แชร์

บทที่ 166

ผู้เขียน: เล่อเอิน
ดวงตาสีดำสนิทของฟู่ฉีชวนมองฉันแวบนึง ราวกับว่าอยากให้ฉันยอมอ่อนให้ก้าวนึง

ฉันส่งยิ้มพิมพ์ใจ พร้อมวางท่าทีหนักแน่น "ฉันพูดเรื่องจริง อย่างช้าที่สุดก็ส่งเธอไปคืนพรุ่งนี้"

"ฉันไม่ฟังที่คุณพูด"

เวินฟางเมินในสิ่งที่ฉันพูด เอาแต่หันไปจ้องฟู่ฉีชวน ทำท่าราวกับใกล้จะยอมรับความจริงไม่ไหวอีกต่อไป "อาชวน ไหนบอกป้าเวินซิ ว่าเรื่องจริงหรอ?"

อาจะเป็นเพราะว่าสายตาของฉันชัดเจนมาก แม้ว่าฟู่ฉีชวนจะรู้สึกหนักใจไม่น้อย แต่ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

"เรื่องจริงครับ"

"ได้ยินแล้วใช่ไหมแม่!"

ฟู่จินอันร้องโอดครวญ "ทั้งๆ ที่อาชวนรับปากแม่ว่าจะดูแลหนูให้ดี แต่ตอนนี้กลับเห็นขี้ดีกว่าไส้ ให้ท้ายคนนอกมารังแกพวกเรา"

สีหน้าของฟู่ฉีชวนเย็นชาลงทันที "หนานจือเป็นภรรยาของฉัน ไม่ใช่คนนอก!"

"พวกนายหย่ากันแล้ว!"

ใบหน้าของฟู่จินอันต็มไปด้วยคราบน้ำตา เน้นย้ำราวกับทวงความชอบธรรม

ประหนึ่งว่าหล่อนต่างหากที่เป็นผู้ถูกกระทำ

ฟู่ฉีชวนขมวดคิ้วอย่างเสียอารมณ์ "ตราบใดที่ยังไม่ได้หนังสือหย่า เธอก็ยังเป็นภรรยาของฉันวันนึงค่ำ"

ฉันประหลาดใจนิดหน่อย ที่เขาเน้นย้ำความสัมพันธ์ระหว่างเราต่อฟู่จินอันแบบนี้

"พอเถอะ"

เวินฟางขัดจั
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 167

    ทั้งแม่ คุณปู่ และลูกของฟู่ฉีชวนคนทั้งสามรุ่นต้องมาตายด้วยน้ำมือของพวกหล่อน"หร่วนหนานจือ! เธอพูดมั่วอะไร?"ฟู่จินอันพุ่งเข้ามาผลักฉัน แล้วออกปากเตือนอย่างดุดัน "ฉันฟ้องเธอข้อหาหมิ่นประมาทได้รู้หรือเปล่า?"เวินฟางที่อาการ "ดีขึ้น" เล็กน้อย ก็มองมาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ "คุณหร่วน ที่บอกว่าสองแม่ลูกมันหมายความว่ายังไง?""ฉันหมายความว่าอะไร คุณไม่เข้าใจหรอ?"ท่ามกลางสีหน้าเย็นยะเยือกของฟู่ฉีชวน ฉันพูดใส่เวินฟางช้าๆ ชัดๆ "ตอนนั้นเพื่อให้ได้แต่งเข้าตระกูลฟู่ คุณผลักแม่ของฟู่ฉีชวนที่กำลังท้องได้สิบเดือนลงจากบันได ลืมไปแล้วหรอ?""จะพูดอะไรมันต้อมีหลักฐาน!"เวินฟางตะเบ็งเสียงสูง ราวกับเดือดดาลสุดๆ ที่โดนฉันใส่ร้าย!อย่างที่คุณปู่พูด หล่อนเข้าใจว่าตอนที่ตัวเองก่อเหตุ ได้ทำลายกล้องวงจรปิดไปแล้ว จึงไม่หลงเหลือหลักฐานอะไรอีกคำพูดนั้นดึงสติฟู่จินอันขึ้นมา แล้วก็จับประเด็นสำคัญได้ทันที "ใช่ หร่วนหนานจือ จะถูกจะผิดมันไม่ได้อาศัยแค่ลมปากหรอกนะ""หลักฐานใช่ไหม"ฉันโทรหาฉินเจ๋อ ให้เขาเอาเอกสารที่ฉันให้ฟู่ฉีชวนเมื่อกี้มาส่งเขาดำเนินการรวดเร็วมาก ไม่นานก็เอามาให้ ฉันดึงผลรายงานระบุลายนิ้วมืออ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 168

