หมอหลวงเฉาพูดด้วยรอยยิ้ม "นั่นเป็นเรื่องที่น่ายินดีกับญาติของของฮูหยินเฒ่าจริง ๆ เหตุใดถึงได้มีโชคดีเช่นนี้ ไม่ทราบว่าหมอคนไหนมีฝีมือพอที่จะตรวจพบว่าเป็นเด็กสามคนได้?"ฮูหยินเฒ่ากล่าวว่า "เป็นหมอทั่วไป ไม่แน่ใจนัก แต่ก็มีความเป็นไปได้อยู่ นางจึงรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา"หมอหลวงเฉากล่าวว่า “เช่นนั้นจำต้องกระวนกระวาย ท้องแรกใช่ไหม?”“ใช่ ท้องแรก” ฮูหยินเฒ่ากล่าวหมอเฉากล่าวว่า "ท้องแรกต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ ด้านโภชนาการก็ต้องได้รับการดูแล ต้องออกไปเดินออกกำลังกายอย่างพอเหมาะพอควร แต่อย่าหักโหมเกินไป ต้องพอดิบพอดี หลังจากหกหรือเจ็ดเดือน ถ้าตัวหนัก น่าจะเดินไม่ไหว ต้องนอนพักผ่อน และคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะอาจมีโอกาสคลอดก่อนกำหนดได้มาก ถ้ากรณีนี้ควรมีหมอประจำอยู่ที่จวน ตั้งแต่ช่วงประมาณแปดเดือน ต่อไปจำเป็นต้องเตรียมเงินไว้ให้มาก เตรียมยาเร่งคลอดและโสมเอาไว้ เมื่อคลอดลูกสามคนแล้ว ตัวแม่จะไม่มีแรง ต้องกินน้ำแกงโสมเพื่อฟื้นเรี่ยวแรงก่อนจึงจะคลอดต่อไปได้ คลอกคนแรกยังพอได้ แต่พอคนที่สอง และสามเกิดอาจมีปัญหาได้ หากทารกอยู่ในนั้นนานเกินไป อาจจะหยุดหายใจได้ง่าย ดัง
เมื่อเห็นว่าเขาเป็นลมจริง ๆ ฮูหยินเฒ่าจึงขอให้หญิงรับใช้ซุนไปหยิกเขา ช่วงนี้คนเป็นลมบ่อยจริงเมื่อหมอหลวงฟื้นขึ้นมา ตัวชาไปครึ่งหนึ่ง เขาหันหน้าที่เกือบจะร้องอยู่มะรอมมะร่อมองไปทางฮูหยินเฒ่า “ใครตรวจชีพจรว่าได้แฝดสามกัน? ใครมีความสามารถขนาดนั้น?”“พระชายาเอง”หมอหลวงค่อย ๆ ลุกปีนขึ้นมา “ไม่ได้การ เรื่องนี้ต้องไปกราบทูลฝ่าบาท”ฮูหยินเฒ่ายิ้มแย้ม “หมอหลวง ท่านตรวจชีพจรได้ว่าอย่างไร?”หมอหลวงตกใจ “นั้นก็...”“ถ้าหากพระชายาวินิจฉัยผิดไป? ไม่ใช่แฝดสาม? ไม่ใช่ว่าท่านอาจจะได้รับโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงหรอกหรือ?” ฮูหยินเฒ่าเตือนสติ“นั้นก็...”ฮูหยินเฒ่าเอ่ยอีกครั้ง “ตอนนี้ยังวินิจฉัยไม่ได้ว่าเป็นแฝดสามหรือไม่ ฝ่าบาททรงไม่โทษท่านอยู่แล้ว ท้ายที่สุด ใครจะคิดว่าพระชายาจะได้รับโชควาสนาเช่นนี้? เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ และน่ายินดีจริงเชียว ที่สามารถให้กำเนิดบุตรชายสามคนในคราวเดียว ”หมอหลวงเฉาสติหลุดลอยไปแล้ว จึงไม่ได้ตระหนักถึงจุดนี้ เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง และมองฮูหยินเฒ่าด้วยสายตาจริงจัง “แล้วตามความคิดของท่านเล่า?”ฮูหยินเฒ่าพูดอย่างเด็ดเดี่ยว "ย่อมต้องให้เก็บเป็นความลับก่อน รอให้ท่านสา
