นางเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ลั่วลั่ว เจ้ายังไม่หลับใช่ไหม?”แพขนตาสั่นระริก แต่นางยังคงหลับตาอยู่ และน้ำตาก็ยังคงไหลออกมาจากหางตาใบหน้าของนางดูโศกเศร้าเสียใจ และพยายามอดกลั้นทุกอย่างไว้ในใจ การแสดงของนางถูกฉีกออก นางไม่เหลือความกล้าแม้แต่จะลืมตา เพราะนั่นคือการแสดงครั้งสุดท้ายของนางหยวนชิงหลิงถอนหายใจเบา ๆ และเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้นาง "ไม่เป็นไร ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีกแล้ว ทุกอย่างจบลงแล้ว"น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย หน้าอกนางกระเพื่อมขึ้น และมีเสียงสะอื้นไห้ดังออกมา แต่นางก็ยังคงหลับตาไม่ยอมลืมตาหยวนชิงหลิงไม่พูดอะไร อยู่กับนางอย่างเงียบ ๆ และเช็ดน้ำตาให้นางนางนอนน้ำตาไหลแบบนั้นอยู่นานในท้ายที่สุด หยวนชิงหลิงก็ฉีดยาให้นางหลับไปจริง ๆนางจะได้นอนหลับไปอย่างน้อยสักสองสามชั่วยามหลังจากที่นางออกไป นางขอให้ทุกคนอย่ารบกวนนาง และให้สักคนไปดูแลนาง เพื่อให้นางได้พักผ่อนอย่างสงบกู้ซีพาอ๋องเว่ยกลับไปที่จวนของเขาคนรับใช้ทำความสะอาดกิ่งไม้ที่หักอยู่ข้างนอก ต้นฮว๋ายต้นสูงถูกฟันหักลงมาหลายชิ้น และเขาก็ยังฟันต้นไม้ในสวนอีกต้นเหมยสองต้นที่เพิ่งออกดอก ตอนนี้กิ่งหักระเนระนาดอยู่บนพื้น กิ่งด
อวี่เหวินห่าวไม่มีไข้แล้ว และนอนหลับสนิท เขาหันหน้าไปด้านข้าง หายใจกรนครอกฟี้ด้วยรูจมูกข้างเดียว เสียงเหมือนกับเป่าขลุ่ยด้วยเสียงแหลมยาวหยวนชิงหลิงไม่สนใจที่จะชื่นชมความอัปลักษณ์ของเขา และปีนขึ้นไปที่เตียงจนผล็อยหลับไปทันทีที่นางหลับตา สาบานได้เลยว่านางเพิ่งหลับตาจริง ๆ นางได้ยินหมานเอ๋อร์เข้ามาและพูดว่า "พระชายา พระสนมเสียนเฟยมาที่นี่เพคะ"แม่สามีที่ดี?หยวนชิงหลิงตื่นได้สติขึ้นในทันทีทันใด และในขณะเดียวกัน นางก็รู้สึกขนลุกขนพองไปหมดแม่สามีของนาง พระสนมเสียนเฟยเป็นคนที่ไม่ชอบนางมาโดยตลอดนางค่อย ๆ ลุกย่องลงจากปลายเตียง กลัวว่าจะไปโดนแผลของเขานางโน้มตัวลงไปหอมแก้มเขา อวี่เหวินห่าวยกมือขึ้นจับมือนาง “อย่ากวนสิจะนอน”หยวนชิงหลิงอุทานด้วยความตกใจ และลูบใบหน้าที่มีแผลของเขา “น่าเกลียดจริง!”นางเรียกให้หมานเอ๋อร์แต่งตัวให้นาง จากนั้นรีบออกไปต้อนรับพระนางเสียนเฟยออกจากวังพร้อมขบวนเสด็จได้เอิกเกริกจริงเชียวขันทีและนางกำนัลจากในวังทั้งหมดยืนอยู่ในลานบ้าน เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงออกมา พวกเขาก็ถวายพระพรให้นางหยวนชิงหลิงคิดว่าพระนางเสียนเฟยอยู่ในห้องโถงใหญ่ แต่อาซื่อรั้งนางไว้ และพ
หยวนชิงหลิงยิ้ม "รักษาแล้วเพคะ ถ้าไม่รักษาไข้ก็คงไม่ทุเลา"พระสนมเสียนเฟยหยุดเดิน หันกลับมามองนาง และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า "เจ้าหมายความว่าอย่างไร?หยวนชิงหลิงเกือบจะชนเข้ากับนาง เกือบหยุดฝีเท้าแทบไม่ทัน เมื่อได้ยินดังนั้น นางจึงได้แต่ข่มความรู้สึกที่อยากจะชกเข้าที่เบ้าตาของนางและพูดว่า "มิกล้าเพคะ ลูกสะใภ้ไม่ได้หมายความอย่างนั้น"“แล้วหมายความว่าอย่างไร? ทวงบุญคุณงั้นรึ?” พระสนมเสียนเฟยไม่ยอมปล่อยนางหยวนชิงหลิงจึงหันไปขอความช่วยเหลือกับนางข้าหลวงสี่ และขยิบตาให้นาง นางข้าหลวงสี่จัดการคนปากร้ายเก่งนัก ท่านจัดการเลยนางข้าหลวงสี่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยประคองพระสนมเสียนเฟยด้วยรอยยิ้ม "พระนางเพคะ บ่าวไม่ได้พบท่านมาหลายวันแล้ว ทำไมถึงรู้สึกว่าพระองค์ดูอ่อนเยาว์กว่าเมื่อก่อนมากมากนัก? ดูผิวพรรณขาวใสนี่สิ บ่าวคนนี้คิดว่าตาฝาดไปเสียอีก ไม่ทราบว่าพระนางเสวยยาอายุวัฒนะชนิดใดไป"ผู้หญิงสิบแปดถึงแปดสิบล้วนชื่นชอบให้คนชื่นชมว่ายังเยาว์วัยและสวยงาม แม้ว่าจะรู้ว่านางข้าหลวงสี่กำลังประจบประแจงเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง แต่คำพูดนี้ทำให้ความรู้สึกหงุดหงิดลดลงครึ่งหนึ่ง นางยิ้มและพูดว่า "ดูโม่
เมื่อพระสนมเสียนเฟยได้ยินเรื่องนี้ นางก็เชื่อแค่ครึ่งหนึ่ง นางเองก็เคยได้ยินเกี่ยวกับพฤติกรรมของคุณหนูฮู้มาก่อนนางเติบโตในรังโจรที่จิ้งเป่ย นิสัยจะทำอะไรตามใจ ไม่มีการยับยั้งช่างใจหรือไม่? แบบนี้จะไม่เสื่อมเสียชื่อเสียงหรอกหรือ จะมีพฤติกรรมกำเริบเสิบสานหรือไม่อย่างไรก็ตาม พระสนมเสียนเฟยคิดว่านางเป็นเพียงผู้หญิง จะเป็นไปได้ไหมว่านางจะแข็งแกร่งกว่าผู้ชาย? แค่ทำความสะอาดทำอาหารไม่กี่มื้อก็พอแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ นางสามารถช่วยเหลือเจ้าห้าได้ และพ่อของนางเองก็สามารถช่วยเจ้าห้าได้ด้วย เพื่อการใหญ่ทำไมไม่ลองอดทนดูสักตั้งล่ะ?นางข้าหลวงสี่กลัวว่าหยวนชิงหลิงจะลำบาก นางจึงเข้ามาพร้อมชาและพูดว่า "ข้าชงชาลำไยอบแห้งผสมพุทราแดงและเก๊ากี้ให้พระนางเป็นเป็นพิเศษ มันมีสรรพคุณช่วยบำรุงความงามช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น พระองค์ค่อย ๆ ดื่มนะเพคะ”พระสนมเสียนเฟยหยิบมันขึ้นมาจิบสองคำแล้วกล่าวว่า "รสชาติกำลังพอดี ไม่หวานเกินไป ฝีมือของเจ้าดีขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าเป็นผู้อาวุโสในวัง บางครั้งเจ้าก็ต้องเกลี้ยกล่อมสอนพระชายาอย่างเหมาะสม เป็นผู้หญิงอย่าหึงหวงเกินไป มิฉะนั้นจะทำให้สามีรังเกียจเจ้าได้”นางข้าหลวงส
พระสนมเสียนเฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อไม่เกี่ยวอะไรดับที่นางได้ดุด่าไป และมีคำสั่งลงไปอย่างเด็ดขาด เมื่อนางกลับถึงวัง หากไทเฮาตรัสถามถึงสถานการณ์ ก็ให้บอกว่าพระชายานั้นสบายดีในที่สุดหยวนชิงหลิงก็ถูกพากลับไปที่ห้องของนางเพื่อพักผ่อนได้ นางทิ้งตัวลงบนเตียงและผล็อยหลับไปพระสนมเสียนเฟยไม่อยู่ที่นี่ต่อ นางสั่งให้คนในจวนดูแลนางอย่างดี แล้วกลับวังไปเมื่อขึ้นราชรถแล้ว นึกได้ว่าการออกจากวังครานี้นางต้องเกลี้ยกล่อมลูกห้าแต่งงานกับคุณหนูฮู้ แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้น จนต้องเลื่อนเวลาออกไปก่อนล้มเหลวจริง ๆเมื่อคิดถึงตอนที่ออกจากวังมาแล้ว ความคับแค้นใจพวยพุ่งขึ้นมาด้วยทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง แม้แต่การดุด่าหยวนชิงหลิงเพื่อระบายความโกรธก็ทำเอาตกใจจนเหงื่อเย็นไหลไปหมด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการแต่งงานกับคุณหนูฮู้เลยพระสนมเสียนเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่ง และหลังจากกลับมาถึงวังหลวงแล้ว นางก็เรียกให้คนไปที่จวนจิ้งเป่ย เพื่อเชิญคุณหนูฮู้เข้าวังในวันพรุ่งนี้ลองดูนิสัยของคุณหนูฮู้ หากไม่เลวนัก และยังอยู่ในขอบเขตที่รับได้ นางแค่ต้องพยายามให้มากขึ้นอีกหน่อยพระสนมเสียนเฟยเป็นกังวลยิ่งนักเพราะเ
พระสนมเสียนเฟยมีความสุขมากที่ได้ยินเช่นนี้ แม้จะรู้สึกว่าฮู้กวงติงจะค่อนข้างจะสงวนท่าที แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่ต้องสงวนท่าทีมากนักก็ย่อมได้นางแค่อยากได้คำตอบที่ชัดเจนดังนั้นนางจึงกุมมือฮู้กวงติงแน่นขึ้นเล็กน้อย และเลิกคิ้วอย่างระมัดระวัง แต้มดอกไม้และเอ่ยว่า “เจ้าเองก็คิดเช่นนั้น ช่างดีจริง ๆ”ฮู้กวงติงดูเหมือนมีความสุขมากกว่านางเสียอีก นางยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้เบ่งบาน "ใช่เพคะ หม่อมฉันตั้งตารออยู่"พระสนมเสียนเฟยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินเช่นนี้และกล่าวว่า "วันนี้ข้าสั่งให้คนตุ๋นรังนกไว้ เจ้าอยู่ที่นี่กินด้วยกันสักถ้วยหนึ่ง ข้าจะให้คนไปเชิญฮ่องเต้เสด็จมาที่นี่"คุณหนูฮู้แสดงท่าทีออกมาแล้ว ย่อมต้องให้ฝ่าบาททรงทราบ คำพูดมันแค่ลมปาก หากฝ่าบาทได้ยินด้วยพระองค์เองก็เป็นอันเสร็จสิ้นฮู้กวงติงที่ได้ยินว่าจะเชิญฮ่องเต้เสด็จมาที่นี่ นางก็ตกใจ แล้วกล่าวอย่างสำรวมว่า "ใช่เพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันไม่เกรงใจ อยู่ทานด้วยสักชามหนึ่ง รังนกเป็นสินค้าหายากในจิ้งเป่ยเพคะ"พระสนมเสียนเฟยเห็นว่านางไม่ได้วางอำนาจบาตรใหญ่อย่างที่ข่าวลือภายนอกพูดกัน และนางก็ยิ่งดีใจ หากสิ่งที่หยวนชิงหลิงพูดเป็นความจริง
ชายารองของเจ้าห้าได้ถูกกำหนดแล้วหลังจากนั้นจักรพรรดิหมิงหยวนก็ได้ชวนคุยเล็กน้อย ฮู้กวงติงค่อย ๆ ลดความประหม่าลง และพูดคุยตอบโต้อย่างคล่องแคล่วเหมาะสม จักรพรรดิหมิงหยวนคิดว่านางต้องเป็นภรรยาที่ดีได้แน่ ๆเมื่อลองเทียบกับหยวนซือแล้ว...ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย นอกจากนี้ หยวนซือยังรู้วิชาแพทย์ มีเหตุผลละเอียดอ่อน ทำให้ไท่ซ่างหวงมีความสุข และมีความตรงไปตรงมา ส่วนที่เหลือนั้น ไม่เทียบเท่ากับชายารอง...คุณหนูฮู้หลังจากนั้นจักรพรรดิหมิงหยวนพูดคุยกับพระสนมเสียนเฟย ฮู้กวงติงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั้นมองจ้องไป และพยายามสงบลมหายใจนางเองก็เป็นคนก้าวร้าว แต่เพื่อสิ่งที่ชอบ นางจะพยายามอย่างเต็มที่ให้ได้มันมาและครั้งนี้ก็เช่นกันแต่ครั้งนี้รู้สึกประหม่ามากจริง ๆแปดปีแล้ว ตั้งแต่ผ่านพิธีปักปิ่นมา ท่านพ่อก็พูดถึงเรื่องแต่งงานของนาง และนางก็ปฏิเสธมาตลอดนางรอเขามาตลอดตอนนี้นางกลับมาแล้ว นางจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มาจักรพรรดิหมิงหยวนและพระสนมเสียนเฟยพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง และดูเหมือนว่าทั้งคู่จะใจตรงกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเดินออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มฮู้กวงติงรีบเหลือบมองจักรพรรดิหมิงหยวน
จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เจ้าเมืองจิ้งเป่ยโลภมากเกินไปแล้ว แม้ว่าตอนนี้เขาจะได้รับแต่งตั้งเป็นโฮ่ว แต่ก่อนที่เขาจะไปที่จิ้งเป่ยนั้น เขาเป็นเพียงแม่ทัพเท่านั้นแม้ว่าในหลายปีมานี้เขาจะลำบากมาไม่น้อย แต่ราชสำนักก็ไม่ได้ปฏิบัติกับเขาและครอบครัวอย่างเลวร้าย และมารดาของเขายังได้พระราชทานยศชั้นหนึ่งให้ ช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่งมิใช่หรือ?อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิหมิงหยวนก็เคยชินกับพวกข้าราชบริพารทุกประเภท ดังนั้นเขาจึงส่ายหน้าเบา ๆ และตรัสว่า "คนหนุ่มสาวโกรธงอนกันง่าย เป็นข้าเองที่ขอให้นางกลับไปที่บ้านแม่เพื่อคิดทบทวนดู เมื่อทบทวนดีแล้ว ย่อมต้องใจเย็น และสงบสติอารมณ์ได้มากขึ้น”เจ้าเมืองจิ้งเป่ยยิ้มแย้ม “เช่นนั้นหรือ? แต่ดูแล้ว อย่างไรก็ตามเรื่องของครอบครัวอ๋องฉู่ กระหม่อมพูดมากไปคงไม่เหมาะ ใช่แล้ว ฝ่าบาทอยากจะว่าถึงเรื่องการแต่งงานของกวงติง ไม่ทราบว่าเป็นคุณชาติตระกูลไหนพ่ะย่ะค่ะ? ฝ่าบาทอย่าได้หัวเราะเยาะกระหม่อมเลย ลูกสาวของกระหม่อมนั้นเอาแต่ใจ เกรงว่าถ้าธรรมดาจนเกินไป คงไม่เข้าตานาง”กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากไม่ใช่พระชายาเอกของชินอ๋อง เขาย่อมไม่สนใจจักรพรรดิหมิงหยวนไม่รีบร้อนจิ