เขาสวมชุดสูทรสีขาวครีม เสริมให้ดูสง่ามากขึ้น ดูสุภาพเรียบร้อยเขายิ้มหัวเราะเบาๆ "เพื่อนผมต้องแอดมิท ผมเลยมาเยี่ยม""อ้อ ค่ะ""คุณล่ะ ทำไมมาโรงพยาบาลคนเดียว?"ฉันยกรายงานผลตรวจให้เขาดู "ฉันมาเอาผลตรวจสุขภาพ"ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเคร่งครึม "ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ?""ไม่มีค่ะ"ฉันก่อนหน้านี้ตรวจสุขภาพของบริษัทมาแล้ว ครั้งนี้ก็เหมือนครั้งก่อน ผลตรวจแต่ละรายการอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเว้นเสียแต่ในท้องมีเด็กเพิ่มมาอีกคนลู่สือเยี่ยนพยักหน้า "ทานข้าวรึยังครับ ไปทานข้าวด้วยกันมั๊ย?""เฮ่อถิงกับเจียงไหลก็มาด้วยเหมือนกัน"อาจเพราะกลัวฉันปฏิเสธ เขาเลยกล่าวเสริมฉันลูบไปที่ท้อง จริงๆ ก็หิวอยู่เล็กน้อย "ได้ค่ะ"กลับบ้านไปคนเดียวก็ไม่รู้จะกินอะไรอยู่กับหลายคนก็จะได้ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านด้วยลู่สือเยี่ยนเอารถให้ผู้ช่วยขับกลับไป จากนั้นก็นั่งรถฉันไปยังร้านอาหารที่พวกเขาจองไว้เป็นร้านซุปแกะเก่าแก่ต้นตำรับภายในร้านดูบ้านๆ ตั้งอยู่ตรงหัวมุมภายในซอย แต่กลับขายดีเทน้ำเทท่ารถจอดตรงปากซอยจำนวนไม่น้อย ทำเอารถติดมากเราได้แต่เอารถจอดข้างนอกและเดินเข้ามา เจียงไหลและเฮ่อถิงมาถึงก่อนแล้วพอเห็นฉัน
อาหารมื้อนี้ ฉันไม่รู้รสของอาหารเลยพอกลับถึงบ้าน ฉันนอนกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืน เหมือนกับว่าหลับไปแล้ว ก็ตื่นขึ้นมาอีกวันต่อมา ฉันนอนถึงเที่ยงกว่าจะตื่น ตอนเดินรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยหลังจากค้นตู้เย็น ฉันก็ทำมะเขือยาวผัดกระเทียมใส่พริกกับเต้าหู้ผัดกุ้ง ทานพร้อมกับข้าวสวยถ้วยหนึ่ง ทานเสร็จค่อยรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้างคอนเสิร์ตเริ่มตอนเย็น ตอนนี้ยังมีเวลาเหลือเฟือ แทนที่จะดิ่งอยู่กับอารมณ์ด้านลบ ฉันเลยเลือกเปิดคอมพิวเตอร์ทำงานอย่างแรกฉันจะเช็คโซเชียลเป็นกิจวัตรพอเห็นแอคเคาท์ทางการของ MS โพสต์ข้อความ ฉันก็อดตกใจไม่ได้ขณะกำลังเปิดอ่านรายละเอียด สายของเจียงไหลก้เด้งขึ้นมา "เพื่อนรัก เธอเป็นไงบ้าง?"ฉันไม่อยากให้เธอกังวล "สบายดี""ฟู่ฉีชวนกลับบ้านมารึยัง?"ฉันเงียบ "ยังไม่กลับ""งั้นไม่ต้องพูดถึงเขา ผู้ชายเฮงซวย"เจียงไหลเปลี่ยนเรื่องคุย "ฉันโทรมามีเรื่องอยากบอก เธอรู้ข่าว MS ประกาศสร้างแบรนด์ร่วมกันรึยัง?""ฉันเห็นข่าวแล้ว"คอลเลคชั่นคอลแลป เป็นการตกลงร่วมระหว่างแบรนด์ แค่เซ็นสัญญาก็ไม่มีอะไรแล้วคอลเลคชั่นคอลแลปคริสต์มาสต์ของ MS ครั้งนี้ เตรียมดำเนินในรูปแบบข
