แชร์

บทที่ 998

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
หลังจากอ๋องฉีมองมาอย่างยั่วยุเช่นนั้น เฉินจิ้งถิงก็ดื่มเหล้าจนหมดชามโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ราวกับกำลังดื่มน้ำเปล่าในชาม

อ๋องฉีกัดฟัน คิดว่าเขาเสแสร้ง แล้วเทเหล้าอีก “นี่เรียกว่าคารวะสามจอก มาอีก!”

หลังจากพูดจบ เขาก็เงยหน้าขึ้นดื่มไปอีกชามหนึ่ง

เฉินจิ้งถิงมองเขาอย่างชื่นชม "อ๋องฉีคอแข็งดีจริง ๆ!"

อ๋องฉีเซไปสักพัก ดื่มเร็วเกินไปจนเริ่มเวียนหัว เขาชี้ไปที่เหล้าในชาม "ตาท่านแล้ว ท่านแม่ทัพอย่าได้เกรงใจ"

“อ๋องฉีให้การต้อนรับอย่างดีเช่นนี้ ข้ามีหรือจะกล้าปฏิเสธ” เฉินจิ้งถิงดื่มเหล้าไปอีกชาม สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยน และเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ตอนนี้อ๋องฉีรู้แล้วว่าตัวเองวู่วามไปแล้ว เขามุทะลุเกินไป คาดไม่ถึงว่าเขาจะคอแข็งขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาสัญญาว่าจะดื่มสามชาม และยังเหลืออีกหนึ่งชาม ถ้าเขาดื่มชามนี้เขาจะต้องเมาแน่นอน

เขาหันมอง ถึงจะเข้าตาจนแบบนี้แล้ว เขาก็ถอยไม่ได้ ต้องสู้ให้ถึงที่สุด และมองไปที่อวี่เหวินห่าวแล้วพูดว่า

"พี่ห้า ยังมีอีกชามอยู่ ท่านคารวะท่านแม่ทัพสิ"

ผลัดกันคารวะเขาแบบนี้ ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่เมา

อวี่เหวินห่าวมีหรือจะไม่รู้แผนการในใจของเขา? จากนั้นเขาก็พูดอย่า
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 999

    ยิ่งพูดก็ยิ่งออกรสขึ้นเรื่อย ๆ แต่ผู้ที่ฟัง ฟังจนหนอนจะขึ้นหูอยู่แล้วเฉินจิ้นหนิงพูดใจเย็นว่า "ในเมื่อไม่ได้เจอกันตั้งนาน ทำไมไม่ออกไปประลองยุทธ์กันสักตา จะได้หวนนึกถึงความรู้สึกในอดีตอีกครั้ง"หลังจากได้ยินเช่นนี้ อวี่เหวินห่าวและเฉินจิ้งถิงก็เห็นว่าเป็นข้อเสนอที่ดี ดังนั้นจึงรีบสั่งให้คนจัดการสนามให้เรียบร้อย และนำดาบยาวสองเล่มออกมา ออกไปสู้กันสักตาเพื่อรื้อฟื้นอดีตมีโคมไฟหลายดวงแขวนอยู่ในลาน ทำให้ลานนั้นส่องสว่างแบบสลัว ดูนุ่มนวลอวี่เหวินห่าวสวมชุดสีขาว และเฉินจิ้งถิงสวมชุดสีน้ำเงิน ทั้งสองคนทะยานขึ้นไป และดาบยาวก็ปะทะกันบนอากาศส่งเสียงไพเราะออกมา เพลงกระบี่งดงามเหมือนดอกไม้ ไร้ซึ่งจิตสังหาร มีเพียงความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้เท่านั้นหยวนชิงหลิงพูดด้วยเสียงต่ำ "พอแล้ว!"บังเอิญมองไปเฉินจิ้งหนิง หยวนชิงหลิงรู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย แต่เฉินจิ้งหนิงยิ้มให้อย่างรู้ใจ "พอแล้วจริง ๆ"อาซื่อและหยวนหยงอี้เฝ้าดูการบรรเลงเพลงดาบของพวกเขา เดิมทีคิดว่าจะได้ชมการประลองยุทธ์ที่สะเทือนเลือนลั่น คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนการร่ายรำที่สง่างาม และอดไม่ได้ที่จะเลิกสนใจในที่สุดเฉินจิ้งหนิงก็ท

