ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน พยาบาลคนหนึ่งในห้องฉุกเฉินก็ออกมาเรียกชื่อ"ฟู่จินอัน สามีคุณฟู่จินอันอยู่ไหมคะ?"ฟู่ฉีชวนสาวเทาก้าวใหญ่เดินเข้าไปหา "หมอ! ผมอยู่นี่"คำง่ายๆ สี่พยางค์ ราวกับกริชบาดเฉือนลงไปในใจฉัน เลือดสดรินไหล ปวดร้าวจนไม่อาจสูดหายใจฉันเฝ้ารอเขามาทั้งวัน ไม่ง่ายเลยกว่าจะตัดสินใจได้ตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องตลกฉันยืนอยู่ตรงนั้น กลับยิ่งเหมือนตัวตลกยังไม่ทันทำเรื่องหย่าสามีฉันกลายเป็นสามีของคนอื่นต่อหน้าต่อตาห่างไม่ไกลนัก เขารลนลานรีบถาม "เธอเป็นยังไงบ้างครับ สาหัสไหม?""เสียเลือดตั้งมากขนาดนั้น คุณว่าไงล่ะ? แต่ว่ายังดีคุณมาส่งทันเวลา ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว"พยาบาลพูดจบ กลัวว่าเขาจะไม่สบายใจเลยพูดต่อ "เด็กก็ปลอดภัย"เด็ก?ฟู่จินอันท้องงั้นเหรอ?พวกเขามีลูกกันแล้ว?ฉันแทบลืมหายใจ มองฟู่ฉีชวนอย่างลังเลเห็นเพียงเขาถอนหายใจ สีหน้าในที่สุดก็ไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้น "โล่งอกไปที"บางทีฉันอาจจ้องเขามากเกินไป หรืออาจเพราะเขาเบาใจจนสัมผัสได้ถึงสายตาของฉัน พอสิ้นเสียงพูด เขาก็หันหน้ามองมาทางฉันในขณะเดียวกัน ฉันก็หันหลังเดินหายเข้าไปในทางหนีไฟฉันทรุดตัวพิงกับกำแพง ในหัวปร
เขาสวมชุดสูทรสีขาวครีม เสริมให้ดูสง่ามากขึ้น ดูสุภาพเรียบร้อยเขายิ้มหัวเราะเบาๆ "เพื่อนผมต้องแอดมิท ผมเลยมาเยี่ยม""อ้อ ค่ะ""คุณล่ะ ทำไมมาโรงพยาบาลคนเดียว?"ฉันยกรายงานผลตรวจให้เขาดู "ฉันมาเอาผลตรวจสุขภาพ"ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเคร่งครึม "ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ?""ไม่มีค่ะ"ฉันก่อนหน้านี้ตรวจสุขภาพของบริษัทมาแล้ว ครั้งนี้ก็เหมือนครั้งก่อน ผลตรวจแต่ละรายการอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเว้นเสียแต่ในท้องมีเด็กเพิ่มมาอีกคนลู่สือเยี่ยนพยักหน้า "ทานข้าวรึยังครับ ไปทานข้าวด้วยกันมั๊ย?""เฮ่อถิงกับเจียงไหลก็มาด้วยเหมือนกัน"อาจเพราะกลัวฉันปฏิเสธ เขาเลยกล่าวเสริมฉันลูบไปที่ท้อง จริงๆ ก็หิวอยู่เล็กน้อย "ได้ค่ะ"กลับบ้านไปคนเดียวก็ไม่รู้จะกินอะไรอยู่กับหลายคนก็จะได้ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านด้วยลู่สือเยี่ยนเอารถให้ผู้ช่วยขับกลับไป จากนั้นก็นั่งรถฉันไปยังร้านอาหารที่พวกเขาจองไว้เป็นร้านซุปแกะเก่าแก่ต้นตำรับภายในร้านดูบ้านๆ ตั้งอยู่ตรงหัวมุมภายในซอย แต่กลับขายดีเทน้ำเทท่ารถจอดตรงปากซอยจำนวนไม่น้อย ทำเอารถติดมากเราได้แต่เอารถจอดข้างนอกและเดินเข้ามา เจียงไหลและเฮ่อถิงมาถึงก่อนแล้วพอเห็นฉัน
