั้นเธอก็ไปเร่งฟู่ฉีชวน"ตึกสำนักงานเครือบริษัทเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดทั้งปี ฉันถอดเสื้อตัวนอก หยิบบัวรดน้ำรดพืชที่ปลูกเรียงเป็นแถวใต้หน้าต่างในเมื่อฟู่ฉีชวนไม่ยอมขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจน งั้นฉันก็ไม่รีบร้อนให้ฟู่จินอันไปบีบคั้นเขาเองฟู่จินอันเยาะเย้ย "เธอเลิกเล่นลูกไม้ตีสองหน้ากับฉันสักที เดี๋ยวก็ทำเป็นเหมือนไม่สนใจ เดี๋ยวก็พัวพันอาชวนไม่ยอมลามือ""อันที่จริงฉันเข้าใจเธอ ถ้าม่มีพ่อไม่มีแม่ แค่เด็กกำพร้า ได้เกาะใบบุญของตระกูลฟู่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลจะไม่มีกินมีใช้ เลยไม่ยอมปล่อยมือ คนเราก็แบบนี้แหละ""แต่ว่าหร่วนหนานจือ เกิดเป็นผู้หญิงก็ควรจะมียางอาย"เธอสองมือกอดอกและหัวเราะเบาๆ "อย่าดันทุรังเพื่อผู้ชายเลย ใครรู้เข้าคงขายหน้า"ฉันเลิกคิ้ว "...เราไม่ได้เจอกันครั้งแรกนะ เธอทำไมต้องแนะนำตัวเองด้วย?"ฟู่จินอันสำลักคำพูดของฉัน เธอกระแอมเบาๆก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้ามา"อย่าคิดว่าตาแก่ไม้ใกล้

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 69

    ฉันหวังดีแนะนำให้เธอ "ถ้าเธอหวังให้ลูกเธอเป็นลูกในสมรส เธอก็ไปหาฟู่ฉีชวน ให้เขามารีบหย่ากับฉัน เข้าใจไหม?""อย่ามาโวยวายที่นี่ เดี๋ยวเด็กก็แท้งพอดี แบบนั้นเธอคงขาดแต้มต่อในการแต่งเข้าตระกูลฟู่""พาบอสคุณออกไปได้แล้ว"ตอนท้ายฉันหันไปบอกกับผู้ช่วยเธอฟู่จินอันโกรธกระทืบเท้า แต่เธอคงรู้ว่าฉันพูดมีเหตุผล เธอเลยกลับไปอีกอย่างคำแนะนำของฉันได้ผลมากส่วนถ้าถามฉันว่ารู้ได้ไง ก้เพราะตอนบ่ายฉันได้รับสายของฟู่ฉีชวน"คุณไปพูดยั่วโมโหอะไรเธอ?"พอรับสายเขาก็ซักถามฉันฉันหยุดมือทำงาน "ไม่ได้พูดอะไร เธอแค่เร่งฉันให้หย่า ฉันก็เลยให้เธอไปหาคุณ"น้ำเสียงเขาทุ้มเล็กน้อย "คุณไม่ได้บอกให้เธอไปตายหรอ?""..."ใส่ร้ายฉันงั้นหรอฉันไม่แปลกใจฟู่จินอันจะทำแบบนี้ น้ำเสียงฉันเปลี่ยนเป็นนุ่มนวล "ฉันถูกบีบบังคับเลยต้องพูดแบบนั้น เธอด่าฉันว่าเป็นผู้หญิงขายตัวยังจะมีหน้ามาสลอน ตัวซวยทำให้พ่อแม่ต้องตาย ยังบอกด้วยว่าฉันตื้อผู้ชายไม่เลิก เธอจะหาคนมาทำร้ายฉัน..."พูดจบ ฉันก็นึกถึงคำพูดฟู่จินอันก่อนหน้านี้อืม เหมือนฉันก็ไม่ได้พูดมั่วปะ?ดีกว่าเธอกุเรื่องขึ้นมาตั้งเยอะ ฉันก็แค่ใส่สีตีไข่เท่านั้นฟู่ฉีชวนตกต