พอฉันเห็นชื่อบนมือถือ รู้เหมือนว่าไม่ใช่ความจริง ฉันตกใจอยู่ครู่ก่อนจะรับสาย "ฮัลโหล""อยู่บ้านหรอ?"เสียงเขาเหมือนอยู่ในห้องโล่งๆ เสียงทุ้มของเขาแฝงด้วยความเหนื่อยล้าฉันลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียง พร้อมกับยืดเส้นยืดสายไปด้วย พยายามข่มใจพร้อมกับจงใจถาม "อืม คุณล่ะ? ยังยุ่งอยู่หรอ?"แค่คิดก็รู้ ฟู่จินอันเลือดไหลเยอะขนาดนั้นเขาคงไม่สบายใจอยู่แล้ว"ใกล้เสร็จแล้ว"ไม่รู้นึกถึงอะไร น้ำเสียงขอเขาอ่อนโยนขึ้น "บัตรคอนเสิร์ตอยู่ตรงชั้นวางตรงประตูบ้าน ก่อนคุณออกไปอย่าลืมเอาไปด้วย"แม้ว่าจะคาดการณ์ไว้แล้ว แต่พอพูดออกมาจากปากเขา ฉันยังคงรู้สึกไม่ดี "คุณไม่ไปแล้วหรอ?""คิดอะไรของคุณ? เจอกันหน้าสนามกีฬา..."เขาหัวเราะเบาๆ พูดยังไม่ทันจบ ทันใดนั้นเสียงอันอ่อนโยนแต่กลับถามอย่างขวานผ่าซากก็ดังขึ้น "อาชวน คุณโทรศัพท์หาใคร คุณสัญญากับฉันแล้ว..."เสียงขาดหายไปไม่ใช่ฟู่ฉีชวนห้ามเธอพูด แต่เขาตัดสายฉันทิ้งทำไมถึงทำเหมือนฉันกับเขาแอบคบกันอีกทั้งฉันยังเป็นมือที่สามฉันมองจอมือถืออย่างเหม่อลอย ในใจเจ็บปวดทรมานไร้ที่สิ้นสุด หัวใจเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นกำบีบเอาไว้ จุกอกจนแทบไม่อาจหายใจฉันคิดไม
บางที คนที่ฉันรอ คงไม่มาแล้วผู้หญิงคนนั้นมีไหวพริบ เธอยิ้มถาม "พี่สาว รอใครอยู่งั้นหรอ?""ใช่ค่ะ""เพื่อนคุณคงจะรถติดอยู่ บริเวณรอบสนามกีฬาตอนนี้รถติดเป็นพิเศษ"อาจเพราะเห็นฉันดูหดหู่ เธอเลยยิ้มเดินเข้ามาปลอบพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อย "เดี๋ยวฉันรอเป็นเพื่อนค่ะ""คุณไม่เข้าไปหรอ?""ฉันแย่งซื้อตั๋วไม่ทัน"ฉันยักไหล่พร้อมกับเบ้มุมปาก ท่าทางดูผิดหวังหมดหนทางเลือกฉันยิ้มอ่อนๆ "ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนรอนะคะ"เขาคงไม่มาแล้ว ฉันไม่ได้รอให้เขามาถึงแต่รอให้ตัวเองตัดใจยอมแพ้สักทีหลังจากรอมาหนึ่งชั่วโมง ผู้คนบริเวณนั้นไม่แออัดอีกต่อไป เบาบางลง มือฉันถือมือถือเกือบจะหนาวแข็งเสียงประกาศแจ้งว่าประตูใกล้จะปิดแล้ว"หนานจือ"ด้านหลัง ทันใดนั้นก็มีเสียงอ่อนโยนราวกับหยกดังขึ้นฉันหันกลับไปอย่างดีใจ เห็นลู่สือเยี่ยนสวมแจ็คเก็ตกันลมสีน้ำตาลเหมือนกับฉัน ฉันตกใจเล็กน้อยพร้อมกับเผยยิ้มจางๆ "รุ่นพี่ บังเอิญจังเลย"เขาเลิกคิ้ว "บังเอิญจริงๆ เจอกันอีกแล้ว"ผู้หญิงคนนั้นที่ไปซื้อเครื่องดื่มจากตู้กดอัตโนมัติก็กลับมาพอดี พอเธอเห็นลู่สือเยี่ยน แววตาก็ทอเป็นประกาย เธอยื่นขวดหนึ่งมาให้ฉันพร้อมกับกล่า