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1000

    หลังจากดื่มไปสองชามใหญ่อ๋องฉีรู้สึกเวียนหัวตลอดทั้งคืนหยวนหยงอี้ช่วยประคองเขาเข้าไปในรถม้าและพูดว่า "นั่งลง ข้าจะไปขี่ม้า" ส่วนใหญ่เวลาพวกเขาออกไปข้างนอก นางชอบขี่ม้า ไม่ชอบอยู่อุดอู้ในรถม้าที่คับแคบตอนที่นางเปิดม่าน จู่ ๆ อ๋องฉีก็คว้าข้อมือนางไว้ "เดี๋ยวก่อน"หยวนหยงอี้หันหน้ามา "มีอะไรรึ?"นางมองย้อนแสงไป จึงมองไม่เห็นใบหน้าอย่างชัดเจน มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่เป็นประกายวิบวับ ความกล้าหาญที่เขารวบรวมมาทั้งหมดก็สลายหายไปอย่างกะทันหัน "ไม่ ข้าแค่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย"หยวนหยงอี้หัวเราะ "ใครบอกให้ท่านดื่มเยอะขนาดนั้นกัน? มาถึงก็คารวะเหล้าให้เขาตั้งสามชาม ถ้าข้าไม่ดื่มให้ท่านสักชาม คืนนี้ท่านได้ถูกหามกลับจวนแล้ว""ทำไมเจ้าถึงช่วยข้าดื่มกัน?" อ๋องฉีจ้องนางและถามหยวนหยงอี้ผายมือของนาง "แค่เห็นท่านเมาไม่ได้ เห็นอยู่ชัดเจนว่าท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้แม่ทัพเฉิน"อ๋องฉีโกรธ "ทำไมเจ้าถึงดูถูกข้าอยู่ตลอด?"หยวนหยงอี้ตกใจ "งั้นหรือ? ข้าดูถูกท่านตอนไหนกัน?"“เจ้าไม่ได้ดูถูกงั้นรึ?” อ๋องฉีถามกลับหยวนหยงอี้กล่าวว่า "ไม่แน่นอน ข้าจะดูถูกท่านได้อย่างไร? ทำไมท่านถึงมีความคิดเช่นนี้?"อ๋องฉีตบท

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1001

    หยวนหยงอี้นั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองใบหน้าร้อนเห่อของนางด้วยหัวใจที่เต้นแรงนางถอนหายใจเบา ๆ แล้วลูบหน้าตัวเอง ทั้งที่รู้ว่าทำไปก็ไม่ได้อะไรใจเต้นแบบนี้เป็นแค่ความรู้สึกชั่ววูบ ซึ่งนางไม่อยากรู้สึกเช่นนี้ว่าไปแล้วตอนที่นางแต่งงานกับเขา นางช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน คิดว่าหลังจากจบเรื่องนี้แล้ว นางจะสามารถโบยบินไปสุดขอบโลก ใช้ชีวิตตามที่นางต้องการได้ แต่ตอนนี้นางได้ผ่านอะไรมากมายกับเขา ความคิดของนางจึงค่อย ๆ เปลี่ยนไปไม่ใช่ว่านางอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ แต่สิ่งที่นางต้องการคือหลักประกันที่มั่นคง และความรักที่จริงใจฉู่หมิงชุ่ยทิ้งปัญหาใหญ่ไว้ให้พวกเขาคน ๆ นี้ไม่เคยห่างหายจากใจไปเช่นกันนางยอมรับว่าตัวนางเองก็ประทับใจเขาแต่นางก็มีเหตุผลเช่นกัน แค่ใจเต้นแรงไม่ได้หมายความว่านางจะต้องทนอยู่แบบนี้ตลอดไป แต่นี่เป็นเรื่องของทั้งชีวิตนางโหยหาความสัมพันธ์อย่างพี่หยวนกับองค์รัชทายาท พวกเขามีเพียงกันและกันในใจ และไม่มีที่ว่างให้สำหรับคนอื่นนางหวังว่าความสัมพันธ์และการแต่งงานของนางจะเหมือนเดิมอยู่เช่นนั้น แม้ว่าในใจของเขาจะมีฉู่หมิงชุ่ยอย่างเงียบ ๆ แต่นั้นเห็นทีคงจะไม่ได้ความรั