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 70

    รอจนให้น้ำเกลือเสร็จ ขณะฉันกลับบ้านพร้อมเธอ ตอนนั้นฟ้าก็มืดสนิทแล้วฉันเป็นห่วงว่าเธอสองวันนี้จะดูแลตัวเองไม่ดี เลยตัดสินใจอยู่ที่บ้านเธอวันต่อมา ตอนทานอาหารเช้า เจียงไหลเหลือบมองฉันลับๆ ล่อๆ หลายครั้งฉันหัวเราะ "มีอะไร?""แค่กๆ ก็คือ คือว่า..."เจียงไหลลังเล ไม่กล้าพูดต่อ เธอทำสีหน้าจริงจัง "ก็คืนที่ฟู่ฉีชวนกินยาปลุกเซ็กส์ จู่ๆ มือถือของเธอก็ดับไป หลังจากนั้นฉันไม่ได้มีโอกาสถามเธอเลย"ฉันไม่เข้าใจ "เธอจะถามอะไร?"เธอเผยรอยยิ้ม เขยิบเข้ามาใกล้พร้อมกับถาม "ได้มีอะไรกันรึเปล่า? โดนยาแบบนั้นเข้าไป เขาคงทั้งอึดทั้งทนมากใช่ไหม?""..."ฉันกำลังกินวุ้นเส้นอยู่ถึงกับสำลัก แม้จะรู้นางมีนิสัยชอบพูดโผงผางไม่หยุดพัก แต่มักโพล่งขึ้นมาไม่ทันตั้งตัวทุกทีฉันสำลักไอหลายครั้ง แกล้งตีหน้าซื่อ "เปล่า ไม่ได้มีอะไรกัน"เธอสะกิดมือฉันหลายครั้งพร้อมสีหน้าสงสัย "ไม่มีอะไรกันจริงเหรอ?""ไม่มีจริงๆ ฉันท้องสามเดือนแล้วนะ จะมีอะไรกันได้ไง?"ฉันเช็ดปากและตอบกลับไปแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวเพียงแต่ พอคิดถึงภาพเหตุการณ์ในคืนนั้น ใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเจียงไหลยิ้มมีเลศนัย "แล้วมันยังไงล่ะ ถ้าอยากจะทำ ก็ม

บทล่าสุด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 340

    สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม และเสียงของเขาที่ฟังดูแหบแห้งและหยาบกระด้าง "ฉันให้หุ้นแก่คุณเพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้คุณมาต่อรองกับฉัน""ประธานฟู่ คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?""......"เขาเยาะเย้ยและพูดอย่างเย็นชา "งั้นคุณก็ลองดูสิ ฉันจะฆ่าใครก็ตามที่คุณขายให้ ถ้าคุณอยากทำร้ายใครก็เชิญเลย""......"เขายังคงหวาดระแวงอย่างมาก เกือบจะเหมือนโรคจิตในเรื่องของการข่มขู่ คือการแข่งขันกันว่าใครจะยอมทำสิ่งที่ต่ำที่สุดมากกว่ากันฉันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ พูดมากเกินไปก็ไร้ประโยชน์ฉันกัดฟันแล้วเดินไปหาเจียงไหลเจียงไหลและเฉินเย่กำลังคุยกันเรื่องทั่วไปบางอย่างเมื่อเห็นฉันมา เจียงไหลยกริมฝีปากแดงของเธอไปทางเฉินเย่และพูดว่า "คุณเฉิน ฉันจะเชิญคุณไปทานอาหารเย็นเมื่อฉันกลับไปเมืองเจียงเฉิงหลังตรุษจีน""ได้"เฉินเย่พยักหน้าเล็กน้อยหลังจากทักทายเขาแล้ว ฉันก็ไปกับเจียงไหล"ประธานหร่วน!"เฉินเย่หยุดฉันไว้ทันที ก่อนจะเปิดปากถามอย่างระมัดระวังว่า: "คุณและพี่ชวนต้องหย่ากัน มันเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและการหมั้นหมายของเขากับเสิ่นซิงหยูหรือเปล่า?"ฉันพูดตามตรงว่า "ใช่ แ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 339

