เขาสวมชุดสูทรสีขาวครีม เสริมให้ดูสง่ามากขึ้น ดูสุภาพเรียบร้อยเขายิ้มหัวเราะเบาๆ "เพื่อนผมต้องแอดมิท ผมเลยมาเยี่ยม""อ้อ ค่ะ""คุณล่ะ ทำไมมาโรงพยาบาลคนเดียว?"ฉันยกรายงานผลตรวจให้เขาดู "ฉันมาเอาผลตรวจสุขภาพ"ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเคร่งครึม "ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ?""ไม่มีค่ะ"ฉันก่อนหน้านี้ตรวจสุขภาพของบริษัทมาแล้ว ครั้งนี้ก็เหมือนครั้งก่อน ผลตรวจแต่ละรายการอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเว้นเสียแต่ในท้องมีเด็กเพิ่มมาอีกคนลู่สือเยี่ยนพยักหน้า "ทานข้าวรึยังครับ ไปทานข้าวด้วยกันมั๊ย?""เฮ่อถิงกับเจียงไหลก็มาด้วยเหมือนกัน"อาจเพราะกลัวฉันปฏิเสธ เขาเลยกล่าวเสริมฉันลูบไปที่ท้อง จริงๆ ก็หิวอยู่เล็กน้อย "ได้ค่ะ"กลับบ้านไปคนเดียวก็ไม่รู้จะกินอะไรอยู่กับหลายคนก็จะได้ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านด้วยลู่สือเยี่ยนเอารถให้ผู้ช่วยขับกลับไป จากนั้นก็นั่งรถฉันไปยังร้านอาหารที่พวกเขาจองไว้เป็นร้านซุปแกะเก่าแก่ต้นตำรับภายในร้านดูบ้านๆ ตั้งอยู่ตรงหัวมุมภายในซอย แต่กลับขายดีเทน้ำเทท่ารถจอดตรงปากซอยจำนวนไม่น้อย ทำเอารถติดมากเราได้แต่เอารถจอดข้างนอกและเดินเข้ามา เจียงไหลและเฮ่อถิงมาถึงก่อนแล้วพอเห็นฉัน
อาหารมื้อนี้ ฉันไม่รู้รสของอาหารเลยพอกลับถึงบ้าน ฉันนอนกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืน เหมือนกับว่าหลับไปแล้ว ก็ตื่นขึ้นมาอีกวันต่อมา ฉันนอนถึงเที่ยงกว่าจะตื่น ตอนเดินรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยหลังจากค้นตู้เย็น ฉันก็ทำมะเขือยาวผัดกระเทียมใส่พริกกับเต้าหู้ผัดกุ้ง ทานพร้อมกับข้าวสวยถ้วยหนึ่ง ทานเสร็จค่อยรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้างคอนเสิร์ตเริ่มตอนเย็น ตอนนี้ยังมีเวลาเหลือเฟือ แทนที่จะดิ่งอยู่กับอารมณ์ด้านลบ ฉันเลยเลือกเปิดคอมพิวเตอร์ทำงานอย่างแรกฉันจะเช็คโซเชียลเป็นกิจวัตรพอเห็นแอคเคาท์ทางการของ MS โพสต์ข้อความ ฉันก็อดตกใจไม่ได้ขณะกำลังเปิดอ่านรายละเอียด สายของเจียงไหลก้เด้งขึ้นมา "เพื่อนรัก เธอเป็นไงบ้าง?"ฉันไม่อยากให้เธอกังวล "สบายดี""ฟู่ฉีชวนกลับบ้านมารึยัง?"ฉันเงียบ "ยังไม่กลับ""งั้นไม่ต้องพูดถึงเขา ผู้ชายเฮงซวย"เจียงไหลเปลี่ยนเรื่องคุย "ฉันโทรมามีเรื่องอยากบอก เธอรู้ข่าว MS ประกาศสร้างแบรนด์ร่วมกันรึยัง?""ฉันเห็นข่าวแล้ว"คอลเลคชั่นคอลแลป เป็นการตกลงร่วมระหว่างแบรนด์ แค่เซ็นสัญญาก็ไม่มีอะไรแล้วคอลเลคชั่นคอลแลปคริสต์มาสต์ของ MS ครั้งนี้ เตรียมดำเนินในรูปแบบข
