ฮูหยินรองเฒ่าหัวเราะเยาะเย้ย "ขอโทษนะพี่สะใภ้ สัญญาซื้อขายตัวของพวกเขาอยู่ที่ข้า พ่อค้าทาสมาที่บ้าน แต่ไม่มีสัญญาซื้อขายตัวของพวกเขา ก็พาตัวพวกเขาไปไม่ได้อยู่ดี"หญิงรับใช้ซุนหัวเราะเล็กน้อย “ฮูหยินรองเฒ่า ท่านบอกว่าช่วงนี้ฮูหยินเฒ่าของเรามักจะไปที่ห้องบัญชี ไปตรวจสอบบัญชีจริง ๆ งั้นหรือ?”ฮูหยินรองเฒ่าตกใจ "พวกเจ้า..."จู่ ๆ สีหน้าของหญิงรับใช้ซุนก็เคร่งครึมขึ้น และพูดอย่างเย็นชาว่า "สัญญาซื้อขายตัวของทุกคนในจวนอยู่ในมือของฮูหยินเฒ่ามานานแล้ว ฮูหยินรองเฒ่ามีแค่สำเนาของการซื้อขายเหล่านี้อีกฉบับหนึ่ง ซึ่งก็คือเป็นของฮูหยินเฒ่ามาตั้งแต่ต้น เจ้าเป็นเจ้านายมานานเกินไป และคงไม่ลืมสินะว่าตั้งแต่ต้น ท่านปีนป่ายขึ้นเตียงของนายท่านรองได้อย่างไร เป็นคนต้องไม่ลืมที่มาของตัวเอง เจ้าเป็นทาสมาก่อน เช่นนั้นวันนี้พวกทาสทั้งหลายลองคิดดูดี หากขายออกไปแล้วคงไม่ได้ไปอยู่ครอบครัวที่ดีเท่าไหร่นัก”ทุกคนต่างตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไรดี หยวนชิงหลิงเฝ้ามองจากภายนอกและยิ้มเล็กน้อย ท่านย่าจะไม่ต่อสู้กับสิ่งที่ไม่แน่นอน การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องชนะ!มีคนรับใช้คนหนึ่งลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
ฉางกงกงเมื่อเจอหยวนชิงหลิงจึงทำความเคารพนางก่อน แล้วจึงคารวะฮูหยินเฒ่าหยวนชิงหลิงและฮูหยินเฒ่าจึงทำความเคารพตอบ และต้อนรับพาฉางกงกงเข้าไปด้านในที่ยังถกเถียงกันไม่เสร็จ พอได้ยินว่ามีคนจากในวังมาก็รีบมามุงดูอยู่ข้างนอกฉางกงกงนั่งลงและมองหยวนชิงหลิง “ไท่ซ่างหวงทรงคิดถึงพระชายา จึงเรียกให้กระหม่อมมาเยี่ยมดูว่าพระชายาสบายดีหรือไม่?”เดิมทีหยวนชิงหลิงไม่ได้คิดอยากจะรบกวนไท่ซ่างหวงแม้แต่น้อย แต่เจ้าห้าไปรบกวนพระองค์แล้ว จึงไม่อาจสำรวมได้อีกต่อไป และกล่าวอย่างเศร้าสร้อยว่า “ลำบากทำให้เสด็จปู่คิดถึงแล้ว ข้าไม่ค่อยสบาย กินข้าวไม่ค่อยลง”ฉางกงกงรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย จึงพูดว่า "พระชายา เรื่องของเรื่อง ร่างกายของท่านเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ท่านต้องกินอะไรบ้าง หากไท่ซ่างหวงทรงทราบ พระองค์ต้องเป็นห่วงท่านแน่"หยวนชิงหลิงสูดจมูก "ข้าเข้าใจแล้ว กงกงรบกวนท่านได้โปรดบอกไท่ซ่างหวงให้ดูแลสุขภาพ ถนอมพระวรกายด้วย"“ไท่ซ่างหวงสบายดีมากพ่ะย่ะค่ะ” ฉางกงพูดต่อ “คำพูดของพระชายา หม่อมฉันจะนำไปกราบทูลให้ทรงทราบเอง”ส่วนข้างนอก ฮูหยินรองเฒ่าที่ได้ยินก็รู้สึกแปลกใจนัก ไม่ใช่ว่าราชวงศ์ขับไล่ไสส่งนางหรอกหรือ