    ฉันเงียบไปและพูดเบาๆ ว่า "ทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อนว่าคุณมีความอดทนสูงขนาดนั้น"คืนนั้น ฉันจูบโจวฟางต่อหน้าเขาแม้ว่าฉันจะเมามากเกินไป แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริงๆด้วยบุคลิกของเขา แบบที่ยอมให้ตัวเองทำผิดกฎได้แต่ห้ามคนอื่น เขาน่าจะหยุดมองมาทางฉันนานแล้วทันทีที่ฉันพูดจบ เสียงที่ดังขึ้นกลับไม่ใช่เสียงของฟู่ฉีชวน แต่เป็นเสียงที่มาจากทางกลางห้องจัดงานเลี้ยงเสิ่นชิงหลี่เปลี่ยนเสื้อผ้าและสวมชุดสีขาวล้วนสุดหรู เธอถือไมโครโฟนไว้ตรงกลางห้อง ดูขี้อายเล็กน้อย แต่ดวงตาสีเช้มของเธอกลับเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นในขณะที่เธอจ้องไปที่ทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะทิศทางที่โจวฟางอยู่"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ฉัน จากอ้อมอกของคุณย่า คุณพ่อและคุณแม่ไป ฉัน... ฉันต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย ทนทุกข์ทรมานจากวิธีที่ผู้คนปฏิบัติต่อฉัน แต่ด้วยช่วงเวลาที่สวยงามที่เหลืออยู่ในความทรงจำ ฉันกัดฟันและอดทนต่อไป"เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอสะอื้น “แต่ฉันโชคดี ครอบครัวของฉัน… และพี่อาฟางไม่เคยยอมแพ้ในการตามหาฉัน เช้านี้คุณย่าถามฉันว่าความปรารถนาของฉันคืออะไร ตอนนั้น ฉันนึกอะไรไม่ออก เพราะแค่การได้กลับไปยังตระกูลเสิ่นก็ถือเ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 338

    "คุณนายเสิ่น"ฟู่ฉีชวนขมวดคิ้วอย่างใจเย็นและพูดด้วยเสียงต่ำ "คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับฉันเกี่ยวกับการถอนหมั้น"เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนของเขาแม่เสิ่นไม่รู้ว่าเธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าเธอจงใจแกล้งทำเป็นสับสน "แน่นอนว่าฉันต้องอธิบาย ทันทีที่คุณได้ยินว่าวันนี้เป็นซิงหยูของเราที่มารับคุณ คุณก็มาพร้อมกับประธานเสิ่นโดยเฉพาะ ฉันเข้าใจแล้ว...."ปากของเฉินเย่กระตุกเมื่อเขาฟัง และเขาไม่สามารถทนขัดจังหวะได้ "ความมั่นใจของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันยังต้องแทรกอยู่ดี ประธานฟู่มาที่นี่วันนี้และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูเสิ่นแม้แต่สลึงเดียว โอ้ ไม่ มันไม่เกี่ยวข้องแม้แต่สตางต์เดียว""มันจะไม่เกี่ยวข้องกับซิงหยูได้ยังไง ประธานฟู่าหาครอบครัวเสิ่นของเรา ถ้าไม่ใช่เพราะซิงหยู....."เมื่อพูดไปได้ครึ่งทาง แม่เสิ่นก็คิดได้และสีหน้าของเธอก็มืดมนลง ทันใดนั้นก็มองไปในทิศทางที่ฉันอยู่!ฟู่ฉีชวนก้มตาลงและปรับแขนเสื้อ เสียงของเขาเย็นชาและเฉยเมย "พูดตามตรงนะ คุณนายเสิ่น วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อตามง้อภรรยาของฉัน"เสียงของเขาไม่ได้ดังเป็นพิเศษ แต่ทุกคำก็ตั้งใจทำเพื่อให้ทุกคนรอบข้างได้ยินเขาอย่างชัดเจน

