อ๋องฉีโกรธจนแทบระเบิดออกมา "น้ำเสียงของเจ้าราวกับกำลังเกลี้ยกล่อมเด็กอย่างไรอย่างนั้น? อีกทั้งยังจะแนะนำพระชายาเอกให้ข้าอีก งานแต่งของข้าต้องให้เสด็จแม่เป็นคนตัดสินใจ"หยวนหย่งอี้หัวเราะ แววตาสว่างสดใส ไรฟันขาวสะอาดรวมถึงลักยิ้มน่ารักมีเสน่ห์ "ท่านย่าบอกว่าผู้ชายทุกคนก็เหมือนเด็กเกลี้ยกล่อมก็พอแล้ว ส่วนเสด็จแม่ของท่าน…"อ๋องฉีโกรธจนไม่รู้จะว่าอย่างไรดี "นั่นก็เป็นเสด็จแม่ของเจ้าด้วย!"หยวนหย่งอี้ราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา จึงลูบจมูกอย่างเบื่อหน่าย "ข้าไม่ใช่พระชายาเอก ไม่สามารถเรียกเสด็จแม่ได้"อ๋องฉีหรี่ตาลง "เจ้าอยากให้ข้าหย่ามาตลอด ตอนนี้ยังกล่าวเช่นนี้อีก มิใช่ว่าเจ้าอยากเป็นพระชายาเอกหรอกหรือ?"หยวนหย่งอี้เอ่ยถาม "เป็นพระชายาเอกนี่มีอะไรดี?""มีข้อดีมากมายนัก" อ๋องฉีคิดอยู่ครู่หนึ่ง "อย่างน้อยเจ้ากับข้าก็เป็นคู่สามีภรรยาที่ถูกธรรมนองคลองธรรม ชอบธรรมด้วยเหตุผล""สามีภรรยาที่ถูกธรรมนองคลองธรรม ชอบด้วยเหตุผลมีอะไรดี?" หยวนหย่งอี้ถามอีกครั้งอ๋องฉีมองนาง "อยู่ในจวนเจ้าอยากได้ลมก็ได้ลม อยากฝนก็จะได้ฝน บ่าวไพร่ทุกคนล้วนเชื่อฟังเจ้า" หยวนหย่งอี้ถามกลับ "ตอนนี
อ๋องฉีมองนางอย่างเหม่อลอย ราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากนางได้ปกติแล้วนางเป็นคนมุทะลุและหยาบกระด้างขนาดนั้น จะมาเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ได้อย่างไร?เห็นได้ชัดว่าตระกูลหยวนอบรมมาเป็นอย่างดีแววตาของเขาไม่อาจเก็บซ่อนความเหงาโดดเดี่ยวนี่ได้อีก "ที่จริงข้าเข้าวังไปพบเสด็จแม่ เสด็จแม่ตำหนิข้าอย่างหนัก ตรัสว่าชุ่ยเอ๋อร์...ฉู่หมิงชุ่ยคิดเพื่ออนาคตของข้า นางเชื่อว่าสิ่งที่ฉู่หมิงชุ่ยทำทั้งหมดก็เพื่อวางแผนให้ข้ากลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต และข้าไม่ควรโกรธและพาลใส่นางเหมือนเด็ก ๆ ทำให้นางที่รักและห่วงใยข้าอย่างแท้จริงต้องเสียใจอีก ทั้งยังทำให้นางที่มีบุญคุณช่วยเหลือสนับสนุนต้องผิดหวัง"ตอนที่เขาเงยหน้ามองนางแววตาก็เปล่งประกายขึ้น "ที่จริงวันนี้ข้าไม่อยากกลับไปเผชิญหน้ากับนางมาตลอด หลังจากออกจากวัง ข้าก็สงสัยตัวเองมาตลอดว่าสุดท้ายแล้วข้าเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ หรือเพียงแค่รู้จักประมาณตน? นางคิดเพื่อข้าจริง ๆ หรือเพียงแค่ต้องการบรรลุความปรารถนาของตัวนางเองกันแน่? เจ้าให้คำตอบแก่ข้า ข้าจะกลับไปคุยนาง เจ้าหน้ากลม ขอบใจเจ้ามาก!"ตอนที่หยวนหย่งอี้ฟังเขาพูดก็จะยิ้มด้วยความเอ็นดูอยู่ตลอด