"ไม่ต้องห่วง ฉันไม่หัวเราะคุณหรอก"ฉันตบไหล่เขาพร้อมกับยิ้มและเปลี่ยนเรื่องคุย "ที่แท้คุณก็ชอบ Eason เมื่อก่อนไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงเลย"ลู่สือเยี่ยนหันมองไปยังเวที น้ำเสียงดูหดหู่ "รักฉันก็ต้องรักหมาฉันด้วย ประมานนั้น""เธอชอบ Eason?""อืม สมัยมหาลัย เธอชอบมาก""บังเอิญเสียจริง"ฉันหัวเราะ "ฉันสมัยมหาลัยชอบฟังเพลงของ Eason มาก"เขายิ้มมุมปาก ดูมีเลศนัย "บังเอิญจริงๆ"เรานั่งโซน VIP ชมคอนเสิร์ตได้อย่างเต็มอรรถรส ไม่มีมุมอับสายตาเลยขณะทำนองคุ้นหูดังขึ้น ศิลปินก็ปรากฎขึ้นบนเวที บรรยากศคึกคักขึ้นมาทันที แฟนคลับนับไม่ถ้วนส่งเสียงกู่ก้องร้องตามฉันกับลู่สือเยี่ยนเหมือนกับเป็นอีกพวก ได้แต่ฟังอยู่เงียบๆภาพความทรงจำแต่ละฉากในช่วงหลายปีนี้ เหมือนกับวนฉายซ้ำขึ้นในหัวเมื่อสิบปีก่อนผมไม่รู้จักคุณคุณไม่ใช่ของผมเรายังคงเหมือนเดิมอยู่เคียงข้างคนแปลกหน้าเดินผ่านเส้นถนนคุ้นเคยสิบปีต่อมาพวกเราคือเพื่อนกันยังคอยถามไถ่เพียงแต่ความอบอุ่นนั้นไร้เหตุผลให้สวมกอดคนรักสุดท้ายก็เป็นได้แค่เพื่อน……พอได้ฟังประโยคท่านสุดท้ายของเพลง ฉันจู่ๆ ก็หลั่งน้ำตาร้องไห้เงียบๆ เป็นเวลาน
ใกล้แล้วคืออะไร?ฉันเหมือนถูกคำนั้นดีดกลางแสกหน้าอยากจะถามให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยแต่ก็รู้สึกว่าหากถามต่อไปคงจะเสียมารยาทก็เลยได้แต่ฟังเพลงในคอนเสิร์ตวันนี้ แต่ละเพลงล้วนอยู่ในรายการเพลงโปรดฉันหลังจากจบคอนเสิร์ต กลับยังรู้สึกไม่หนำใจหลังจากศิลปินลงจากเวที ฉันรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง เหมือนถูกปลุกตื่นจากฝันยาวนานฉันนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงที่นั่ง มองดูผู้คนรอบด้านทยอยเดินออกหลังจากสนุกสุดเหวี่ยงในใจรู้สึกว่างปล่าวจนน่ากลัวจนกระทั่งตอนนี้ ฉันยังคงกำมือถือไว้ในมือ ไม่มีการโทรมาหาหรือส่งข้อความอะไรมาจากฟู่ฉีชวนส่วนฉันเหม่อลอยว่างเปล่า ลู่สือเยี่ยนก็เคารพฉันอย่างมาก ไม่ได้เร่งเร้าฉันแค่รอเงียบๆ อยู่ข้างๆจนฉันตั้งสติได้ เราถึงจะเดินตามฝูงชนไปด้านนอกแม้จะมีสตาฟคอยดูแลระเบียบความเรียบร้อย ก็ยังมีคนดันเบียดเสียด ฉันขณะเดินอยู่ดีๆ ด้านหลังก็ออกแรงผลัก เท้าเดินสะดุดจนล้มกระแทกลู่สือเยี่ยนลู่สือเยี่ยนประคองใหล่ฉัน "ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?""ไม่เป็นไรค่ะ"ฉันอายเกินกว่าจะอธิบาย "ถูกคนผลัก ฉันเลยสะดุด"ลู่สือเยี่ยนปล่อยมือจากไหล่ฉันและไม่ได้พูดอะไรยังดีที่หลังจากนั้นไม่มี