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 337

    เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่เสิ่นก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็ล็อกเป้าหมายไปที่คุณพ่อของเสิ่น แล้วดึงเขาออกไปด้วยกันเพื่อไปต้อนรับไม่นาน ก็เกิดความโกลาหลขึ้นจากทางเข้าห้องจัดเลี้ยงเป็นฟู่ฉีชวน เฉินเย่แลตระกูลเสิ่นจำนวนสามคนที่เดินเข้ามาฟู่ฉีชวนสวมเสื้อคลุมสีดำ มีคิ้วกับดวงตาที่สง่างามและเย็นชา ก้าวเดินอย่างมั่นคง และมีรัศมีแห่งอำนาจที่แข็งแกร่งเฉินเย่เหมือนกับครั้งที่แล้ว เมื่อเขาไปที่หนานซี เขาอยู่ห่างจากฟู่ฉีชวนครึ่งก้าว แต่ทั้งสองดูคุ้นเคยกันดีเมื่อมองดูครั้งแรกเมื่อรวมกับสิ่งที่แม่เสิ่นพูดก่อนจะออกไปรับเขาคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ผ่านโลกมานาน แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจทุกอย่างแล้วฟู่ฉีชวนเป็นบอสใหญ่ของRF กรุ๊ปไม่ใช่ใครอื่นฟู่ฉีชวนคือชายคนเดียวกันที่ตระกูลเสิ่นเคยถอนหมั้นด้วยแต่ตอนนี้ ในชั่วพริบตา พวกเขากลับปฏิบัติกับเขาเหมือนแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเสิ่นอีกครั้ง ไม่กล้าแสดงความละเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็ต้องทนต่อไปโดยไม่สามารถแสดงออกมาได้ความสัมพันธ์นี้ ส่งผลให้บรรยากาศก็ตึงเครียดอย่างประหลาด และไม่มีใครกล้าเข้าใกล้และพูดคุยส

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 336

    "ผลตรวจ DNA ออกมาแล้ว"ฉันจนปัญญาเขาพูดอย่างหนักแน่นว่า "ผลตรวจ DNA ต้องมีปัญหาแน่ หร่วนหนานจือ ฉันอาจเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นเป็นเธอ"ฉันรู้ดีว่า "คนอื่น" นั้นหมายถึงฉันจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ "แต่ฉันจะจำเธอได้เสมอ""......"ฉันเม้มริมฝีปาก "นั่นเป็นเรื่องระหว่างคุณกับตระกูลเสิ่น โจวฟาง เราควรจะรักษาระยะห่างไว้บ้าง"ฉันไม่อยากทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีกจริงๆพูดจบ ฉันไม่แม้แต่จะมองสีหน้าของเขา ดึงเจียงไหล แล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันทีแม้ว่างานเลี้ยงต้อนรับนี้จะจัดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้จัดแบบลวกๆ เลยแสงไฟที่ระยิบระยับและบรรยากาศที่หรูหรา บ่งบอกอย่างชัดเจนว่างานนี้ยิ่งใหญ่อลังการท่ามกลางชนชั้นสูงผู้มั่งคั่งหลังจากรับเครื่องดื่มจากถาดของพนักงานเสิร์ฟ เจียงไหลมองมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจ "เธอกลายเป็นคนไร้ความปรานีตั้งแต่เมื่อไหร่?""เจ๊คะ"ฉันยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ให้เธอ "แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ยังเรียนรู้จากประสบการณ์ นอกจากนี้ สิ่งต่างๆ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป""ไม่เหมือนเดิมยังไง?""เมื่อก่อนฉันเคยถลำลึกลงไปแล้ว กว่าจะดึงตัวเองกลับมาได้ มันทั้งยากและเจ็บปวด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 335