“บ่าว...ไม่ได้ยินจริง ๆ เพคะ” หมานเอ๋อร์กล่าวอย่างตื่นตระหนกหยวนชิงหลิงเห็นว่านางตื่นกลัวมากพอแล้ว จึงยิ้มและกล่าวว่า “เอาล่ะ หมานเอ๋อร์เจ้ากับอาซื่อออกไปเถอะ ไม่ต้องอยู่รับใช้ในนี้หรอก”หมานเอ๋อร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จึงรีบย่อกายทำความเคารพ และออกไปกับอาซื่ออวี่เหวินห่าวกล่าว “ทำไมไม่ต้องอยู่รับใช้? ข้ามาที่นี่ น้ำชายังไม่ได้ดื่มสักอึกเลย? นี่จะมื้อเที่ยงแล้วมิใช่หรือ? ใครจะมารับใช้ตอนกินข้าวเที่ยงกัน?”หยวนชิงหลิงลุกขึ้นมองเขาอย่างหงุดหงิด “มาวางกล้ามใหญ่โตเป็นท่านอ๋องที่นี่หรือ? ไม่ใช่ว่าท่านมาได้แค่ครึ่งชั่วยามหรอกหรือ?”อวี่เหวินห่าวพูดอย่างโอ้อวดว่า “ตอนนี้อยู่ยาวได้ เสด็จพ่อมีรับสั่งให้ข้ามาจับตาดูเจ้ากินข้าวทุกวัน วันละสามมื้อ วันหลังข้าจะมาที่นี่แต่เช้า”“วันนี้ทำไมท่านไม่มาให้ไวกว่านี้?” หยวนชิงหลิงเดินไปและหาที่เอนตัวลง ช่วงนี้ร่างกายหนักเดินไม่กี่ก้าวก็เหนื่อยแล้วอวี่เหวินห่าวปิดหน้าต่างลง และเรียกให้หมานเอ๋อร์ไปจุดเตาอุ่นหยวนชิงหลิงพูดว่า “เรื่องยังไม่เกิดอย่าตื่นตระหนกไปก่อนเลย จุดเตาถ่านในห้องนี้ก็ไม่ใหญ่มาก หากจุดเตาในห้องปิดทึบมันอันตราย”“อันตรายอย่างไร
หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ท่านรีบบอกมาสิ”อวี่เหวินห่าวจับมือนาง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก "บอกข้าที สภาพการตายของคนที่ตายแบบนี้เป็นอย่างไร? เจ้าอาวาสได้บอกเจ้าไว้หรือไม่?"หยวนชิงหลิงมองไปที่เขาและพูดว่า "ว่ากันว่าก่อนตาย จะรู้สึกวิงเวียน อ่อนแรง และอาเจียน ส่วนสภาพการตายนั้น... ไม่ได้บอกไว้"นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สำหรับสภาพการตาย แม้ว่าท่านเจ้าอาวาสจะไม่ให้เกียรตินางแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมาพูดอธิบายถึงสภาพการตายต่อหน้านาง?ดังนั้นนางจึงนิ่งเงียบไม่พูดถึงดีกว่า“ใบหน้าของคนตายเป็นสีชมพูหรือไม่?” อวี่เหวินห่าวถามนางตกใจ "ก็เป็นไปได้ ท่านเคยเห็นหรือ?"อวี่เหวินห่าวมองนางด้วยสีหน้าจริงจัง "แม่ของน้องเก้า หลัวกุ้ยผิน เจ้าน่าจะเคยได้ยินมาก่อน"“ได้ยินมาว่านางถูกประหารเพราะวางยาพิษฮองเฮาและองค์ชายเก้าก็มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงทำให้แต่งตั้งเป็นอ๋องไม่ได้” หยวนชิงหลิงกล่าวฮองเฮาไม่ได้เกลียดองค์ชายเก้าแบบธรรมดา นางไม่แม้แต่อยากจะพบเขาด้วยซ้ำ หากฝ่าบาทไม่ปกป้องเขาไว้ ฮองเฮาอาจฆ่าเขาไปแล้ว"หากสิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริง หลัวกุ้ยผินอาจไ
อวี่เหวินห่าวจูบหน้าผากนาง แต่เขาก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี และบอกย้ำอีกครั้งว่า "พรุ่งนี้หากมีโอกาสให้รีบจัดการ ใช้วิธีการที่เจ้าเคยใช้จัดการกับข้าก่อนหน้านี้ได้เลย อย่าใจอ่อนเด็ดขาด"หยวนชิงหลิงหัวเราะขึ้นมา "ข้าไม่ได้จัดการอะไรท่านสักหน่อย""ไม่มีที่ไหน?" อวี่เหวินห่าวจำฝังใจว่า เขาขยับทีไรย่อมโดนฝังเข็มทุกที พอฝังเข็มแล้วก็ขยับเขยือนไม่ได้“รีบไปเถอะ จู้จี้จุกจิกเสียจริง” หยวนชิงหลิงพูดอย่างยิ้มแย้มแววตาของอวี่เหวินห่าวเปี่ยมไปด้วยความคิดถึง "เช่นนั้นข้าไปแล้ว"“ไปเถอะ ๆ” หยวนชิงโบกมือไล่อวี่เหวินห่าวถอนหายใจแล้วหันกลับมา "เหมือนไล่แมลงวันไม่มีผิด ข้ามันน่ารำคาญนักหรือไง? เฮ้อ แต่งภรรยาไม่ดีเลย!"หยวนชิงหลิงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้แต่ขณะที่กำลังหัวเราะอยู่นั้น จู่ ๆ ในหัวก็นึกถึงใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ดูกร้านโลกขององค์ชายเก้าขึ้นมานางจำได้อย่างชัดเจน คือเขาแอบอยู่หลังซุ้มประตูแล้วโผล่หัวออกมาดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่จึงค่อยก้าวออกมาเขาเป็นถึงองค์ชาย แต่ชีวิตของเขากลับเลวร้ายยิ่งกว่าข้าทาสเสียอีกหวังว่าในท้ายที่สุด การรื้อคดีครั้งนี้จะช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหลัวกุ้ยผินได้แต
หยวนชิงหลิงจึงถามไปต่อว่า "มีหน้าต่างปิดตายในห้องของโม่โม่คนนั้นหรือไม่?"โม่โม่เอ่ยว่า “มีเพคะ”“ท่านแน่ใจนะ?”โม่โม่พูดว่า "แน่เพคะ ไม่ใช่แค่นางเท่านั้น หน้าต่างในห้องเดิมของข้าก็ปิดสนิท ช่องหน้าต่างนี้ไม่มีบานหน้าต่าง ในฤดูหนาวลมพัดแรงมาก หนาวยิ่งนัก"“ไม่มีบานหน้าต่าง ถ้าฝนตกลงมาเล่า?” หยวนชิงหลิงผงะไป นางไม่เคยเห็นห้องที่โม่โม่อาศัยอยู่ในวังจริง ๆ จึงไม่รู้ว่ามันหน้าตาเป็นอย่างไรโม่โม่ยิ้มแล้วพูดว่า "ฝนไม่สาดหรอกเพคะ หน้าต่างบานเล็กมีขนาดสองรูเท่ากำปั้น แถมมีเฉลียงข้างนอก หน้าต่างก็สูง ฝนไม่สาดเป็นแน่" หยวนชิงหลิงพูดอย่างสงสัย "แปลก ถ้าหน้าต่างบานอื่นถูกปิดด้วย และจุดเตาในฤดูหนาวแบบนี้ ก็มีโอกาสที่จะถูกพิษได้มาก"นางข้าหลวงสี่โบกมือ "พระชายา พวกนางจะไปหาถ่านมาจากไหน แม้ว่าเจ้านายจะให้รางวัล มันก็แค่หนึ่งหรือสองเฉียนต่อเดือน และก็คงทนไม่ได้ที่จะเผาเงินเล่นในคืนเดียว แต่เรื่องการจุดเตาแล้วเป็นพิษนั้น ไม่เคยได้ยินเลย”หยวนชิงหลิงรู้สึกประหลาดใจ จึงพูดไปต่อว่า "ไม่มีถ่าน? แล้วทำไมท่านอ๋องถึงเล่าให้ข้าฟังว่า ตอนที่โม่โม่เสียชีวิต ในห้องก็จุดเตาถ่าน?""บางทีนี่อาจเป็นรางวัลที