อาหารมื้อนี้ ฉันไม่รู้รสของอาหารเลยพอกลับถึงบ้าน ฉันนอนกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืน เหมือนกับว่าหลับไปแล้ว ก็ตื่นขึ้นมาอีกวันต่อมา ฉันนอนถึงเที่ยงกว่าจะตื่น ตอนเดินรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยหลังจากค้นตู้เย็น ฉันก็ทำมะเขือยาวผัดกระเทียมใส่พริกกับเต้าหู้ผัดกุ้ง ทานพร้อมกับข้าวสวยถ้วยหนึ่ง ทานเสร็จค่อยรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้างคอนเสิร์ตเริ่มตอนเย็น ตอนนี้ยังมีเวลาเหลือเฟือ แทนที่จะดิ่งอยู่กับอารมณ์ด้านลบ ฉันเลยเลือกเปิดคอมพิวเตอร์ทำงานอย่างแรกฉันจะเช็คโซเชียลเป็นกิจวัตรพอเห็นแอคเคาท์ทางการของ MS โพสต์ข้อความ ฉันก็อดตกใจไม่ได้ขณะกำลังเปิดอ่านรายละเอียด สายของเจียงไหลก้เด้งขึ้นมา "เพื่อนรัก เธอเป็นไงบ้าง?"ฉันไม่อยากให้เธอกังวล "สบายดี""ฟู่ฉีชวนกลับบ้านมารึยัง?"ฉันเงียบ "ยังไม่กลับ""งั้นไม่ต้องพูดถึงเขา ผู้ชายเฮงซวย"เจียงไหลเปลี่ยนเรื่องคุย "ฉันโทรมามีเรื่องอยากบอก เธอรู้ข่าว MS ประกาศสร้างแบรนด์ร่วมกันรึยัง?""ฉันเห็นข่าวแล้ว"คอลเลคชั่นคอลแลป เป็นการตกลงร่วมระหว่างแบรนด์ แค่เซ็นสัญญาก็ไม่มีอะไรแล้วคอลเลคชั่นคอลแลปคริสต์มาสต์ของ MS ครั้งนี้ เตรียมดำเนินในรูปแบบข
พอฉันเห็นชื่อบนมือถือ รู้เหมือนว่าไม่ใช่ความจริง ฉันตกใจอยู่ครู่ก่อนจะรับสาย "ฮัลโหล""อยู่บ้านหรอ?"เสียงเขาเหมือนอยู่ในห้องโล่งๆ เสียงทุ้มของเขาแฝงด้วยความเหนื่อยล้าฉันลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียง พร้อมกับยืดเส้นยืดสายไปด้วย พยายามข่มใจพร้อมกับจงใจถาม "อืม คุณล่ะ? ยังยุ่งอยู่หรอ?"แค่คิดก็รู้ ฟู่จินอันเลือดไหลเยอะขนาดนั้นเขาคงไม่สบายใจอยู่แล้ว"ใกล้เสร็จแล้ว"ไม่รู้นึกถึงอะไร น้ำเสียงขอเขาอ่อนโยนขึ้น "บัตรคอนเสิร์ตอยู่ตรงชั้นวางตรงประตูบ้าน ก่อนคุณออกไปอย่าลืมเอาไปด้วย"แม้ว่าจะคาดการณ์ไว้แล้ว แต่พอพูดออกมาจากปากเขา ฉันยังคงรู้สึกไม่ดี "คุณไม่ไปแล้วหรอ?""คิดอะไรของคุณ? เจอกันหน้าสนามกีฬา..."เขาหัวเราะเบาๆ พูดยังไม่ทันจบ ทันใดนั้นเสียงอันอ่อนโยนแต่กลับถามอย่างขวานผ่าซากก็ดังขึ้น "อาชวน คุณโทรศัพท์หาใคร คุณสัญญากับฉันแล้ว..."เสียงขาดหายไปไม่ใช่ฟู่ฉีชวนห้ามเธอพูด แต่เขาตัดสายฉันทิ้งทำไมถึงทำเหมือนฉันกับเขาแอบคบกันอีกทั้งฉันยังเป็นมือที่สามฉันมองจอมือถืออย่างเหม่อลอย ในใจเจ็บปวดทรมานไร้ที่สิ้นสุด หัวใจเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นกำบีบเอาไว้ จุกอกจนแทบไม่อาจหายใจฉันคิดไม
บางที คนที่ฉันรอ คงไม่มาแล้วผู้หญิงคนนั้นมีไหวพริบ เธอยิ้มถาม "พี่สาว รอใครอยู่งั้นหรอ?""ใช่ค่ะ""เพื่อนคุณคงจะรถติดอยู่ บริเวณรอบสนามกีฬาตอนนี้รถติดเป็นพิเศษ"อาจเพราะเห็นฉันดูหดหู่ เธอเลยยิ้มเดินเข้ามาปลอบพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อย "เดี๋ยวฉันรอเป็นเพื่อนค่ะ""คุณไม่เข้าไปหรอ?""ฉันแย่งซื้อตั๋วไม่ทัน"ฉันยักไหล่พร้อมกับเบ้มุมปาก ท่าทางดูผิดหวังหมดหนทางเลือกฉันยิ้มอ่อนๆ "ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนรอนะคะ"เขาคงไม่มาแล้ว ฉันไม่ได้รอให้เขามาถึงแต่รอให้ตัวเองตัดใจยอมแพ้สักทีหลังจากรอมาหนึ่งชั่วโมง ผู้คนบริเวณนั้นไม่แออัดอีกต่อไป เบาบางลง มือฉันถือมือถือเกือบจะหนาวแข็งเสียงประกาศแจ้งว่าประตูใกล้จะปิดแล้ว"หนานจือ"ด้านหลัง ทันใดนั้นก็มีเสียงอ่อนโยนราวกับหยกดังขึ้นฉันหันกลับไปอย่างดีใจ เห็นลู่สือเยี่ยนสวมแจ็คเก็ตกันลมสีน้ำตาลเหมือนกับฉัน ฉันตกใจเล็กน้อยพร้อมกับเผยยิ้มจางๆ "รุ่นพี่ บังเอิญจังเลย"เขาเลิกคิ้ว "บังเอิญจริงๆ เจอกันอีกแล้ว"ผู้หญิงคนนั้นที่ไปซื้อเครื่องดื่มจากตู้กดอัตโนมัติก็กลับมาพอดี พอเธอเห็นลู่สือเยี่ยน แววตาก็ทอเป็นประกาย เธอยื่นขวดหนึ่งมาให้ฉันพร้อมกับกล่า
"ไม่ต้องห่วง ฉันไม่หัวเราะคุณหรอก"ฉันตบไหล่เขาพร้อมกับยิ้มและเปลี่ยนเรื่องคุย "ที่แท้คุณก็ชอบ Eason เมื่อก่อนไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงเลย"ลู่สือเยี่ยนหันมองไปยังเวที น้ำเสียงดูหดหู่ "รักฉันก็ต้องรักหมาฉันด้วย ประมานนั้น""เธอชอบ Eason?""อืม สมัยมหาลัย เธอชอบมาก""บังเอิญเสียจริง"ฉันหัวเราะ "ฉันสมัยมหาลัยชอบฟังเพลงของ Eason มาก"เขายิ้มมุมปาก ดูมีเลศนัย "บังเอิญจริงๆ"เรานั่งโซน VIP ชมคอนเสิร์ตได้อย่างเต็มอรรถรส ไม่มีมุมอับสายตาเลยขณะทำนองคุ้นหูดังขึ้น ศิลปินก็ปรากฎขึ้นบนเวที บรรยากศคึกคักขึ้นมาทันที แฟนคลับนับไม่ถ้วนส่งเสียงกู่ก้องร้องตามฉันกับลู่สือเยี่ยนเหมือนกับเป็นอีกพวก ได้แต่ฟังอยู่เงียบๆภาพความทรงจำแต่ละฉากในช่วงหลายปีนี้ เหมือนกับวนฉายซ้ำขึ้นในหัวเมื่อสิบปีก่อนผมไม่รู้จักคุณคุณไม่ใช่ของผมเรายังคงเหมือนเดิมอยู่เคียงข้างคนแปลกหน้าเดินผ่านเส้นถนนคุ้นเคยสิบปีต่อมาพวกเราคือเพื่อนกันยังคอยถามไถ่เพียงแต่ความอบอุ่นนั้นไร้เหตุผลให้สวมกอดคนรักสุดท้ายก็เป็นได้แค่เพื่อน……พอได้ฟังประโยคท่านสุดท้ายของเพลง ฉันจู่ๆ ก็หลั่งน้ำตาร้องไห้เงียบๆ เป็นเวลาน
ใกล้แล้วคืออะไร?ฉันเหมือนถูกคำนั้นดีดกลางแสกหน้าอยากจะถามให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยแต่ก็รู้สึกว่าหากถามต่อไปคงจะเสียมารยาทก็เลยได้แต่ฟังเพลงในคอนเสิร์ตวันนี้ แต่ละเพลงล้วนอยู่ในรายการเพลงโปรดฉันหลังจากจบคอนเสิร์ต กลับยังรู้สึกไม่หนำใจหลังจากศิลปินลงจากเวที ฉันรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง เหมือนถูกปลุกตื่นจากฝันยาวนานฉันนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงที่นั่ง มองดูผู้คนรอบด้านทยอยเดินออกหลังจากสนุกสุดเหวี่ยงในใจรู้สึกว่างปล่าวจนน่ากลัวจนกระทั่งตอนนี้ ฉันยังคงกำมือถือไว้ในมือ ไม่มีการโทรมาหาหรือส่งข้อความอะไรมาจากฟู่ฉีชวนส่วนฉันเหม่อลอยว่างเปล่า ลู่สือเยี่ยนก็เคารพฉันอย่างมาก ไม่ได้เร่งเร้าฉันแค่รอเงียบๆ อยู่ข้างๆจนฉันตั้งสติได้ เราถึงจะเดินตามฝูงชนไปด้านนอกแม้จะมีสตาฟคอยดูแลระเบียบความเรียบร้อย ก็ยังมีคนดันเบียดเสียด ฉันขณะเดินอยู่ดีๆ ด้านหลังก็ออกแรงผลัก เท้าเดินสะดุดจนล้มกระแทกลู่สือเยี่ยนลู่สือเยี่ยนประคองใหล่ฉัน "ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?""ไม่เป็นไรค่ะ"ฉันอายเกินกว่าจะอธิบาย "ถูกคนผลัก ฉันเลยสะดุด"ลู่สือเยี่ยนปล่อยมือจากไหล่ฉันและไม่ได้พูดอะไรยังดีที่หลังจากนั้นไม่มี
พอไฟในรถสว่างขึ้น ฟู่ฉีชวนก็แทบจะลืมตาตื่นขึ้นในทันที ถูกคนขัดจังหวะนอนจนอารมณเสียเล็กน้อย วินาทีต่อมา เขาก็หันหน้ามาสบตากับฉันท่าทีของเขาผ่านคลายลงในทันที "คอนเสิร์ตจบแล้วหรอ?"เขาทำอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกับเขากำลังหลอกฉันไปอยู่กับฟู่จินอันสองวันหนึ่งคืน แล้วทำเหมือนกับฉันคิดไปเองฉันเหนื่อยจะเสแสร้ง "เมื่อวานคนที่คุณเห็นที่โรงพยาบาลคือฉันเอง""ฟู่ฉีชวน ตอนนั้นฉันยืนห่างจากคุณสิบเมตรได้ ไม่สิ อาจจะใกล้กว่านั้น""ฉันเห็นสามีของตัวเอง ทำเพื่อผู้หญิงอีกคนหนึ่งจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว""จนกระทั่งได้ยินคุณตอบกลับพยาบาล ว่าคุณคือสามีเธอ""ดังนั้น ตอนคุณโทรมาหาฉันเมื่อวาน ฉันรู้แล้วว่าคุณโกหกฉัน"ฉันกระตุกยิ้มมุมปาก ฉันจ้องเขาและพูดชัดถ้อยชัดคำ "อ้อ จริงด้วย เธอตั้งท้องแล้ว พวกคุณมีลูกด้วยกันใช่ไหม?"ทุกครั้งที่ฉันพูด สีหน้าเขาก็ยิ่งแย่และซับซ้อนขึ้น!ทว่าฉันยิ่งพูดยิ่งสะใจเห็นสีหน้าของเขาหมองจนแทบเหงื่อตก ฉันก็หัวเราะขึ้นมาทันที "ยินดีกับคุณด้วย ใกล้จะเป็นพ่อคนแล้ว"ทันใดนั้นเขาเขยิบตัวเข้ามา เอื้อมแขนลากฉันเข้าไปในรถ!พอฉันตั้งสติได้ ฉินเจ๋อก็ส่งสายขอโทษมาให้ฉัน
หรือจะบอกได้ว่า ตั้งแต่ปู่ของเขาตายไป เวินฟางอาจกลายเป็นความอบอุ่นเพียงอย่างเดียวที่ฟู่ฉีชวนได้รับจากความรักในครอบครัวแต่ตอนนี้... หากสิ่งที่ฟู่จินอันพูดเป็นความจริง ทัศนคติของเขาเกี่ยวกับความรักในครอบครัวก็จะพังทลายลงอย่างสิ้นเชิงความผูกพันทางอารมณ์หลายปี หลายทศวรรษ จะขาดสะบั้นลงพร้อมๆ กันสำหรับคนที่เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ การต้องประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีกครั้งอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เลวร้ายอย่างไรก็ตาม ฉันไม่เห็นด้วยกับแนวทางของลุงเฉิง มีบางสิ่งที่ความเจ็บปวดในระยะสั้นดีกว่าความเจ็บปวดในระยะยาวฉันมองฟู่ฉี่ชวนอย่างมั่นคงและพูดว่า "คุณจะเชื่อสิ่งที่ฉันพูดไหมล่ะ?"น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน "เชื่อ"คงต้องใช้เวลาคิดนานก่อนที่จะตัดสินใจถามฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่ลังเลที่จะตอบนั่นทำให้ฉันสบายใจ ฉันจิบกาแฟแล้วเริ่มพูดว่า “ถ้าฉันบอกคุณว่าวันนั้นที่โรงพยาบาล ฉันพูดอะไร....”“พี่ฉีชวน!”ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดออกโดยไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับเสียงผู้หญิงที่สดใสและชัดเจนซึ่งขัดจังหวะฉันอย่างหยาบคายวินาทีต่อมา เสิ่นซิงหยูเดินเข้ามาโดยชุดชาแนลรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นและรองเท้าบู๊
ระหว่างทางไปบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ฉันคิดว่าในที่สุดฟู่ฉีชวนก็เต็มใจที่จะเริ่มสงสัยเวินฟางและลูกสาวของเธอ ฉันควรจะถอนหายใจด้วยความโล่งใจบางทีสาเหตุการตายของปู่ของเขาและการตายของแม่ของเขาอาจอธิบายได้ในครั้งนี้แต่ในใจของฉันยังคงรู้สึกไม่สบายใจฉันไม่สามารถบอกสาเหตุได้เมื่อฉันมาถึงแซ่ฟู่กรุ๊ป ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทุกคนเร่งรีบและดูจริงจังทันทีที่ฉันก้าวออกจากลิฟต์ที่ชั้นบนสุด ความตึงเครียดก็ถึงจุดสูงสุดฉินเจ๋อรอฉันในลิฟต์เป็นการส่วนตัวและพาฉันไปที่สำนักงานของรองประธาน เมื่อเห็นคำถามในสีหน้าของฉัน เขาก็ถอนหายใจและพูดว่า "สถานการณ์ออนไลน์ส่งผลกระทบอย่างมากต่อกลุ่มบริษัท มีโครงการหลายโครงการเพียงก้าวเดียวก็จะลุล่วง และอีกฝ่ายกำลังใช้ท่าทีรอและดู"ฉันขมวดคิ้วและพูด "มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?"ดูเหมือนว่าโจวฟางจะชำนาญในกลยุทธ์ของเขาจริงๆ เพียงแค่การเคลื่อนไหวครั้งเดียว เขาก็สร้างวิกฤตที่แซ่ฟู่กรุ๊ปไม่เคยเจอในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา"ใช่แล้ว ไม่มีใครคาดคิด"ฉินเจ๋อเหลือบมองไปทางสำนักงานของรองประธานอีกครั้งแล้วพูดว่า "ประธานฟู่ไม่ได้พักเลยตั้งแต่เหตุการณ์เ
".....หยุด หยุดขู่ฉันได้แล้ว!"หลินกั๋วอันตะโกนประโยคนี้ แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความกลัว ก่อนที่ฉันจะตอบได้ เขาก็วิ่งหนีไปในพริบตา!"โอเคไหลไหล ฉันมีบางอย่างต้องทำตอนนี้ ฉันจะติดต่อกลับในภายหลัง"ฉันวางสายโทรศัพท์ของเจียงไหลและมองไปที่หลินเฟิง ซึ่งมักจะเป็นคนที่จืดจางเสมอมา "คุณแค่มองดูพ่อของนายทุบตีแม่ของนายแบบนี้เหรอ?"หลินเฟิงยักไหล่และพูดว่า "ผมไม่แข็งแร็งเท่าเขา และเขาเองก็ไม่ฟังผมเหมือนกัน""..."ฉันโกรธมากและไม่รู้จะพูดอะไรคุณป้าของฉันพูดด้วยความเจ็บปวด "หลินเฟิง ออกไปก่อน ฉันอยากคุยกับลูกพี่ลูกน้องของแก""อ้อ"หลังจากหลินเฟิงออกไป ฉันก็ดึงเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง "แผลทั้งหมดบนตัวของคุณรักษาแล้วหรือยัง? มีจุดไหนที่พวกเขาพลาดไปหรือเปล่า?'"ไม่หรอก อาการบาดเจ็บพวกนี้ไม่ได้ร้ายแรงมาก มีหมอและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาห้ามไว้ เลยไม่ได้ร้ายแรงมาก"คุณป้าของฉันส่ายหัว ราวกับว่าเธออ่อนแอกว่าตอนที่ฉันเจอเธอครั้งล่าสุดมาก น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ "ฉันอยากหย่ากับเขา แต่เขาไม่เห็นด้วย..."ฉันถอนหายใจแล้วพูดว่า "ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเอง"หลินกั๋วอันไม่ใช่ฟู่ฉีชวน ไม่ใช่เร
"ฉันได้ยินมาว่าโจวฟางมาที่เมืองเจียงเฉิงครั้งนี้ เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับอดีตคู่หมั้นของเขา""ฉันคิดไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นคนทุ่มเทขนาดนั้น"ฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะมีคนอย่างลู่สือเยี่ยนอยู่จริงๆ ที่ทั้งคู่ยึดติดกับใครบางคนที่พวกเขาพบตอนเป็นเด็กยึดมั่นในความผูกพันนั้นมาหลายปีลู่สือเยี่ยนยิ้มและไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่พูดว่า "พรุ่งนี้คุณอยู่บ้านไหม ฉันจะนำของขวัญมาฝากคุณหลังเลิกงาน""ของขวัญ?"ฉันใช้เวลาสักครู่เพื่อนึกถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืน ฉันพยักหน้า "แน่นอน ฉันจะกลับบ้านในอีกไม่กี่วันนี้ เว้นแต่จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น"……วันรุ่งขึ้น ฉันนอนหลับจนกระทั่งตื่นขึ้นมาเองและสัมผัสขอบเตียงที่ว่างเปล่าเจียงไหลหายไปฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู จึงเห็นไลน์ที่เธอส่งมาให้ฉัน [ไปก่อนนะ ถ้าเฮ่อถิงเป็นโรคประสาทอีกเมื่อไหร่ ฉันจะกลับมาใหม่][นังตัวดี นอนกับฉันเสร็จก็หนีไปเลย]ฉันตอบด้วยรอยยิ้ม ขณะนอนเล่นโทรศัพท์อย่างขี้เกียจบนเตียงเหตุการณ์ระหว่างฟู่จินอันกับฟู่เหวินไห่ รวมถึงการเปิดเผยความขัดแย้งระหว่างเธอและเวินฟางที่อำเภอ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ทำให้รา
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับเศรษฐีรุ่นสองที่พูดเรื่องเงินตลอดเวลา"ช่างมันเถอะ ฉันจะไปถามคนอื่น"ทันทีที่ฉันพูดจบ ฉันก็ก้าวเดินเข้าไปข้างในฉันเพิ่งกลับมาถึง เจียงไหลก็ก้าวออกมาจากห้องส่วนตัว ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดจากการร้องไห้ “กลับบ้านกันเถอะ”"ทุกอย่างเรียบร้อยไหม?"ฉันหยิบเสื้อคลุมจากมือของเธอแล้วพาดไว้บนไหล่ของเธอเธอสูดหายใจและดวงตาของเธอแจ่มใส "อืม จากนี้ไป ไม่ว่าเขาจะแต่งงานหรือไม่ก็ตาม มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉันก็ชื่นชมความเด็ดขาดของเธอ ความสามารถในการปล่อยวางอย่างหมดจดของเธอขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้าน เจียงไหลกำลังรับผิดชอบการขับรถอยู่ ทันใดนั้น ฉันก็ได้รับสายจากลู่สือเยี่ยนหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นและถามว่า "หนานจือ คุณคือคนที่อยู่กับโจวฟางเมื่อกี้ใช่ไหม?"ฉันตกใจไปครู่หนึ่ง แต่ฉันไม่ได้โกหกเขา "ใช่ ฉันเอง... คุณรู้ได้ยังไง"โจวฟางปิดบังฉันไว้อย่างมิดชิดแม้แต่ฟู่ฉีชวนก็ถามแค่เรื่องรองเท้าเท่านั้นและถึงอย่างนั้น น้ำเสียงของเขาก็ยังไม่แน่ใจแต่ลู่สือเยี่ยนเดาได้จริงๆ ว่าเป็นฉันทางโทรศัพท์ ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นค
ดูเหมือนว่าคนที่ตกลงกับฉันเมื่อวานไม่ใช่เขาฉันโกรธ และพูดไม่ออก "คุณไม่ได้สัญญากับฉันว่าจะไม่บอกใครหรอกเหรอ?""?"โจวฟางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "สิ่งที่ฉันสัญญากับคุณคือจะไม่บอกใครว่าคุณกำลังแอบดูและยังบันทึกวิดีโอด้วย""..."ไม่เป็นไรตามตรรกะนั้น เขาก็ไม่ได้ผิดเลย ดังนั้นเป็นความผิดของฉันที่ไม่อธิบายตัวเองให้ชัดเจนงั้นเหรอ?"คุณมีความแค้นต่อตระกูลฟู่หรือเปล่า?""ก็ไม่หนิ"โจวฟางมองฉันด้วยความสับสนแล้วพูดว่า "คุณไม่เข้าใจสงครามธุรกิจที่โหดร้ายเหรอ หลังจากติดตามฟู่ฉีชวนมาสามปี เขาก็ไม่ได้สอนเรื่องพวกนี้ให้คุณเลยเหรอ?"ฉันอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะความตรงไปตรงมาของเขาช่างน่ากลัว และยังเป็นเพราะคำถามที่สองของเขาด้วยฉันบีบฝ่ามือแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่สงบ "ไม่"หลังจากติดตามฟู่ฉีชวนมาสามปี เขาสอนอะไรฉันบ้าง? ความเป็นอิสระ ความอดทน ความอดกลั้น และความทุ่มเท....นอกจากการรักษาระยะห่างอย่างสุภาพแล้ว เราไม่เคยมีบทสนทนาที่จริงจังเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกลอุบายของโลกธุรกิจคราวนี้ถึงคราวของโจวฟางที่ต้องตกตะลึง เขายกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจและพูดว่า "คุณน่าสนใจเลยทีเดียว""คุณก็น่าสนใจเหมื
ขอร้องเขาเหรอ?หัวเขากระแทกประตูหรือไง!ฉันปล่อยมือเขา ไม่สนใจอีกต่อไปว่าฟู่ฉีชวนหรือลู่สือเยี่ยนจะเห็นฉันหรือไม่ ฉันยอมแพ้และหันหลังเดินจากไปทันใดนั้น ดวงตาของฉันก็มืดลง เสื้อคลุมยาวของผู้ชายพร้อมฮู้ดถูกสวมทับตัวฉัน และฉันถูกนำทางอย่างชาญฉลาดกลับไปที่ราวบันได เพื่อหลีกเลี่ยงการมองเห็นโดยคนสองคนนั้นกลิ่นมิ้นต์สดชื่นลอยเข้าจมูกของฉันฉันค่อนข้างเข้ากันได้กับโจวฟางฝีเท้าของฟู่ฉีชวนดูเหมือนจะหยุดชะงักชั่วขณะ และฉันได้ยินเสียงที่ไม่สุภาพของโจวฟาง "ประธานฟู่ สนใจเรื่องส่วนตัวระหว่างคู่รักหนุ่มสาวมาก"ฟู่ฉีชวนดูเหมือนจะกำลังพินิจพิเคราะห์ เสียงของเขาทุ้มและอ่อนโยน "รองเท้าของแฟนคุณ ภรรยาของฉันดูเหมือนจะมีคู่เดียวกัน"หัวใจของฉันเต้นแรงนี่เป็นรุ่นลิมิเต็ดของแบรนด์หนึ่ง ในเมืองเจียงเฉิงมีเพียงไม่กี่คู่เท่านั้น ซึ่งสามารถนับได้ด้วยมือเดียวแม้ว่าฉันจะไม่ได้แอบฟังความลับใดๆ เลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปอย่างเปิดเผย แต่ตอนนี้ที่โจวฟางเล่นกับฉันแบบนี้ ฉันรู้สึกผิดเล็กน้อยฉันไม่กล้าขยับเลย"งั้นเหรอ?"โจวฟางหัวเราะเยาะเย้ย “ดูเหมือนว่าประธานฟู่จะไม่ค่อยสนใจภรรยาคน
ฉันอิ่มแล้ว ฉันเลยวางตะเกียบลงแล้วพูดว่า "เธอตกลงที่จะพบเขาเหรอ?"“ใช่ ฉันตกลง”เจียงไหลช่วยฉันเก็บกล่องอาหารเดลิเวอรี่ “วันก่อนเขายังไม่โตเลย เขาไม่ฟังคำพูดของฉัน บางอย่างก็อธิบายทางโทรศัพท์ได้ยาก ฉันเลยคิดว่าจะพบเขาอีกครั้งแล้วค่อยเคลียร์กันให้เรียบร้อย”ฉันพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันสนับสนุนเธอ”"คุณจะไปกับฉันไหม?""ไปสิ"ฉันยิ้มและพูดเล่น: "ถ้าฉันไม่ไป แล้วถ้าเขามัดคุณแล้วขายคุณล่ะ"สถานที่ที่พวกเขานัดกันไว้ยังคงเป็นคลับเฮาส์เจียงไหลพาฉันเข้าไปในห้องส่วนตัวอย่างสบายๆ หลังจากคิดอยู่สักพัก ฉันก็พูดว่า "เธอเข้าไปเถอะ ถ้าฉันอยู่ด้วย เธอจะพูดอะไรไม่ได้ ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันได้เลย ฉันจะเข้าไปทันที""โอเค"เจียงไหลพยักหน้าและผลักประตูเปิดออกฉันยืนอยู่หน้าประตู มองดูพนักงานเสิร์ฟถือจานผลไม้และจานเดินไปมา ฉันรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในที่ที่ดีนัก จึงเดินช้าๆ ไปที่สวนลอยฟ้าใกล้ๆเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ค่ำคืนในเมืองเจียงเฉิงจะชื้นและหนาวเย็นอย่างไรก็ตาม คลับเฮาส์แห่งนี้ได้ลงทุนครั้งใหญ่ด้วยการออกแบบสวนลอยฟ้าที่สวยงามและหรูหราสวนหินไหลด้วยน้ำที่ไหลเอื่อยๆ และมีพืชหายากมากมายในฤดูใบไม้ร่วงแล
เจียงไหลจ้องมองอย่างว่างเปล่า"ไม่ได้งั้นเหรอ?""เป็นแบบนั้นนั่นแหละ"ฉันไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงเมื่อไหร่ถึงจะโน้มน้าวชายคนนั้นให้ไปเอาใบหย่ามาได้เจียงไหลเห็นว่าฉันอารมณ์ไม่ดี เธอก็ปลอบใจฉัน: "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตราบใดที่ฝ่ายหนึ่งมีเจตนาที่จะจากไป มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น นอกจากนี้ คุณได้บรรลุข้อตกลงในทุกสิ่งแล้ว ยกเว้นใบหย่า มันก็ถือว่าคุณหย่าแล้ว"ฉันยิ้มและคุยกับเธอสักพัก จากนั้นการสนทนาก็เปลี่ยนไป “แล้วเธอล่ะ เฮ่อถิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อตามหาเธอเหรอ?”ตอนที่เราย้ายบ้าน เฮ่อถิงช่วยเราย้ายบ้าน พูดถึงเรื่องนี้ พอนึกดูดีๆ ฉันยังติดเลี้ยงข้าวเขาอยู่เลยเขาคงยังจำที่อยู่นี้ได้ถึงแม้จะไม่รู้ แค่ถามฟู่ฉีชวนก็คงรู้แล้วเจียงไหลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เสียงของเธอแผ่วเบา "ไม่ เขาไม่กล้ามาบ้านคุณหรอก""ทำไมล่ะ?""เขากลัวฟู่ฉีชวนที่สุด""......"……ต่อมา ฉันไม่อยากทำอาหาร แต่ทักษะการทำอาหารของเจียงไหลน่าประทับใจมาก ฉันเลยสั่งอาหารเดลิเวอรี่แทนเจียงไหลกินข้าวและคุยเล่นในขณะที่ปัดโทรศัพท์เป็นครั้งคราวทันใดนั้นเขาก็พูดด้วยสีหน้าตะลึงงันว่า “โอ้พระเจ้า แม่ลูกคู่นั้นทะเลาะกันที