    "แค่ก..."เจียงไหลเห็นว่าฉันยังรับมือได้ แต่เธอเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหากับฉันจึงเงียบอยู่ตลอดในขณะนี้ คำพูดของโจวฟาง ทำให้ฉันอดไม่ได้และสำลักน้ำลายของตัวเองสำหรับฉันแล้ว แม่เสิ่นสามารถพูดจาเหน็บแนมฉันได้แม่ของเสินรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าโจวฟางกับคุณย่าโจว เธอไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ เพราะต้องระวังมารยาทกับผู้ใหญ่ และทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความหงุดหงิด“ไอ้เด็กเวร!”ไม่ว่าคุณย่าโจวจะตามใจโจวฟางมากเพียงใด เธอก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ เธอจ้องเขม็งไปที่เขา “ใครสอนให้แกพูดแบบนั้น?”"ก็คุณย่าสอนผมนั่นแหละ"โจวฟางไม่ได้ใส่ใจและพูดว่า "เมื่อคุณเห็นความอยุติธรรม จงยื่นมือเข้ามาช่วย""......"คุณย่าโจวโกรธมากจนจ้องมองเขา แต่เธอไม่สามารถหาคำพูดมาโต้ตอบได้ใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น สามารถได้ยินว่าแม่เสิ่นตั้งใจหาเรื่อง และคำพูดที่เธอพูดออกมานั้นร้ายกาจเกินไปเสิ่นชิงหลี่ผู้ซึ่งเคยเงียบและขี้อายเสมอมา พูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาและเบาบาง เมื่อถึงเวลาที่ต้องหยุดพูดถึงเรื่องนี้"แต่พี่อาฟาง คุณแม่ของฉันก็พูดไม่ผิดนะ เด็กผู้หญิงควรรักษาความบริสุทธิ์และซื่อสั

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 334

    เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันนั้น อันตรายยิ่งกว่าฟู่จินอันที่เคยเจอเสียอีกฉันไม่อยากสร้างปัญหา[ทำไมคุณไม่ไปตรวจ DNA ด้วยล่ะ][หร่วนหนานจือ ตอบฉันหน่อย][หนีอีกแล้วเหรอ?]……บรรยากาศในห้องยังคงดูผ่อนคลายเหมือนเดิม แต่โทรศัพท์ของฉันยังคงส่งเสียงแจ้งเตือนข้อความไม่หยุดฉันขมวดคิ้ว เปลี่ยนการตั้งค่าแชทของโจวฟางเป็นห้ามรบกวนแม้เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เขาก็ยังคิดว่าฉันคือตัวจริงอยู่ดี“คุณหร่วน คุณเพิ่งหย่า แต่โทรศัพท์ของคุณกลับไม่หยุดสั่น”แม่เสิ่นสังเกตเห็นการกระทำของฉัน และพูดด้วยน้ำเสียงที่ประชดประชัน "มูฟออนได้เร็วจริง ๆ เลยนะ"โจวฟางส่งเสียงเฮอะออกมา และกำลังจะระเบิดความโกรธออกมาในทันทีฉันไม่อยากยุ่งกับเขาในตอนนี้ ฉันจึงชิงพูดก่อน "โดยทั่วไปแล้ว ฉันไม่สามารถเทียบกับความเร็วของเสิ่นซิงหยูได้ พอฉันเพิ่งหย่าเสร็จ เธอก็หมั้นหมายกับอดีตสามีของฉันไปแล้ว"“…เธอ!”แม่เสิ่นจ้องฉันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อเธอจงใจจงใจทำให้ฉันอับอายต่อหน้าคนจำนวนมากการใช้คำพูดทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด มีใครบ้างที่ทำไม่ได้?คุณย่าโจวสังเกตเห็นบางอย่างและขมวดคิ้ว "หนานจือ งั้นอดีตสามีของเ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 333