ตั้งแต่อวี่เหวินห่าวส่งทหารในจวนไปประจำที่จวนจิ้งโฮ่ว ตอนนี้จวนจิ้งโฮ่วเกือบจะกลายเป็นเรือนย่อยของจวนอ๋องฉู่แล้ว ใครก็ตามที่เข้าหรือออกจะต้องถูกทหารตรวจสอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครัว และพ่อค้านายหน้า สิ่งที่พวกเขาซื้อเข้ามา ทหารจะทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ถ้ามีกลิ่น สีเนื้อ หรือสีผักที่ผิดปกติ ให้ทิ้งไปทันทีพ่อค้านายหน้าแทบอกแตกตาย แต่จะทำอย่างไรได้? เรื่องนี้ฮูหยินเฒ่าก็เห็นด้วย อีกทั้งฮูหยินเฒ่า และหญิงรับใช้ซุนยังจับตาดูในครัวอย่างใกล้ชิดไม่เพียงเท่านั้น บรรยากาศในจวนยังเหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจอยู่ตลอดเวลาในวันที่สามหลังจากที่ท่านโฮ่วกลับไป "ร่วมงานศพ" ทั้งเจ้านายและคนรับใช้ต่างก็คิดถึงเขาพี่ชายของหยวนชิงหลิง อย่างหลุนเหวินที่กลับมาเร็วในหลายวันนี้ เขานำหนังสือหลายเล่มกลับมามอบให้หยวนชิงหลิง บอกว่าหนังสือเหล่านี้ยืมมาจากผู้อาวุโสเหลิ่งจิ้งเหยียน แห่งโรงเรียนหลวงกั๋วจื่อเจียนใต้เท้าเหลิ่งบอกว่า ถ้าอยากอบรมบ่มนิสัยของหลาน ในภายภาคหน้าให้อ่านหนังสือให้มาก โตแล้วจะได้จะสอบได้ตำแหน่งบัณทิตได้” หยวนหลุนเหวินกล่าวอย่างเคร่งขรึม และตรงไปตรงมาหยวนชิงหลิงดีใจเป็นอย่างมาก ที่จริง
คำนี้ดังก้องอยู่ในหูของนางมาสองวันแล้ว นางอยากถามเขาเหลือเกินว่าหมายความว่าอย่างไร แต่ก็ยังหาโอกาสไม่ได้ และไม่รู้จะถามอย่างไรดี“เป็นอะไรไปรึ?” อวี่เหวินห่าวเห็นว่าจู่ ๆ นางก็เหม่อลอยจึงเอ่ยถามหยวนชิงหลิงลังเลอยู่สักครู่หนึ่ง โอกาสมาแล้วแต่พูดถามไม่ออก ทำได้แค่ยิ้มออกมา "ไม่เป็นไร แค่ท่านพูดถึงหมอหลวงขึ้นมาพอดี นึกถึงสีหน้าร้อนรนกระวนกระวายของเขาแล้ว อดขำขึ้นมาไม่ได้น่ะ”“เจ้าขำรึ? เขาแทบร้องไห้ออกมาแล้ว” อวี่เหวินห่าวกล่าวหยวนชิงหลิงพูดอย่างจริงจังว่า “ที่จริงพวกท่านไม่ต้องตื่นตระหนกเช่นนั้นเลย ยิ่งทำให้ข้ากังวลใจมากกว่าเดิม ท้องแฝดสาม ที่จริงก็ไม่มีอะไร ดูแลระมัดระวังให้ดีก็ได้แล้ว”อวี่เหวินห่าวเห็นนางพูดอย่างผ่อนคลาย แต่นั่นไม่ใช่คำปลอบโยนหรอกหรือ?แค่ไม่ควรเพิ่มแรงกดดันให้นางมากจนเกินไปเขาแสร้งทำเป็นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เจ้าไม่กังวล ข้าก็ไม่กังวลแล้ว”หมอหลวงบอกว่าช่วงนี้ควรออกไปเดินออกกำลังกายให้มากหน่อย ดังนั้นอวี่เหวินห่าวจึงจูงมือนางออกไปเดินข้างนอกอากาศหนาวเย็น อวี่เหวินห่าวก็โอบนางไว้แน่น เหมือนนกเพนกวินซื่อบื้อเดินต้วมเตี้ยมจ