พอไฟในรถสว่างขึ้น ฟู่ฉีชวนก็แทบจะลืมตาตื่นขึ้นในทันที ถูกคนขัดจังหวะนอนจนอารมณเสียเล็กน้อย วินาทีต่อมา เขาก็หันหน้ามาสบตากับฉันท่าทีของเขาผ่านคลายลงในทันที "คอนเสิร์ตจบแล้วหรอ?"เขาทำอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกับเขากำลังหลอกฉันไปอยู่กับฟู่จินอันสองวันหนึ่งคืน แล้วทำเหมือนกับฉันคิดไปเองฉันเหนื่อยจะเสแสร้ง "เมื่อวานคนที่คุณเห็นที่โรงพยาบาลคือฉันเอง""ฟู่ฉีชวน ตอนนั้นฉันยืนห่างจากคุณสิบเมตรได้ ไม่สิ อาจจะใกล้กว่านั้น""ฉันเห็นสามีของตัวเอง ทำเพื่อผู้หญิงอีกคนหนึ่งจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว""จนกระทั่งได้ยินคุณตอบกลับพยาบาล ว่าคุณคือสามีเธอ""ดังนั้น ตอนคุณโทรมาหาฉันเมื่อวาน ฉันรู้แล้วว่าคุณโกหกฉัน"ฉันกระตุกยิ้มมุมปาก ฉันจ้องเขาและพูดชัดถ้อยชัดคำ "อ้อ จริงด้วย เธอตั้งท้องแล้ว พวกคุณมีลูกด้วยกันใช่ไหม?"ทุกครั้งที่ฉันพูด สีหน้าเขาก็ยิ่งแย่และซับซ้อนขึ้น!ทว่าฉันยิ่งพูดยิ่งสะใจเห็นสีหน้าของเขาหมองจนแทบเหงื่อตก ฉันก็หัวเราะขึ้นมาทันที "ยินดีกับคุณด้วย ใกล้จะเป็นพ่อคนแล้ว"ทันใดนั้นเขาเขยิบตัวเข้ามา เอื้อมแขนลากฉันเข้าไปในรถ!พอฉันตั้งสติได้ ฉินเจ๋อก็ส่งสายขอโทษมาให้ฉัน
ฟู่ฉีชวนหรี่ตา เหลือบมองฉันอย่างไม่แยแสพร้อมกับยิ้มมุมปาก "หรือคุณอยากลอง?"เป็นรอยยิ้มที่เห็นได้ทุกวัน ทว่ากลับรู้สึกกลัวจนตัวสั่นเหมือนว่าถ้าฉันกล้า วินาทีต่อมาเขาคงหักคอฉัน"ลองก็ลอง"ฉันถืออคติว่าแพ้ได้แต่ต้องไม่เสียศักดิ์ศรีเขาใบหน้าเย็นเยือก หัวเราะเย็นชา ขณะกำลังจะลงมือ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นฟู่จินอันแวบแรกที่โผล่ที่ขึ้นในหัวคือชื่อนี้อดอุทานไม่ได้ว่าสัมผัสที่หกของผู้หญิงแม่นมากและก็เป็นฟู่จินอันจริงๆฟู่ฉีชวนเลิกคิ้ว เขาไม่รับสาย เสียงเรียกเข้ายังดังไม่หยุดเขาหากคิดจะปฏิเสธ ก็มีนับร้อยวิธีดังนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดปฏิเสธ"อาชวน คุณไปไหน ทำไมยังไม่กลับมา? ลูกในท้องฉันอยากกินเค้กสตรอเบอรี่ คุณรีบซื้อกลับมาให้ที!"พื้นที่ในรถค่อนข้างแคบ ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้อย่างสิ้นเชิง เสียงออดอ้อนของฟู่จินอันดังชัดจนได้ยินมาถึงหูฉันฉันสาบาน ฉันไม่ได้ตั้งใจแอบฟังฟู่ฉีชวนก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ เขาระงับอารมณ์และลงจากรถยืนอยู่ข้างถนน เห็นเพียงแต่ใบหน้าด้านข้างเขาทำสีหน้าประชดเล็กน้อยฉันเหลือบสายตากลับมา ไม่อยากสนใจเรื่องระหว่างเขากับฟู่จินอัน เลยก้มหน้าเล่
พอฟังจบ ฉันก็รู้สึกถูกอกถูกใจ ทว่าไม่นานฉันก็เข้าใจเหตุผลเจียงไหลขมวดคิ้วแน่น มองมาที่ฉันอย่างไม่เข้าใจและพูดเสียงเบา "ฟู่ฉีชวนจู่ๆ ก็เป็นคนละคนเลย?""