    แต่ทำไมฉันต้องรู้สึกผิดด้วยล่ะตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรเลยด้วยความคิดนี้ ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปในทิศทางที่พวกเขาอยู่ หลังจากที่เสิ่นชิงหลี่กระโจนเข้าหาเขา เขาก็ลังเลเล็กน้อย ดูเหมือนไม่สบายใจและกลัวที่จะทำให้เสิ่นชิงหลี่เศร้าเขาจับแขนของเธอแล้วดึงออก เสียงของเขากลับเย็นชาเหมือนเดิม ไม่มีอารมณ์อะไร "วิ่งช้าๆ หน่อย""แต่ฉันคิดถึงคุณนะ"เสิ่นชิงหลี่เงยหน้าขึ้นมองเขา กระพริบตาปริบๆ ใบหน้าซีดขาวและท่าทางเหมือนกระต่ายตัวน้อย "เมื่อวานคุณออกไปแต่เช้า และฉันไม่ได้เจอคุณมาเกือบยี่สิบชั่วโมงแล้ว"นับกระทั่งชั่วโมงฉันรวบรวมความคิด ยิ้มมุมปากเล็กน้อย และเห็นสายตาของโจวฟางจ้องมองมาที่ฉันอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นว่าฉันสงบและไม่มีอารมณ์ใดๆ ดูเหมือนจะโกรธเล็กน้อยเขาปล่อยมือของเสิ่นชิงหลี่ แล้วยิ้มกวนๆ ทักทายกับคุณยายทั้งสองก่อน จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาตรงข้ามฉันอย่างขี้เกียจคุณย่าโจวมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองและพูด “ไอ้เด็กเวร ดูแลชิงหลี่ให้ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ เธอเพิ่งกลับมา...”"โอ้ย เธอกำลังพูดอะไรอยู่? ชิงหลี่อยู่ที่บ้านของเธอเอง เธอยังต้องการให้อาฟางดูแลเธออีกเหรอ?"คุณย่าเสิ่นยิ้มตอบ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 332

    ฉันปลอบใจว่า "อาจจะเป็นเพราะเธอค่อนข้างขี้อาย? ในอนาคตยังมีเวลาอีกเยอะ ถ้าได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น คงจะดีขึ้นเอง""แต่ฉันรู้สึกเสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ"หญิงชรารู้สึกเสียใจเล็กน้อย “เด็กสาวคนนั้น ตอนเด็กๆ เป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ว่าคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เธอก็ไม่ควรกลายเป็นคนขี้อายได้ขนาดนี้…”ขณะที่ฉันกำลังจะพูด หญิงชราถอนหายใจและพูดว่า "ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่ดี เธอยังอยู่เมืองจิ่งเฉิงอยู่ไหม?"ฉันตอบตามตรง “อืม ฉันยังอยู่ค่ะ”“ดีมากเลย! ฉันจะส่งคนขับรถไปรับเธอ”หญิงชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม "คืนนี้ฉันกำลังวางแผนจัดงานเลี้ยงต้อนรับชิงหลี่ และฉันต้องการให้เธอมา ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ตาม ฉันกับย่าโจวสวมเสื้อผ้าที่เธอออกแบบให้เราสำหรับช่วงตรุษจีน และหลายคนถามว่าสั่งจากที่ไหน ฉันจะใช้โอกาสนี้แนะนำเธอ สัญญาว่าเธอจะไม่ขาดลูกค้าไปทั้งปี!!"".....ดีจังค่ะ ขอบคุณล่วงหน้า"ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตกลงทำข้อตกลงทางธุรกิจตั้งแต่ที่เลือกทำงานออกแบบชุดที่สั่งทำพิเศษแบบนี้ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องติดต่อกับคุณหญิงคุณนายจากตระกูลใหญ่ แม้ตอนนี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status