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1002

    หยวนหยงอี้ว้าวุ่นใจจนแทบไม่ได้นอนทั้งคืน และหลับไปด้วยความสะลึมสะลือในตอนเช้าเท่านั้นอย่างไรก็ตาม วันนี้นางสัญญาว่าจะไปเที่ยวกับพี่หยวน ดังนั้นนางจึงตื่นแต่เช้าแม้จะง่วงมากก็ตามอาไฉ่เข้ามารับใช้นาง นางรู้สึกประหลาดใจมากและพูดว่า "วันนี้ท่านอ๋องตื่นเช้ามาก และตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่ลานด้วยเพคะ"เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยวนหยงอี้ก็หัวเราะ "ดูสิว่าเขาจะทำได้สักกี่วัน ถ้าเขาทำได้สักสามวัน ข้าจะถือว่าเขาเป็นผู้ชนะ"ไม่ใช่ว่านางประเมินเขาต่ำไป แต่เขาไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อฝึกวรยุทธ์ เขากินอะไรไม่ค่อยได้ และยังเหนื่อยง่าย ให้เขาอ่านหนังสือ เขียนบทกวี หรือวาดภาพทิวทัศน์สักภาพ ยังง่ายกว่าให้เขาฝึกวรยุทธ์ไปตลอดชีวิตหลังจากที่หยวนหยงอี้เปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปแล้ว ก็เห็นอ๋องฉีกำลังฝึกหมัดอยู่ในลานบ้านดูเหมือนว่าเขาจะฝึกฝนมาสักพักหนึ่งแล้ว ร่างกายของเขาเปียกโชก เม็ดเหงื่อก็หยดลงมาจากหน้าผากของเขาสะท้อนแสงเป็นประกายระยิบระยับเขาต่อยอย่างแรง และมีเสียงปึงปังเมื่อเขาชกเสา กำปั้นและข้อของเขาบวมเล็กน้อย แดงและฟกช้ำ ดูลำบากยิ่งนักเมื่อเห็นหยวนหยงอี้ออกมา เขาก็ยิ้มให้หยวนหยงอี้ เหงื่อไหลลงมาตามใบ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1003

    วันนี้อาซื่อไม่ได้มาด้วย นางได้พาอวี่เหวินห่าวและแม่ทัพเฉินจิ้งถิงไปที่ตระกูลหยวนเพื่อเยี่ยมเยียน นางเองไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมบ้าน ดังนั้นจึงพาแม่ทัพเฉินจิ้งถิงไปด้วยกันหยวนชิงหลิงคิดว่า แม้ว่าจวิ้นจู่จะเกิดมาเป็นแม่ทัพ แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ชื่นชอบเครื่องประดับ ดังนั้นจึงพานางและโม่อี้ไปที่ร้านขายเครื่องประดับเจ้าของร้านทักทายอย่างอบอุ่น มองไปที่สินค้าแวววาวสีทองอร่าม หยวนชิงหลิงไม่รู้จะเลือกอย่างไร จึงมองไปที่เฉินจิ้งหนิงและพูดว่า "จวิ้นจู่ชอบอันไหน?"ดูออกเลยว่าเฉินจิ้งหนิงไม่คุ้นเคยกับการซื้อของ นางเหม่อมองสักพักก่อนที่จะหยิบสร้อยข้อมือขึ้นมาหยวนชิงหลิงจ่ายเงินซื้อมัน แถมเขายังลดราคาจากหนึ่งร้อยตำลึงเป็นเก้าสิบห้าตำลึง อย่างไรก็ตาม หลังจากที่จวิ้นจู่ออกไปได้สักพัก เจ้าของร้านก็คิดเงินนางเพียงห้าสิบตำลึง ซึ่งน่าแปลกมากจริง ๆนางรู้สึกอายมากกับความรู้ตื้นเขินของนาง บังเอิญว่านางได้ยินโม่อี้คุยเฉินจิ้งหนิงว่านางต่อราคาไม่เป็นนั้น นางหูดีมาก พวกเขาพูดกระซิบเสียงเบา นางก็ได้ยินและยิ่งอายขึ้นไปอีกเดินไปจนสุดทาง ได้ยินโม่อี้บอกว่าจะไปดูเครื่องลายครามและนางก็พึมพำเบา ๆ ว่า "หลังจากที่ฉ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1004

    หยวนชิงหลิงพาโม่อี้ไปถึงที่ตำหนักเสี้ยวเยว่แล้วจึงปิดประตู และไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปโม่อี้ดูประหม่ามาก และมองไปที่องค์หญิงรัชทายาทของเป่ยถังอย่างไม่สบายใจ“เชิญนั่ง!” หยวนชิงหลิงมองไปที่โม่อี้และพูดเสียงเบาโม่อี้นั่งลงและลูบมืออย่างประหม่า "สามสถานที่ที่คุณเพิ่งพูดถึง...คุณรู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?"หยวนชิงหลิงก็นั่งลงระงับความตื่นเต้นในใจตัวเอง และถามคำถามเป็นชุด "คุณอายุเท่าไหร่? มาที่นี่ได้อย่างไร? คุณบอกว่ากลับบ้านได้ จริงไหม?"โม่อี้ลังเลที่จะพูด ไม่กล้าพูดห้วน ๆ ไปตามตรง หลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วก็พยักหน้าเบา ๆ "ทุกคนต้องอยากกลับบ้าน"หยวนชิงหลิงพูดอย่างเศร้าสร้อย "ฉันกลับไปไม่ได้แล้ว"โม่อี้มองเธอโดยไม่พูดอะไรสักคำ แต่ท่าทางได้แสดงออกชัดเจนอยู่แล้ว"คุณ..." โม่อี้พูดตะกุกตะกัก เมื่อนึกถึงคำสั่งของผู้แทน เธอรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเมื่อพบคนบ้านเดียวกันที่นี่ ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรแล้ว "คุณมาที่นี่ได้อย่างไร?"หยวนชิงหลิงยิ้มอย่างขมขื่น "ไม่รู้เหมือนกัน ในยุคปัจจุบันเกิดเรื่องขึ้น และหลังจากที่ฉันตื่นขึ้นมาก็มาอยู่ที่นี่แล้ว จนตอนนี้ย