ไม่ใช่หรอก"ฉันมองฟู่จินอันถูกบอดี้การ์ดลากตัวไปและเม้มปากเบาๆ "เขาก้แค่ได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจ เลยแค่อยากชดเชย"ก่อนท่านปู่จะจากไป เขาในฐานะหลากรักของท่านปู่กลับไม่ได้อยู่ข้างกาย อีกทั้งยังทำให้ท่านปู่โมโหวันเดียวกันกับที่ท่านปู่เสียเขาจะไม่รู้สึกผิด ไม่เสียใจ ไม่โทษตัวเองได้ไงเพื่อแสดงให้เห็นในตอนสุดท้าย เขาเลือกจะฟังท่านปู่ ให้ฉันเป็นนายหญิงตระกูลฟู่ตลอดไปส่วนสำหรับฉัน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลยหลังจากพิธีศพของท่านปู่ ฉันกลับไปยังคฤหาสน์หลังเก่า ช่วยลุงเฉิงจัดเก็บข้าวของของท่านปู่คนรับใช้จัดเก็บให้แล้ว ส่วนที่เหลือจะเป็นพวกเสื้อที่มักใส่ประจำของท่านปู่เสื้อผ้าแต่ละตัวที่ฉันหยิบมา ทำให้รู้สึกเหมือนท่านปู่ไม่ได้ไปไหนขณะฉันเก็บข้าวของ ฉันก็ครุ่นคิดและพูดออกมา "ลุงเฉิง คุณมั่นใจไหมว่าสองวันก่อนในกระเป๋าเสื้อของท่านปู่มียาใส่ไว้จริงๆ?""มีแน่นอนครับ คุณสั่งกับผมเอาไว้ โดยเฉพาะตอนอากาศเปลี่ยน ต้องเตรียมยาไว้ให้คุณท่า
เขากลัวว่าฉันจะแจ้งความอีก เขาเลยไม่ไปบริษัท เลยประชุมออนไลน์ที่ห้องหนังสือแทนฉันถูกเขาเฝ้าเหมือนกับตัวเองนั่งอยู่บนพรมเข็ม ฉันนั่งเหม่อลอยอยู่ในบ้าน……วันต่อมา เป็นงานพิธีศพของท่านปู่ บรรยากาศอึมครึมโศกเศร้าฝนตกลงมาโปรยปราย หอบลมหนาวพัดผ่านลึกถึงใจกลางทรวงส่วนฉันก็ต้องออกจากคฤหาสน์หลังเก่านี้ไปงานกับฟู่ฉีชวน ถูกเขาลากอย่างกับเป็นหุ่นเชิดให้คอยรับแขกภายในงานศพเขาสองวันนี้อารมณ์หงุดหงิดมาก ถึงจะบอกว่านิสัยเปลี่ยนไป แต่เหมือนเผยธาตุแท้ออกมามากกว่าฉันขัดขืนไม่ได้เลยเมื่อคืนฉันพูดกับเขาอีกครั้ง ก่อนท่านปู่จากไปไม่ได้ขอร้องว่าห้ามพวกเราหย่า ก็แค่ห้ามไม่ให้ฟู่จินอันแต่งเข้ามาในตระกูลฟู่เขาไม่เชื่อบอกว่าฉันโกหกส่วนฉันเหนื่อยมาก ไม่มีอารมณ์มาเถียงกับเขาตอนพิธีศพเริ่มขึ้น ฉันสวมเสื้อโค๊ทสีดำ ยืนเงียบๆ อยู่ข้างๆ ฟังบทสวดให้ท่านปู่ไปสู่สุขติเขาอายุ 80 ปี บทสรุปสุดท้ายของชีวิตกลับแสนง่ายดายสองวันก่อนเขายังยิ้มให้กับฉันอยู่เลย ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงแค่ธุลี"คุณปู่!"ฟู่จินอันจู่ๆ ก็โผล่เข้ามาในงาน สีหน้าเศร้าสร้อยคุกเข่าตรงหน้าป้ายศพ "คุณปู่...ทำไมท่านถึงจากไปกระทันหัน
วันต่อมา ฉันถูกคนใช้ขวางเอาไว้ตรงหน้าประตูคฤหาสน์หลังเก่า ไม่ให้ฉันออกไปแม้แต่ก้าว ฉันเข้าใจแล้วเมื่อคืน ที่แท้แค่แจ้งให้ฉันทราบฉันรู้ว่านี่คือความคิดของฟู่ฉีชวน ไม่เกี่ยวอะไรกับคนใช้ ฉันเลยได้แต่ถาม "ฟู่ฉีชวนล่ะ?""นายน้อยออกไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเลยค่ะ""ลุงเฉิงกลับมาแล้วหรือยัง?""ยังเจ้าค่ะ ลุงเฉิงกำลังยุ่งกับพิธีศพของคุณท่าน""..."ฉันกล่าวน้ำเสียงเรียบๆ "แล้วถ้าหาก ฉันต้องออกไปข้างนอกตอนนี้ล่ะ?""