อาซื่อที่อดทนอยู่ครู่หนึ่งแล้วนั้น เมื่อได้ยินหยวนชิงหลิงสั่งลงมาก็รีบลุกขึ้น และเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ฮูหยิน พระชายาของพวกเราต้องการพักผ่อน เชิญท่านกลับไปก่อน”นางหวงคิดว่าสามีไม่ชอบนางแล้ว ลูกสาวที่ถูกหย่ากลับมายังกล้าด่านางอีก ก็พาลโกรธเลือดขึ้นหน้า “พระชายาอันใดกัน? ถูกหย่ากลับมาแล้ว ยังจะถือยศถืออย่างอะไรอีก? ข้าเป็นแม่เจ้านะ เจ้ากล้าดีอย่างไรมาพูดจาหยาบคายเช่นนี้กับข้าได้?”“ลากออกไป!” หยวนชิงหลิงโกรธจนปวดท้องขึ้นมา จึงพูดสั่งอาซื่อออกไปตรง ๆ อาซื่อคว้าเอวนางหวงไว้ นางหวงตกใจมาก “เจ้าคิดจะทำอะไร...อ๊ะ ปล่อยข้านะ...”อาซื่อออกแรงยกเอวนาง อุ้มนางออกไปข้างนอก และพบว่ามีคนสองคนกำลังรีบเดินเข้ามา อาซื่อที่ได้เห็นก็ดีใจ และวางนางหวงลงทันที “ท่านอ๋องมาแล้ว!”อวี่เหวินห่าวก้าวเข้าไปพร้อมเสียงตะโกนของนาง หยวนชิงหลิงที่ออกมาพอดี ก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดลมหายใจที่คุ้นเคย เสื้อผ้าที่คุ้นเคย และริบฝีปากที่คุ้นเคยที่ประทับลงบนหน้าผาก นางยื่นมือไปกอดเขาเอาไว้ รู้สึกน้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความดีใจนางข้าหลวงสี่และหมานเอ๋อร์รีบถอยออกไปปิดประตูนางหวงที่อยู่ด้านนอกทั้งตกใจและดีใจ “ลูกเขยของข้าม
หยวนชิงหลิงฝืนยิ้มเจื่อนออกมา "ถ้าอย่างนั้นคุณหนูฮู้...ท่านคิดเห็นเช่นไร?"“คิดเห็นอันใด? ข้าไม่แต่งหรอก” อวี่เหวินห่าวเคร่งเครียดขึ้นมา “ทุกอย่างนั้นล้วนปรึกษาหารือกันได้ แต่เรื่องนี้ไม่ได้”“พอมีทางแก้ไขไหม?” หยวนชิงหลิงถามอวี่เหวินห่าวโอบเอวของนาง จากนั้นกอดนางเบา ๆ ให้นางเอนตัวลง เขาก้มลงฟังเสียงเคลื่อนไหวในท้องของนางและพูดว่า "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราสักหน่อย ถ้าเจ้าเมืองจิ้งเป่ยก่อการคิดไม่ซื่อ ก็ให้เสด็จพ่อเป็นคนจัดการ มันเกี่ยวอะไรกับพวกเรา? ข้าไม่ใช่พ่อพันธุ์ม้าที่จะเข้าไปเกี่ยวดองกับลูกสาวเขา เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้รึ? เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าอยากแต่ง เสด็จพ่อก็แต่งเองสิ”เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความผิดหวังเล็กน้อย "เจ้าเด็กคนนี้ขี้เกียจเกินไปแล้ว ที่บ้านเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังนอนได้อีก ไม่ลุกขึ้นมาทักทายพ่อบ้างเลย"หยวนชิงหลิงเอื้อมมือไปลูบท้องนาง "ท่านอย่าว่าลูกเลย ตั้งแต่กลับมา ลูกก็ไม่ขยับตัวเลย"“ไม่มีอะไรผิดปกติใช่หรือไม่?” สีหน้าของอวี่เหวินห่าวเปลี่ยนไปทันทีหยวนชิงหลิงเอ่ยว่า "ไม่หรอก ข้าเองก็ดูอยู่ อาจเป็นเพราะข้าอารมณ์ไม่ดี และขี้เกียจขยับเขยือน เด็กก็เลยไม
