Share

บทที่ 626

Author: จูน
ทุกคนในห้องโถงต่างรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างฉับพลัน พระชายาซุนรีบเข้าไปหาอาซื่อ และพูดขอให้นางช่วย “อาซื่อ เจ้ารู้วรยุทธ์ รีบตามนางไปเถอะ ห้ามอย่าให้นางวางเพลิงขึ้นมาจริง ๆ เลย”

อาซื่อที่อยู่ที่นี่มองไปทางหยวนชิงหลิง แต่ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นเกิดวางเพลิงขึ้นมาจริง ต่อให้นางอยู่เคียงข้างคอยอารักขาก็เสี่ยงเกินไป ดังนั้นนางจึงตอบตกลงและออกไป

ทหารที่อารักขาในจวนอ๋องซุนก็เหลือไม่มากนัก ตอนนี้แต่ละนายออกไปช่วยดับเพลิง คนรับใช้คนอื่น ๆ ที่เหลืออยู่ในจวนต่างไม่รู้วรยุทธ์ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริง พระญาติผู้หญิงทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายได้

หัวใจของหยวนชิงหลิงเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ นางลุกขึ้นและรีบเดินไปหาอาซื่อ แล้วพูดกับนางว่า “เร็วเข้า รีบบอกให้คนปิดประตูเร็ว”

อาซื่อเห็นแววตาของนางที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล ก็รีบวิ่งออกไปปิดประตูทันที

พระชายาซุนก็รีบลุกขึ้นมาถามด้วยความกังวล “เกิดอะไรขึ้น?”

“มีคนจำนวนมากกำลังวิ่งมาหาเราที่นี่” หยวนชิงหลิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง หูนางไวมากเลยได้ยินเสียงฝีเท้าคนจำนวนมาก

องค์หญิงและพระญาติหญิงต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน “อะไรนะ?”

พระชายาซุนรีบเกลี้ยกล่อ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 627

    อาซื่อยืนอยู่หลังข้างจับตามองนางไว้ ไม่พูดอะไรทั้งนั้นฉู่หมิงชุ่ยยิ้มและกล่าวว่า “อาซื่อ เจ้ากลัวอะไร? กลัวข้าวางเพลิงขึ้นมาจริง ๆ รึ?”อาซื่อพูดอย่างเรียบเฉย “เจ้าวางไม่ได้หรอก”“เช่นนั้นเจ้าอยู่ตรงนี้ทำไมรึ?” ฉู่หมิงชุ่ยหันไปมองนาง และยิ้มออกมาอย่างสดใส แต่เมื่อเห็นอาซื่อมานางก็ยิ่งบ้าคลั่งขึ้นกว่าเดิมอาซื่อพูดกลับอย่างนิ่งเฉย “ชมวิว ทิวทัศน์ที่นี่ไม่เลวเลย”ตอนนี้ประตูจวนได้ปิดลงแล้ว ในจวนตอนนี้มีแค่ฉู่หมิงชุ่ยเท่านั้นที่นางต้องเฝ้าระวังไว้ฉู่หมิงชุ่ยมองต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาไปแล้วตรงหน้านาง “ใช่ ทุกอย่างเหี่ยวเฉาไปหมด ดียิ่งนัก”นางตบพื้นม้าหินด้านข้างนาง “นั่งลงเถอะ ยืนนาน ๆ จะเมื่อยเอานะ”อาซื่อยืนกอดอกไม่สนใจนางฉู่หมิงชุ่ยยิ้มแบบไม่คิดมากอะไร “อาซื่อ เจ้ารู้ไหมว่า คนเราเวลาสิ้นหวังทำอะไรได้บ้าง?”อาซื่อมองนางอย่างระแวดระวังฉู่หมิงชุ่ยถอนหายใจออกมาเบา ๆ ยกมือขึ้นลูกมวยผมที่จัดทรงมาอย่างดี “คิดไม่ถึงเลยว่าข้าจะเดินมาถึงจุดนี้ได้ ฝันก็ไม่เคยฝันถึงด้วยซ้ำ หนึ่งปีก่อนนั้น ข้ายังเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ผู้ทรงเกียรติ เดิมทีเคยคิดอยากจะแต่งไปเป็นพระชายาฉู่ แม้ว่าภายหลังจะเลือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 628