นายหญิง ท่านออกไปไม่ได้"คนใช้ชี้ออกไปด้านนอกหน้าต่าง บอดี้การ์ดยืนกันอยู่หลายคนฉันอดตกใจไม่ได้สามปีมานี้ นิสัยโกหกของฟู่ฉีชวนยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนจริงๆบอกกับฉันว่าอยู่ที่นี่แค่คืนเดียว ตอนนี้กลับไม่ให้ฉันออกจากบ้านด้วยซ้ำฉันมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา เขาอาจไม่ได้ใจดีเหมือนตอนนั้นที่ส่งฉันไปโรงพยาบาล เขาตอนนั้นระวังดูแลความนับถือในตัวเองของฉัน พยายามคิดหาวิธีเชิญฉันไปทานอาหารระยะแปดปี เพียงพอจะเปลี่ยนให้คนจากอีกคนเป็นอีกคนได้เลยหรอ?ตอนเช้า มือถือมีข้อความไลน์ส่งมามากมาย พวกเขาคงรู้เรื่องการจากไปของท่านปู่ เลยมาปลอบใจฉันเจียงไหล ลู่สือเยี่ยน ทั้งสองคนแตกต่างกันอ
ฉันคิดถึงสิ่งที่ท่านปู่บอกซ้ำไปซ้ำมาก่อนหน้านี้ท่านปู่ไม่ยอมรับให้ฟู่ฉีชวนและฟู่จินอันอยู่ด้วยกัน รู้แค่ว่านางดูเป็นคนซับซ้อน แต่วันนี้...แตกต่างอย่างสิ้นเชิงฟู่จินอันพูดอะไรกับท่านปู่ขณะรถค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปยังคฤหาสน์หลังเก่า ฉันเปิดประตูลงจากรถเพื่อจะเดิน ฟู่ฉีชวนรีบวิ่งตามฉันมาและคว้าฉันเข้าไปกอดฉันนิ่งไม่ขยับ ศีรษะของเขาซุกเข้ามาตรงไหล่ฉันพร้อมกับกล่าวขอร้อง "หนานจือ อยุ่กับผมคืนนึงได้ไหม""แค่คืนเดียว""ผมขอร้อง"พอได้ฟัง ประวัติผู้ป่วยในแฟ้มสีเหลืองตอนอยู่ในห้องหนังสือเมื่อตอนกลางวันก้ปรากฎขึ้นในหัวฉัน จนฉันรู้สึกเห็นใจ "ได้"บรรยากาศในคฤหาสน์หลังเก่าหนักอึ้งขึ้นอย่างมาก แต่ท่านปู่ไม่อยู่ คฤหาสน์ทั้งหลังกลับดูว่างเปล่าขึ้นมาพอมาถึงห้องนอน ฉันก็ไปอาบน้ำร้อน พอออกมาก้ไม่เห็นฟู่ฉีชวนแล้วจนฉันนอนหลับจนถึงกลางดึก ด้านหลังก็ค่อยๆ มีคนขยับเข้ามาใกล้ ฉันไม่ต้องพลิกตัวก็รู้ว่าเป็นใครไม่รู้ว่าทำไม ท่าทางของฟู่ฉีชวนทุกอย่างในคืนนี้ ฉันกลับรู้สึกได้ถึงความเสียใจ"คุณหลับหรือยัง?"หน้าผากของเขาแนบกับหัวของฉัน พร้อมกับถามอย่างเแผ่วเบาฉันไม่ตอบ และก็ไม่ได้ขยับ ไม่นานนัก
เดิมคิดว่า ท่านคงอยากจะบอกให้ฉันอย่าหย่ากับฟู่ฉีชวนแต่ว่า ท่านปู่ไม่ได้พูดแบบนั้นฉันสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าชีวิตของท่านปู่ค่อยๆ ริบหรี่ น้ำเสียงอ่อนแรงอย่างที่สุด "ไม่ว่า...ยังไง...ก็อย่าให้ฟู่จินอันแต่งเข้าตระกูลของเรา ปกป้องตระกูลฟู่แทนปู่ด้วย""ค่ะ ท่านปู่..."ฉันใกล้จะทนรับไม่ไหวแล้ว ฉันทั้งร้องไห้และพยักหน้าไม่หยุด "ท่านปู่ ฟู่จินอันพูดอะไรกับท่านใช่ไหม ไม่งั้นอาการท่านคงไม่กำเริบแบบนี้...""นาง..."แววตาของท่านสะท้อนความเกลียดแค้นและโทสะ จนสุดท้ายท่านก็ถอนหายใจ "หนูจำคำพูดของปู่เอาไว้ให้ดีก็พอ""ค่ะ...หรวนหร่วนจะจำเอาไว้ หนูจะจดจำเอาไว้ทุกคำ"ฉันพูดสะอึกสะอื้น ไม่กล้าถามอีกแม้แต่คำเดียว กลัวว่าท่านปู่จะโมโหอีกทว่าในใจกลับได้ฝังเมล็ดความสงสัยเอาไว้ฟู่จินอันจะต้องพูดอะไรกับท่านปู่แน่นอน"ยัยหนู อย่าเสียใจเลย ดูแลลูกในท้องของหนูให้ดีๆ"ท่านปู่พยายามใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้าย หันมองและยิ้มให้กับฉัน "เท่านี้ ปู่ก็จะได้ตายตาหลับสักที....""ตี๊ด——"เครื่องตรวจชีพจรส่งเสียงแหลมดังยาว!ฉันมองท่านปู่หลับตาสนิททั้งสองข้างพร้อมกับรอยยิ้มตรงมุมปาก ทันใดนั้นทุกอย่างพังทลายลงมาใ