น่าเสียดายที่ก่อนที่นางจะมาถึง อวี่เหวินห่าวได้หันหลังเดินกลับไปพร้อมกับหยวนชิงหลิงแล้วนางหวงหยุดอยู่กับที่ด้วยความผิดหวังไม่เห็นนางเดินมารึ? นางทำตัวให้เด่นสะดุดตา ใส่เสื้อสีสดใสเช่นนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมองไม่เห็น? ช่างตาบอดซะจริงนางหวงมองแผ่นหลังของพวกเขาอย่างขุ่นเคืองใจ ไม่รู้จะไปที่อื่นหรือไล่ตามไปดีอีกด้านหนึ่งทั้งคู่เดินไป หยวนชิงหลิงไม่หันกลับไปมอง แค่กระซิบถามออกมาเบา ๆ ว่า “ยังตามมาอยู่ไหม? ไม่ได้ตามมาแล้วใช่หรือไม่?”“ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า คงไม่ได้ตามมาแล้ว” อวี่เหวินห่าวลดเสียงพูดลงอีกหยวนชิงหลิงอืมอยู่ในลำคอ และกล่าวว่า “ช่วงนี้การได้ยินของข้าแย่ลงมาก คลอดลูกหนึ่งครั้งโง่ลงสามปีจริง ๆ”อวี่เหวินห่าวพูดอย่างอบอุ่น "โง่สักหน่อยก็ดี เจ้าก็ควรจะโง่อีกสักหน่อย ฉลาดเกินไปรับมือยาก"“ท่านจะจัดการอะไรข้า?” หยวนชิงหลิงมองไปทางเขาอย่างเฉยชาอวี่เหวินห่าวรีบพูดว่า "ไม่กล้า ๆ มันก็แค่ลมปาก เจ้าท้องอยู่อย่าโกรธนักเลย"“เออ ใช่แล้ว เรื่องของเจ้าเมืองจิ้งเป่ยไปถึงไหนแล้ว” จู่ ๆ หยวนชิงหลิงก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอวี่เหวินห่าวกล่าวว่า “ได้ยินว่าน่าจะมาถึงวันมะรืน ข้าเองก็ไม่
พระชายาซุนพูดด้วยความโกรธ "เจ้าบอกทีว่าทำไมนางถึงได้โง่ได้ขนาดนี้? เฮ้อ ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าสามเลอะเลือนถึงขนาดที่เขาไม่สนใจว่านางจะเป็นหรือตาย เมื่อคืนนี้กู้จืออะไรนั่น ไม่รู้ทำไมถึงล้มกระเทือนถึงครรภ์ เจ้าสามไปเฝ้ากู้จือที่โน่นอยู่ตลอดเวลา ไม่ยอมไปเจอ ให้อีกคนทนเจ็บอยู่เพียงลำพัง"เจ็บทั้งขา เจ็บทั้งใจ ไปพร้อมกันยิ่งไปกว่านั้น พวกหมอไม่มียาแก้ปวดอะไรเป็นพิเศษ ยาจีนให้ผลช้ากว่ายาแก้ปวดเล็กน้อย ซึ่งมันทรมานสำหรับคนที่ขาหักพระชายาซุนมองนาง และพูดขอร้องว่า "เจ้าพอรู้วิธีบรรเทาความเจ็บปวดหรือไม่? เจ้าไปพบนางหน่อยเถอะนะ"หยวนชิงหลิงพยักหน้า “ได้ ข้าจะไปกับท่าน”พระชายาจี้เหลือบมองหยวนชิงหลิง "ทำไมเจ้าถึงมีปัญหามากมายนัก? นี่เป็นเรื่องระหว่างสามีภรรยา"หยวนชิงหลิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ "ข้าไม่ได้เข้าไปถามไถ่เกี่ยวกับสามีภรรยาของพวกเขา แค่อยากดูอาการบาดเจ็บที่ขาของนาง และบรรเทาความเจ็บปวดให้เท่านั้น"พระชายาจี้บ่นพึมพำ "ตอนข้าขอให้เจ้ารักษาข้า ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก คงจะดีกว่าที่เจ้าจะเริ่มไปส่งที่ประตู"หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "พระชายาเว่ยไม่เคยทำร้ายข้า"พระชายาจี้หงุดหงิดพูด