    วันที่คุณปู่เสียชีวิตท่านเคยบอกเอาไว้ว่า ยังไงสักวันนึงฟู่ฉีชวนก็จะต้องรู้ ปิดเขาไม่ได้ทั้งชีวิตถ้าอย่างนั้นก็ให้รู้ซะวันนี้ไปเลยดีกว่าเขาจะได้ไม่ต้องถูกสองแม่ลูกนี่หลอกต่อไปเพียงแต่ สิ่งที่ทำให้ฉันรับมือไม่ทัน ก็คือที่ปลายสาย ลุงเฉิงพูดขึ้นมาราวกับไม่เข้าใจ "นายหญิง คุณไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหนครับ?"……ฉันเกือบจะทรุด เวลานี้สัมผัสได้ถึงสายตาอันเย็นชาอย่างสุดขีดของฟู่ฉีชวนแล้ว!"ก็คุณปู่เป็นคนบอกไงคะ"จนฉันชักเริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองจำอะไรผิดไปหรือเปล่า แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็แน่ใจว่าเปล่าเลย ฉันไม่ได้จำผิดฉันพยายามรื้อฟื้นความทรงจำ "ลุงเฉิง ลืมไปแล้วหรอคะ วันนั้นที่ห้องหนังสือของคุณปู่ คุณปู่ยังหยิบ...""คุณจำผิดแล้วมั้งครับ?"ลุงเฉิงตัดบทฉันอย่างเยือกเย็น!ฉันอึ้งไปทั้งร่างกาย พูดขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ "เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉันจะจำผิดได้ยังไง...""หร่วนหนานจือ!"ฟู่จินอันที่ยังมีสีหน้าหวั่นวิตกในตอนแรก จู่ๆ ก็เหลิงได้ใจขึ้นมาทันที "เธอคงไม่ได้คิดจะซื้อตัวลุงเฉิงมาเป็นพยานให้ตัวเองหรอกนะ? น่าเสียดาย เขาเป็นคนที่คุณปู่เชื่อใจมากที่สุด ไม่มีทางเอาตัวเองไปเกลือกกลั้วกับเธอแ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 169

    "เพราะงั้น ลุงก็เลยกลัวว่าความจริงเรื่องการตายของแม่ จะไปกระทบกระเทือนจิตใจเขา?""ครับ"ลุงเฉิงพยักหน้า "จิตแพทย์แนะนำว่าให้ชะลอออกไปก่อน รอให้อาการของนายน้อยดีขึ้นกว่านี้ก่อน""เข้าใจแล้วค่ะ"ฉันรับคำมาด้วยเสียงเรียบๆ ในใจก็ไม่ได้เกิดความรู้สึกอะไรขนาดที่ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่สั่งเสียเอาไว้ก่อนตาย ฉันก็คงไม่อยากจะสนใจเรื่องของตระกูลฟู่เพียงแต่ พอกลับมาถึงบ้าน เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับฟู่ฉีชวน ฉันก็ยังรู้สึก...สังเวชอยู่หน่อยๆแต่ไม่นาน พอนึกขึ้นได้ว่าเขาตวาดใส่ฉันยังไงตอนอยู่ในห้องผู้ป่วย ความรู้สึกเวชอันน้อยนิดเต็มทีนั่นก็หายไปจนหมดสิ้นจู่ๆ ฉันก็รู้สึกเกลียดตัวเอง เกลียดที่ทำอะไรก็ไม่เคยเป็นไปตามความตั้งใจสักอย่าง……ขณะที่ฉันกำลังนอนแผ่หราอยู่บนโซฟาอย่างปลดปล่อยตัวเอง จู่ๆ เจียงไหลก็มาฉันเปิดประตู "ทำไมไม่แสกนลายนิ้วมือเข้ามาเลย?""ก็ฉันกลัวจะเข้ามาเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นเข้าน่ะสิ"เจียงไหลเดินบิดเอวบางพริ้วเข้ามา เตะรองเท้าส้นสูงออก ใส่สลิปในบ้านที่เป็นของเธอ แล้วเหลือบตามองฉัน แล้วถามอย่างตรงไปตรงมา "อารมณ์ไม่ดีอะไร?""วันนี้ตั้งใจจะไปตีงูแท้ๆ"ฉันโยนน้ำผลไม้