"ไม่ต้อง..."ฟู่จินอันดึงแขนเสื้อของเขา "ฉันอยากให้คุณอยู่เป็นเพื่อนฉัน ครู่เดียวก็พอแล้ว ได้ไหม? ถ้าไม่ได้ งั้นก็ปล่อยให้ฉันทนเจ็บจนตายเถอะ!""งั้นก็ทนเจ็บจะตายไปเลย"ฟู่ฉีชวนสีหน้าเย็นชา แม้เขาจะพูดแบบนั้น แต่ก็ยังรินน้ำอุ่นให้กับเธอพร้อมกับพูดห้วนๆ "ดื่มน้ำอุ่นมากๆ"ฟู่จินอันไม่พอใจ "น้ำอุ่นไม่ได้ช่วยให้หายปวด"ฉันถูกเขากระแทกตัวเซ อีกนิดก้เกือบจะล้ม พอเงยหน้าขึ้นก็เห็พวกเขาทำเหมือนเป็นปกติอีกคนเสแสร้ง อีกคนก็พร้อมเชื่อหลังจากท่านปู่ส่งตัวเข้า ICU หมอไม่แนะนำให้เข้าเยี่ยม เพื่อจะพิจารณาสุขภาพของคุณท่านพวกเราเลยได้แต่ยืนอยู่หน้าประตู มองเข้าไปด้านในโดยมีเพียงแค่กระจกกั้นท่านปู่ซึ่งมักเมตตาและอัธยาศัยดี ตอนนี้กลับต้องพึ่งหน้ากากออกซิเจนหายใจ ฉันเสียใจอยากมากเกินกว่าจะบรรยาทันใดนั้น ฉันก็เห็นท่านปู่เหมือนขยับนิ้วมือฉันดีใจจนหันไปหาลุงเฉิง "ลุงเฉิง ท่านปู่ขยับนิ้วใช่ไหม?""ใช่ ใช่ครับ! คุณไม่ได้ตาฝาด ตอนนี้กำลังขยับนิ้ว"ลุงเฉิงตื่นเต้นมากเดิมทีไม่รู้ว่าท่านปู่จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ไม่คาดคิดว่าจะฟื้นได้สติเร็วขนาดนี้ฉันทั้งตื่นเต้นและดีใจ รีบร้อนรีบออกไปตามหมอ ก้า
"ผิดปกติ..."ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติฟู่ฉีชวนถามต่อ "ตรงไหนผิดปกติ?"ฉันครุ่นคิดอย่างสงสัย "ท่านปู่ปกติตอนอาการกำเริบจะต้องทานยาทันที ปกติอาการจะทุเลาลง ทำไมครั้งนี้ถึงหมดสติไปเลย?""ใช่ครับ แต่ก่อนคุณท่านตอนมาตรวจสุขภาพ ผมสังเกตเห็นกระเป๋าเสื้อคุณท่านจะเตรียมยาไว้ตลอด แต่สถานการณ์วันนี้ หากท่านทานยาได้ทันเวลา อาการคงไม่สาหัส" ผอ.กล่าวฉันเหลือบมองฟู่ฉีชวน "ฟู่จินอันล่ะ?""เธอพักอยู่ในห้องผู้ป่วย"ฟู่ฉีชวนสีหน้าเคร่งขรึมหลังจากตอบ จากนั้นก็กล่าวอย่างมั่นใจ "คุณสงสัยเธอหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก แม้นิสัยเธอจะเป็นคนเอาแต่ใจ แต่เธอก็เป็นคนจิตใจดี อีกอย่างเธอก็เชื่อฟังคุณปู่ตลอดเมื่ออยู่ต่อหน้า"พอฉันฟังจบ ฉันกลับรู้สึกโมโหอย่างควบคุมไม่ได้เป็นครั้งแรกคนจิตใจดี คงไม่พยายามมาตอแยแย่งผัวชาวบ้านหรอกแต่ว่าคงไม่มีใครไปปลุกฟู่จินอันที่แกล้งหลับหรอก ตรงจุดนี้ฉันเข้าใจดีขี้เกียจจะไปเถียงอะไรกับเขา ฉันหันไปหาผอ. "เสื้อผ้าตอนท่านปู่มาถึงโรงพยาบาลยังอยู่ไหมคะ? รบกวนช่วยดูให้ฉันทีว่ากระเป๋าเสื้อมียารึเปล่า""ได้ครับ"ผอ.รีบสั่งให้แพทย์ด้านหลังไปตรวจดูเสื้อผ้าผานไปอึดใจหมอก็เดินกลับม