จิ้งโฮ่วไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ลานด้านหน้าและด้านหลัง เขาสวมเสื้อคลุมบุนวมผ้าฝ้ายหนา และซ่อนตัวอยู่ด้านหลังในเรือนข้างประตูเล็ก รู้สึกไม่สบายใจอย่างมากแต่เพื่อความปลอดภัย เขาเรียกให้คนไปตามฮูหยินรองเฒ่า ให้นางไปดูสถานการณ์หน่อยฮูหยินรองเฒ่าเองก็เป็นคนฉลาด ตัวจิ้งโฮ่วเองไม่ไป แล้วมาเรียกคนแก่อย่างนางให้ไป นี่มันไม่น่าตลกไปหน่อยหรือ?ดังนั้นนางจึงขอให้คนไปบอกปฏิเสธ โดยบอกว่านางรู้สึกไม่ค่อยสบายและปวดหัวมาก จึงไปไม่ได้ ทำให้จิ้งโฮ่วนั้นโกรธมากในทางกลับกัน เมื่อฮูหยินเฒ่าได้ยินว่าอวี่เหวินห่าวมาที่นี่ นางจึงให้หญิงรับใช้ซุนพานางมาที่นี่ทันทีฮูหยินเฒ่ากลัวว่าอวี่เหวินห่าวจะโกรธ แล้วระบายอารมณ์ใส่หยวนชิงหลิง จนทำร้ายทารกในครรภ์ของนาง ดังนั้นนางจึงมาช่วยเกลี้ยกล่อมแต่คาดไม่ถึงว่า เมื่อเข้ามาเห็นอวี่เหวินห่าวก้มหัวฟังเสียงลูกในท้องของหลานสาวตัวเองตลอดเวลา ท่าทางดูมีความสุขยิ่งนักนางตกตะลึงกับภาพตรงหน้านี้เล็กน้อย เหมือนใจร่วงลงพื้น"ท่านย่า!" หยวนชิงหลิงรีบผลักอวี่เหวินห่าวออก และเรียกนางอย่างเคอะเขินอวี่เหวินห่าวลุกขึ้นก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยประคองฮูหยินเฒ่า "ท่านย่า ขออภัย
หญิงรับใช้ซุนรีบเข้ามาช่วย “ข้าจะกล้ารบกวนโมโม่ได้อย่างไร? ให้บ่าวทำเถอะ”“อย่าพูดเช่นนั้นเลย” นางข้าหลวงสี่ยิ้มและกล่าวว่า “ข้าเองก็คอยรับใช้พระชายาเช่นกัน”นางยืนยันจะเก็บกวาดด้วยตัวเองฮูหยินเฒ่าจึงสั่งหญิงรับใช้ซุน “ไปเตรียมอะไรสักอย่างมาให้ท่านอ๋องและพระชายาได้ทานสักหน่อย”หญิงรับใช้ซุนรีบออกไปจัดเตรียมด้วยตัวเองรอทั้งคู่กินมื้อดึกแล้ว หมานเอ๋อร์ก็ไปเชิญท่านหมอหลวงเฉามาเมื่อเห็นหมอหลวงมา ฮูหยินเฒ่าก็รู้สึกเป็นกังวลมาก โชคดีที่ได้อาซื่อคอยปลอบว่าจงใจเรียกหมอหลวงมาเพื่อหยุดยั้งฝ่าบาท ฮูหยินเฒ่าจึงสบายใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อยหลังจากเกลี้ยกล่อมแล้วจึงขอให้ฮูหยินเฒ่ากลับไปก่อนหลังจากหมอหลวงเฉาตรวจดูอาการแล้ว ก็บอกอวี่เหวินห่าวกับหยวนชิงหลิงว่า “ท่านอ๋อง พระชายาโปรดวางพระทัย พระชายาสบายดี หากได้พักผ่อนกินดื่มตามปกติ ก็จะปลอดภัยเป็นปกติพ่ะย่ะค่ะ”อวี่เหวินห่าวดึงตัวหมอหลวงไปที่หลังฉากบังลม ใช้มือข้างนึงค้ำฉาก และขังหมอหลวงเฉาในอ้อมแขนของตัวเอง และพูดอย่างเป็นกันเองว่า "ท่านหมอหลวง หลังจากออกจากจวนแล้ว จะมีคนหยุดรอท่านอยู่ด้านนอก เพื่อถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของพระชายา ท่านจะตอบเยี่