    ปฏิกิริยาแรกของอาซื่อคือยอมให้นางตายอยู่ที่นี่ไม่ได้ทันทีที่นางเอามีดสั้นจ่อคอ อาซื่อก็พุ่งตรงเข้าไปทันที “เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ อย่ามาทำให้บ้านคนอื่นต้องแปดเปื้อน...นะ!”มีดสั้นนั้นกลับหันปลายไปทางตรงข้ามทันที มีดสั้นนั้นแทงเข้าใส่อาซื่อที่วิ่งเข้ามา อาซื่อที่ตั้งใจจะไปแย่งมีดนั้นจึงถูกแทงเข้าอย่างแรง ทันทีที่โดนแทงนั้น นางก็หยุดอะไรไม่ได้แล้ว ฉู่หมิงชุ่ยก็ออกแรงแทงมีดไปที่ท้องของอาซื่อให้แรงกว่าเดิม หลังจากนั้นก็ถอยออกมานางถอยห่างออกไปห้าก้าวมองอาซื่อที่เลือดไหลอยู่ตรงนั้น อาซื่อเอามือกุมท้องที่มีเลือดสด ๆ พุ่งออกมาจากบาดแผล นางมองฉู่หมิงชุ่ยอย่างเคียดแค้น “เจ้า...”ฉู่หมิงชุ่ยฉีกยิ้มอย่างเลือดเย็น “คนเราเวลาสิ้นหวัง ถึงใกล้จะตายแล้ว แต่ก็ยังมีคนข้างหลังอยู่ คนที่รัก คนที่เกลียด คนพวกนี้ต้องตายไปกับเจ้าด้วย จะได้ไม่เหงา”นางหันออกไปทางประตูอย่างเด็ดเดี่ยว และเปิดประตูออกนางยิ้มอย่างอมหิต “เข้ามาได้”มีพวกที่แต่งตัวเหมือนกุลีคนใช้แรงงานเข้ามา ล้วนเหน็บอาวุธไว้ที่เอวและรีบวิ่งเข้ามาหยวนชิงหลิงที่นั่งรอให้ห้องโถง นางได้ยินเสียงฝีเท้าค่อย ๆ ห่างออกไป นางคิดในใจว่าตัวเองคงเข้าใจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 629

    หยวนชิงหลิงเดินไปตรงหน้าฉู่หมิงชุ่ย และพูดอย่างใจเย็น “เป้าหมายของเจ้าคือข้า จะทำอะไรให้มันยุ่งยากกัน? เจ้าอยากจะฆ่าข้าที่นี่ เช่นนั้น ข้าจะไปกับเจ้าเอง”นางคาดว่าฉู่หมิงชุ่ยยังไม่ฆ่านางทันที มิฉะนั้นมีโอกาสลงมือแล้วจะทำเรื่องให้มันวุ่นวายไปทำไม?ฉู่หมิงชุ่ยไม่มีทางให้นางตายง่าย ๆ แน่แววตาของฉู่หมิงชุ่ยเป็นประกายเล็กน้อย และยิ้มอย่างอบอุ่น “พระชายาฉู่ เจ้าพูดเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไรกัน? พวกเขาปล้น ฆ่า ลักทรัพย์ ข้าไม่ได้เป็นคนสั่งพวกเขาทำสักหน่อย แต่ว่าพระชายาฉู่พูดเช่นนั้น เป้าหมายของพวกเขาก็คือเจ้าล่ะก็ เช่นนั้นเจ้าก็ไปกับพวกเขา อย่าให้ผู้บริสุทธิ์คนอื่นต้องเดือดร้อน” “อย่ามาทำเฉไฉ ข้าบอกว่าจะไปกับพวกเจ้า!” หยวนชิงหลิงพูดอย่างเย็นชาฉู่หมิงชุ่ยเดินเข้ามากระซิบข้างหูนาง “พระชายาฉู่ เจ้าก็เป็นคนที่คุ้นเคยกับยาดี ก็น่าจะได้กลิ่นในกระถางธูปนั้น ข้าเป็นคนวางยาเอง ทางนั้นเจ้าก็แค่เดินไป ข้าก็จะมอบยาถอนพิษให้พวกนาง ถ้าไม่ทำตามล่ะก็ พวกนางก็ต้องลงโลงไปพร้อมกับเจ้าซะ”หยวนชิงหลิงโกรธจนไฟโทสะแทบลุกออกจาตา นางหันไปมองในห้องโถงเห็นควันธูปนั้นยังลอยออกมาจากกระถางธูป ในขณะนั้นพระชายาซุนท