ขาได้พันแผลและดามเอาไว้ กระดูกหัก ที่เจ็บเพราะกระดูกหักนี่เองมือของนางก็ได้รับบาดเจ็บ นางบอกว่าตอนที่โดดลงมาเอามือกุมหัวไว้โดยไม่รู้ตัว แต่เพราะตกลงมากระแทกอย่างแรง หน้าผากเองจึงได้รับบาดเจ็บด้วยหยวนชิงหลิงฉีดยาแก้ปวดให้นาง และสั่งยาอีกสองสามตัวให้นางกิน ระหว่างฉีดยานั้น นางเห็นว่ายาที่นางให้ไว้อยู่ใต้หมอน นางไม่ได้กินยาพระชายาเว่ยสังเกตเห็นว่านางเห็นมันแล้ว จึงช้อนตามอง และพูดอย่างเคอะเขินว่า "นี่มัน... หลังจากนั้น ข้ากินยาระงับประสาทที่หมอหลวงสั่งให้ ข้าจึงไม่ได้กินยาที่เจ้าให้ เพราะกลัวว่าจะยาจะตีกัน "หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ไม่เป็นไร ท่านเก็บมันไว้เถอะ"หลังจากฉีดยาแก้ปวดได้ไม่นาน พระชายาเว่ยก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า "ไม่เจ็บมากแล้วจริงด้วย"เมื่อครู่นางดื้อต่อต้านการฉีดยาเล้กน้อย นางไม่ชอบการฝังเข็มโดยเฉพาะเข็มอันใหญ่มีน้ำข้างในด้วยพระชายาซุนถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางหัวเราะ และต่อว่าขึ้นมาว่า "ดูเจ้าสิ เจ้ายังไม่เชื่อข้าเลย"นางหัวเราะและต่อว่า ทันใดนั้นขอบตาของนางก็แดงก่ำ “เจ้าเป็นอะไรไปกันแน่? กรีดข้อมือยังไม่สาแก่ใจ เช่นนั้นเจ้าจึงกระโดดลงมาจากตึกรึ? เจ้ากำลัง
“เจ้าเองก็คิดว่ามีคนผลักด้วยหรือ?” เมื่อเห็นว่านางเงียบ พระชายาซุนจึงเอ่ยถามด้วยความตกใจหยวนชิงหลิงพยักหน้าเล็กน้อย "อืม ข้าเห็นด้วยกับที่พระชายาจี้ว่ามา ข้าไปดูห้องใต้หลังคาได้ไหม?"“ได้สิ แต่พระชายาฉู่ต้องระวังนะ" ใบหน้าของพระชายาเว่ยซีดลง นางเรียกสาวใช้ให้เข้ามา และพาหยวนชิงหลิงไปที่ตึกเถียนเพื่อดูพระชายาทั้งสามไปกันหมด หมานเอ่อร์ และอาซื่อก็ย่อมตามไปด้วยตึกเถียนไม่ได้สูงมากนัก มองดูแล้วอยู่ที่ประมาณสองฟุตสูงกว่า ประมาณตึกหนึ่งชั้นด้านล่างของตึกเถียนมีขนาดเทียบเท่ากับศาลา ด้านเหนือและใต้ล้อมรอบด้วยกำแพง และมีการสร้างเสาขนาดใหญ่สองเสาที่ด้านตะวันออกและตะวันตก เพื่อใช้ค้ำยันรองรับชั้นสองบันไดจากด้านในขึ้นชั้นบนมีม่านบังไว้ ไม้ที่ใช้ทำบันไดแข็งและทนทานมาก ตอนเดินไม่มีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดแม้แต่น้อยขึ้นไปที่ชั้นสอง ที่เรียกว่าห้องใต้หลังคา เพราะมีห้องอยู่ในนั้น มองโครงสร้างอาคารแบบทันสมัย ระเบียงถูกสร้างขึ้นนอกห้องใต้หลังคา สามารถนั่งบนระเบียงและชมทิวทัศน์ด้านนอกได้ราวบันไดเตี้ยมาก สูงประมาณแปดเซนติเมตร ซึ่งค่อนข้างอันตรายหยวนชิงหลิงเพียงแค่มองไปข้างนอก จากนั้นกลับไปที่ห้อ