อาซื่อออกมาช่วยประคองหมอหลวง “ท่านหมอ ข้าจะไปส่งท่านเอง”หมอหลวงถอนหายใจออกมา “แม่นางอาซื่อ ไม่ต้องไปหรอก เจ้ากลับไปดูแลพระชายาเถอะ หากเกิดอะไรขึ้น รบกวนแม่นางอาซื่อรีบมาบอกข้า น่าเสียดาย ฝ่าบาทไม่ให้ข้าอยู่ที่จวนจิ้งโฮ่ว มิฉะนั้น คงคอยเฝ้าดูแลอาการพระชายาได้”พูดจบเขาก็ขึ้นรถม้าเอง และบอกให้อาซื่อกลับไปอาซื่อกลับมาแล้วคุยกับอวี่เหวินห่าวว่า “ท่านอ๋องวางใจเถอะ หมอหลวงเฉาเป็นยอดนักโกหกโดยแท้ เขาโกหกได้แบบไม่กระพริบตาเลย ขู่ซะจนเหล่าทหารองค์รักษ์ตื่นตระหนกไปหมด”หยวนชิงหลิงหัวเราะและกระพริบตาเล็กน้อย มองไปทางอวี่เหวินห่าว “ลูกเล่นแบบนี้มีหรือที่เสด็จพ่อจะดูไม่ออก”“เขาจะดูออกหรือไม่ก็ไม่สำคัญ หลานของเขา เขาไม่กังวล ใครจะกังวลได้อีก? เขากังวลก็ต้องสงสัยว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่?” อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมเพื่อให้สามารถอยู่ที่นี่ได้นานขึ้นทุกวัน เขาเองก็ต้องพยายามเช่นกันอวี่เหวินห่าวกล่าวปลอบโยน "เจ้าอย่าคิดมากไปเลย แค่เลี้ยงลูกในท้องให้สบายใจ อยากกินอะไรกิน ดื่มอะไรดื่ม นอนหลับให้เพียงพอ สำหรับคนในจวน ข้าจะขอให้อาซื่อคอยจับตาดูไว้ ใครก็ตามที่รังแกเจ้าทำให้เจ้าลำบาก
“ท่านโกรธงั้นหรือ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถามอวี่เหวินห่าวส่ายหน้า “ไม่ หากจะแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเมืองจิ้งโฮ่วเข้ามาช่วย เขาไม่ได้อยากให้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”จู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า คุณหนูฮู้คนนั้นเขาไม่ชอบ แต่บางทีเจ้าสี่อาจจะชอบก็ได้ตอนนี้เจ้าสี่เผยไต๋ออกมาแล้ว เกรงว่าก้าวต่อไปคงได้รับการสนับสนุนจากเจ้าเมืองจิ้งเป่ยไม่ได้การ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเขาไม่แต่งกับคุณหนูฮู้ ไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือของเจ้าเมืองจิ้งเป่ย แต่เจ้าเมืองจิ้งเป่ยจะช่วยเจ้าสี่ไม่ได้ และแน่นอนว่าเขาไม่สามารถช่วยเจ้าใหญ่ได้ด้วยอวี่เหวินห่าวที่คิดถึงตรงนี้ก็ลุกขึ้นนั่ง “ข้าต้องไปหาจิ้งเหยียน ไปคุยกับเขาหน่อย พรุ่งนี้ข้าจะมาอีก เจ้าก็รีบพักผ่อนนะ”หยวนชิงหลิงที่เห็นสีหน้าของเขาที่จู่ ๆ ก็จริงจังขึ้นมา และยังจะไปหาเหลิ่งจิ้งเหยียนอีก ต้องมีเรื่องเร่งด่วนแน่ นางจึงกล่าวว่า “ได้ เดินทางระวังนะ”“รู้แล้ว!” เขาจูบหน้านาง แววตาเขาไม่อยากจะยอมไป “วางใจเถอะ เจ้าจะได้กลับไปเร็ว ๆ นี้”หยวนชิงหลิงขำเบา ๆ “ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก ข้าอยู่ที่นี่ก็สบายดี”“ข้าไม่วางใจ” อวี่เหวิน