ถังหยางที่ได้ยินเช่นนั้น ถึงกับตกใจจนตาแทบถลนออกมาจากเบ้าอาซื่อเดินเข้าไปนั่งลง และเอ่ยถามว่า “อะไรมีชีวิตหรือเพคะ?”“ลูกของข้า!” อวี่เหวินห่าวพูดอวดเหมือนคนบ้าเห่ออาซื่อตกใจแล้วตกใจอีก และหันไปมองถังหยางอย่างไม่ทันรู้ตัว ถังหยางชี้ไปที่หัวของเขาราวกับจะบอกอาซื่อว่า ท่านอ๋องเป็นบ้าไปแล้วหยวนชิงหลิงโกรธจนหลุดขำออกมา “เอาเถอะ ๆ เตรียมตัวกินข้าวกัน”“พี่ใหญ่ของหม่อมฉันล่ะ เพคะ?” อาซื่อเอ่ยถาม“กลับไปแล้ว” หยวนชิงหลิงตอบนางอาซื่อกล่าวอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีว่า “อ๋องฉีเลอะเลือนเสียจริง เขาพูดว่าพี่ใหญ่กับซูยี่เป็นชู้กัน และยังมาพาลโกรธพี่ใหญ่ ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่จะอดทนไม่ตีท่านน๋องได้ไหม”อวี่เหวินห่าวที่อารมณ์ดีมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็เหลือบตามองอาซือ “นังหนูซื่อบื้อนี่ พูดซะเจ้าเจ็ดเหมือนจะอ่อนแอเหลือเกิน เจ้าเจ็ดเองก็เคยฝึกวรยุทธ์มาก่อนเช่นกัน”“ไม่จริงกระมั้ง?" อาซื่อตกใจ "ทำไมท่าทางของเขาอ่อนแอนุ่มนิ่มกว่าไก่เสียอีก?”อวี่เหวินห่าวยักไหล่ “ไม่อ่อนแอสักหน่อย อย่างน้อยก็ใช้มือบีบไข่ไก่ฟองหนึ่งให้แตกได้”“ข้าบีบก้อนหินแตกได้” อาซื่อพูดอย่างอวดโอ้ อวี่เหวินห่าวหัวเราะขึ้นมาหยว
หัวใจของฉู่หมิงชุ่ยถึงกับเต้นโครมครามด้วยความหวาดกลัว ความตื่นตระหนกที่เอ่อล้นมาจากก้นบึ้งจากขั้วหัวใจ ราวกับสมองได้ว่างเปล่าไปแล้วหย่าไม่ได้! หย่าไม่ได้! หย่าไม่ได้โดยเด็ดขาด!นางตะโกนกรีดร้องอยู่ในใจ แม้ว่าตอนนี้สภาพนางจะน่าอดสูมากขนาดไหน แต่ถ้าตอนนี้นางหย่ากลับบ้านตัวเองล่ะก็ ทั้งชีวิตนางได้จบสิ้นเป็นแน่แต่ทว่า เมื่อได้เงยหน้ามองไปยังผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง นางเองก็ไม่อยากก้มหัวยอมแบบนี้เหมือนกัน ไม่อยากง้อ และยิ่งไม่อยากพูดว่าไม่อยากหย่าด้วยความคิดมากมายไหลวนอยู่ในสมอง นางพยายามข่มใจอดทนที่จะไม่ลงมือทุบตีคนตรงหน้า นางหลุบตาลง “ข้าก็ไม่อยากไปแล้ว พรุ่งนี้ท่านไปเถอะ ข้าจะอยู่ในจวนรอข่าวจากท่าน”อ๋องฉีพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี พรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปก่อน ได้ความว่าอย่างไรจะกลับมาบอกเจ้า”พูดจบ อ๋องฉีก็ลุกเดินออกไปฉู่หมิงชุ่ยกำหมัดแน่น ในใจเกลียดแค้นราวกับถูกอสรพิษกัดเข้าให้ทำไมกัน ทำไมนางถึงได้ล้มเหลวเช่นนี้? แม้กระทั้งผู้ชายไร้ประโยชน์เช่นนี้ยังทอดทิ้งนางได้?อันที่จริงนางเคยคิดจะหย่า แต่ทว่านางไปหาอวี่เหวินห่าว แล้วก็คว่ำน้ำเหลวมา ตอนนี้นางถึงได้ล้มเลิกความคิดนี้ไปแล้วแม
แต่ทว่านางก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพียงค่อย ๆ หลับตาลงอย่างช้า ๆ และร้องสะอื้นจนทั้งร่างสั่นเทาไปหมดอ๋องฉีโบกมือบอกให้หมอหลวงเฉา และหยวนหยงอี้ออกไปก่อนหยวนหยงอี้เองก็เข้าใจ จึงหันออกไปเรียกให้หมอหลวงเฉาออกไปด้วย หมอหลวงเฉาวางผงยาลง และออกคำสั่งให้แก่นางกำนัล “นี่เป็นยาห้ามเลือด ใช้โรยแผลเล็กน้อย และพันผ้าพันแผลเอาไว้ ไม่เกินสองวันแผลก็จะสมานตัวดี”นางกำนัลค่อมตัวลงยื่นมือไปรับผงยานั้น และกล่าวขอบคุณอ๋องฉีให้คนทั้งหมดออกไป แล้วเข้าไปนั่งลงข้างฉู่หมิงชุ่ย และเอ่ยถามว่า “ทำไมกัน ? ”ฉู่หมิงชุ่ยหันออกไป มีเพียงน้ำตาหยดหนึ่งที่ไหลออกมา และไม่กล่าวอะไรสักคำอ๋องฉีที่เห็นนางเป็นเช่นนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจยิ่งนักแต่ความสับสนที่อยู่ในหัวเขาเกิดพลันกระจ่างชัดขึ้นมาอันที่จริงคำพูดเหล่านั้นของหยวนหยงอี้ได้ทำให้เขาได้สติอย่างแจ่มชัดเพราะถ้าหากว่าชุ่ยเอ๋อร์สนใจความรู้สึกเขาจริง คงไม่มีทางบีบบังคับให้เขาทำเรื่องที่ไม่อยากทำ เขาเป็นถึงท่านอ๋องไม่ได้อดอยากยากแค้น ใยเขาต้องไปแก่งแย่งชิงดี เท่าที่เป็นอยู่แค่นี้ก็สามารถให้นางอยู่สุขสบายได้ไปทั้งชีวิตอยู่แล้วไม่มีคนกล้าเป็นศัตรูกับเขา ไม่มีค
อ๋องฉีก้มลงไปมองปิ่นที่ปักอยู่ที่ท้องตัวเอง ปิ่นเล่มนี้เป็นปิ่นที่เขามอบให้นางในวันที่สาม หลังวันแต่งงานหัวปิ่นเป็นลายหยกหรูอี้ มีสลักอักษรมงคลสี่คำว่าว่า รักจนแก่เฒ่าเขาก้มหัวมองเห็นอักษรสี่ตัวนั้นที่สลักอยู่อย่างเด่นชัดยิ่งสีหน้าเขาไม่ได้มีร่องรอยความรู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด เสียงร้องตกใจสักแอะก็ไม่มี ทันทีที่เขาดึงปิ่นเล่มนั้นออก เลือดก็พุ่งกระฉูดออกมาเป็นสาย ใบหน้าของเขาซีดเผือด เขาใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดออกจากปิ่นเล่มนั้น แล้ววางมันลงต่อหน้านาง และเหยียดยิ้มออกมาอย่างเย็นเยือก “รักษาตัวด้วย!”เขาลุกขึ้นมาเดินโซเซออกไปที่ประตูฉู่หมิงชุ่ยมองภาพตรงหน้าด้วยความสิ้นหวัง นัยน์ตาแห้งผากไม่มีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว ทั้งร่างสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมได้“อวี่เหวินชิง เจ้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่” นางพูดอาฆาตอย่างเยือกเย็น“ไม่มีทาง” เขาไม่หันหลังกลับไป และเปิดประตูออกโดยมีหยดเลือดไหลหยดลงไปกับพื้น “วันนี้คือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตของข้า”หยวนหยงอี้และหมอหลวงเฉาแม้ว่าจะออกไปข้างนอก แต่ไม่ได้ออกไปไหนไกลนางพึ่งได้เห็นถึงความมุ่งมั่นในสายตาของอ๋องฉีสำหรับการฆ่าตัวตายของ
ฮองเฮาไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดี นางมองจักรพรรดิหมิงหยวนอย่างกระสับกระส่าย เมื่อพบว่าสีหน้าของฝ่าบาทปรากฏความมืดมนขึ้น จึงรีบขยิบตาส่งสัญญาณให้ฮูหยินอาวุโสสูงสุดช่วยนางพูดอะไรสักอย่าง เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้นฮูหยินอาวุโสสูงสุดกล่าวอย่างเย็นชา และแข็งกร้าวยิ่ง “ฝ่าบาท ฮองเฮา เพคะ ในฐานะที่อ๋องฉีเป็นลูกหลานราชวงศ์ การที่ลุ่มหลงในอนุและละเลยชายาเอกนั้น แม้ว่าชุ่ยเอ๋อร์จะหุนหันพลันแล่น กระทำผิดไปจริง แต่ก็มิได้ผิดไปทั้งหมด เพียงเพราะชายารองคนเดียว อ๋องฉีถึงขั้นดึงดันที่จะหย่าร้าง หากข่าวลือนี่แพร่ออกไปคงเป็นที่น่าขบขันเป็นแน่ ทำให้ราชวงศ์และตระกูลฉู่เสียชื่อเสียงอย่างยิ่ง ฝ่าบาททรงออกรับสั่งลงไป เมื่ออ๋องฉีพักฟื้นหายดีแล้ว ให้มาหารือหน้าท้องพระโรง และรับสั่งไม่ให้มีการหย่าร้างเกิดขึ้น”คำพูดฮูหยินอาวุโสสูงสุดไม่ใช่การขอร้อง กลับกัน มันคือการออกคำสั่งเสียด้วยซ้ำอีกทั้งนางยังเอาหน้าตาของราชวงศ์มาผูกรวมกับตระกูลฉู่ด้วยกันเช่นนี้ ฮองเฮาถึงกับหน้าเจื่อนไปในทันที และรีบเหลือบมองดูจักรพรรดิหมิงหยวนด้วยความหวาดกลัวเมื่อครู่สีหน้าของจักรพรรดิหมิงหยวนไม่น่ามองยิ่งนัก เมื่อได้ยินคำพูดของฮูหยินอาวุโส
เมื่อเห็นว่าฉู่หมิงชุ่ยยังคงร้องไห้อยู่อย่างนั้น นางจึงตำหนิฉู่หมิงชุ่ย “ร้อง ร้อง ร้องอยู่ได้ เจ้ากล้าลงมือฆ่าสามี ยังจะร้องทำไมอีก?”ฮูหยินเฒ่าตะคอกเสียงดังฮองเฮาพูดอย่างเย็นชา “ท่านย่า ข้าว่าเรื่องนี้แม้แต่ฝ่าบาทก็ไม่สนใจ ข้าว่าท่านก็อย่าได้สนใจเรื่องนี้ไปเลย”ในชีวิตฮูหยินเฒ่าเคยถูกคนใช้น้ำเสียงเช่นนี้มาก่อนหรือ? นางจึงลุกขึ้นมาตะคอกใส่ทันที “ดี เรื่องนี้เจ้าเป็นฮองเฮาไม่สนใจ งั้นข้าเรียกให้พ่อเจ้าจัดการก็ได้ ชุ่ยเอ๋อร์ พวกเราไปกันเถอะ”ฉู่หมิงชุ่ยที่ร้องไห้มาตลอด แต่นางกลับเข้าใจอย่างแจ่มชัดเข้าวังครั้งนี้ หากตัวเองหาวิธีแก้ต่างไม่ได้ คงไม่อาจรอดพ้นเป็นแน่ดังนั้นเมื่อได้ยินฮูหยินเฒ่าพูดเช่นนี้ นางจึงคุกเข่าและร้องไห้ออกมา “ย่าทวด ท่านป้า ที่จริงเรื่องนี้ข้าทำผิดไปแล้ว จะอย่างไรเสีย ข้าก็ไม่ควรลงมือทำร้ายเขา”นางคลานเข่าเข้าไปจับชายกระโปรงฮองเฮา และพูดทั้งน้ำตา “ท่านป้า หลานไม่อาจปล่อยความสัมพันธ์สามีภรรยาของหลานเป็นเช่นนี้ ขอร้องท่านช่วยเกลี้ยกล่อมเขา ให้เรื่องนี้มันผ่านไปด้วยดีได้หรือไม่? วันหลังข้าจะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก ถ้าเขาอยากจะหลงใหลชายารองหยวน ก็หลงไปเถิด ห