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 630

    หยวนชิงหลิงรู้สึกโล่งใจขึ้นบ้าง นอกจากตัวเองโล่งใจแล้ว ก็ยังรู้สึกโล่งใจแทนคนอื่นด้วยถ้าเป็นเพราะนั่งอยู่ไกล และนางเคยกินยาคลายกังวลนั้น พิษนั่นก็คงไม่ได้ร้ายแรงนัก หมอหลวงคงจะแก้พิษได้แต่หยวนชิงหลิงก็ยังคงให้ความร่วมมือกับฉู่หมิงชุ่ยแต่โดยดี ฉู่หมิงชุ่ยที่เกือบเสียสติไร้เหตุผลแบบนี้ ยั่วยุนางไปก็ไร้ประโยชน์ฉู่หมิงชุ่ยเองคงไม่มีทางยอมให้นางตายสบายแน่ คิดจะหาที่ค่อย ๆ จัดการนาง ดังนั้นถึงได้ใช้ชีวิตคนอื่นเป็นเครื่องต่อรองเช่นนี้ไม่รู้ว่าเป้าหมายของนางคืออะไร ถึงยังไม่ได้ลงมือสักที นางไม่รู้ว่าองค์รักษ์เงามีวรยุทธ์สูงส่งแค่ไหน ดังนั้นจึงไม่เสี่ยงชีวิตตัวเอง และจะดูด้วยว่านางคิดจะทำอะไรกันแน่เมื่อรถม้ามาถึงท่าเรือ ฉู่หมิงชุ่ยได้ลงมาก่อน และได้ยื่นมือไปหาหยวนชิงหลิงหยวนชิงหลิงจับมือนางแล้วลงมา มีกุลีสองคนเข้ามาจับประกบตัวนางซ้ายขวาที่ท่าเรือมีเรือบรรทุกสินค้าจอดเทียบท่า มีชาวบาอัลวิ่งเข้าไปขนกระสอบ และมีหนึ่งคนชนหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงยื่นมือไปคว้าอย่างไม่ตั้งใจ แต่กุลีคนนั้นก็ผลักออก และตะโกนด่าไป “ตาเจ้ามันตาสุนัขเรอะ อีกนิดเดียวเมียข้าจะล้มแล้ว”ชาวบาอัลคนนั้นรีบขอโทษ แ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 631