พอฉันเห็นชื่อบนมือถือ รู้เหมือนว่าไม่ใช่ความจริง ฉันตกใจอยู่ครู่ก่อนจะรับสาย "ฮัลโหล""อยู่บ้านหรอ?"เสียงเขาเหมือนอยู่ในห้องโล่งๆ เสียงทุ้มของเขาแฝงด้วยความเหนื่อยล้าฉันลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียง พร้อมกับยืดเส้นยืดสายไปด้วย พยายามข่มใจพร้อมกับจงใจถาม "อืม คุณล่ะ? ยังยุ่งอยู่หรอ?"แค่คิดก็รู้ ฟู่จินอันเลือดไหลเยอะขนาดนั้นเขาคงไม่สบายใจอยู่แล้ว"ใกล้เสร็จแล้ว"ไม่รู้นึกถึงอะไร น้ำเสียงขอเขาอ่อนโยนขึ้น "บัตรคอนเสิร์ตอยู่ตรงชั้นวางตรงประตูบ้าน ก่อนคุณออกไปอย่าลืมเอาไปด้วย"แม้ว่าจะคาดการณ์ไว้แล้ว แต่พอพูดออกมาจากปากเขา ฉันยังคงรู้สึกไม่ดี "คุณไม่ไปแล้วหรอ?""คิดอะไรของคุณ? เจอกันหน้าสนามกีฬา..."เขาหัวเราะเบาๆ พูดยังไม่ทันจบ ทันใดนั้นเสียงอันอ่อนโยนแต่กลับถามอย่างขวานผ่าซากก็ดังขึ้น "อาชวน คุณโทรศัพท์หาใคร คุณสัญญากับฉันแล้ว..."เสียงขาดหายไปไม่ใช่ฟู่ฉีชวนห้ามเธอพูด แต่เขาตัดสายฉันทิ้งทำไมถึงทำเหมือนฉันกับเขาแอบคบกันอีกทั้งฉันยังเป็นมือที่สามฉันมองจอมือถืออย่างเหม่อลอย ในใจเจ็บปวดทรมานไร้ที่สิ้นสุด หัวใจเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นกำบีบเอาไว้ จุกอกจนแทบไม่อาจหายใจฉันคิดไม
บางที คนที่ฉันรอ คงไม่มาแล้วผู้หญิงคนนั้นมีไหวพริบ เธอยิ้มถาม "พี่สาว รอใครอยู่งั้นหรอ?""ใช่ค่ะ""เพื่อนคุณคงจะรถติดอยู่ บริเวณรอบสนามกีฬาตอนนี้รถติดเป็นพิเศษ"อาจเพราะเห็นฉันดูหดหู่ เธอเลยยิ้มเดินเข้ามาปลอบพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อย "เดี๋ยวฉันรอเป็นเพื่อนค่ะ""คุณไม่เข้าไปหรอ?""ฉันแย่งซื้อตั๋วไม่ทัน"ฉันยักไหล่พร้อมกับเบ้มุมปาก ท่าทางดูผิดหวังหมดหนทางเลือกฉันยิ้มอ่อนๆ "ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนรอนะคะ"เขาคงไม่มาแล้ว ฉันไม่ได้รอให้เขามาถึงแต่รอให้ตัวเองตัดใจยอมแพ้สักทีหลังจากรอมาหนึ่งชั่วโมง ผู้คนบริเวณนั้นไม่แออัดอีกต่อไป เบาบางลง มือฉันถือมือถือเกือบจะหนาวแข็งเสียงประกาศแจ้งว่าประตูใกล้จะปิดแล้ว"หนานจือ"ด้านหลัง ทันใดนั้นก็มีเสียงอ่อนโยนราวกับหยกดังขึ้นฉันหันกลับไปอย่างดีใจ เห็นลู่สือเยี่ยนสวมแจ็คเก็ตกันลมสีน้ำตาลเหมือนกับฉัน ฉันตกใจเล็กน้อยพร้อมกับเผยยิ้มจางๆ "รุ่นพี่ บังเอิญจังเลย"เขาเลิกคิ้ว "บังเอิญจริงๆ เจอกันอีกแล้ว"ผู้หญิงคนนั้นที่ไปซื้อเครื่องดื่มจากตู้กดอัตโนมัติก็กลับมาพอดี พอเธอเห็นลู่สือเยี่ยน แววตาก็ทอเป็นประกาย เธอยื่นขวดหนึ่งมาให้ฉันพร้อมกับกล่า
"ไม่ต้องห่วง ฉันไม่หัวเราะคุณหรอก"ฉันตบไหล่เขาพร้อมกับยิ้มและเปลี่ยนเรื่องคุย "ที่แท้คุณก็ชอบ Eason เมื่อก่อนไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงเลย"ลู่สือเยี่ยนหันมองไปยังเวที น้ำเสียงดูหดหู่ "รักฉันก็ต้องรักหมาฉันด้วย ประมานนั้น""เธอชอบ Eason?""