สีหน้าของหยวนชิงหลิงดูโศกเศร้าขึ้นมา "ป้าสามตายแล้ว? สวรรค์ช่างกลั่นแกล้งซะจริง แต่ป้าสามเป็นญาติทางฝั่งท่านแม่ เรียกท่านแม่ไปก็ได้มิใช่หรือ?”จิ้งโฮ่วกลืนน้ำลายและพูดด้วยความยากลำบาก "อาสามของเจ้าก็ตายเช่นกัน ดังนั้นพ่อก็จะไปร่วมงานศพด้วย"“คนสองคนตายพร้อมกัน ฮวงจุ้ยตระกูลแย่ยิ่งนัก” นางข้าหลวงสี่ถอนหายใจเบา ๆจิ้งโฮ่วที่ได้ยินก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อไปหมดฮวงจุ้ยหลุมศพบรรพชนไม่ดีจริงหรือ? ทำไมเขาถึงโชคร้ายตลอดหลังจากสืบทอดตำแหน่ง?ดูเหมือนว่าคราวนี้กลับไปซ่อมแซมหลุมฝังศพของบรรพชนดู เผื่อว่าจะช่วยชีวิตวงศ์ตระกูลรุ่นถัดไปได้หรือไม่จิ้งโฮ่วเศร้าใจมาก เอาไม้ไพล่หลังเดินจากไป บรรพบุรุษหนอ ทำไมท่านไม่ปล่อยควันสีฟ้าออกมาสักเล็กน้อยให้คนรุ่นถัดไปโชคดี ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นบ้าง?ยืนอยู่ในลานบ้านสักพักไม่รู้จะไปที่ไหนดี เลยคิดว่าจะไปหานางหวง แม้ว่าจะเป็นยัยแก่หน้าเหี่ยวแล้วนั้น แต่นางก็เป็นภรรยาเอก อาจจะโชคดีก็ได้ถ้าอยู่ใกล้นางนางหวงไม่อยู่ ถามคนในห้อง คนในห้องบอกว่านางหวงถูกฮูหยินเฒ่าเรียกตัวไปแล้วท่านแม่? จิ้งโฮ่วคิดถึงฐานะอันสูงส่งของท่านแม่แล้ว และเมื่อครู่มีคนมาบอกเขาว่า ตอนที่ท่านอ
สีหน้าของจักรพรรดิหมิงหยวนผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่มู่หรูกงกงกลับรู้สึกโศกเศร้า "เพียงแต่ได้ยินมาหลายคนบอกว่า หมอรักษารักษาตัวเองไม่ได้..."มู่หรูกงกงลอบชำเลืองมองจักรพรรดิหมิงหยวน จักรพรรดิหมิงหยวนจ้องเขม็งมองมาเขาอย่างดุดันมู่หรูกงกงรีบก้มหัวลงทันที นี่จะโจ่งแจ้งเกินไปหรือไม่?เขาพิจารณาตัวเอง ช่วงนี้เขาจะลำพองตัวเกินไปแล้ว กล้าคาดเดาความคิดในพระทัยฝ่าบาทได้แต่ในเมื่อฝ่าบาททรงมองออก แต่ก็ยังพูดทิ้งท้ายไว้ว่า "ทารกในครรภ์ของพระชายาไม่หายไป แต่ไท่ซ่างหวง และไทเฮาทรงคาดหวังและรอคอยอยู่"จักรพรรดิหมิงหยวนเคาะโต๊ะ "เอาล่ะ หุบปากซะ!""พ่ะย่ะค่ะ บ่าวพูดมากไปแล้ว" มู่หรูกงกงพูดจบแล้วนั้น จึงค่อยขออภัยโทษจากฝ่าบาทจักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกให้ใจอ่อน แต่ก็กังวลเรื่องหลานของตัวเองจึงกลั้นพูดอย่างเย็นชาว่า “ไปบอกเจ้าห้าไปได้ทุกวันได้นานขึ้นครึ่งชั่วยาม กินข้าวกับนางสามมื้อ จับตาดูให้นางกินข้าวไว้ สั่งให้หมอหลวงเฉาไปอยู่เตรียมพร้อมที่จวนจิ้งโฮ่ว หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นให้รีบมารายงานข้าทันที”มีรอยยิ้มแอบแฝงในแววตามู่หรูกงกง “พ่ะย่ะค่ะ บ่าวจะรีบไปถ่ายทอดรับสั่งของพระองค์ที่จว
ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว
อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ
เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก
พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน
มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ
หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา
ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี
หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว
เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม