Share

บทที่ 770

Author: จูน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
หยวนชิงหลิงถามอีกว่า “ตอนนี้อ๋องเว่ยอยู่ที่ไหน?”

“ยังคงอยู่ในจวนจิ้งโฮ่วและไม่ยอมไปไหน กู้ซีเองก็ลากเขาไปไม่ได้ เขาดูเหมือนคนบ้าเสียสติไปแล้ว” อาซื่อเอ่ยอย่างทอดถอนใจ

“กู้ซีเองก็ปราบเขาไม่ได้หรือ?” หยวนชิงหลิงรู้สึกประหลาดใจมากนัก

อาซื่อส่ายหน้า “ประเด็นสำคัญคือ เขาขโมยดาบของกู้ซี และเขาอาละวาดขึ้นมา กู้ซีเองก็กลัวว่าจะทำร้ายคนอื่น และยังเรียกให้ข้ารีบมาเชิญท่านกลับไป”

รถม้ามาถึงจวนจิ้งโฮ่ว อาซื่อ และหมานเอ๋อร์ช่วยประคองหยวนชิงหลิงเข้ามา

เมื่อมาถึงเรือนที่จิ้งเหอจวิ้นจู่พักอยู่ ก็เห็นความโกลาหลจากข้างใน มีคนหลายสิบคนยืนอยู่ข้างหน้าและเฝ้าประตู แม้แต่ฮูหยินเฒ่าและพี่หลุนเหวินก็ออกมาด้วยตัวเอง

อ๋องเว่ยถือดาบยาวไว้ในมือ ยืนอยู่ใต้ต้นฮว๋ายด้วยท่าทางผิดปกติ แววตาดูมืดมนบ้าคลั่ง และเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำ

สีหน้าของเขาหม่นหมองมาก ขอบตาของเขาดำราวกับว่าเขาไม่ได้นอนมานาน และเขากำลังบ้าคลั่งชนิดที่นิ่งเงียบ แต่กำลังรอโอกาสที่จะปะทุได้ทุกเมื่อ

กู้ซียืนอยู่ข้างหน้าเขา ห่างจากเขาไปประมาณหนึ่งฟุต และไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป สายตาจับจ้องไปที่เขา

มีผู้คนมากมายในลานบ้าน แต่บรรยากาศกลับเงียบเกิน
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 771

    นางเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ลั่วลั่ว เจ้ายังไม่หลับใช่ไหม?”แพขนตาสั่นระริก แต่นางยังคงหลับตาอยู่ และน้ำตาก็ยังคงไหลออกมาจากหางตาใบหน้าของนางดูโศกเศร้าเสียใจ และพยายามอดกลั้นทุกอย่างไว้ในใจ การแสดงของนางถูกฉีกออก นางไม่เหลือความกล้าแม้แต่จะลืมตา เพราะนั่นคือการแสดงครั้งสุดท้ายของนางหยวนชิงหลิงถอนหายใจเบา ๆ และเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้นาง "ไม่เป็นไร ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีกแล้ว ทุกอย่างจบลงแล้ว"น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย หน้าอกนางกระเพื่อมขึ้น และมีเสียงสะอื้นไห้ดังออกมา แต่นางก็ยังคงหลับตาไม่ยอมลืมตาหยวนชิงหลิงไม่พูดอะไร อยู่กับนางอย่างเงียบ ๆ และเช็ดน้ำตาให้นางนางนอนน้ำตาไหลแบบนั้นอยู่นานในท้ายที่สุด หยวนชิงหลิงก็ฉีดยาให้นางหลับไปจริง ๆนางจะได้นอนหลับไปอย่างน้อยสักสองสามชั่วยามหลังจากที่นางออกไป นางขอให้ทุกคนอย่ารบกวนนาง และให้สักคนไปดูแลนาง เพื่อให้นางได้พักผ่อนอย่างสงบกู้ซีพาอ๋องเว่ยกลับไปที่จวนของเขาคนรับใช้ทำความสะอาดกิ่งไม้ที่หักอยู่ข้างนอก ต้นฮว๋ายต้นสูงถูกฟันหักลงมาหลายชิ้น และเขาก็ยังฟันต้นไม้ในสวนอีกต้นเหมยสองต้นที่เพิ่งออกดอก ตอนนี้กิ่งหักระเนระนาดอยู่บนพื้น กิ่งด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 772

    อวี่เหวินห่าวไม่มีไข้แล้ว และนอนหลับสนิท เขาหันหน้าไปด้านข้าง หายใจกรนครอกฟี้ด้วยรูจมูกข้างเดียว เสียงเหมือนกับเป่าขลุ่ยด้วยเสียงแหลมยาวหยวนชิงหลิงไม่สนใจที่จะชื่นชมความอัปลักษณ์ของเขา และปีนขึ้นไปที่เตียงจนผล็อยหลับไปทันทีที่นางหลับตา สาบานได้เลยว่านางเพิ่งหลับตาจริง ๆ นางได้ยินหมานเอ๋อร์เข้ามาและพูดว่า "พระชายา พระสนมเสียนเฟยมาที่นี่เพคะ"แม่สามีที่ดี?หยวนชิงหลิงตื่นได้สติขึ้นในทันทีทันใด และในขณะเดียวกัน นางก็รู้สึกขนลุกขนพองไปหมดแม่สามีของนาง พระสนมเสียนเฟยเป็นคนที่ไม่ชอบนางมาโดยตลอดนางค่อย ๆ ลุกย่องลงจากปลายเตียง กลัวว่าจะไปโดนแผลของเขานางโน้มตัวลงไปหอมแก้มเขา อวี่เหวินห่าวยกมือขึ้นจับมือนาง “อย่ากวนสิจะนอน”หยวนชิงหลิงอุทานด้วยความตกใจ และลูบใบหน้าที่มีแผลของเขา “น่าเกลียดจริง!”นางเรียกให้หมานเอ๋อร์แต่งตัวให้นาง จากนั้นรีบออกไปต้อนรับพระนางเสียนเฟยออกจากวังพร้อมขบวนเสด็จได้เอิกเกริกจริงเชียวขันทีและนางกำนัลจากในวังทั้งหมดยืนอยู่ในลานบ้าน เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงออกมา พวกเขาก็ถวายพระพรให้นางหยวนชิงหลิงคิดว่าพระนางเสียนเฟยอยู่ในห้องโถงใหญ่ แต่อาซื่อรั้งนางไว้ และพ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 773

    หยวนชิงหลิงยิ้ม "รักษาแล้วเพคะ ถ้าไม่รักษาไข้ก็คงไม่ทุเลา"พระสนมเสียนเฟยหยุดเดิน หันกลับมามองนาง และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า "เจ้าหมายความว่าอย่างไร?หยวนชิงหลิงเกือบจะชนเข้ากับนาง เกือบหยุดฝีเท้าแทบไม่ทัน เมื่อได้ยินดังนั้น นางจึงได้แต่ข่มความรู้สึกที่อยากจะชกเข้าที่เบ้าตาของนางและพูดว่า "มิกล้าเพคะ ลูกสะใภ้ไม่ได้หมายความอย่างนั้น"“แล้วหมายความว่าอย่างไร? ทวงบุญคุณงั้นรึ?” พระสนมเสียนเฟยไม่ยอมปล่อยนางหยวนชิงหลิงจึงหันไปขอความช่วยเหลือกับนางข้าหลวงสี่ และขยิบตาให้นาง นางข้าหลวงสี่จัดการคนปากร้ายเก่งนัก ท่านจัดการเลยนางข้าหลวงสี่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยประคองพระสนมเสียนเฟยด้วยรอยยิ้ม "พระนางเพคะ บ่าวไม่ได้พบท่านมาหลายวันแล้ว ทำไมถึงรู้สึกว่าพระองค์ดูอ่อนเยาว์กว่าเมื่อก่อนมากมากนัก? ดูผิวพรรณขาวใสนี่สิ บ่าวคนนี้คิดว่าตาฝาดไปเสียอีก ไม่ทราบว่าพระนางเสวยยาอายุวัฒนะชนิดใดไป"ผู้หญิงสิบแปดถึงแปดสิบล้วนชื่นชอบให้คนชื่นชมว่ายังเยาว์วัยและสวยงาม แม้ว่าจะรู้ว่านางข้าหลวงสี่กำลังประจบประแจงเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง แต่คำพูดนี้ทำให้ความรู้สึกหงุดหงิดลดลงครึ่งหนึ่ง นางยิ้มและพูดว่า "ดูโม่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 774

    เมื่อพระสนมเสียนเฟยได้ยินเรื่องนี้ นางก็เชื่อแค่ครึ่งหนึ่ง นางเองก็เคยได้ยินเกี่ยวกับพฤติกรรมของคุณหนูฮู้มาก่อนนางเติบโตในรังโจรที่จิ้งเป่ย นิสัยจะทำอะไรตามใจ ไม่มีการยับยั้งช่างใจหรือไม่? แบบนี้จะไม่เสื่อมเสียชื่อเสียงหรอกหรือ จะมีพฤติกรรมกำเริบเสิบสานหรือไม่อย่างไรก็ตาม พระสนมเสียนเฟยคิดว่านางเป็นเพียงผู้หญิง จะเป็นไปได้ไหมว่านางจะแข็งแกร่งกว่าผู้ชาย? แค่ทำความสะอาดทำอาหารไม่กี่มื้อก็พอแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ นางสามารถช่วยเหลือเจ้าห้าได้ และพ่อของนางเองก็สามารถช่วยเจ้าห้าได้ด้วย เพื่อการใหญ่ทำไมไม่ลองอดทนดูสักตั้งล่ะ?นางข้าหลวงสี่กลัวว่าหยวนชิงหลิงจะลำบาก นางจึงเข้ามาพร้อมชาและพูดว่า "ข้าชงชาลำไยอบแห้งผสมพุทราแดงและเก๊ากี้ให้พระนางเป็นเป็นพิเศษ มันมีสรรพคุณช่วยบำรุงความงามช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น พระองค์ค่อย ๆ ดื่มนะเพคะ”พระสนมเสียนเฟยหยิบมันขึ้นมาจิบสองคำแล้วกล่าวว่า "รสชาติกำลังพอดี ไม่หวานเกินไป ฝีมือของเจ้าดีขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าเป็นผู้อาวุโสในวัง บางครั้งเจ้าก็ต้องเกลี้ยกล่อมสอนพระชายาอย่างเหมาะสม เป็นผู้หญิงอย่าหึงหวงเกินไป มิฉะนั้นจะทำให้สามีรังเกียจเจ้าได้”นางข้าหลวงส

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 775

    พระสนมเสียนเฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อไม่เกี่ยวอะไรดับที่นางได้ดุด่าไป และมีคำสั่งลงไปอย่างเด็ดขาด เมื่อนางกลับถึงวัง หากไทเฮาตรัสถามถึงสถานการณ์ ก็ให้บอกว่าพระชายานั้นสบายดีในที่สุดหยวนชิงหลิงก็ถูกพากลับไปที่ห้องของนางเพื่อพักผ่อนได้ นางทิ้งตัวลงบนเตียงและผล็อยหลับไปพระสนมเสียนเฟยไม่อยู่ที่นี่ต่อ นางสั่งให้คนในจวนดูแลนางอย่างดี แล้วกลับวังไปเมื่อขึ้นราชรถแล้ว นึกได้ว่าการออกจากวังครานี้นางต้องเกลี้ยกล่อมลูกห้าแต่งงานกับคุณหนูฮู้ แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้น จนต้องเลื่อนเวลาออกไปก่อนล้มเหลวจริง ๆเมื่อคิดถึงตอนที่ออกจากวังมาแล้ว ความคับแค้นใจพวยพุ่งขึ้นมาด้วยทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง แม้แต่การดุด่าหยวนชิงหลิงเพื่อระบายความโกรธก็ทำเอาตกใจจนเหงื่อเย็นไหลไปหมด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการแต่งงานกับคุณหนูฮู้เลยพระสนมเสียนเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่ง และหลังจากกลับมาถึงวังหลวงแล้ว นางก็เรียกให้คนไปที่จวนจิ้งเป่ย เพื่อเชิญคุณหนูฮู้เข้าวังในวันพรุ่งนี้ลองดูนิสัยของคุณหนูฮู้ หากไม่เลวนัก และยังอยู่ในขอบเขตที่รับได้ นางแค่ต้องพยายามให้มากขึ้นอีกหน่อยพระสนมเสียนเฟยเป็นกังวลยิ่งนักเพราะเ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 776

    พระสนมเสียนเฟยมีความสุขมากที่ได้ยินเช่นนี้ แม้จะรู้สึกว่าฮู้กวงติงจะค่อนข้างจะสงวนท่าที แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่ต้องสงวนท่าทีมากนักก็ย่อมได้นางแค่อยากได้คำตอบที่ชัดเจนดังนั้นนางจึงกุมมือฮู้กวงติงแน่นขึ้นเล็กน้อย และเลิกคิ้วอย่างระมัดระวัง แต้มดอกไม้และเอ่ยว่า “เจ้าเองก็คิดเช่นนั้น ช่างดีจริง ๆ”ฮู้กวงติงดูเหมือนมีความสุขมากกว่านางเสียอีก นางยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้เบ่งบาน "ใช่เพคะ หม่อมฉันตั้งตารออยู่"พระสนมเสียนเฟยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินเช่นนี้และกล่าวว่า "วันนี้ข้าสั่งให้คนตุ๋นรังนกไว้ เจ้าอยู่ที่นี่กินด้วยกันสักถ้วยหนึ่ง ข้าจะให้คนไปเชิญฮ่องเต้เสด็จมาที่นี่"คุณหนูฮู้แสดงท่าทีออกมาแล้ว ย่อมต้องให้ฝ่าบาททรงทราบ คำพูดมันแค่ลมปาก หากฝ่าบาทได้ยินด้วยพระองค์เองก็เป็นอันเสร็จสิ้นฮู้กวงติงที่ได้ยินว่าจะเชิญฮ่องเต้เสด็จมาที่นี่ นางก็ตกใจ แล้วกล่าวอย่างสำรวมว่า "ใช่เพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันไม่เกรงใจ อยู่ทานด้วยสักชามหนึ่ง รังนกเป็นสินค้าหายากในจิ้งเป่ยเพคะ"พระสนมเสียนเฟยเห็นว่านางไม่ได้วางอำนาจบาตรใหญ่อย่างที่ข่าวลือภายนอกพูดกัน และนางก็ยิ่งดีใจ หากสิ่งที่หยวนชิงหลิงพูดเป็นความจริง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 777

    ชายารองของเจ้าห้าได้ถูกกำหนดแล้วหลังจากนั้นจักรพรรดิหมิงหยวนก็ได้ชวนคุยเล็กน้อย ฮู้กวงติงค่อย ๆ ลดความประหม่าลง และพูดคุยตอบโต้อย่างคล่องแคล่วเหมาะสม จักรพรรดิหมิงหยวนคิดว่านางต้องเป็นภรรยาที่ดีได้แน่ ๆเมื่อลองเทียบกับหยวนซือแล้ว...ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย นอกจากนี้ หยวนซือยังรู้วิชาแพทย์ มีเหตุผลละเอียดอ่อน ทำให้ไท่ซ่างหวงมีความสุข และมีความตรงไปตรงมา ส่วนที่เหลือนั้น ไม่เทียบเท่ากับชายารอง...คุณหนูฮู้หลังจากนั้นจักรพรรดิหมิงหยวนพูดคุยกับพระสนมเสียนเฟย ฮู้กวงติงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั้นมองจ้องไป และพยายามสงบลมหายใจนางเองก็เป็นคนก้าวร้าว แต่เพื่อสิ่งที่ชอบ นางจะพยายามอย่างเต็มที่ให้ได้มันมาและครั้งนี้ก็เช่นกันแต่ครั้งนี้รู้สึกประหม่ามากจริง ๆแปดปีแล้ว ตั้งแต่ผ่านพิธีปักปิ่นมา ท่านพ่อก็พูดถึงเรื่องแต่งงานของนาง และนางก็ปฏิเสธมาตลอดนางรอเขามาตลอดตอนนี้นางกลับมาแล้ว นางจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มาจักรพรรดิหมิงหยวนและพระสนมเสียนเฟยพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง และดูเหมือนว่าทั้งคู่จะใจตรงกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเดินออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มฮู้กวงติงรีบเหลือบมองจักรพรรดิหมิงหยวน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 778

    จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เจ้าเมืองจิ้งเป่ยโลภมากเกินไปแล้ว แม้ว่าตอนนี้เขาจะได้รับแต่งตั้งเป็นโฮ่ว แต่ก่อนที่เขาจะไปที่จิ้งเป่ยนั้น เขาเป็นเพียงแม่ทัพเท่านั้นแม้ว่าในหลายปีมานี้เขาจะลำบากมาไม่น้อย แต่ราชสำนักก็ไม่ได้ปฏิบัติกับเขาและครอบครัวอย่างเลวร้าย และมารดาของเขายังได้พระราชทานยศชั้นหนึ่งให้ ช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่งมิใช่หรือ?อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิหมิงหยวนก็เคยชินกับพวกข้าราชบริพารทุกประเภท ดังนั้นเขาจึงส่ายหน้าเบา ๆ และตรัสว่า "คนหนุ่มสาวโกรธงอนกันง่าย เป็นข้าเองที่ขอให้นางกลับไปที่บ้านแม่เพื่อคิดทบทวนดู เมื่อทบทวนดีแล้ว ย่อมต้องใจเย็น และสงบสติอารมณ์ได้มากขึ้น”เจ้าเมืองจิ้งเป่ยยิ้มแย้ม “เช่นนั้นหรือ? แต่ดูแล้ว อย่างไรก็ตามเรื่องของครอบครัวอ๋องฉู่ กระหม่อมพูดมากไปคงไม่เหมาะ ใช่แล้ว ฝ่าบาทอยากจะว่าถึงเรื่องการแต่งงานของกวงติง ไม่ทราบว่าเป็นคุณชาติตระกูลไหนพ่ะย่ะค่ะ? ฝ่าบาทอย่าได้หัวเราะเยาะกระหม่อมเลย ลูกสาวของกระหม่อมนั้นเอาแต่ใจ เกรงว่าถ้าธรรมดาจนเกินไป คงไม่เข้าตานาง”กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากไม่ใช่พระชายาเอกของชินอ๋อง เขาย่อมไม่สนใจจักรพรรดิหมิงหยวนไม่รีบร้อนจิ

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status