อืม สมัยมหาลัย เธอชอบมาก""บังเอิญเสียจริง"ฉันหัวเราะ "ฉันสมัยมหาลัยชอบฟังเพลงของ Eason มาก"เขายิ้มมุมปาก ดูมีเลศนัย "บังเอิญจริงๆ"เรานั่งโซน VIP ชมคอนเสิร์ตได้อย่างเต็มอรรถรส ไม่มีมุมอับสายตาเลยขณะทำนองคุ้นหูดังขึ้น ศิลปินก็ปรากฎขึ้นบนเวที บรรยากศคึกคักขึ้นมาทันที แฟนคลับนับไม่ถ้วนส่งเสียงกู่ก้องร้องตามฉันกับลู่สือเยี่ยนเหมือนกับเป็นอีกพวก ได้แต่ฟังอยู่เงียบๆภาพความทรงจำแต่ละฉากในช่วงหลายปีนี้ เหมือนกับวนฉายซ้ำขึ้นในหัวเมื่อสิบปีก่อนผมไม่รู้จักคุณคุณไม่ใช่ของผมเรายังคงเหมือนเดิมอยู่เคียงข้างคนแปลกหน้าเดินผ่านเส้นถนนคุ้นเคยสิบปีต่อมาพวกเราคือเพื่อนกันยังคอยถามไถ่เพียงแต่ความอบอุ่นนั้นไร้เหตุผลให้สวมกอดคนรักสุดท้ายก็เป็นได้แค่เพื่อน……พอได้ฟังประโยคท่านสุดท้ายของเพลง ฉันจู่ๆ ก็หลั่งน้ำตาร้องไห้เงียบๆ เป็นเวลาน
ใกล้แล้วคืออะไร?ฉันเหมือนถูกคำนั้นดีดกลางแสกหน้าอยากจะถามให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยแต่ก็รู้สึกว่าหากถามต่อไปคงจะเสียมารยาทก็เลยได้แต่ฟังเพลงในคอนเสิร์ตวันนี้ แต่ละเพลงล้วนอยู่ในรายการเพลงโปรดฉันหลังจากจบคอนเสิร์ต กลับยังรู้สึกไม่หนำใจหลังจากศิลปินลงจากเวที ฉันรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง เหมือนถูกปลุกตื่นจากฝันยาวนานฉันนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงที่นั่ง มองดูผู้คนรอบด้านทยอยเดินออกหลังจากสนุกสุดเหวี่ยงในใจรู้สึกว่างปล่าวจนน่ากลัวจนกระทั่งตอนนี้ ฉันยังคงกำมือถือไว้ในมือ ไม่มีการโทรมาหาหรือส่งข้อความอะไรมาจากฟู่ฉีชวนส่วนฉันเหม่อลอยว่างเปล่า ลู่สือเยี่ยนก็เคารพฉันอย่างมาก ไม่ได้เร่งเร้าฉันแค่รอเงียบๆ อยู่ข้างๆจนฉันตั้งสติได้ เราถึงจะเดินตามฝูงชนไปด้านนอกแม้จะมีสตาฟคอยดูแลระเบียบความเรียบร้อย ก็ยังมีคนดันเบียดเสียด ฉันขณะเดินอยู่ดีๆ ด้านหลังก็ออกแรงผลัก เท้าเดินสะดุดจนล้มกระแทกลู่สือเยี่ยนลู่สือเยี่ยนประคองใหล่ฉัน "ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?""ไม่เป็นไรค่ะ"ฉันอายเกินกว่าจะอธิบาย "ถูกคนผลัก ฉันเลยสะดุด"ลู่สือเยี่ยนปล่อยมือจากไหล่ฉันและไม่ได้พูดอะไรยังดีที่หลังจากนั้นไม่มี
พอไฟในรถสว่างขึ้น ฟู่ฉีชวนก็แทบจะลืมตาตื่นขึ้นในทันที ถูกคนขัดจังหวะนอนจนอารมณเสียเล็กน้อย วินาทีต่อมา เขาก็หันหน้ามาสบตากับฉันท่าทีของเขาผ่านคลายลงในทันที "คอนเสิร์ตจบแล้วหรอ?"เขาทำอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกับเขากำลังหลอกฉันไปอยู่กับฟู่จินอันสองวันหนึ่งคืน แล้วทำเหมือนกับฉันคิดไปเองฉันเหนื่อยจะเสแสร้ง "เมื่อวานคนที่คุณเห็นที่โรงพยาบาลคือฉันเอง""ฟู่ฉีชวน ตอนนั้นฉันยืนห่างจากคุณสิบเมตรได้ ไม่สิ อาจจะใกล้กว่านั้น""ฉันเห็นสามีของตัวเอง ทำเพื่อผู้หญิงอีกคนหนึ่งจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว""จนกระทั่งได้ยินคุณตอบกลับพยาบาล ว่าคุณคือสามีเธอ""ดังนั้น ตอนคุณโทรมาหาฉันเมื่อวาน ฉันรู้แล้วว่าคุณโกหกฉัน"ฉันกระตุกยิ้มมุมปาก ฉันจ้องเขาและพูดชัดถ้อยชัดคำ "อ้อ จริงด้วย เธอตั้งท้องแล้ว พวกคุณมีลูกด้วยกันใช่ไหม?"ทุกครั้งที่ฉันพูด สีหน้าเขาก็ยิ่งแย่และซับซ้อนขึ้น!ทว่าฉันยิ่งพูดยิ่งสะใจเห็นสีหน้าของเขาหมองจนแทบเหงื่อตก ฉันก็หัวเราะขึ้นมาทันที "ยินดีกับคุณด้วย ใกล้จะเป็นพ่อคนแล้ว"ทันใดนั้นเขาเขยิบตัวเข้ามา เอื้อมแขนลากฉันเข้าไปในรถ!พอฉันตั้งสติได้ ฉินเจ๋อก็ส่งสายขอโทษมาให้ฉัน
ฟู่ฉีชวนหรี่ตา เหลือบมองฉันอย่างไม่แยแสพร้อมกับยิ้มมุมปาก "หรือคุณอยากลอง?"เป็นรอยยิ้มที่เห็นได้ทุกวัน ทว่ากลับรู้สึกกลัวจนตัวสั่นเหมือนว่าถ้าฉันกล้า วินาทีต่อมาเขาคงหักคอฉัน"ลองก็ลอง"ฉันถืออคติว่าแพ้ได้แต่ต้องไม่เสียศักดิ์ศรีเขาใบหน้าเย็นเยือก หัวเราะเย็นชา ขณะกำลังจะลงมือ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นฟู่จินอันแวบแรกที่โผล่ที่ขึ้นในหัวคือชื่อนี้อดอุทานไม่ได้ว่าสัมผัสที่หกของผู้หญิงแม่นมากและก็เป็นฟู่จินอันจริงๆฟู่ฉีชวนเลิกคิ้ว เขาไม่รับสาย เสียงเรียกเข้ายังดังไม่หยุดเขาหากคิดจะปฏิเสธ ก็มีนับร้อยวิธีดังนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดปฏิเสธ"อาชวน คุณไปไหน ทำไมยังไม่กลับมา? ลูกในท้องฉันอยากกินเค้กสตรอเบอรี่ คุณรีบซื้อกลับมาให้ที!"พื้นที่ในรถค่อนข้างแคบ ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้อย่างสิ้นเชิง เสียงออดอ้อนของฟู่จินอันดังชัดจนได้ยินมาถึงหูฉันฉันสาบาน ฉันไม่ได้ตั้งใจแอบฟังฟู่ฉีชวนก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ เขาระงับอารมณ์และลงจากรถยืนอยู่ข้างถนน เห็นเพียงแต่ใบหน้าด้านข้างเขาทำสีหน้าประชดเล็กน้อยฉันเหลือบสายตากลับมา ไม่อยากสนใจเรื่องระหว่างเขากับฟู่จินอัน เลยก้มหน้าเล่
เขาจะต้องรับผลที่ตามมาจากการทำอะไรที่ไร้เหตุผลตระกูลเสิ่นเป็นคนจัดการยากเกินไป ฉันไม่อยากลากเขาลงไปในน้ำโคลนด้วยกันเขาหยุดคิดสักครู่แล้วพูดว่า "ดีแล้ว"น้ำเสียงของเธอยังคงอบอุ่นเช่นเคย แต่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่ผิดหวังปนอยู่ก่อนจะวางสาย ผู้หญิงที่ดูเป็รผู้ใหญ่แลมีสติปัญญา ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าออฟฟิศของฉันทันทีฉันเกร็งตัวและพยักหน้าให้เธอเป็นการทักทาย ขณะที่เสียงของลู่สือเยี่ยนยังคงดังผ่านโทรศัพท์ “หนานจือ สักวันหนึ่งฉันจะปกป้องคุณอย่างดี”ฟังดูเหมือนคำสาบาน เหมือนคำสัญญาจริงใจถึงขั้นไร้สาระ ราวกับว่าเขาพร้อมที่จะควักหัวใจของเขาออกมาและเปิดเผยมันให้ฉันรู้ถ้าไม่มีผู้หญิงตรงหน้าฉัน ฉันกลัวว่าหัวใจของฉันจะเต้นแรงในตอนนี้แต่ในชีวิตนี้ไม่มีคำว่า ถ้าหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉันก็ตอบเบาๆ ว่า "รุ่นพี่ ฉันจะแข็งแกร่งขึ้นทีละน้อย สักวันหนึ่งจะไม่มีใครรังแกฉันได้อีก"ดูเหมือนเขาจะรับรู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูดของฉัน "หนานจือ..."อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่อยู่หน้าประตู ดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะรออีกต่อไปและผลักประตูเปิดเพื่อเข้าไปฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขัดจังหวะ
วันรุ่งขึ้น ดวงอาทิตย์ขึ้นตามปกติ ข่าวลือและข่าวซุบซิบก็ยังคงแพร่สะพัดไปทั่วอินเทอร์เน็ตแม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ในบริษัทก็มองมาที่ฉันด้วยความอยากรู้เล็กน้อยเมื่อคืนนี้ เจียงไหลไปที่บ้านของฉัน คืนกระเป๋าและโทรศัพท์ให้ฉัน พร้อมตำหนิตัวเองอีกครั้งเธอไปแจ้งความโดยเร็วที่สุด แต่เมื่อคนอื่นได้ยินว่าเป็นตระกูลเสิ่น พวกเขาก็เลี่ยงที่จะรับแจ้งความทันที พูดง่ายๆ ก็คือ หากไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรม ก็ไม่สามารถดำเนินการได้เธอยอมรับว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกถึงความได้เปรียบของอำนาจและความรู้สึกหมดหนทางของการเป็นคนธรรมดาเธอยังล้อเล่นด้วยว่า ถ้าเธอรู้มาก่อน เธอคงไม่ยืนกรานที่จะเลิกกับเฮ่อถิง แม้ว่าจะหมายถึงการเป็นเมียน้อย แต่เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉัน เธอก็จะไม่เหลือใครให้หันไปขอความช่วยเหลือโง่จนกู่ไม่กลับในขณะนั้น เธอเดินเข้าไปในออฟฟิศพร้อมกับกาแฟสองแก้ว วางแก้วหนึ่งไว้ตรงหน้าฉัน และดึงเก้าอี้ตรงข้ามฉันให้นั่งลงสีหน้าของเธอแทบจะเหมือนเดิมกับเมื่อคืนนี้ขณะที่ฉันกำลังร่างแบบสำหรับคุณย่าโจว ฉันถามด้วยความสงสัย "เกิดอะไรขึ้น ใครทำให้เธออารมณ์เสีย"เธอลังเลก่อนจะพูดประโยคเดียวออกมา
ยังไม่ได้หลับฉันเม้มริมฝีปากและพูดอย่างจริงจัง "ฉันขอโทษจริงๆ ที่ทำกระปุกออมสินของคุณแตกในวันนั้น"เมื่อฉันพูดถึงเรื่องนี้ เขากระชากผ้าปิดตาลงด้วยความหงุดหงิด ดวงตาที่ดูอ่อนล้าสะท้อนความไม่พอใจออกมา "หร่วนหนานจือ คุณมักจะถูกคนอื่นรังแกจากข้างนอกเท่านั้น แต่พอมาอยู่กับฉันกลับรู้ดีนักว่า รู้วิธีทำให้ฉันทุกข์ใจได้ดีเชียวนะ.....""ไม่ใช่"ฉันรีบขัดจังหวะและหยิบกระต่ายน้อย ที่ช่างเซรามิกทำขึ้นออกมา พยายามสงบอารมณ์ของเขา "นี่...นี่เป็นกระต่ายที่ฉันให้ช่างทำตามแบบกระต่ายตัวนั้น มันค่อนข้างจะใกล้เคียงกับของจริง ฉันหวังว่ามันจะชดเชยความซุ่มซ่ามของฉันในวันนั้นได้"ในทางอารมณ์และตรรกะ ฉันไม่ควรแตะกระปุกออมสินของเขาเลยตอนนั้นฉันแค่รู้สึกว่าถูกบังคับอย่างอธิบายไม่ถูก จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงเอื้อมมือไปแตะข้าวของส่วนตัวของคนอื่นฉันใช้เวลาสองสามวัน ที่ผ่านมาแอบไปที่สตูดิโอปั้นเซรามิกเพื่อพยายามปั้นของที่เหมือนกันเพื่อมาแทนที่ แต่ฝีมือของฉันยังไม่ดีพอ และของที่ฉันปั้นก็ยังไม่น่าประทับใจเลยสุดท้าย ฉันก็ต้องขอความช่วยเหลือจากช่างปั้นเซรามิกโจวฟางตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาจ้องไป
คำถามสองข้อนั้น ค่อนข้างจะเฉียบแหลมแต่โจวฟางไม่แสดงท่าทีอึดอัดแม้แต่น้อย เขาใช้มือโบกมือเรียก “เข้ามาใกล้ๆ แล้วฉันจะบอกคุณ”ฉันเอนตัวไปเล็กน้อย เป็นเชิงสัญลักษณ์แล้วพูดว่า "พูดมา"พื้นที่ภายในรถกว้างขวางมากและไม่มีใครนอกจากคนขับ ทำไมถึงทำให้มันดูลึกลับขนาดนั้นเขายังเอนตัวไปด้านข้างนี้อีกสองสามเซนติเมตร พร้อมกับยิ้มในดวงตาและตีเขาอย่างสุดแรง: “ฉันทนคนที่โง่เกินไปไม่ได้จริงๆ”"......"ฉันนั่งตัวตรงและจ้องมองเขา “แล้วฉันควรจะขอบคุณคุณที่ทำให้ฉันรู้แจ้งหรือเปล่า”"ฉันไม่ถือสา"เขายิ้มอย่างสุภาพดูเย่อหยิ่งและน่ารำคาญเสมอถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่สามารถละเลยความจริงที่ว่าเขาช่วยฉันไว้ได้ ฉันมองต่ำลงเล็กน้อยและพูดว่า "ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อกี้"นิ้วเรียวยาวของเขาเคาะเบาๆ ที่เฟรมหน้าต่าง "ถ้าฉันไม่โผล่มา พวกเขาคงปล่อยคุณไปอยู่ดี""แต่ไม่ใช่ก่อนที่จะทำให้คุณทรมานมากกว่านี้อีกหน่อย"แม่ลูกตระกูลเสิ่น คงจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเรื่องอื้อฉาวทางออนไลน์เกิดขึ้น คุณนายเสิ่นคงระบายความโกรธทั้งหมดของเธอมาที่ฉันฉันระบายเสร็จแล้ว และฉันก็คงเกือบตายไปแล้ว"พวกเขาคงไม่กล้า
"ยังไหวอยู่"ฉันหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดผม หลังจากที่ร่างกายเย็นๆ ของฉันฟื้นตัวเต็มที่แล้ว ฉันมองไปที่โจวฟางแล้วถามว่า "มีอะไรผิดปกติทางออนไลน์หรือเปล่า?"เขาโต้กลับว่า "นั่นไม่ใช่ฝีมือของคุณเหรอ?'"ว่ายังไงนะ?"ฉันถามคำถามนั้นอีกครั้งด้วยความสับสนเขาจ้องมาที่ฉันสักครู่ ยกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า "โอเค ฉันประเมินคุณสูงเกินไป"หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้ ดูเอง“รหัสผ่าน?”“วันเกิดของคุณ”"?"ฉันตกตะลึงไปชั่วขณะเขาเงยหน้าขึ้นเบาๆ แล้วพูดว่า "คุณกำลังเพ้อฝันอะไรอยู่ วันเกิดของคุณเหมือนกับของเธอคนนั้น"“…โอ้ คราวหน้าก็พูดให้ชัดเจนหน่อยสิ”ฉันกลัวมากจนประมวลผลไม่ทันหลังจากปลดล็อกแล้ว ฉันก็พบเรื่องที่แม่เสิ่นถามถึงอย่างรวดเร็วเสิ่นซิงหยูถูกเปิดโปงทางออนไลน์ว่า เป็นเมียน้อยที่ใช้กลวิธีแอบแฝงเพื่อบังคับให้เมียหลวงยอมหย่า และวันนี้ เธอถูกกล่าวหาว่าวางแผนลักพาตัวเมียหลวงมีคนปล่อยวิดีโอจากที่จอดรถใต้ดินของโรงแรมเมืองเจียงเฉิงออกมาด้วย เป็นวิดีโอที่มีคนลักพาตัวฉันไป วิดีโอนี้ควรจะถูกลบโดยตระกูลเสิ่นไปแล้วความคิดเห็นของสาธารณชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับเธอแต
ฉันไม่ได้ยินเสียงของเธอแต่เธอพูดช้ามากจนฉันอ่านริมฝีปากของเธอได้ก่อนที่ฉันจะละสายตาไป ก็มีร่างหนึ่งรีบเดินผ่านฉันไปเป็นพ่อเสิ่นไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงของบางสิ่งที่แตกกระจายก็ดังก้องมาจากห้องนั่งเล่นเสียงการโต้เถียงแผ่วเบาตามมาฉันได้ยินชื่อของตัวเอง ฉันยังได้ยินชื่อของฟู่ฉีชวนด้วยและข่าวลือบางอย่างบนอินเทอร์เน็ตในที่สุด เสียงตะโกนโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้นจากปากของพ่อเสิ่น "เธอเอาแต่ใจและดื้อรั้น แล้วคุณก็ยังยืนกรานที่จะตามใจเธอต่อไปงั้นเหรอ ปล่อยให้เธอคุกเข่าอยู่ข้างนอกต่อไปในวันที่หิมะตกและปล่อยข่าวลือให้คนอื่นได้ยิน...."ทันใดนั้น หิมะก็หยุดตกฉันตอบสนองชั่วครู่ก่อนจะรู้สึกถึงเงาที่ปกคลุมศีรษะของฉันเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ฉันเห็นร่มสีดำสนิทและดวงตาสีน้ำตาลไร้ก้นบึ้งของโจวฟาง!เขายังคงนิ่งเฉยและยื่นร่มให้ฉัน "คุณถือมันได้ไหม?"ฉันถูมือที่แข็งเล็กน้อยด้วยคำพูดว่า "พอได้..."ก่อนที่ฉันจะพูดจบ ด้ามร่มก็ถูกยัดเข้าไปในมือของฉันวินาทีต่อมา ชายในแจ็คเก็ตหนังสีดำคุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้นดินที่เป็นน้ำแข็ง และอุ้มฉันขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างเงียบๆ จากนั้นเขาจึงยืนขึ้นและเริ่มเดินก้าวเด
ใบหน้าของเสิ่นซิงหยูแข็งขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเยาะเย็นช "ฉันตัดมันเอง แล้วไง?"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉันก็หมดความสนใจที่จะยุ่งเกี่ยวต่อไปและมองไปที่แม่เสิ่นเท่านั้น "คุณนายเสิ่น ฉันคงไปได้แล้วสินะ?"ฉันคิดว่า เธอแค่ระบายความโกรธที่มีต่อลูกสาวของเธอตอนนี้ความจริงก็ชัดเจนแล้วว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันเลยโดยไม่คาดคิด เธอจึงหยิกใบหน้าของเสิ่นซิงหยูด้วยความรักใคร่และพูดว่า "ลูกบ้าไปแล้วหรือ? ลูกไปเอาความบริสุทธิ์ของลูกไปเสี่ยงเพื่อใส่ร้ายเธอหรือไง?"เสิ่นซิงหยู่ทำปากยื่นและพูดเล่น "แม่ หนูผิดไปแล้ว! แต่เธอดื้อมาก หนูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้วิธีนี้""พอได้แล้ว"แม่เสิ่นพูดอย่างเอาใจ “ขึ้นไปชั้นบนเถอะ แม่จะจัดการเรื่องนี้ให้เอง”น้ำเสียงของเธออ่อนโยน ไม่มีวี่แววของการตำหนิใดๆเธออาจเป็นแม่ ที่ตามใจลูกมากที่สุดในวันนี้เสิ่นซิงหยูยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า "แม่ แม่รักหนูที่สุดเลย!"หลังจากพูดจบ เธอก็เดินขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว และแม่เสิ่นก็มองดูร่างของเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเธอหลังจากร่างของเธอหายไป แม่เสิ่นก็ค่อยๆ ถอนสายตาออกและมองมาที่ฉันอย่างเย็นชา ราวกับว่ากำลั
ณ ห้องนั่งเล่นของบ้านเสิ่นไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ที่หิมะเริ่มตกโปรยจากนอกหน้าต่างบานใหญ่ พัดนวนไปมาแล้วตกลงเป็นชิ้นๆหิมะสีขาวบางๆ ตกลงมากองอยู่ที่พื้นแล้วห้องนั้นอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อน แต่เมื่อฉันสบตากับแม่เสิ่นที่เย็นชา ฉันรู้สึกหนาวไปทั้งตัวพวกเธอได้ตรวจสอบฉันพวกเขายังตรวจทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนมาที่เมืองเจียงเฉิงด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ฉันถูกขังไว้ในห้องเก็บของและตัดไฟโดยตั้งใจเพื่อจัดการกับอดีตภรรยาอย่างฉัน พวกเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่แม่เสิ่นจิบชาและมองมาที่ฉันอย่างดูถูก "เธออยากพิจารณาการออกจากเมืองเจียงเฉิงอีกครั้งไหม?"ฉันนั่งตัวตรงและถามว่า "แล้วครั้งนี้ เหตุผลคืออะไร?"คราวที่แล้ว เป็นการบังคับและติดสินบนคราวนี้เหตุผลอะไรอีก"หลังจากเริ่มทำธุรกิจ เสื้อผ้าชุกแรกที่เธอออกแบบมา ก็เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น"แม่เสิ่นเม้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ยเยาะเย้ย "เธอคิดว่าบริษัทของเธอจะยังอยู่รอดได้ไหม ทำไมไม่ไปต่างประเทศล่ะ? ใช้เวลาสองสามปีเพื่อเรียนรู้อะไรดีๆ ฉันจะออกค่าใช้จ่ายให้เธอเอง"ฉันกำมือแน่นวันนั้นที่บ้านของตระกูลเสิ่น ฟู่ฉี่ชวนก็พูดแบบเดียวกันฃต้องการส่งฉัน
เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นฉันเย็บชุดด้วยตะเข็บที่เรียบและแน่น และชุดทั้งหมดก็ตัดเย็บให้เข้ากับรูปร่างของเธออย่างสมบูรณ์แบบ แม้ว่าสายรัดจะขาด มันก็จะติดอยู่ในอกของเธอชั่วคราวและไม่หลุดออกทันทีเว้นแต่ว่าซิปด้านหลังจะขาดในเวลาเดียวกันแต่เป็นไปไม่ได้ซัพพลายเออร์ของผ้าและซิปได้ร่วมมือกับแซ่ฟู่กรุ๊ปตั้งแต่นั้นมา และคุณภาพก็เป็นไปตามมาตรฐานอย่างแน่นอนอย่างไรก็ตาม เสื้อผ้าเป็นงานแฮนด์เมดของฉันฉันคว้าเสื้อโค้ทของฉัน ลุกขึ้น และวิ่งขึ้นไปบนเวที เมื่อฉันพยายามช่วยเธอคลุม เธอก็คลั่งและตบหน้าฉัน!"เธอตั้งใจเทำให้ฉันรู้สึกอายในวันนี้เหรอ?"ฉันยกมือปิดหน้าที่แสบร้อนตามสัญชาตญาณ ก่อนจะตบกลับไป"เสิ่นซิงหยู นยังไม่ถึงขนาดบ้าคลั่งพอที่จะทำลายชื่อเสียงตัวเอง!"เสิ่นซิงหยู่จ้องมองมาด้วยตาที่เบิกกว้างจากความโกรธ เพร้อมจะพุ่งเข้าหาฉัน แต่ก่อนที่เธอจะเข้าใกล้ได้ ฟู่ฉีชวนก็ปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ สีหน้าของเขาเย็นชา ขณะที่เขาดึงเธอไว้ข้างหลัง ถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกเพื่อคลุมเธอแสดงท่าทางเหมือนผู้ชายที่พร้อมปกป้องภรรยาแม่เสิ่นมาพร้อมกับบอดี้การ์ดสองคน หน้าอกของเธอขึ้นลงด้วยความโกรธ "จับเธอไว้ใ