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1005

    หยวนชิงหลิงไม่ได้คิดถึงคำถามนี้ เพราะเธอไม่รู้ว่าจะกลับไปอย่างไร แต่ถ้าเธอให้เลือกจริง ๆ เธอจะกลับไปไหม?ถ้าความสัมพันธ์กับเจ้าห้าและเธอเป็นแบบเมื่อก่อน เธอคงฝันที่จะกลับไปแค่ว่าตอนนี้มีลูกแล้ว และความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาก็ตัดกันไม่ขาด จะกลับไปได้อย่างไร?แต่พ่อแม่และครอบครัวล่ะ?ชั่วขณะนั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวลต่าง ๆ นานาโม่อี้ถามเบา ๆ "ถ้าเป็นห่วงครอบครัวของคุณ? งั้นฉันกลับไปแล้ว ให้ฉันส่งจดหมายครอบครัวคุณไหม?"หยวนชิงหลิงเองก็คิดเช่นนี้ "คุณโม่ ถ้าคุณยอมช่วยล่ะก็ ขอขอบคุณมากจริง ๆ ฉันจะให้พ่อแม่ของฉันจ่ายเงินให้คุณ"โม่อี้ยิ้มเขิน "ค่าตอบแทนไม่จำเป็น แค่ช่วยเรื่องค่าเดินทางไป-กลับให้ฉันก็พอ เพราะฉันอยู่ไกลจากกวางโจวนั่งเครื่องบินไปสามชั่วโมง เงินเดือนของฉันก็ปานกลาง แถมฉันมีน้องสาวที่อยู่ในโรงพยาบาล ค่ารักษาแพงมาก กระเป๋าเงินแทบฉีก"โม่อี้กล่าวออกมา ท่าทางดูละอายใจมากในสังคมของเธอ การพูดเรื่องเงินเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่มาถึงที่นี่แล้วแบกความหวังขององค์หญิงรัชทายาทเอาไว้ การพูดเรื่องเงินในตอนนี้ดูค่อนข้างเย็นชาไปสักหน่อยหยวนชิงหลิงขอบคุณเธอเป็นหมื่นครั้ง แค่มอง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1006

    หลังจากหยวนชิงหลิงจัดการบัญชีเรียบร้อยแล้ว จึงได้เช่าบ้านสองหลังมาก่อน ในขณะเดียวกัน ที่ดินของจวนอ๋องฉู่ได้รับการจัดสรรออกมาส่วนหนึ่งเพื่อสร้างอาคารเรียน และทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินการพร้อมกันก็เป็นอันใช้ได้แล้วบ้านเช่าสองหลังอยู่ติดกัน ดังนั้นจึงสะดวกมาก หลังจากถังหยางจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว หยวนชิงหลิงต้องเตรียมงานส่วนอื่น ๆ และสิ่งที่ยากที่สุดคือการหาอาจารย์แน่นอนว่าการเรียนการสอนก็คือการสอนแพทย์แผนจีน ดังที่อวี่เหวินห่าวพูดถึงเมื่อก่อนหน้านี้ หมอส่วนใหญ่ที่จบการศึกษาจากอาจารย์แล้วจะตั้งโรงหมอเป็นของตนเอง และ "คนไข้มีเงินก็เข้ามาเป็นกอบเป็นกำ" หากหยวนชิงหลิงต้องการจ้างพวกเขา ก็ต้องจ่ายเงินจำนวนมากอย่างไรก็ตาม เงินจำนวนมากเป็นเรื่องรอง พวกเขาไม่เต็มใจที่จะเชิญพวกเขาให้ฝึกอบรมหมอชาวบ้านมาเพื่อแข่งขันทางธุรกิจกับพวกเขาในอนาคตหรอก ดังนั้นนี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากยิ่งกว่านั้นหากจะสอนก็ย่อมต้องหาหมอที่มีคุณธรรมสูงส่ง และทักษะทางการแพทย์ที่เป็นเลิศตอนนี้นางมีหมอที่ยืมตัวมาเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นคือหมอหลวงเฉา แต่ถ้านางใช้เขาก็ถือได้ว่าเป็นอาวุธสาธารณะเรื่องที่ต้องกังวลก็มากพออย

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status