"แล้วฟู่จินอันล่ะ?"ฉันปัดมือเขาออกพร้อมกับสะอึกสะอื้นถามท่านปู่หมดสติตอนอยู่กับฟู่จินอัน ฟู่จินอันทำไมถึงไม่อยู่นี่?พอฉันถาม เสียงรองเท้าส้นสูงก็ดังขึ้นตรงทางเดิน ดูกระวนกระวายชัดเจน ฟู่จินอันวิ่งพรวดเข้ามา ทำท่าตกใจ "อาชวน ท่านปู่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ฉันขอโทษ ตรงนั้นฉันเรียกรถไม่ได้เลย ฉันเลยมาช้า..."ฉันพูดขัดในทันที "ท่านปู่ทำไมถึงหมดสติ?"ฟู่จินอันเผยสีหน้าวิตกกังวลจากนั้นก็พูด "ฉัน ฉันเองก็ไม่รู้ จู่ๆ ท่านปู่ก็หายใจหอบขึ้นมาแล้วก็หมดสติไป""จู่ๆ ก็เป็นแบบนี้เลยหรอ? เธอไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้ทำอะไรเลยงั้นหรอ?" ฉันไม่เชื่อนางสองปีมานี้ ท่านปู่ดูแลสุขภาพตัวเองดีมาก ตรวจสุขภาพตรงตตามนัดขนาดตอนเขาลงมือทำร้ายฟู่ฉีชวนก็ยังไม่เป็นอะไรเลย ยิ่งไม่มีทางจะล้มป่วยอย่างไม่มีสาเหตุ"เธอหมายความว่าไง? หนานจือ หรือว่าเธอสงสัยว่าฉันทำให้ท่านปู่โมโหจนล้มป่วยงั้นเหรอ?"ฟู่จินอันสีหน้าสับสน ทันใดนั้นเธอก็กุมท้อง หันไปมองฟู่ฉีชวนอย่างเจ็บปวด "อาชวน ฉันเจ็บท้อง..."ฟู่ฉีชวนสีหน้าสงสัย "เจ็บท้อง?""อืม!"พอเห็นฟู่จินอันตอบกลับเขาอย่างมั่นใจ เขาก็รีบอุ้มนางขึ้นมาและรีบเดินออกไป "หมอครับ! เธอต
ท่านปู่มองได้เฉียบขาด ฉันก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและพยักหน้า "ใช่ค่ะ"ท่านปู่ยกมือขึ้นมา เป็นสัญญาณบอกให้ลุงเฉิงอาของบางอย่างเข้ามา มันเป็นแฟ้มประวัติผู้ป่วยสีเหลืองฉันรับเอามาอ่านดู หัวใจก็เหมือนถูกมือล่องหนข้างหนึ่งบีบรัดเอาไว้ฟู่ฉีชวนตอนเด็กไปพบแพทย์โรคหัวใจหลายครั้ง...ฉันเงยหน้าขึ้นมองอย่างช้าๆ ราวกลับไม่เชื่อเรื่องนี้เขาผู้เป็นเหมือนลูกคนโปรด กลับกลายเป็นผู้ป่วยประจำของแผนกโรคหัวใจผ่านไปนานกว่าฉันจะขมวดความคิดของตนเองได้จนฉันเผลอกัดริมฝีปาก "เขา เข้าทำไมถึง..."พอลองคิดอีกด้าน ก็รู้สึกว่ามีเค้าลางเสียแม่มาตั้งแต่เกิด พ่อเขาเองทำให้ครอบครัววุ่นวายจนบ้านแตกเพราะผู้หญิงอื่นแค่คนเดียว อีกทั้งยังเอาแต่รักลูกต่างแม่เขาจะมีปัญหาสภาพจิตใจก็เป็นเรื่องปกติ"หลายปีมานี้ ปู่ก็เคยคิดว่าควรจะบอกเขาดีไหม"ท่านปู่ถอนหายใจ แววตาของคนผ่านโลกมานานก็ดูเฉียบคมขึ้นมาทันที "ทว่ายังไงก็ต้องมีสักวันที่เขาจะต้องรู้ ปิดบังเขาไม่ได้ตลอดชีวิตหรอก"……ฉันออกมาจากบ้านตระกูลฟู่ด้วยอารมณ์ซับซ้อน บนถนนขณะกลับบ้าน ตาข้างขวาก็กระตุกไม่หยุดปกติฉันไม่เชื่อเรื่องโชคลางพวกนี้ ทว่าวันนี้ฉันรู้สึกอึดอั