“จริงหรือ?” ตาทั้งคู่ของอวี่เหวินห่าวแทบถลนออกมา“เคยพูดเช่นนั้นจริง” ท่านเจ้าอาวาสกล่าวอวี่เหวินห่าวนั่งลงข้าง ๆ เขา "ไม่ใช่ ข้าหมายถึงคนสามารถตายได้จริงหรือ?""ก็ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ในนั้นนานแค่ไหน ห้องใหญ่แค่ไหน และอากาศมีการไหลเวียนถ่ายเทอย่างไร"อวี่เหวินห่าวกล่าวว่า “ห้องเล็กปิดสนิทตลอดทั้งคืน”ท่านเจ้าอาวาสพนมมือขึ้น “นะโมอมิตาพุทธ ถ้าเป็นเช่นนั้น การถูกพิษตายนั้นก็มีความเป็นไปได้สูง”“พิษนั้นมาจากไหน? พิษนั้นเรียกว่าอะไรกัน?” อวี่เหวินห่าวงุนงงไปหมดท่านเจ้าอาวาสมองเขาด้วยสายตาเวทนา คนน่าสงสารผู้นี้ มองดูก็รู้แล้วว่าไม่เก่งเคมีท่านเจ้าอาวาสเริ่มเผยแพร่ความรู้วิทยาศาสตร์บนสารานุกรมไป่ตู้ว่า "เป็นเช่นนี้ เมื่อคนถูกขังอยู่ในพื้นที่ปิด และจุดไฟเผาถ่าน กระบวนการเผาไหม้จะใช้ออกซิเจนในห้องปิด หลังจากนั้นการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของคาร์บอนและออกซิเจนจะรวมกัน เป็นคาร์บอนมอนอกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์สามารถรวมตัวกับฮีโมโกลบินในเลือดได้รวมตัวกันแน่น จนสูญเสียความสามารถในการแลกเปลี่ยนก๊าซ และคนก็เสียชีวิตจากพิษของคาร์บอนมอนอกไซด์ และภาวะขาดออกซิเจนในที่สุด"ท่านเจ้าอาวาสพูดจบก็มองเขาอย่
อวี่เหวินห่าวถามเจ้าอาวาสว่า อยากจะเข้าวังกับเขาไหม ท่านเจ้าอาวาสกล่าวปฏิเสธ “อาตมาไม่เข้าวัง แต่อาตมาจะเขียนจดหมายฉบับหนึ่งเพื่ออธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพียงแต่ท่านอ๋องต้องเตรียมใจว่า ฝ่าบาทอาจจะไม่อยากรื้อคดีของหลัวกุ้ยผินก็เป็นได้”แววตาของอวี่เหวินห่าวหม่นหมองลง "ข้าเองก็รู้ แต่ก็ต้องลองดู มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอนาคตของน้องเก้า และชีวิตของทุกคนของตระกูลหลัว ผู้ชายส่วนใหญ่ในตระกูลหลัวถูกส่งไปยังชายแดน ที่ชายแดนยากลำบากนัก มันเป็นเรื่องยากที่จะอยู่รอดเป็นเวลาห้าหรือสิบปี หากไม่รื้อคดี พวกเขาจะไม่มีวันกลับมาที่เมืองหลวงได้อีกตลอดชีวิต และคงตายลงในชายแดนเท่านั้น”แววตาของท่านเจ้าอาวาสเป็นประกาย “ท่านอ๋อง มันเป็นธุระของคนอื่น ทำไมท่านต้องกังวลด้วย?”อวี่เหวินห่าวกล่าวว่า "มีเหตุผลสองประการ ประการแรกคือข้ายังเป็นผู้ว่าการของจวนจิ้งเป่า หากมีคดีที่ตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม ข้าก็มิอาจเพิกเฉยได้ ประการที่สองคือข้าต้องการให้ขุนพลหลัวกลับไปที่ที่กององค์รักษ์เงา”“ที่กององค์รักษ์เงาเกิดอะไรขึ้นหรือ?” ท่านเจ้าอาวาสเอ่ยถาม“ข้างในมีคนคิดไม่ซื่อ ไม่จงรักภักดีกับเสด็จปู่”ท่านเจ้าอาวาสตกใจยิ่ง