    หยวนชิงหลิงยิ้มเย้ยหยันกับสิ่งที่นางพูดออกมา “คนในจวนอ๋องซุนได้ตายด้วยน้ำมือของเจ้าตั้งหลายคนขนาดนี้แล้ว นี่ไม่เป็นการฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจหรอกหรือ?"ฉู่หมิงชุ่ยหัวเราะเหยียดหยาม “มันก็แค่พวกมดปลวกไร้ค่า เจ้าห่วงตัวเองเถอะ”หยวนชิงหลิงมองนาง “เจ้าจะฆ่าข้าอย่างไร?”ฉู่หมิงชุ่ยมองตรงมาที่นาง และยิ้มอย่างมีเลศนัย "อย่ากังวลไปนักเลย ท้องเรือลำนี้แตกแล้ว น้ำจะค่อย ๆ ทะลักเข้ามา เมื่อถึงตอนที่มันจมลงไป ข้ากับเจ้าก็จะตายไปด้วยกัน อาจจะต้องใช้เวลาเล็กน้อย เจ้าก็ค่อย ๆ หวาดกลัวอยู่เช่นนั้นไปอย่างช้า ๆ ถ้าหากตายที่นี่ คงหาศพไม่เจอ และเป็นผีพรายน้ำอยู่ที่นี่ตลอดไป"หยวนชิงหลิงรีบไปหารอยรั่วทันที เมื่อลงไปเจอรอยรั่วที่ท้องเรือขนาดเท่ากำปั้นคน และน้ำกำลังค่อย ๆ ไหลทะลักเข้ามานางลองคำนวนดูแล้วน่าจะใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงเรือถึงจะจมกุลีพวกนั้นคงไม่ยอมตายที่นี่แน่ พวกเขาต้องเตรียมเรือชูชีพไว้ นางจึงลองเดินหาไปจนถึงท้ายเรือ และก็ได้เจอเรือท้องแบนลำหนึ่งพวกเขาคงรอให้เรืออยู่ห่างจากท่าเรือออกไปก่อน แล้วค่อยหนีไป และทิ้งพวกนางไว้ที่นี่นางว่ายน้ำไม่เป็น ถ้าหากนางจะหนี นางก็ต้องลงเรือลำนี้แ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 632

    หยวนชิงหลิงดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของนาง แค่นี้ก็พอยืนยันสิ่งที่นางคาดเดาได้แล้วฉู่หมิงชุ่ยกลัวตาย มิฉะนั้นเมื่อตอนที่นางอยู่ที่จวนอ๋องซุน นางคงจะไม่แสร้งทำเป็นถูกจับเป็นตัวประกันหรอกคน ๆ นี้เสแสร้งตอแหลมาทั้งชีวิต มาถึงขั้นนี้แล้ว นางก็ยังไม่ยอมถอดหน้ากากเพื่อยอมรับความจริง และเผชิญหน้ากับตัวเองว่าเป็นคนเช่นไรไม่ได้ฉู่หมิงชุ่ยมองตาขวางใส่นาง "แล้วอย่างไร? ข้าตายหรือไม่ เจ้าก็ไม่เห็นเหมือนกัน"หยวนชิงหลิงฉีกยิ้มชั่วร้าย และขยับเข้าไปใกล้นาง "เช่นนั้นแล้ว ข้าจะบอกว่าเจ้าต้องตายก่อนข้า ข้าจะได้สบายใจได้"“น่าเสียดาย เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก” ฉู่หมิงชุ่ยเอ่ยอย่างเย็นชา“นั่นก็ไม่แน่สักหน่อย..." หยวนชิงหลิงยังไม่ทันจะพูดจบ นางก็หยิบมีดผ่าตัดออกมาปาดเข้าที่ข้อมือของฉู่หมิงชุ่ยนางเข้าใกล้ฉู่หมิงชุ่ย และนางก็ลงมือได้แม่นยำมาก มีดเล่มนั้นกรีดตัดตรงเส้นเลือดแดงที่ข้อมือของนาง เลือดสด ๆ ก็พุ่งทะลักออกมาฉู่หมิงชุ่ยไม่คิดจะตายอยู่แล้ว นางจึงต้องกลับไปที่ฝั่งเพื่อขอความช่วยเหลือ ดังนั้นนางจึงต้องบีบบังคับให้พวกเขาเอาเรือชูชีพลงมาก่อนเวลาฉู่หมิงชุ่ยทั้งโกรธและตกใจมาก นางจับข้อมือของน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 633

    สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำงานหนักคือได้เงินมาต่างหาก หากฉู่หมิงชุ่ยตายไป การทำงานหนักของพวกเขาก็จะสูญเปล่าฉู่หมิงชุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด "พวกเจ้าฆ่าเลย อย่าพูดถึงเรื่องอื่น เครื่องประดับบนตัวนางกับข้าที่ใส่อยู่ก็มีราคาเกินหนึ่งพันตำลึงแล้ว บนตัวนางยังมีสร้อยไข่มุกอยู่เส้นราคาหนึ่งหมื่นตำลึง เจ้าไม่เชื่อก็ไปหาดู"ในแววตาของกุลี ปรากฏแสงแห่งความโลภขึ้นมาทันทีหมื่นตำลึง จบงานครั้งนี้พวกเขาพี่น้องก็รามือได้ไม่ต้องทำงานแล้ว และพวกเขาไม่ต้องทำงานถือดาบเปื้อนเลือดอีกต่อไปแล้วแววตาของหยวนชิงหลิงเย็นมืดลง นางกระชากผมของฉู่หมิงชุ่ยและจิกหัวของนาง หยวนชิงหลิงบีบหน้านางให้อยู่นิ่ง ๆ และเอาปลายปิ่นกรีดลงบนหน้านางสองสามรอย และยังแทงใส่หน้านางอีกสองรูฉู่หมิงชุ่ยร้องไห้โหยหวนด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าของนางเละเต็มไปด้วยเลือด หยวนชิงหลิงลากนางไปเพื่อสร้างช่องว่างให้หมานเอ๋อร์วรยุทธ์ของหมานเอ๋อร์สู้คนเหล่านี้ไม่ได้ก็จริง แต่นางมีพละกำลังอย่างเต็มเปี่ยมแต่พละกำลังนี้มันทำให้นางเจ็บตัวอยู่เสมอ คนเหล่านั้นโลภอยากได้สร้อยไข่มุกของที่หยวนชิงหลิงสวมอยู่ พวกเขาก็ได้บ้าคลั่งเสียสติไปแล้ว พวกเขาแค่อย

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 634

    หยวนชิงหลิงกัดฟันแน่น ทนความเจ็บปวดอยู่ครู่หนึ่ง และไปพันแผลให้หมานเอ๋อร์ ตอนนี้รอช้าไม่ได้แล้ว น้ำได้เริ่มท่วมเข้ามาแล้ว เรือลำนี้กำลังจะจมหมานเอ๋อร์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบจะหมดสติแล้ว แต่ความเจ็บปวดทำให้นางฟื้นคืนสติขึ้นมา เมื่อเห็นน้ำเริ่มท่วมทะลักเข้ามาแล้ว นางจับมือของหยวนชิงหลิง และพูดอย่างยากลำบาก "พระชายา ท่านกอดท่อนซุงนี้แล้วโดดลงไป อดทนรอจนกว่าเรือลำอื่นจะมาช่วยท่านนะเพคะ"หยวนชิงหลิงพยายามช่วยพยุงนางลุกขึ้น และพูดขึ้นอย่างร้อนรน "หมานเอ๋อร์ เจ้ายังพอมีเรี่ยวแรงเหลืออยู่ไหม? มีเรือชูชีพอยู่ที่นี่ เอาแพชูชีพลงน้ำ พวกเราจะได้หนีออกไปจากที่นี่ได้"แววตาของหมานเอ๋อร์มีประกายแสงแห่งการมีชีวิตรอด นางพยายามฝืนจะลุกยืนขึ้น แต่นางลุกขึ้นไม่ไหว ลองพยายามอยู่หลายครั้ง แต่ก็ล้มลงกับพื้นอย่างแรง หนำซ้ำยังทำให้อาการบาดเจ็บรุนแรงขึ้นอีกหยวนชิงหลิงรู้ว่านางถึงขีดจำกัดแล้ว และคงช่วยนางปล่อยแพชูชีพลงน้ำไม่ได้แล้วนางกัดฟันลุกขึ้นยืน ถือมืดสั้นเดินไปอย่างลำบาก น้ำท่วมมาถึงข้อเท้าของนางแล้ว นางค่อย ๆ เดินเท้าเปล่าไปอย่างโงนเงนไม่มั่นคง คลื่นซัดเข้าหานาง ถึงคลื่นไม่สูงเท่าไหร่ แค่ระด

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status