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 170

    "ว่าบาป แล้วเหมือนจริงๆ!"เจียงไหลมองตามสายตาของฉันไป ก็ยังรู้สึกว่าเหมือน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสนุก "รีบไปกันเถอะ!"เธอปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วลงจากรถด้วยความเร็วสูงฉันเองก็ตามไปติดๆ แล้วเข้าโถงโรงแรมไปพร้อมกันแต่เงาของสองคนนั้นหายไปไหนแล้ว?เราจึงได้แต่เดินไปหน้าเค้าเตอร์ เจียงไหลปรับน้ำเสียงนุ่มนวล "ขอโทษนะคะ ชายหญิงคู่เมื่อกี้ที่เดินเข้ามา อายุห่างกันมากไหมคะ?"เพราะเธอเป็นคนสวย เมื่อส่งยิ้มหวานเป็นน้ำผึ้งออกไปอีก ก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายเคลิ้มตามได้อย่างง่ายดายหนึ่งในพนักงานรีเซ็ปชั่นที่อายุน้อยที่สุด หลุดพูดออกมาในทันที "เหมือนจะห่างกันเยอะอยู่ค่ะ...""ห่างเหิ่งอะไร? ฉันว่าสมองเธอนี่แหละที่ห่าง"พนักงานอีกคนที่ทำงานมานาน ก็ตัดบทหล่อนในทันที แล้วหันกลับมา "ขอโทษด้วยค่ะ แต่เราไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของลูกค้าได้""ไอ้แก่นั่นเหมือนจะเป็นพ่อของฉัน!"เจียงไหลหัวไวมาก เธอพูดด้วยน้ำเสียงคลุ้งน้ำตา "แม่ฉันร่วมสร้างตัวมากับเขาตั้งแต่เสื่อผืนหมอนใบ กัดก้อนเกลือกินมาด้วยกัน พอตอนนี้เริ่มมีเงินเข้าหน่อย เขาก็แอบไปเลี้ยงอีหนูลับหลังแม่!"ฉันรู้สึกตะลึงกับความสามารถในการแต่งเรื่องของเ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 171

    "บุญบาป อีตาฟู่ฉีชวนนั่น อดทนสู้เลือดตาแทบกระเด็น เพื่อปกป้องแม่เลี้ยงคนที่สองของตัวเองเนี่ยนะ?""ถ้าเทียบกับเขาแล้ว"ฉันเม้มปาก "ที่ฉันอยากรู้มากกว่าก็คือ ถ้านี่เป็นเรื่องจริง เวินฟางจะทำหน้ายังไง"ที่โรงพยาบาลวันนี้ หล่อนยังพยายามสุดตัวเพื่อปกป้องลูกสาวของตัวเองถ้าได้รู้ว่าหลายปีที่หล่อนนอนไม่ได้สติมานี้ ลูกสาวของตัวเองขึ้นไปนอนบนเตียงกับสามีตัวเอง...เสี้ยมให้สองแม่ลูกนั่นแตกหักกันเอง น่าจะมันส์น่าดูเจียงไหลเหล่ตามองฉันแวบนึง แล้วว่า "กำลังคิดอะไร? อย่างกับจะทำเรื่องผิดศีลธรรมอย่างนั้นแหละ"ฉันยกริมฝีปากโค้ง "กำลังคิดว่า จะได้เห็นช็อตเด็ดๆ แห่งปีเมื่อไหร่"เจียงไหลเลิกคิ้ว "ดูไม่ออกเลยนะว่าหร่วนหนานจือคนนี้ จะชอบอะไรเลือดสาดแบบนี้""ฉันก็โดนบีบมาน่ะ"ฟู่จินอันคราวนี้ฉันจะเด็ดหัวเธอไม่ให้เหลือเงาเวลานี้ชีวิตกลางคืนในผับเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ดนตรีเสียงดังกระหึ่มแก้วหู บนฟลอร์ มีหนุ่มสาวเต้นนัวเนียกันอย่างคึกคัก ราวกับว่าพวกเขาได้เข้าสู่ในโลกอีกใบที่แปลกประหลาดขณะที่ฉันกำลังจะเปิดห้องส่วนตัวอย่างที่ทำปกติ เจียงไหลก็ดึงฉันเอาไว้ "นั่งข้างนอกเถอะ ข้างนอก...สนุก""...ได้"

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 172

    ฉันสะดุ้งพรวด เมื่อหันกลับไปก็ประสานเข้ากับดวงตาสีเหลืองอำพัน แล้วก็อดไม่ได้ที่จะลูบหน้าอก "รุ่นพี่ ทำฉันตกใจหมดเลย!""ขอโทษที"เขาโค้งริมฝีปากยิ้มเบาๆ "ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะ ผมแค่เดินผ่านมาพอดี"ฉันยิ้มอย่างไม่ใส่ใจนิดหน่อย "มาพบลูกค้าหรือมากับเพื่อนคะ?""มากับเพื่อน"ลู่สือเยี่ยนพูดด้วยเสียงนุ่ม ขณะที่หันไปมองเจียงไหล ก็รีบซ่อนความรู้สึกหนักใจในแววตาเอาไว้นั่นทำให้ฉันรู้ทันที ว่าเพื่อนที่เขาพูดหมายถึงใครเจียงไหลเองก็ดูออกเช่นกัน "พวกเธอคุยกันไปเถอะ ฉันไปเต้นก่อน"ทันทีที่เธอเข้าผับมาก็ถอดเสื้อคลุมออก ในด้านเหลือเพียงชุดกระโปรงสายเดี่ยวผ้าซาตินสีดำ เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าทรงสวย เมื่อไปถึงฟลอร์ ก็ดึงดูดสายตาของผู้คนไม่น้อยยิ่งเมื่อเธอเริ่มเต้น ก็ยิ่งทำให้ทุกสายตาราวกับต้องมนต์สะกดฉันมองลู่สือเยี่ยนที่กำลังนั่งลง แล้วถาม "แผลดีขึ้นหรือยังคะ ไม่น่าจะดื่มเหล้าได้นะ?""แผลไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ดูน่ากลัวก็เท่านั้น"เขาส่ายหน้าอย่างไม่สนใจอะไรมาก แล้วยกหางตาส่งซิก "ผมไม่ได้ดื่ม แค่มาเป็นเพื่อนเฮ่อถิงดื่มย้อมใจน่ะ"ฉันมองเจียงไหลที่กำลังเต้นอย่างเร่าร้อนแวบนึง แล้วก็หัวเราะอ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 173

    ระหว่างทางกลับบ้าน ลู่สือเยี่ยนบังคับพวงมาลัย แล้วเอียงศีรษะมามองฉันแวบนึง "ยังเป็นห่วงเจียงไหลยู่หรอ?""เปล่า"ฉันส่ายหน้า "เธอสามารถจัดการเรื่องพวกนี้ได้ด้วยตัวเอง"ทุกเรื่องที่เจียงไหลทำ ล้วนเกิดจากการไตร่ตรองมาดีแล้วฉันเชื่อว่าเธอมีความสามารถที่จะเอาตัวรอดได้ทันท่วงที"อืม"ลู่สือเยี่ยนรับคำเสียงเรียบ "แล้วเรื่องที่จะมา MS คิดไปถึงไหนแล้ว?""รุ่นพี่ ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะคะ"ฉันขอบคุณเสร็จ ก็อธิบายต่อ "ตอนนี้ฉันคงไป MS ไม่ได้ ช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ฉันอยากจะชะลอเรื่องนี้เอาไว้ก่อน"จัดการเรื่องที่ต้องจัดการให้สบายใจไปก่อนแล้วค่อยตั้งหน้าตั้งตาไปทำงานลู่สือเยี่ยนไม่ได้ติดใจเลยแม้แต่นิดเดียว แต่แค่พูดยิ้มๆ "งั้นสงสัยว่า เราคงจะเป็นเพื่อนร่วมงานกันไม่ได้แม้แต่วันเดียวแล้วสิ""หือ?"ฉันไม่เข้าใจดวงตาของลู่สือเยี่ยนลึกล้ำมีนัยยะ ริมฝีปากบางเผยอออก คละคลุ้งไปด้วยความอ่อนโยนเบาบางจนแทบสังเกตไม่เห็น "เรื่องบางเรื่องก็ต้องรีบไปจัดการล่วงหน้า เพราะงั้น ผมกำลังจะกลับตระกูลลู่แล้วล่ะ""กลับตระกูลลู่?"ฉันแปลกใจนิดหน่อย ฟังจากความหมายของลู่สือจิ่ง ตอนนี้สวีจื่อเป็นใ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 174

    ฉันตกตะลึงในความมั่นใจของเขาใช่ ฉันไม่ปฏิเสธว่าเคยชอบเขามากๆ แต่เขากล้าดียังไงถึงได้คิดว่าฉันจะรอเขาอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน และจะเลือกแต่เขาตลอดไปฉันหมุนข้อมือที่ถูกเขาตรึงออก แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่หลุด จึงพูดออกไปอย่างเน้นย้ำชัดทุกคำ "ฉันไม่เต็มใจ ฟู่ฉีชวน ปล่อย!"แสดงไฟสาดลงมาปกคลุมเหนือศีรษะของชายหนุ่ม ดวงตาของเขาเริ่มลึกล้ำยากจะคาดเดามากขึ้นเรื่อยๆ น้ำเสียงก็เย็นชาราวกับน้ำแข็ง "เยี่ยมมาก เธอพัฒนาเร็วดีนี่"แต่วินาทีต่อมา เขาก็ผลักฉันเข้าไปในรถด้วยมือเปล่า แล้วปิดประตูดังปึ้งโดยไม่สนใจฉันที่กำลังจะเปิดประตูรถ แต่ดันประตูปิดเอาไว้อย่างแน่นหนาที่ด้านนอกรถ ชายหนุ่มทั้งสองคนที่มีสูงเกือบร้อยแปดสิบ กำลังแผ่รังศีไปทั่วบริเวณ ความตึงเครียดปะทุขึ้นอย่างดุเดือดฉันกลัวมากว่าพวกเขาจะลงไม้ลงมือกันขึ้นมาอีก ทว่าไม่รู้ว่าฟู่ฉีชวนพูดอะไรออกไปประโยคนึง แต่เท่านั้นก็ทำให้ลู่สือเยี่ยนหยุดการปะทะในทันทีสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความห่อเหี่ยวและอดกลั้นฟู่ฉีชวนดึงประตูรถออก ดันตัวฉันเข้าในด้านใน เมื่อขึ้นรถมา ฉันก็ได้ยินลู่สือเยี่ยนพูดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ "ประธานฟู่ คุณก็เหลือลูกเล่นแค่นี้แหละ

บทล่าสุด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 340

    สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม และเสียงของเขาที่ฟังดูแหบแห้งและหยาบกระด้าง "ฉันให้หุ้นแก่คุณเพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้คุณมาต่อรองกับฉัน""ประธานฟู่ คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?""......"เขาเยาะเย้ยและพูดอย่างเย็นชา "งั้นคุณก็ลองดูสิ ฉันจะฆ่าใครก็ตามที่คุณขายให้ ถ้าคุณอยากทำร้ายใครก็เชิญเลย""......"เขายังคงหวาดระแวงอย่างมาก เกือบจะเหมือนโรคจิตในเรื่องของการข่มขู่ คือการแข่งขันกันว่าใครจะยอมทำสิ่งที่ต่ำที่สุดมากกว่ากันฉันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ พูดมากเกินไปก็ไร้ประโยชน์ฉันกัดฟันแล้วเดินไปหาเจียงไหลเจียงไหลและเฉินเย่กำลังคุยกันเรื่องทั่วไปบางอย่างเมื่อเห็นฉันมา เจียงไหลยกริมฝีปากแดงของเธอไปทางเฉินเย่และพูดว่า "คุณเฉิน ฉันจะเชิญคุณไปทานอาหารเย็นเมื่อฉันกลับไปเมืองเจียงเฉิงหลังตรุษจีน""ได้"เฉินเย่พยักหน้าเล็กน้อยหลังจากทักทายเขาแล้ว ฉันก็ไปกับเจียงไหล"ประธานหร่วน!"เฉินเย่หยุดฉันไว้ทันที ก่อนจะเปิดปากถามอย่างระมัดระวังว่า: "คุณและพี่ชวนต้องหย่ากัน มันเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและการหมั้นหมายของเขากับเสิ่นซิงหยูหรือเปล่า?"ฉันพูดตามตรงว่า "ใช่ แ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 339

    ฉันเงียบไปและพูดเบาๆ ว่า "ทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อนว่าคุณมีความอดทนสูงขนาดนั้น"คืนนั้น ฉันจูบโจวฟางต่อหน้าเขาแม้ว่าฉันจะเมามากเกินไป แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริงๆด้วยบุคลิกของเขา แบบที่ยอมให้ตัวเองทำผิดกฎได้แต่ห้ามคนอื่น เขาน่าจะหยุดมองมาทางฉันนานแล้วทันทีที่ฉันพูดจบ เสียงที่ดังขึ้นกลับไม่ใช่เสียงของฟู่ฉีชวน แต่เป็นเสียงที่มาจากทางกลางห้องจัดงานเลี้ยงเสิ่นชิงหลี่เปลี่ยนเสื้อผ้าและสวมชุดสีขาวล้วนสุดหรู เธอถือไมโครโฟนไว้ตรงกลางห้อง ดูขี้อายเล็กน้อย แต่ดวงตาสีเช้มของเธอกลับเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นในขณะที่เธอจ้องไปที่ทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะทิศทางที่โจวฟางอยู่"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ฉัน จากอ้อมอกของคุณย่า คุณพ่อและคุณแม่ไป ฉัน... ฉันต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย ทนทุกข์ทรมานจากวิธีที่ผู้คนปฏิบัติต่อฉัน แต่ด้วยช่วงเวลาที่สวยงามที่เหลืออยู่ในความทรงจำ ฉันกัดฟันและอดทนต่อไป"เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอสะอื้น “แต่ฉันโชคดี ครอบครัวของฉัน… และพี่อาฟางไม่เคยยอมแพ้ในการตามหาฉัน เช้านี้คุณย่าถามฉันว่าความปรารถนาของฉันคืออะไร ตอนนั้น ฉันนึกอะไรไม่ออก เพราะแค่การได้กลับไปยังตระกูลเสิ่นก็ถือเ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 338

    "คุณนายเสิ่น"ฟู่ฉีชวนขมวดคิ้วอย่างใจเย็นและพูดด้วยเสียงต่ำ "คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับฉันเกี่ยวกับการถอนหมั้น"เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนของเขาแม่เสิ่นไม่รู้ว่าเธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าเธอจงใจแกล้งทำเป็นสับสน "แน่นอนว่าฉันต้องอธิบาย ทันทีที่คุณได้ยินว่าวันนี้เป็นซิงหยูของเราที่มารับคุณ คุณก็มาพร้อมกับประธานเสิ่นโดยเฉพาะ ฉันเข้าใจแล้ว...."ปากของเฉินเย่กระตุกเมื่อเขาฟัง และเขาไม่สามารถทนขัดจังหวะได้ "ความมั่นใจของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันยังต้องแทรกอยู่ดี ประธานฟู่มาที่นี่วันนี้และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูเสิ่นแม้แต่สลึงเดียว โอ้ ไม่ มันไม่เกี่ยวข้องแม้แต่สตางต์เดียว""มันจะไม่เกี่ยวข้องกับซิงหยูได้ยังไง ประธานฟู่าหาครอบครัวเสิ่นของเรา ถ้าไม่ใช่เพราะซิงหยู....."เมื่อพูดไปได้ครึ่งทาง แม่เสิ่นก็คิดได้และสีหน้าของเธอก็มืดมนลง ทันใดนั้นก็มองไปในทิศทางที่ฉันอยู่!ฟู่ฉีชวนก้มตาลงและปรับแขนเสื้อ เสียงของเขาเย็นชาและเฉยเมย "พูดตามตรงนะ คุณนายเสิ่น วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อตามง้อภรรยาของฉัน"เสียงของเขาไม่ได้ดังเป็นพิเศษ แต่ทุกคำก็ตั้งใจทำเพื่อให้ทุกคนรอบข้างได้ยินเขาอย่างชัดเจน

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 337

    เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่เสิ่นก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็ล็อกเป้าหมายไปที่คุณพ่อของเสิ่น แล้วดึงเขาออกไปด้วยกันเพื่อไปต้อนรับไม่นาน ก็เกิดความโกลาหลขึ้นจากทางเข้าห้องจัดเลี้ยงเป็นฟู่ฉีชวน เฉินเย่แลตระกูลเสิ่นจำนวนสามคนที่เดินเข้ามาฟู่ฉีชวนสวมเสื้อคลุมสีดำ มีคิ้วกับดวงตาที่สง่างามและเย็นชา ก้าวเดินอย่างมั่นคง และมีรัศมีแห่งอำนาจที่แข็งแกร่งเฉินเย่เหมือนกับครั้งที่แล้ว เมื่อเขาไปที่หนานซี เขาอยู่ห่างจากฟู่ฉีชวนครึ่งก้าว แต่ทั้งสองดูคุ้นเคยกันดีเมื่อมองดูครั้งแรกเมื่อรวมกับสิ่งที่แม่เสิ่นพูดก่อนจะออกไปรับเขาคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ผ่านโลกมานาน แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจทุกอย่างแล้วฟู่ฉีชวนเป็นบอสใหญ่ของRF กรุ๊ปไม่ใช่ใครอื่นฟู่ฉีชวนคือชายคนเดียวกันที่ตระกูลเสิ่นเคยถอนหมั้นด้วยแต่ตอนนี้ ในชั่วพริบตา พวกเขากลับปฏิบัติกับเขาเหมือนแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเสิ่นอีกครั้ง ไม่กล้าแสดงความละเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็ต้องทนต่อไปโดยไม่สามารถแสดงออกมาได้ความสัมพันธ์นี้ ส่งผลให้บรรยากาศก็ตึงเครียดอย่างประหลาด และไม่มีใครกล้าเข้าใกล้และพูดคุยส

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 336

    "ผลตรวจ DNA ออกมาแล้ว"ฉันจนปัญญาเขาพูดอย่างหนักแน่นว่า "ผลตรวจ DNA ต้องมีปัญหาแน่ หร่วนหนานจือ ฉันอาจเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นเป็นเธอ"ฉันรู้ดีว่า "คนอื่น" นั้นหมายถึงฉันจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ "แต่ฉันจะจำเธอได้เสมอ""......"ฉันเม้มริมฝีปาก "นั่นเป็นเรื่องระหว่างคุณกับตระกูลเสิ่น โจวฟาง เราควรจะรักษาระยะห่างไว้บ้าง"ฉันไม่อยากทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีกจริงๆพูดจบ ฉันไม่แม้แต่จะมองสีหน้าของเขา ดึงเจียงไหล แล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันทีแม้ว่างานเลี้ยงต้อนรับนี้จะจัดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้จัดแบบลวกๆ เลยแสงไฟที่ระยิบระยับและบรรยากาศที่หรูหรา บ่งบอกอย่างชัดเจนว่างานนี้ยิ่งใหญ่อลังการท่ามกลางชนชั้นสูงผู้มั่งคั่งหลังจากรับเครื่องดื่มจากถาดของพนักงานเสิร์ฟ เจียงไหลมองมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจ "เธอกลายเป็นคนไร้ความปรานีตั้งแต่เมื่อไหร่?""เจ๊คะ"ฉันยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ให้เธอ "แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ยังเรียนรู้จากประสบการณ์ นอกจากนี้ สิ่งต่างๆ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป""ไม่เหมือนเดิมยังไง?""เมื่อก่อนฉันเคยถลำลึกลงไปแล้ว กว่าจะดึงตัวเองกลับมาได้ มันทั้งยากและเจ็บปวด

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 335

    "แค่ก..."เจียงไหลเห็นว่าฉันยังรับมือได้ แต่เธอเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหากับฉันจึงเงียบอยู่ตลอดในขณะนี้ คำพูดของโจวฟาง ทำให้ฉันอดไม่ได้และสำลักน้ำลายของตัวเองสำหรับฉันแล้ว แม่เสิ่นสามารถพูดจาเหน็บแนมฉันได้แม่ของเสินรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าโจวฟางกับคุณย่าโจว เธอไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ เพราะต้องระวังมารยาทกับผู้ใหญ่ และทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความหงุดหงิด“ไอ้เด็กเวร!”ไม่ว่าคุณย่าโจวจะตามใจโจวฟางมากเพียงใด เธอก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ เธอจ้องเขม็งไปที่เขา “ใครสอนให้แกพูดแบบนั้น?”"ก็คุณย่าสอนผมนั่นแหละ"โจวฟางไม่ได้ใส่ใจและพูดว่า "เมื่อคุณเห็นความอยุติธรรม จงยื่นมือเข้ามาช่วย""......"คุณย่าโจวโกรธมากจนจ้องมองเขา แต่เธอไม่สามารถหาคำพูดมาโต้ตอบได้ใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น สามารถได้ยินว่าแม่เสิ่นตั้งใจหาเรื่อง และคำพูดที่เธอพูดออกมานั้นร้ายกาจเกินไปเสิ่นชิงหลี่ผู้ซึ่งเคยเงียบและขี้อายเสมอมา พูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาและเบาบาง เมื่อถึงเวลาที่ต้องหยุดพูดถึงเรื่องนี้"แต่พี่อาฟาง คุณแม่ของฉันก็พูดไม่ผิดนะ เด็กผู้หญิงควรรักษาความบริสุทธิ์และซื่อสั

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 334

    เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันนั้น อันตรายยิ่งกว่าฟู่จินอันที่เคยเจอเสียอีกฉันไม่อยากสร้างปัญหา[ทำไมคุณไม่ไปตรวจ DNA ด้วยล่ะ][หร่วนหนานจือ ตอบฉันหน่อย][หนีอีกแล้วเหรอ?]……บรรยากาศในห้องยังคงดูผ่อนคลายเหมือนเดิม แต่โทรศัพท์ของฉันยังคงส่งเสียงแจ้งเตือนข้อความไม่หยุดฉันขมวดคิ้ว เปลี่ยนการตั้งค่าแชทของโจวฟางเป็นห้ามรบกวนแม้เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เขาก็ยังคิดว่าฉันคือตัวจริงอยู่ดี“คุณหร่วน คุณเพิ่งหย่า แต่โทรศัพท์ของคุณกลับไม่หยุดสั่น”แม่เสิ่นสังเกตเห็นการกระทำของฉัน และพูดด้วยน้ำเสียงที่ประชดประชัน "มูฟออนได้เร็วจริง ๆ เลยนะ"โจวฟางส่งเสียงเฮอะออกมา และกำลังจะระเบิดความโกรธออกมาในทันทีฉันไม่อยากยุ่งกับเขาในตอนนี้ ฉันจึงชิงพูดก่อน "โดยทั่วไปแล้ว ฉันไม่สามารถเทียบกับความเร็วของเสิ่นซิงหยูได้ พอฉันเพิ่งหย่าเสร็จ เธอก็หมั้นหมายกับอดีตสามีของฉันไปแล้ว"“…เธอ!”แม่เสิ่นจ้องฉันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อเธอจงใจจงใจทำให้ฉันอับอายต่อหน้าคนจำนวนมากการใช้คำพูดทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด มีใครบ้างที่ทำไม่ได้?คุณย่าโจวสังเกตเห็นบางอย่างและขมวดคิ้ว "หนานจือ งั้นอดีตสามีของเ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 333

    แต่ทำไมฉันต้องรู้สึกผิดด้วยล่ะตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรเลยด้วยความคิดนี้ ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปในทิศทางที่พวกเขาอยู่ หลังจากที่เสิ่นชิงหลี่กระโจนเข้าหาเขา เขาก็ลังเลเล็กน้อย ดูเหมือนไม่สบายใจและกลัวที่จะทำให้เสิ่นชิงหลี่เศร้าเขาจับแขนของเธอแล้วดึงออก เสียงของเขากลับเย็นชาเหมือนเดิม ไม่มีอารมณ์อะไร "วิ่งช้าๆ หน่อย""แต่ฉันคิดถึงคุณนะ"เสิ่นชิงหลี่เงยหน้าขึ้นมองเขา กระพริบตาปริบๆ ใบหน้าซีดขาวและท่าทางเหมือนกระต่ายตัวน้อย "เมื่อวานคุณออกไปแต่เช้า และฉันไม่ได้เจอคุณมาเกือบยี่สิบชั่วโมงแล้ว"นับกระทั่งชั่วโมงฉันรวบรวมความคิด ยิ้มมุมปากเล็กน้อย และเห็นสายตาของโจวฟางจ้องมองมาที่ฉันอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นว่าฉันสงบและไม่มีอารมณ์ใดๆ ดูเหมือนจะโกรธเล็กน้อยเขาปล่อยมือของเสิ่นชิงหลี่ แล้วยิ้มกวนๆ ทักทายกับคุณยายทั้งสองก่อน จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาตรงข้ามฉันอย่างขี้เกียจคุณย่าโจวมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองและพูด “ไอ้เด็กเวร ดูแลชิงหลี่ให้ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ เธอเพิ่งกลับมา...”"โอ้ย เธอกำลังพูดอะไรอยู่? ชิงหลี่อยู่ที่บ้านของเธอเอง เธอยังต้องการให้อาฟางดูแลเธออีกเหรอ?"คุณย่าเสิ่นยิ้มตอบ

  • ให้ตายเถอะ โยนอดีตสามีไปข้างหลังคนรักที่มิอาจเอื้อม เขาคลั่งไปแล้ว   บทที่ 332

    ฉันปลอบใจว่า "อาจจะเป็นเพราะเธอค่อนข้างขี้อาย? ในอนาคตยังมีเวลาอีกเยอะ ถ้าได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น คงจะดีขึ้นเอง""แต่ฉันรู้สึกเสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ"หญิงชรารู้สึกเสียใจเล็กน้อย “เด็กสาวคนนั้น ตอนเด็กๆ เป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ว่าคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เธอก็ไม่ควรกลายเป็นคนขี้อายได้ขนาดนี้…”ขณะที่ฉันกำลังจะพูด หญิงชราถอนหายใจและพูดว่า "ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่ดี เธอยังอยู่เมืองจิ่งเฉิงอยู่ไหม?"ฉันตอบตามตรง “อืม ฉันยังอยู่ค่ะ”“ดีมากเลย! ฉันจะส่งคนขับรถไปรับเธอ”หญิงชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม "คืนนี้ฉันกำลังวางแผนจัดงานเลี้ยงต้อนรับชิงหลี่ และฉันต้องการให้เธอมา ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ตาม ฉันกับย่าโจวสวมเสื้อผ้าที่เธอออกแบบให้เราสำหรับช่วงตรุษจีน และหลายคนถามว่าสั่งจากที่ไหน ฉันจะใช้โอกาสนี้แนะนำเธอ สัญญาว่าเธอจะไม่ขาดลูกค้าไปทั้งปี!!"".....ดีจังค่ะ ขอบคุณล่วงหน้า"ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตกลงทำข้อตกลงทางธุรกิจตั้งแต่ที่เลือกทำงานออกแบบชุดที่สั่งทำพิเศษแบบนี้ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องติดต่อกับคุณหญิงคุณนายจากตระกูลใหญ่ แม้ตอนนี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status